ตัวอย่างที่ดีและตัวอย่างเตือนใจ
ตัวอย่างที่ดีและตัวอย่างเตือนใจ
“พระเจ้าแห่งยาโคบ . . . จะได้ทรงสอนเราให้รู้จักวิถีทางของพระองค์, และเราจะได้เดินไปตามทางของพระองค์นั้น.”—ยซา. 2:3
1, 2. ตัวอย่างในคัมภีร์ไบเบิลให้ประโยชน์แก่คุณในทางใดบ้าง?
คุณเห็นด้วยมิใช่หรือว่าสิ่งที่เขียนไว้ในคัมภีร์ไบเบิลเป็นประโยชน์สำหรับคุณ? ในพระคัมภีร์ คุณเห็นตัวอย่างของชายหญิงผู้ซื่อสัตย์หลายคนซึ่งมีวิถีชีวิตและคุณลักษณะที่คุณอยากจะเลียนแบบ. (ฮีบรู 11:32-34) อย่างไรก็ตาม คุณคงสังเกตเห็นตัวอย่างเตือนใจของบางคนด้วยที่คุณไม่ควรเอาอย่างการกระทำหรือทัศนะของพวกเขา.
2 ที่จริง มีบางคนที่คัมภีร์ไบเบิลกล่าวถึงซึ่งเป็นตัวอย่างเด่นทั้งที่ควรเลียนแบบและที่ไม่ควรเอาอย่าง. ขอให้คิดถึงดาวิด ซึ่งเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ถ่อมใจและต่อมาได้กลายเป็นกษัตริย์ผู้ทรงอำนาจ. ท่านวางตัวอย่างที่ดีในเรื่องการรักความจริงและการไว้วางใจพระยะโฮวา. ถึงกระนั้น ดาวิดทำผิดร้ายแรงบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับนางบัธเซบะ อูรียาห์ และการนับจำนวนประชากรอย่างที่ไม่ควรทำ. แต่ขอให้เรามุ่งความสนใจไปที่โซโลมอนราชบุตรของท่าน ซึ่งเป็นกษัตริย์และเป็นผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิลด้วย. ก่อนอื่นเราจะพิจารณาสองแง่มุมที่ท่านเป็นตัวอย่างที่ดี.
“พระปัญญาของโซโลมอน”
3. เหตุใดเราจึงกล่าวได้ว่าโซโลมอนเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับเรา?
3 พระเยซูคริสต์ ผู้ยิ่งใหญ่กว่าโซโลมอน ตรัสถึงกษัตริย์โซโลมอนในทางที่ดี ซึ่งแสดงว่าท่านเป็นตัวอย่างที่ดีที่เราควรเลียนแบบ. พระเยซูทรงบอกชาวยิวบางคนที่สงสัยในตัวพระองค์ว่า “ราชินีแห่งทิศใต้จะถูกปลุกให้เป็นขึ้นมาในวันพิพากษาพร้อมกับคนในยุคนี้และจะกล่าวโทษเขา เพราะพระนางได้มาจากที่สุดปลายแผ่นดินโลกเพื่อฟังพระปัญญาของโซโลมอน แต่ผู้ที่ใหญ่กว่าโซโลมอนอยู่นี่.” (มัด. 12:42) ใช่แล้ว โซโลมอนมีชื่อเสียงในเรื่องสติปัญญา และท่านกระตุ้นเราให้เป็นคนมีปัญญาด้วย.
4, 5. โซโลมอนได้รับสติปัญญาโดยวิธีใด แต่เราต้องทำอย่างไรเพื่อจะเป็นคนมีปัญญา?
4 ในช่วงต้นรัชกาลของโซโลมอน พระเจ้าทรงปรากฏแก่ท่านในความฝันและเชิญให้ท่านทูลขอสิ่งใดก็ตามที่ท่านปรารถนา. เพราะสำนึกว่าท่านมีประสบการณ์น้อย โซโลมอนจึงทูลขอสติปัญญาจากพระเจ้า. (อ่าน 1 กษัตริย์ 3:5-9) ด้วยความพอพระทัยที่กษัตริย์ผู้นี้ทูลขอสติปัญญาแทนที่จะขอความมั่งคั่งและเกียรติยศ พระเจ้าจึงประทานให้โซโลมอนมี “ใจประกอบด้วยสติปัญญา” รวมทั้งความมั่งคั่งด้วย. (1 กษัต. 3:10-14) ดังที่พระเยซูตรัสไว้ สติปัญญาของโซโลมอนนั้นโดดเด่นถึงขนาดที่ราชินีแห่งชีบาได้ยินคำล่ำลือและเดินทางไกลเพื่อจะเห็นด้วยตาตัวเอง.—1 กษัต. 10:1, 4-9
5 เราเองไม่คาดหมายว่าจะได้รับสติปัญญาอย่างอัศจรรย์. โซโลมอนกล่าวว่า “พระยะโฮวาพระราชทานปัญญา” แต่ท่านเขียนไว้ว่าเราควรพยายามเพื่อจะมีสติปัญญาโดยบอกว่า “[จง] ตะแคงหูของเจ้าลงฟังพระปัญญา, และน้อมใจของเจ้าลงเพื่อความเข้าใจ.” นอกจากนั้น ท่านยังใช้คำที่คล้าย ๆ กัน เช่น “ร้องหา” “เสาะหา” “ขุดค้นหา” สติปัญญาเพื่อแสดงว่าเราต้องพยายามเพื่อจะมีสติปัญญา. (สุภา. 2:1-6) เห็นได้ชัดว่า เรามีสติปัญญาได้.
6. เราจะเลียนแบบตัวอย่างที่ดีของโซโลมอนได้อย่างไร?
6 นับว่าดีที่จะถามว่า ‘ฉันสนใจตัวอย่างของโซโลมอนที่เห็นค่าสติปัญญาของพระเจ้าไหม?’ ความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจได้กระตุ้นให้หลายคนหมกมุ่นกับการทำงานและการหาเงินหรือมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของพวกเขาว่าจะสุภา. 2:9
ศึกษาด้านใดและศึกษาสูงเพียงใด. คุณกับครอบครัวเป็นเช่นไร? สิ่งที่คุณเลือกแสดงว่าคุณเห็นค่าและกำลังแสวงหาสติปัญญาของพระเจ้าไหม? การปรับเปลี่ยนเป้าหมายหรือสิ่งที่คุณให้ความสำคัญจะทำให้คุณมีสติปัญญามากขึ้นไหม? ที่จริง สติปัญญาที่เราได้รับจะเป็นประโยชน์แก่เราตลอดไป. โซโลมอนเขียนไว้ว่า “ขณะนั้นแหละเจ้าจะเข้าใจความชอบธรรมความยุติธรรม, และสิทธิธรรม, เออ, ทุก ๆ วิถีทาง.”—การเชิดชูการนมัสการแท้ทำให้มีสันติสุข
7. พระวิหารอันสง่างามถูกสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระเจ้าโดยวิธีใด?
7 ในช่วงต้นรัชกาล โซโลมอนดำเนินการสร้างพระวิหารอันสง่างามเพื่อมาแทนที่พลับพลาซึ่งใช้มาตั้งแต่สมัยของโมเซ. (1 กษัต. 6:1) เราอาจเรียกพระวิหารนี้ว่าพระวิหารของโซโลมอน แต่ความคิดในเรื่องการสร้างไม่ได้มาจากท่าน และท่านก็ไม่ต้องการสร้างชื่อเสียงสำหรับตัวเองในฐานะสถาปนิกหรือผู้ให้การสนับสนุนด้านการเงิน. จริง ๆ แล้ว ดาวิดเป็นผู้เสนอที่จะสร้างพระวิหารขึ้น และหลังจากนั้นพระเจ้าได้ประทานแบบแปลนอย่างละเอียดที่จะใช้ในการสร้างและการตกแต่งพระวิหารแก่ดาวิด. และดาวิดได้บริจาคเงินและวัสดุที่ใช้ในการสร้างจำนวนมากเพื่อสนับสนุนโครงการนี้. (2 ซามู. 7:2, 12, 13; 1 โคร. 22:14-16) ถึงกระนั้น โซโลมอนเป็นผู้รับผิดชอบในการสร้างพระวิหารนี้ให้สำเร็จซึ่งใช้เวลาเจ็ดปีครึ่ง.—1 กษัต. 6:37, 38; 7:51
8, 9. (ก) โซโลมอนเป็นตัวอย่างที่ดีเช่นไรในเรื่องการพากเพียรทำการงานที่ดี? (ข) ผลเป็นเช่นไรเมื่อโซโลมอนให้การนมัสการแท้สำคัญเป็นอันดับแรก?
8 โซโลมอนได้วางตัวอย่างที่ดีสำหรับเราในเรื่องการพากเพียรทำการงานที่ดี และให้ความสำคัญกับงานนี้เป็นอันดับแรก. เมื่อพระวิหารแล้วเสร็จและมีการเชิญหีบสัญญามาไว้ในพระวิหารนี้ โซโลมอนอธิษฐานต่อหน้าประชาชนที่มาชุมนุมกัน. ส่วนหนึ่งของคำอธิษฐานถึงพระยะโฮวา ท่านกล่าวว่า “[ขอให้] คลองพระเนตรของพระองค์จะทรงเปิดอยู่เสมอดูโบสถ์นี้ทั้งกลางวันและกลางคืน, คือดูสถานที่ซึ่งพระองค์ได้ทรงตรัสแล้วว่า, นามของเราจะอยู่ที่นั้น. เพื่อพระองค์จะได้สดับฟังคำอธิษฐาน, ซึ่งผู้ทาสของพระองค์จะขอในที่นี้.” (1 กษัต. 8:6, 29) ชาวอิสราเอลและชาวต่างชาติสามารถอธิษฐานโดยหันหน้าไปยังพระวิหารนี้ซึ่งมีการร้องออกพระนามของพระเจ้าที่นั่น.—1 กษัต. 8:30, 41-43, 60
9 การที่โซโลมอนให้การนมัสการแท้สำคัญเป็นอันดับแรกก่อให้เกิดผลเช่นไร? หลังจากการอุทิศพระวิหาร 1 กษัต. 8:65, 66) ที่จริง ในช่วง 40 ปีที่โซโลมอนครองราชย์ มีสันติสุขและความเจริญรุ่งเรืองอย่างน่าทึ่ง. (อ่าน 1 กษัตริย์ 4:20, 21, 25) คำพรรณนาในเพลงสรรเสริญบท 72 ทำให้เราเห็นข้อเท็จจริงดังกล่าวและทำให้เราเข้าใจว่าเราจะได้รับพระพรเช่นไรเมื่อพระเยซูคริสต์ ผู้ยิ่งใหญ่กว่าโซโลมอน ทรงปกครอง.—เพลง. 72, 6-8, 16
ประชาชนก็มี “ใจรื่นเริงยินดีเพราะความเมตตากรุณาทั้งสิ้น ซึ่งพระยะโฮวาได้ทรงกระทำแก่ดาวิดผู้ทาสของพระองค์, และแก่พวกยิศราเอลพลไพร่ของพระองค์.” (ตัวอย่างเตือนใจ
10. คุณอาจคิดถึงอะไรในทันทีเมื่อพูดถึงข้อผิดพลาดของโซโลมอน?
10 แต่ทำไมเราจึงกล่าวได้ว่าวิถีชีวิตของโซโลมอนเป็นตัวอย่างเตือนใจด้วย? ก่อนสิ่งอื่นใดคุณอาจนึกถึงเหล่ามเหสีและนางห้ามชาวต่างชาติของท่าน. เราอ่านว่า “เมื่อซะโลโมทรงพระชราแล้ว, เหล่านางห้ามก็ทำให้พระทัยของพระองค์หลงปฏิบัติพระอื่น และพระทัยของท่านหาดีรอบคอบเฉพาะพระยะโฮวา.” (1 กษัต. 11:1-6) ไม่ต้องสงสัย คุณตั้งใจว่าจะไม่เลียนแบบแนวทางที่โง่เขลาของท่านอย่างเด็ดขาด. แต่เรื่องนั้นเป็นตัวอย่างเตือนใจเพียงอย่างเดียวไหมที่เราเห็นจากชีวิตของโซโลมอน? ขอให้พิจารณารายละเอียดบางประการในชีวิตของท่านที่อาจถูกมองข้ามได้ง่าย และดูว่าเราได้ข้อเตือนใจอะไร.
11. ทำไมการสมรสครั้งแรกของโซโลมอนจึงเป็นความผิดพลาด?
11 โซโลมอนปกครองเป็นเวลา 40 ปี. (2 โคร. 9:30) ดังนั้น คุณอาจสรุปอะไรได้จาก 1 กษัตริย์ 14:21? (อ่าน) ตามที่บอกไว้ในข้อนี้ เมื่อโซโลมอนสิ้นพระชนม์ ระฮับอามราชบุตรขึ้นเป็นกษัตริย์เมื่อมีพระชนมายุ 41 พรรษา พระมารดาคือ “นาอามาเป็นชาวอำโมน.” นี่ย่อมหมายความว่าก่อนโซโลมอนจะเป็นกษัตริย์ ท่านสมรสกับชาวต่างชาติที่เป็นชาติศัตรูซึ่งไหว้รูปเคารพ. (วินิจ. 10:6; 2 ซามู. 10:6) นางนมัสการรูปเคารพเหล่านั้นไหม? แม้ว่านางเคยทำอย่างนั้น แต่นางอาจละทิ้งรูปเคารพและเปลี่ยนมาเป็นผู้นมัสการแท้ เช่นเดียวกับราฮาบและรูธ. (รูธ. 1:16; 4:13-17; มัด. 1:5, 6) ถึงกระนั้น โซโลมอนคงมีญาติเกี่ยวดองชาวอำโมนหลายคนที่ไม่ได้รับใช้พระยะโฮวา.
12, 13. โซโลมอนตัดสินใจทำอะไรที่ไม่ดีในช่วงต้นของการปกครอง และท่านอาจชักเหตุผลอย่างไร?
12 สถานการณ์ของโซโลมอนเลวร้ายลงไปอีกหลังจากที่ท่านขึ้นเป็นกษัตริย์. โซโลมอน “ได้ทำพระราชไมตรีกับฟาโรกษัตริย์ประเทศอายฆุบโต, จึงได้รับพระราชธิดาของฟาโรมายังเมืองดาวิด.” (1 กษัต. 3:1) หญิงชาวอียิปต์ผู้นี้เลียนแบบรูธโดยเข้ามาเป็นผู้นมัสการแท้ไหม? ไม่มีอะไรที่บ่งบอกเลยว่านางทำอย่างนั้น. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น คัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่าในเวลาต่อมาโซโลมอนสร้างวังหลังหนึ่งนอกเมืองดาวิดให้นาง (และอาจรวมถึงสาวใช้ชาวอียิปต์ด้วย). เพราะเหตุใด? พระคัมภีร์บอกว่าท่านทำอย่างนั้นเพราะเป็นเรื่องไม่บังควรที่ผู้นมัสการเท็จจะอาศัยอยู่ใกล้กับหีบสัญญา.—2 โคร. 8:11
13 โซโลมอนอาจเห็นว่าการสมรสกับเจ้าหญิงอียิปต์เป็นผลประโยชน์ทางการเมือง แต่ท่านจะใช้เรื่องนี้เป็นข้อแก้ตัวได้ไหม? ก่อนหน้านั้นนานแล้ว พระเจ้าทรงห้ามการสมรสกับชาวคะนาอันที่นับถือพระนอกรีต และถึงกับให้รายชื่อชาติคะนาอันบางชาติที่พวกเขาควรหลีกเลี่ยง. (เอ็ก. 34:11-16) โซโลมอนชักเหตุผลไหมว่าอียิปต์ไม่ได้อยู่ในรายชื่อดังกล่าว? แม้ท่านอาจหาเหตุผลอย่างนั้น แต่นั่นเป็นเหตุผลที่ถูกต้องไหม? ที่จริง แนวทางปฏิบัติของท่านแสดงว่าท่านไม่สนใจคำเตือนที่ชัดเจนของพระยะโฮวาที่ให้ระวังอันตรายอย่างหนึ่ง คือการหันเหจากการนมัสการแท้ไปนมัสการพระเท็จ.—อ่านพระบัญญัติ 7:1-4
14. เราอาจได้ประโยชน์อะไรจากการใส่ใจตัวอย่างของโซโลมอนที่เป็นข้อเตือนใจเรา?
14 เราจะให้แนวทางปฏิบัติของโซโลมอนเป็นตัวอย่างเตือนใจเราไหม? พี่น้องหญิงที่กำลังติดต่อฝากรักกับคนที่ไม่มีความเชื่ออาจพยายามหาข้อแก้ตัวที่เธอไม่เชื่อฟังพระบัญชาของพระเจ้าที่ให้สมรสกับ “ผู้ที่เชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า” เท่านั้น. (1 โค. 7:39) ด้วยการหาเหตุผลคล้าย ๆ กัน บางคนอาจร่วมเล่นกีฬาหรือเข้าร่วมทำกิจกรรมกับชมรมที่โรงเรียนซึ่งไม่อยู่ในหลักสูตรการเรียนการสอน แจ้งรายได้ที่ต้องเสียภาษีต่ำกว่าความเป็นจริง หรือไม่พูดความจริงเมื่อมีคนขอให้เปิดเผยสิ่งที่เขาทำซึ่งเป็นเรื่องน่าอาย. ประเด็นก็คือ โซโลมอนคงชักเหตุผลอย่างผิด ๆ เพื่อจะไม่ทำตามพระบัญชาของพระเจ้า และเราเองก็อาจทำผิดพลาดคล้าย ๆ กันนั้นได้.
15. พระยะโฮวาทรงแสดงความเมตตาอย่างไรต่อโซโลมอน แต่เราควรจำอะไรไว้ในเรื่องนี้?
15 น่าสนใจที่หลังจากกล่าวถึงการสมรสของโซโลมอนกับเจ้าหญิงชาวต่างชาติ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพระเจ้าประทานสติปัญญาแก่ท่านตามที่ท่านทูลขอ อีกทั้งประทานความมั่งคั่งแก่ท่านด้วย. (1 กษัต. 3:10-13) โซโลมอนละเลยพระบัญชาของพระเจ้า แต่ไม่มีอะไรบ่งชี้เลยว่าพระยะโฮวาไม่ทรงยอมรับท่านในฐานะกษัตริย์หรือตีสอนท่านอย่างรุนแรงในทันที. เรื่องนี้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ว่าพระเจ้าทรงตระหนักว่าเราเป็นมนุษย์ไม่สมบูรณ์ซึ่งถูกสร้างขึ้นจากผงคลีดิน. (เพลง. 103:10, 13, 14) แต่ขอให้จำไว้ว่า การกระทำของเราอาจส่งผลกระทบต่อเราในขณะนี้หรือในภายหลังได้.
มเหสีมาก!
16. โซโลมอนไม่เชื่อฟังพระบัญชาอะไร?
16 ในหนังสือเพลงไพเราะของซะโลโม กษัตริย์กล่าวชื่นชมหญิงพรหมจารีคนหนึ่งว่าสวยกว่ามเหสี 60 องค์และนางห้าม 80 คน. (ไพเราะ. 6:1, 8-10) นั่นอาจเป็นจำนวนมเหสีและนางห้ามที่ท่านมีอยู่ในตอนนั้น. แม้ว่าส่วนใหญ่หรือทั้งหมดเป็นผู้นมัสการแท้ พระเจ้าทรงมีพระบัญชาโดยทางโมเซห้ามมิให้กษัตริย์อิสราเอล “มีมเหสีมาก, เพื่อมิให้ใจหันหวนเสีย.” (บัญ. 17:17) อย่างไรก็ตาม อีกครั้งหนึ่งที่พระยะโฮวายังไม่ละทิ้งโซโลมอน. ที่จริง พระเจ้ายังคงอวยพรโซโลมอน ใช้ท่านให้ประพันธ์หนังสือเพลงไพเราะของซะโลโม.
17. เราไม่ควรลืมข้อเท็จจริงอะไร?
17 นี่หมายความว่าโซโลมอนสามารถละเลยพระบัญชาของพระเจ้าได้โดยไม่ถูกลงโทษและเราก็ทำเช่นนั้นได้อย่างนั้นไหม? ไม่. แทนที่จะเป็นอย่างนั้น เรื่องนี้แสดงว่าพระเจ้าทรงอดทนอย่างยิ่ง. อย่างไรก็ตาม การที่ผู้รับใช้ของพระเจ้าละเลยพระบัญชาของพระองค์โดยไม่ได้รับผลเสียหายในทันทีไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ได้รับผลเสียหายอันน่าเศร้าเลย. ขอให้ระลึกถึงข้อความที่โซโลมอนเขียนไว้ ที่ว่า “เพราะการตัดสินการงานไม่ได้ตัดสินโดยเร็ว, เหตุฉะนั้นใจของบุตรมนุษย์จึงปลงแน่วจะทำชั่ว.” ท่านเขียนต่อไปอีกว่า “ข้าฯ ยังรู้แน่ว่าความสวัสดิมงคลจะมีแก่เขาทั้งหลายที่ยำเกรงพระเจ้า, คือที่ยำเกรงต่อพระพักตร์พระองค์.”—ผู้ป. 8:11, 12
18. เรื่องราวชีวิตของโซโลมอนแสดงให้เห็นอย่างไรว่าถ้อยคำที่กาลาเทีย 6:7 เป็นความจริง?
18 น่าเศร้า โซโลมอนไม่สนใจข้อเท็จจริงข้อนี้! ที่จริง ท่านได้ทำการดีมากมายและได้รับพระพรจากพระเจ้ามาเป็นเวลานาน. แต่เมื่อเวลาผ่านไป ท่านพลาดพลั้งทำผิดครั้งแล้วครั้งเล่า. ท่านเริ่มไม่เชื่อฟังพระบัญชาของพระยะโฮวาจนกลายเป็นนิสัย. นับว่าเป็นความจริงสักเพียงไรตามที่อัครสาวกเปาโลได้รับการดลใจให้เขียนในภายหลังว่า “อย่าหลงผิดเลย จะหลอกพระเจ้าเล่นไม่ได้. ใครหว่านอะไรก็จะเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น”! (กลา. 6:7) ในเวลาต่อมา โซโลมอนก็เก็บเกี่ยวผลอันน่าเศร้าจากการเพิกเฉยพระบัญชาของพระเจ้า. เราอ่านว่า “กษัตริย์ซะโลโมได้ทรงรักหญิงต่างประเทศมาก, นอกจากราชธิดาของฟาโรนั้น, คือหญิงชาติโมอาบ, ชาติอำโมน, ชาติอะโดม, ชาติซีโดนและชาติเฮธ.” (1 กษัต. 11:1) หลายคนในบรรดาหญิงเหล่านี้คงยังยึดมั่นอยู่กับพระเท็จ และเรื่องนี้ส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อโซโลมอน. ท่านหลงผิดและไม่ได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยความอดทนอีกต่อไป.—อ่าน 1 กษัตริย์ 11:4-8
จงเรียนจากตัวอย่างที่ดีและตัวอย่างที่ไม่ดี
19. เหตุใดคุณจึงกล่าวได้ว่าคัมภีร์ไบเบิลมีตัวอย่างที่ดีมากมาย?
19 พระยะโฮวาทรงดลใจให้เปาโลเขียนว่า “ด้วยว่าทุกสิ่งที่เขียนไว้ก่อนแล้วก็เขียนไว้เพื่อสั่งสอนเรา เพื่อเราจะมีความหวังโดยความเพียรอดทนของเราและโดยการชูใจโรม 15:4) สิ่งต่าง ๆ ที่เขียนไว้นั้นรวมถึงตัวอย่างที่ดีมากมายของชายหญิงผู้มีความเชื่อที่โดดเด่น. เปาโลสามารถกล่าวได้ว่า “จะให้ข้าพเจ้ากล่าวอะไรอีก? เพราะเวลาจะไม่พอให้ข้าพเจ้าเล่าต่อเกี่ยวกับกิดโอน บาราค ซิมโซน ยิฟทาห์ ดาวิด รวมทั้งซามูเอลกับพวกผู้พยากรณ์คนอื่น ๆ ซึ่งโดยความเชื่อได้รบชนะอาณาจักรต่าง ๆ ได้ทำการชอบธรรม ได้รับคำสัญญา . . . ได้พ้นจากสภาพอ่อนแอมาเป็นผู้มีกำลังมาก.” (ฮีบรู 11:32-34) เราสามารถได้รับประโยชน์จากตัวอย่างที่ดีในพระคัมภีร์และทำตามหรือเลียนแบบตัวอย่างเหล่านั้น.
จากพระคัมภีร์.” (20, 21. เหตุใดคุณควรตั้งใจจะรับประโยชน์จากตัวอย่างเตือนใจที่พบในพระคำของพระเจ้า?
20 แต่มีเรื่องราวบางเรื่องในคัมภีร์ไบเบิลที่เป็นตัวอย่างเตือนใจ. เราสามารถพบตัวอย่างเตือนใจเหล่านั้นจากเรื่องราวชีวิตของชายหญิงบางคนซึ่งครั้งหนึ่งพระยะโฮวาเคยยอมรับและให้พวกเขาเป็นผู้รับใช้ของพระองค์. เมื่อเราอ่านคัมภีร์ไบเบิล เราจะสังเกตเห็นว่าผู้รับใช้ของพระเจ้าบางคนทำอะไรผิดและพวกเขาหลงผิดไปได้อย่างไร. ด้วยเหตุนั้น เรื่องราวของพวกเขาจึงเป็นตัวอย่างเตือนใจเรา. เรามองเห็นได้ว่าบางคนค่อย ๆ เพาะความคิดหรือเริ่มมีแนวโน้มที่ไม่ถูกต้อง และประสบผลที่น่าเศร้าในที่สุด. เราจะได้บทเรียนจากเรื่องราวเหล่านั้นได้อย่างไร? เราอาจถามตัวเองว่า ‘พวกเขาเริ่มมีทัศนคติที่ไม่ถูกต้องได้อย่างไร? ฉันอาจเริ่มมีทัศนคติแบบเดียวกันนั้นได้ไหม? ฉันจะทำอะไรได้เพื่อไม่ให้เป็นอย่างนั้นและเพื่อจะได้รับประโยชน์จากตัวอย่างเตือนใจนั้น?’
21 แน่นอน เราควรพิจารณาตัวอย่างเหล่านี้อย่างจริงจัง เพราะเปาโลได้รับการดลใจให้เขียนว่า “เหตุการณ์เหล่านี้เกิดแก่พวกเขาเพื่อเป็นตัวอย่าง และถูกเขียนไว้เพื่อเตือนเราซึ่งอยู่ในตอนสิ้นยุค.”—1 โค. 10:11
คุณได้เรียนรู้อะไร?
• เหตุใดคัมภีร์ไบเบิลจึงมีทั้งตัวอย่างที่ดีและตัวอย่างที่เป็นข้อเตือนใจ?
• เหตุใดโซโลมอนจึงทำผิดครั้งแล้วครั้งเล่า?
• คุณจะได้รับประโยชน์จากเรื่องราวชีวิตของโซโลมอนที่เป็นตัวอย่างเตือนใจได้อย่างไร?
[คำถาม]
[ภาพหน้า 9]
โซโลมอนใช้สติปัญญาที่พระเจ้าประทานให้
[ภาพหน้า 12]
คุณได้รับประโยชน์จากเรื่องราวชีวิตของโซโลมอนซึ่งเป็นตัวอย่างเตือนใจไหม?