“ข้าพเจ้าจะต้องไปกลัวใคร?”
“ข้าพเจ้าจะต้องไปกลัวใคร?”
“แม้สงครามถาโถมใส่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้ายังวางใจพระเจ้าอยู่.”—เพลง. 27:3, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน
ตามข้อคัมภีร์ต่อไปนี้ อะไรจะช่วยคุณให้มีความกล้าหาญมากขึ้น?
1. เพลงสรรเสริญบท 27 จะช่วยเราให้ตอบคำถามอะไร?
เหตุใดเราจึงทำงานประกาศมากขึ้นทั้ง ๆ ที่สภาพการณ์ในโลกเลวร้ายลงเรื่อย ๆ? ทำไมเราจึงอุทิศเวลาและกำลังของเราอย่างเต็มที่ในขณะที่คนจำนวนมากประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจ? เราจะยังคงกล้าหาญต่อ ๆ ไปได้อย่างไรในขณะที่คนจำนวนมากกลัวอนาคต? บทเพลงของกษัตริย์ดาวิดที่เขียนขึ้นโดยได้รับการดลใจดังบันทึกไว้ในเพลงสรรเสริญบท 27 ให้คำตอบแก่เรา.
2. ความหวาดกลัวทำให้คนเราเป็นเช่นไร แต่เรามั่นใจได้ในเรื่องใด?
2 ดาวิดเริ่มเพลงสรรเสริญบทนี้ด้วยถ้อยคำที่ว่า “พระยะโฮวาเป็นสว่างและความรอดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะต้องกลัวผู้ใดเล่า? พระยะโฮวาเป็นกำลังวังชาแห่งชีวิตของข้าพเจ้า; ข้าพเจ้าจะต้องไปกลัวใคร?” (เพลง. 27:1) เมื่อคนเรากลัวมาก ๆ เขาอาจหมดแรงจนทำอะไรไม่ได้เลย. แต่คนที่ไว้วางใจพระยะโฮวาจะกล้าหาญและไม่หวาดกลัว. (1 เป. 3:14) เมื่อเราให้พระยะโฮวาเป็นป้อมของเรา เรา “จะอยู่อย่างปลอดภัย จะสุขสบายไม่หวั่นเกรงภยันตรายใด ๆ.” (สุภา. 1:33, ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย; 3:25) เหตุใดจึงเป็นอย่างนั้น?
“พระยะโฮวาเป็นสว่างและความรอดของข้าพเจ้า”
3. พระยะโฮวาทรงเป็นความสว่างของเราในแง่ใด แต่เราต้องทำอะไร?
3 คำเปรียบที่ว่า “พระยะโฮวาเป็นสว่าง” ทำให้เราสนใจข้อเท็จจริงที่ว่าพระยะโฮวาทรงช่วยให้เราหลุดพ้นจากความเขลาและความมืดฝ่ายวิญญาณ. (เพลง. 27:1) ความสว่างตามตัวอักษรอาจช่วยให้เรามองเห็นอันตรายหรืออุปสรรคที่ขวางทางเรา แต่ความสว่างนั้นไม่ได้ขจัดอันตรายหรืออุปสรรคให้หมดไป. เราต้องลงมือทำอย่างฉลาดสุขุมตามที่เราเห็น. คล้ายกัน พระยะโฮวาทรงช่วยให้เราเข้าใจความหมายของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในโลก. พระองค์ทรงเตือนเราให้ระวังอันตรายต่าง ๆ ของระบบนี้. พระองค์ทรงให้หลักการในคัมภีร์ไบเบิลที่ใช้ได้เสมอ แต่เราต้องนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปใช้. เมื่อเราทำอย่างนั้น เราสามารถฉลาดกว่า “ศัตรู” และ “บรรดาอาจารย์.”—เพลง. 119:98, 99, 130
4. (ก) เหตุใดดาวิดจึงพูดด้วยความมั่นใจได้ว่า “พระยะโฮวาเป็น . . . ความรอดของข้าพเจ้า”? (ข) พระยะโฮวาจะเป็นความรอดของเราโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไร?
4 ถ้อยคำของดาวิดที่บทเพลงสรรเสริญ 27:1 แสดงให้เห็นว่าท่านคงต้องระลึกถึงวิธีที่พระยะโฮวาทรงช่วยท่านให้รอด หรือช่วยชีวิตท่านในหลายโอกาสก่อนหน้านั้น. ตัวอย่างเช่น พระยะโฮวาทรงช่วยท่านให้รอด “จากเล็บเท้าสิงโตและจากเล็บหมี.” พระยะโฮวายังช่วยให้ท่านชนะฆาละยัธคนร่างยักษ์. ต่อมา กษัตริย์ซาอูลพุ่งหอกใส่ดาวิดหลายครั้ง แต่ทุกครั้งพระยะโฮวาทรงช่วยให้ท่านรอด. (1 ซามู. 17:37, 49, 50; 18:11, 12; 19:10) ไม่แปลกเลยที่ดาวิดสามารถพูดด้วยความมั่นใจว่า “พระยะโฮวาเป็น . . . ความรอดของข้าพเจ้า”! พระยะโฮวาจะทรงเป็นความรอดของผู้รับใช้พระองค์เหมือนอย่างที่พระองค์ทรงเป็นความรอดของดาวิด. โดยวิธีใด? โดยช่วยผู้นมัสการพระองค์ให้ผ่าน “ความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่” ที่กำลังจะมาถึง.—วิ. 7:14; 2 เป. 2:9
จงระลึกถึงแต่ละครั้งที่พระยะโฮวาได้ช่วยคุณ
5, 6. (ก) ความทรงจำมีบทบาทในการช่วยเราให้มีความกล้าหาญมากขึ้นอย่างไร? (ข) บันทึกเกี่ยวกับการที่พระยะโฮวาช่วยผู้รับใช้ทั้งหลายในอดีตช่วยเสริมความกล้าหาญของคุณอย่างไร?
5 มีการชี้ให้เห็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการช่วยเราให้มีความกล้าหาญมากขึ้นที่บทเพลงสรรเสริญ 27:2, 3. (อ่าน) ดาวิดระลึกถึงหลายเหตุการณ์ที่ท่านได้รับความช่วยเหลือจากพระยะโฮวาให้รอดชีวิต. (1 ซามู. 17:34-37) ความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์เหล่านั้นทำให้ท่านมั่นใจที่จะเผชิญความยากลำบากที่เลวร้ายที่สุด. คุณจะลงความเห็นคล้าย ๆ กันได้ไหมจากประสบการณ์ของคุณเอง? ตัวอย่างเช่น คุณเคยอธิษฐานอย่างแรงกล้าไหมเกี่ยวกับปัญหาที่ทำให้คุณทุกข์ใจแล้วคุณก็เห็นวิธีที่พระยะโฮวาประทานสติปัญญาหรือความเข้มแข็งให้คุณรับมือการทดสอบนั้นได้? หรือคุณจำได้ไหมว่าพระองค์ได้ช่วยคุณอย่างไรให้เอาชนะอุปสรรคที่ขัดขวางความยินดีในการรับใช้? หรือคุณจำได้ไหมว่าพระองค์ทรงเปิดโอกาสให้คุณทำงานรับใช้มากขึ้นอย่างไร? (1 โค. 16:9) การระลึกถึงเหตุการณ์เช่นนั้นส่งผลอย่างไรต่อคุณในขณะนี้? ความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์เหล่านั้นยังคงทำให้คุณเชื่อมั่นไหมว่าพระยะโฮวาสามารถช่วยคุณให้เอาชนะหรือรับมือปัญหาหรือความยากลำบากที่รุนแรงยิ่งกว่านั้นเสียอีก?—โรม 5:3-5
6 จะว่าอย่างไรถ้ารัฐบาลซึ่งมีอำนาจวางแผนทำลายล้างพยานพระยะโฮวาในฐานะองค์การให้หมดสิ้น? มีหลายคนในสมัยปัจจุบันพยายามทำเช่นนั้นแต่ไม่สำเร็จ. การระลึกถึงวิธีที่พระยะโฮวาทรงช่วยประชาชนของพระองค์ในอดีตจะทำให้เราพร้อมจะเผชิญอนาคตด้วยความเชื่อมั่น.—จงเห็นคุณค่าการนมัสการบริสุทธิ์
7, 8. (ก) ตามที่กล่าวไว้ในบทเพลงสรรเสริญ 27:4 ดาวิดทูลขออะไรจากพระยะโฮวา? (ข) พระวิหารฝ่ายวิญญาณอันยิ่งใหญ่ของพระยะโฮวาคืออะไร และมีการนมัสการพระองค์ที่นั่นอย่างไร?
7 ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้เราลงมือปฏิบัติอย่างกล้าหาญคือความรักที่เรามีต่อการนมัสการแท้. (อ่านบทเพลงสรรเสริญ 27:4) ในสมัยของดาวิด ‘พระวิหารของพระยะโฮวา’ คือพลับพลา. ดาวิดได้จัดเตรียมสิ่งต่าง ๆ ไว้พร้อมเพื่อให้โซโลมอนราชบุตรเป็นผู้สร้างพระวิหารอันสง่างาม. หลายศตวรรษต่อมา พระเยซูทรงเปิดเผยว่าการนมัสการแบบที่พระยะโฮวาทรงยอมรับจะไม่ขึ้นอยู่กับอาคารที่โอ่อ่าหลังใดหลังหนึ่งที่พระเจ้าทรงอวยพรอีกต่อไป. (โย. 4:21-23) อัครสาวกเปาโลระบุไว้ในฮีบรูบท 8 ถึง 10 ว่าพระวิหารฝ่ายวิญญาณที่ยิ่งใหญ่เริ่มมีขึ้นเมื่อพระเยซูทรงรับบัพติสมาในสากลศักราช 29 และเสนอตัวทำตามพระประสงค์ของพระยะโฮวา. (ฮีบรู 10:10) พระวิหารฝ่ายวิญญาณอันยิ่งใหญ่นี้เป็นการจัดเตรียมที่พระยะโฮวาทรงทำเพื่อเราจะสามารถเข้าเฝ้าพระองค์อย่างที่พระองค์ทรงยอมรับ โดยอาศัยความเชื่อที่เรามีต่อเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซู. เรานมัสการที่นั่นอย่างไร? โดยการอธิษฐาน “ด้วยหัวใจซื่อตรงและด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมซึ่งเกิดจากความเชื่อ” และโดยการประกาศความหวังของเราอย่างเปิดเผยโดยไม่หวั่นไหว. เรายังนมัสการที่พระวิหารฝ่ายวิญญาณนี้ด้วยการพิจารณากันและกัน เร้าใจกัน และชูใจเพื่อนผู้นมัสการเมื่อเราประชุมด้วยกันในการประชุมประชาคมและในการนมัสการประจำครอบครัว. (ฮีบรู 10:22-25) การที่เราเห็นคุณค่าการจัดเตรียมเพื่อการนมัสการแท้นี้ช่วยเสริมเราให้เข้มแข็งในสมัยสุดท้ายอันวิกฤติ.
8 ตลอดทั่วโลก ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวากำลังทำงานรับใช้เพิ่มขึ้น เรียนภาษาใหม่ และย้ายไปยังเขตที่จำเป็นต้องมีผู้ประกาศราชอาณาจักรมากกว่า. การกระทำของพวกเขาเผยให้เห็นว่าพวกเขาเป็นเหมือนกับผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญซึ่งทูลขอเพียงสิ่งเดียวจากพระยะโฮวา. พวกเขาต้องการจะเห็นความสง่างามของพระยะโฮวาและมีส่วนร่วมในการรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม.—อ่านบทเพลงสรรเสริญ 27:6
จงไว้วางใจการช่วยเหลือจากพระเจ้า
9, 10. บทเพลงสรรเสริญ 27:10 ให้คำรับรองอะไร?
9 ดาวิดแสดงให้เราเห็นว่าท่านไว้วางใจการช่วยเหลือจากพระยะโฮวาอย่างยิ่งโดยกล่าวว่า “แม้บิดามารดาทอดทิ้งข้าพเจ้า [พระยะโฮวา] จะทรงรับข้าพเจ้าไว้.” (เพลง. 27:10, ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย ) เราอาจสรุปได้จากเหตุการณ์ที่กล่าวถึงใน 1 ซามูเอลบท 22 ว่าบิดามารดาของดาวิดไม่ได้ทอดทิ้งท่าน. แต่หลายคนในทุกวันนี้ถูกครอบครัวตัดขาด. อย่างไรก็ตาม หลายคนที่ถูกทอดทิ้งเช่นนั้นได้รับความช่วยเหลือและการปกป้องจากประชาคมคริสเตียนที่เปี่ยมด้วยความรัก.
10 เนื่องจากพระยะโฮวาทรงพร้อมสนับสนุนผู้รับใช้ของพระองค์เมื่อคนอื่น ๆ ละทิ้งพวกเขา พระองค์จะไม่ทรงค้ำจุนพวกเขาเมื่อต้องทนรับความยากลำบากแบบอื่นด้วยหรือ? ตัวอย่างเช่น ถ้าเราเป็นห่วงในเรื่องการหาเลี้ยงครอบครัว เราไม่มั่นใจหรอกหรือว่าพระยะโฮวาจะทรงช่วยเหลือเรา? (ฮีบรู 13:5, 6) พระองค์ทรงเข้าใจสภาพการณ์และความจำเป็นของผู้รับใช้ที่ภักดีของพระองค์ทุกคน.
11. การที่เราไว้วางใจพระยะโฮวามีผลกระทบต่อผู้อื่นอย่างไร? จงยกตัวอย่าง.
11 ขอให้พิจารณาประสบการณ์ของวิกตอเรีย ซึ่งเป็นนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลที่ประเทศไลบีเรีย. เมื่อเธอกำลังก้าวหน้าเป็นอย่างดี ชายที่เธออยู่กินด้วยก็ทิ้งเธอกับลูกสามคน. แม้เธอไม่มีบ้านและไม่มีงาน
ทำ เธอยังคงก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณต่อไป. หลังจากวิกตอเรียรับบัพติสมาแล้ว ลูกสาววัย 13 ปีของเธอพบกระเป๋าเงินที่มีเงินอยู่เต็ม. เพื่อจะไม่ถูกล่อใจ พวกเขาตัดสินใจไม่นับเงินเลย. พวกเขารีบติดต่อเจ้าของกระเป๋าซึ่งเป็นทหาร. ทหารคนนี้บอกพวกเขาว่าถ้าทุกคนซื่อสัตย์เหมือนพยานพระยะโฮวา โลกคงจะดีและสงบสุขกว่านี้. วิกตอเรียเปิดคัมภีร์ไบเบิลให้ทหารคนนี้ดูคำสัญญาของพระยะโฮวาเกี่ยวกับโลกใหม่. เพราะประทับใจในความเชื่อและความซื่อสัตย์ของวิกตอเรีย ทหารคนนี้จึงให้รางวัลเธอเป็นเงินจำนวนไม่น้อย. ที่จริง การมีความเชื่ออย่างเต็มเปี่ยมในความสามารถของพระยะโฮวาที่จะทรงจัดหาสิ่งจำเป็นให้ทำให้พยานพระยะโฮวามีชื่อเสียงที่ดีในเรื่องความซื่อสัตย์.12. เหตุใดเรายังคงรับใช้พระยะโฮวาต่อ ๆ ไปแม้ว่าเราอาจสูญเสียงานหรือเงิน? จงยกตัวอย่าง.
12 ขอให้นึกภาพว่าโทมัส ผู้ประกาศที่ยังไม่รับบัพติสมาในประเทศเซียร์ราลีโอน คงต้องรู้สึกอย่างไร. เขาเริ่มทำงานเป็นครูในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งมาเกือบหนึ่งปีแล้วแต่ยังไม่ได้รับเงินเดือน และต้องรอจนกว่าเอกสารจะแล้วเสร็จ. เมื่อถึงขั้นตอนสุดท้าย โทมัสต้องผ่านการสัมภาษณ์กับผู้บริหารของโรงเรียนเสียก่อนจึงจะได้รับเงินเดือนทั้งหมดของเขา. ผู้บริหารคนนี้เป็นนักเทศน์. นักเทศน์คนนี้บอกว่าความเชื่อของพยานพระยะโฮวาขัดกับความเชื่อของสถาบัน. เขายืนกรานว่าโทมัสจะต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ระหว่างงานกับความเชื่อของเขาที่อาศัยคัมภีร์ไบเบิลเป็นหลัก. โทมัสลาออกจากงานแม้ว่าเขาต้องสละเงินเดือนเกือบทั้งปี. หลังจากนั้นเขาได้งานใหม่ เป็นช่างซ่อมวิทยุและโทรศัพท์มือถือ. ดังที่ตัวอย่างนี้และตัวอย่างคล้าย ๆ กันอีกมากมายแสดงให้เห็น คนอื่นอาจกลัวว่าจะขาดสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีพ แต่เรามีเหตุผลหนักแน่นที่จะไว้วางใจว่าพระผู้สร้างสรรพสิ่งและพระเจ้าผู้ปกป้องประชาชนของพระองค์จะทรงดูแลเรา.
13. งานประกาศเรื่องราชอาณาจักรกำลังก้าวหน้าอย่างไรในประเทศที่มีความลำบากขาดแคลน?
13 ในหลายประเทศที่มีความลำบากในการหาเลี้ยงชีพ ผู้ประกาศราชอาณาจักรมักกระตือรือร้นอย่างเห็นได้ชัด. ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น? สำนักงานสาขาแห่งหนึ่งรายงานว่า “เจ้าของบ้านจำนวนมากที่ตอบรับการศึกษาพระคัมภีร์เป็นคนตกงาน พวกเขาจึงมีเวลามากกว่าเดิมและศึกษาในตอนกลางวันได้. พี่น้องของเราก็มีเวลาประกาศมากกว่าด้วย. ผู้คน โดยเฉพาะคนที่มีสภาพความเป็นอยู่ที่ยากจนข้นแค้น ยอมรับทันทีว่าเราอยู่ในสมัยสุดท้าย เพราะพวกเขาเห็นจากสภาพการณ์ที่อยู่รอบตัวได้อย่างชัดเจน.” มิชชันนารีคนหนึ่งซึ่งรับใช้มากกว่า 12 ปีในประเทศที่ผู้ประกาศมีรายศึกษาโดยเฉลี่ยมากกว่าสามรายเขียนว่า “เนื่องจากผู้ประกาศหลายคนมีรูปแบบชีวิตที่เรียบง่ายและมีสิ่งล่อใจน้อย พวกเขาจึงมักมีเวลามากกว่าในการประกาศและการนำการศึกษาพระคัมภีร์.”
14. พระเจ้าทรงสามารถปกป้องชนฝูงใหญ่ไว้โดยวิธีใด?
14 พระยะโฮวาทรงสัญญาว่าจะช่วยเหลือประชาชนของพระองค์ ปกป้อง และช่วยพวกเขาโดยรวมให้รอด และเราเชื่อว่าพระองค์จะทรงรักษาเพลง. 37:28; 91:1-3) ฝูงชนที่รอดผ่าน “ความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่” คงต้องมีจำนวนมากจริง ๆ. (วิ. 7:9, 14) ดังนั้น พระเจ้าจะทรงปกป้องชนฝูงใหญ่ไว้โดยไม่ให้ใครมาทำลายประชาชนทั้งหมดของพระองค์ในช่วงที่เหลือของสมัยสุดท้ายนี้. พระยะโฮวาจะประทานทุกสิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องมีเพื่อจะอดทนการทดสอบต่าง ๆ และเพื่อรักษาสายสัมพันธ์ที่ดีกับพระองค์. และพระยะโฮวาจะทรงปกป้องประชาชนของพระองค์ตลอดช่วงสุดท้ายของความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่.
สัญญา. (“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงสอนทางของพระองค์แก่ข้าพระองค์”
15, 16. เราได้รับประโยชน์อย่างไรเมื่อเราใส่ใจคำสอนของพระเจ้า? จงยกตัวอย่าง.
15 เพื่อจะกล้าหาญต่อ ๆ ไป เราจำเป็นต้องได้รับการสอนให้รู้แนวทางของพระเจ้าอยู่เสมอ. เรื่องนี้เห็นได้ชัดจากคำวิงวอนของดาวิดที่ว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงสอนทางของพระองค์แก่ข้าพระองค์ ขอทรงนำข้าพระองค์ไปในทางตรงเนื่องจากมีผู้ข่มเหงข้าพระองค์.” (เพลง. 27:11, ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย ) เพื่อจะกระทำอย่างที่สอดคล้องกับคำอธิษฐานนี้ เราต้องสนใจคำแนะนำใด ๆ ก็ตามที่อาศัยคัมภีร์ไบเบิลเป็นหลักที่เราได้รับโดยทางองค์การของพระยะโฮวาและทำตามทันที. หลายคนที่ได้ขจัดหนี้สินที่ไม่จำเป็นสามารถยืนยันได้ว่าการทำตามคำแนะนำที่สุขุมที่ให้ดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่ายทำให้พวกเขาได้รับประโยชน์ในช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อไม่นานมานี้. พวกเขาจึงไม่มีภาระหนักเนื่องด้วยทรัพย์สินที่พวกเขาไม่มีกำลังจะจ่าย และมีอิสระที่จะรับใช้ได้มากขึ้น. เราแต่ละคนควรถามตัวเองว่า ‘ฉันทำตามคำแนะนำทุกอย่างที่ฉันอ่านในคัมภีร์ไบเบิลและในหนังสือของชนชั้นทาสสัตย์ซื่อและสุขุมทันทีไหม แม้แต่เมื่อต้องเสียสละอะไรบางอย่าง?’—มัด. 24:45
16 ด้วยการให้พระยะโฮวาสอนเราและนำเราไปในแนวทางที่ซื่อตรง จะไม่มีอะไรที่เราต้องกลัว. เมื่อไพโอเนียร์ประจำคนหนึ่งที่สหรัฐขอทำงานในตำแหน่งหนึ่งที่จะช่วยให้ทั้งครอบครัวรับใช้เต็มเวลาได้ต่อไป หัวหน้างานของเขาบอกว่าเขาไม่มีทางได้ทำงานในตำแหน่งนั้นเพราะเขาไม่มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญา. หากเกิดเหตุการณ์อย่างนี้กับคุณ คุณจะรู้สึกเสียใจที่ได้รับใช้เต็มเวลาแทนที่จะศึกษาสูงไหม? สองสัปดาห์ต่อมา หัวหน้างานคนนั้นหมดสัญญาจ้างงาน และผู้จัดการอีกคนหนึ่งถามพี่น้องชายคนนี้เกี่ยวกับเป้าหมายของเขา. เขาอธิบายทันทีว่าเขากับภรรยาเป็นผู้รับใช้เต็มเวลาของพยานพระยะโฮวาและต้องการทำอย่างนั้นต่อไป. ก่อนที่พี่น้องจะพูดอะไรต่อ ผู้จัดการบอกเขาว่า “ผมรู้ว่าคุณมีอะไรบางอย่างที่แตกต่างจากคนอื่น! เมื่อพ่อของผมใกล้จะเสียชีวิต เพื่อนร่วมความเชื่อของคุณสองคนได้ไปเยี่ยมและอ่านคัมภีร์ไบเบิลให้ท่านฟังทุกวัน. ผมสัญญากับตัวเองว่าถ้าผมมีโอกาสที่จะช่วยพยานพระยะโฮวาคนใดคนหนึ่งได้ ผมก็จะช่วย.” เช้าวันถัดมา พี่น้องคนนี้ได้งานที่หัวหน้างานคนก่อนเคยปฏิเสธที่จะให้เขาทำ. จริงทีเดียว เมื่อเราให้ผลประโยชน์ของราชอาณาจักรสำคัญเป็นอันดับแรกในชีวิตของเรา พระยะโฮวาจะทรงรักษาสัญญาด้วยการดูแลเราไม่ให้ขาดสิ่งจำเป็นด้านวัตถุ.—มัด. 6:33
เราต้องมีความเชื่อและความหวัง
17. อะไรจะช่วยเราให้เผชิญอนาคตด้วยความมั่นใจ?
17 ดาวิดเน้นความสำคัญของความเชื่อและความหวังโดยกล่าวว่า “ข้าพเจ้ายังคงเชื่อมั่นในข้อนี้ คือข้าพเจ้าจะได้เห็นความดีขององค์พระผู้เป็นเจ้าในดินแดนของผู้มีชีวิต.” (เพลง. 27:13, ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย ) จริงทีเดียว ชีวิตเราจะเป็นเช่นไรถ้าปราศจากความหวังที่พระเจ้าประทานและถ้าเราไม่ได้พิจารณาสิ่งที่มีกล่าวไว้ในเพลงสรรเสริญบท 27! ดังนั้น ขอให้เราอธิษฐานขอความเข้มแข็งและการช่วยให้รอดด้วยความมั่นใจต่อ ๆ ไปขณะที่เราเผชิญเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่นำไปถึงอาร์มาเก็ดดอน.—อ่านบทเพลงสรรเสริญ 27:14
[คำถาม]
[ภาพหน้า 23]
การระลึกถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาทรงช่วยท่านให้รอดทำให้ดาวิดเข้มแข็ง
[ภาพหน้า 25]
เรามองว่าความลำบากทางเศรษฐกิจทำให้เรามีโอกาสรับใช้มากขึ้นไหม?