จงรับใช้พระเจ้าแห่งเสรีภาพ
จงรับใช้พระเจ้าแห่งเสรีภาพ
“การรักพระเจ้าหมายถึงการทำตามพระบัญญัติของพระองค์ และพระบัญญัติของพระองค์ไม่เป็นภาระหนัก.”—1 โย. 5:3
คุณตอบได้ไหม?
ซาตานพยายามทำให้กฎหมายของพระเจ้าดูเหมือนเป็นภาระหนักอย่างไร?
เหตุใดเราต้องระวังอย่างมากในเรื่องคนที่เราเลือกคบหา?
อะไรจะช่วยเราให้ภักดีต่อพระเจ้าแห่งเสรีภาพเสมอ?
1. พระยะโฮวาทรงใช้เสรีภาพของพระองค์อย่างไร และพระองค์ประทานเสรีภาพเช่นไรแก่อาดามกับฮาวา?
พระยะโฮวาทรงเป็นผู้เดียวที่มีเสรีภาพที่ไม่มีขีดจำกัด. ถึงกระนั้น พระองค์ทรงใช้เสรีภาพของพระองค์ในวิธีที่ถูกต้องเสมอ. และพระองค์ไม่ทรงควบคุมเรื่องปลีกย่อยทุกอย่างที่ผู้รับใช้ของพระองค์ทำ. แทนที่จะเป็นอย่างนั้น พระองค์ประทานเจตจำนงเสรีแก่พวกเขา ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถริเริ่มทำสิ่งต่าง ๆ และสนองความปรารถนาที่ถูกต้องทุกอย่าง. ตัวอย่างเช่น พระเจ้าประทานพระบัญชาที่เป็นข้อห้ามเพียงข้อเดียวแก่อาดามและฮาวา คือห้ามกินผลของ “ต้นไม้ที่ให้รู้ความดีและชั่ว.” (เย. 2:17) ดังนั้น พวกเขาจึงสามารถทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าและยังคงมีเสรีภาพอย่างน่าทึ่ง!
2. เหตุใดบิดามารดาคู่แรกของเราจึงสูญเสียเสรีภาพที่พระเจ้าประทาน?
2 เหตุใดพระเจ้าทรงอนุญาตให้บิดามารดาคู่แรกของเรามีเสรีภาพมากเช่นนั้น? พระองค์ทรงสร้างพวกเขาตามแบบพระองค์และประทานสติรู้สึกผิดชอบแก่พวกเขา ทรงคาดหมายอย่างเหมาะสมว่าความรักที่พวกเขามีต่อพระองค์ในฐานะพระผู้สร้างจะชี้นำพวกเขาให้ดำเนินในทางที่ถูกต้อง. (เย. 1:27; โรม 2:15) น่าเศร้า อาดามและฮาวาไม่เห็นคุณค่าพระผู้ประทานชีวิตองค์ยอดเยี่ยมและเสรีภาพที่พระองค์ประทานแก่พวกเขา. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พวกเขาเลือกจะตัดสินใจด้วยตัวเองว่าอะไรถูกอะไรผิด. พวกเขาคิดว่าจะได้เสรีภาพมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงก็คือการเลือกของเขาทำให้ตัวเขาและลูกหลานตกเป็นทาสของบาปที่ทำให้พวกเขาเป็นทุกข์และตาย.—โรม 5:12
3, 4. ซาตานพยายามหลอกลวงเราอย่างไรในเรื่องมาตรฐานของพระยะโฮวา?
3 หากซาตานชักนำมนุษย์สมบูรณ์สองคนและกายวิญญาณอีกมากมายให้ปฏิเสธอำนาจการปกครองของพระเจ้าได้ มันย่อมหลอกลวงเราได้เช่นกัน. ยุทธวิธีของมันส่วนใหญ่ยังคงเหมือนเดิม. มันพยายามชักนำเราให้คิดว่าการทำตามมาตรฐานของพระเจ้าเป็นภาระ1 โย. 5:3) การคิดอย่างนั้นอาจมีผลต่อเราได้มากทีเดียวถ้าเรารับเอาความคิดแบบนี้อยู่เรื่อย ๆ. พี่น้องหญิงคนหนึ่งอายุ 24 ปีซึ่งเคยทำผิดศีลธรรมทางเพศกล่าวว่า “การคบหาที่ไม่ดีส่งผลต่อดิฉันมาก. เหตุผลหลักก็คือดิฉันกลัวว่าจะคิดต่างจากเพื่อน ๆ.” คุณอาจพบกับแรงกดดันคล้ายกันนี้จากคนรอบข้าง.
หนักและทำให้เราพลาดความสนุกตื่นเต้นในชีวิต. (4 น่าเสียดายที่บางครั้งอิทธิพลไม่ดีจากคนรอบข้างอาจมาจากภายในประชาคมคริสเตียนด้วย. พยานฯ หนุ่มคนหนึ่งกล่าวว่า “ผมรู้จักหนุ่มสาวบางคนที่นัดพบกับคนที่ไม่มีความเชื่อ. แต่ในที่สุดผมก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่ายิ่งผมคลุกคลีกับพวกเขามากเท่าใด ผมก็ยิ่งเป็นเหมือนพวกเขามากเท่านั้น. สภาพฝ่ายวิญญาณของผมเริ่มแย่. ผมไม่มีความสุขกับการรับอาหารฝ่ายวิญญาณที่หอประชุม และแทบไม่ได้ออกประกาศ. นี่เป็นสัญญาณที่ทำให้รู้ว่าผมควรเลิกคบหากับคนเหล่านั้น และผมก็ได้ทำอย่างนั้น!” คุณตระหนักไหมว่าคนที่คุณคบหาด้วยอาจมีอิทธิพลต่อคุณ? ขอพิจารณาตัวอย่างหนึ่งจากคัมภีร์ไบเบิลที่ช่วยเราได้ในทุกวันนี้.—โรม 15:4
เขาทำให้ผู้คนมีใจเอนเอียงมาอยู่ฝ่ายเขา
5, 6. อับซาโลมชักนำคนอื่นให้หลงอย่างไร และแผนการของเขาสำเร็จไหม?
5 คัมภีร์ไบเบิลมีตัวอย่างของหลายคนที่มีอิทธิพลไม่ดีต่อผู้อื่น. ตัวอย่างหนึ่งก็คืออับซาโลม ราชบุตรของกษัตริย์ดาวิด. อับซาโลมเป็นคนหน้าตาดีมาก. แต่ในเวลาต่อมา เขากลายเป็นเหมือนซาตานโดยปล่อยให้เกิดความทะเยอทะยานที่เห็นแก่ตัวเพราะเขาเริ่มโลภอยากได้บัลลังก์ของราชบิดา ซึ่งเขาไม่มีสิทธิ์จะได้รับ. * โดยใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อจะยึดตำแหน่งกษัตริย์ อับซาโลมแสร้งทำทีว่าห่วงใยเพื่อนร่วมชาติชาวอิสราเอลอย่างยิ่ง และขณะเดียวกันก็พูดเป็นนัย ๆ ว่ากษัตริย์ไม่สนใจประชาชน. ใช่แล้ว อับซาโลมทำเหมือนกับที่พญามารทำในสวนเอเดน คือพยายามทำให้ผู้คนเชื่อว่าเขาห่วงใยประชาชน และขณะเดียวกันก็พูดให้ร้ายราชบิดาของตนเองอย่างชั่วร้าย.—2 ซามู. 15:1-5
6 แผนการอันชาญฉลาดของอับซาโลมสำเร็จไหม? แผนของเขาสำเร็จในระดับหนึ่ง เพราะคัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า “อับซาโลมจึงทำให้ชาวอิสราเอลมีใจเอนเอียงมาอยู่ฝ่ายตน.” (2 ซามู. 15:6, ล.ม.) แต่ในที่สุด ความอหังการของอับซาโลมก็นำเขาไปสู่ความหายนะ. และน่าเศร้าที่ความเย่อหยิ่งของเขายังทำให้เขาเองและคนอีกนับหมื่นที่ถูกเขาหลอกต้องมาจบชีวิตลง.—2 ซามู. 18:7, 14-17
7. เราอาจได้บทเรียนอะไรจากเรื่องของอับซาโลม? (โปรดดูภาพหน้า 14)
7 เหตุใดชาวอิสราเอลเหล่านั้นจึงถูกหลอกง่ายเหลือเกิน? พวกเขาอาจปรารถนาจะได้สิ่งที่อับซาโลมสัญญากับพวกเขา. หรือพวกเขาอาจจะถูกโน้มน้าวใจเพราะรูปร่างหน้าตาของอับซาโลม. ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรจริง ๆ เราแน่ใจได้ว่าพวกเขาขาดความภักดีต่อพระยะโฮวาและกษัตริย์ที่พระองค์ทรงแต่งตั้ง. ในทุกวันนี้ ซาตานยังคงใช้คนที่เป็นเหมือนกับอับซาโลมให้พยายามหลอกผู้รับใช้ของพระยะโฮวา. คนเหล่านี้อาจกล่าวว่า ‘มาตรฐานของพระยะโฮวาเข้มงวดเกินไป. ดูคนอื่นที่ไม่ได้รับใช้พระยะโฮวาสิ. พวกเขาสนุกกันจะตายไป!’ คุณจะมองออกว่านั่นเป็นคำโกหกที่น่าชิงชังและรักษาความภักดีต่อพระเจ้าต่อไปไหม? คุณจะยอมรับไหมว่ามีเพียง “กฎหมายอันสมบูรณ์” ของพระยะโฮวาอันได้แก่บัญญัติของพระคริสต์เท่านั้นที่จะนำคุณไปสู่เสรีภาพแท้ได้? (ยโก. 1:25) ถ้าอย่างนั้น จงแสดงให้เห็นว่าคุณรักกฎหมายนั้น และใช้เสรีภาพของคุณอย่างที่จะทำให้พระยะโฮวาพอพระทัย.—อ่าน 1 เปโตร 2:16
8. ตัวอย่างชีวิตจริงอะไรบ้างที่แสดงให้เห็นว่าการเพิกเฉยต่อมาตรฐานของพระยะโฮวาไม่ทำให้คนเรามีความสุข?
8 คนหนุ่มสาวตกเป็นเป้าของซาตานเป็นพิเศษ. พี่น้องหนุ่มคนหนึ่งซึ่งตอนนี้อายุ 30 กว่าปีเล่าถึงช่วงที่เขาเป็นวัยรุ่นว่า “ผมมองว่ามาตรฐานด้านศีลธรรมของพระยะโฮวาเป็นการจำกัดเสรีภาพ ไม่ได้มองว่าเป็นสิ่งที่ช่วยปกป้อง.” ผลก็คือ เขาทำผิด
ศีลธรรมทางเพศ. แต่การทำอย่างนั้นไม่ได้ทำให้เขามีความสุข. เขากล่าวว่า “ผมรู้สึกผิดอยู่ลึก ๆ และสำนึกเสียใจเป็นเวลาหลายปี.” เมื่อนึกถึงช่วงวัยรุ่น พี่น้องหญิงคนหนึ่งเขียนว่า “หลังจากที่ทำผิดประเวณีแล้ว เราจะรู้สึกแย่และรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า. แม้แต่ตอนนี้ผ่านไป 19 ปีแล้ว ความทรงจำที่ไม่ดีก็ยังผุดขึ้นมาเป็นครั้งคราว.” พี่น้องหญิงอีกคนหนึ่งกล่าวว่า “ความคิดที่ว่าการกระทำของดิฉันทำให้คนที่ดิฉันรักชอกช้ำใจขนาดไหนทำให้เกิดผลเสียหายอย่างมากต่อดิฉันทั้งทางอารมณ์และฝ่ายวิญญาณ. เป็นเรื่องแย่มาก ๆ ที่จะมีชีวิตอยู่โดยไม่เป็นที่พอพระทัยพระยะโฮวา.” ซาตานไม่ต้องการให้คุณคิดถึงผลเช่นนั้นของการทำบาป.9. (ก) มีคำถามอะไรบ้างที่ช่วยวิเคราะห์ทัศนะที่เรามีต่อพระยะโฮวารวมทั้งกฎหมายและหลักการของพระองค์? (ข) เหตุใดจึงสำคัญที่จะรู้จักพระเจ้าเป็นอย่างดี?
9 น่าเศร้าที่คนหนุ่มสาวหลายคนที่อยู่ในความจริง รวมทั้งผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อยด้วย ต้องเรียนรู้อย่างเจ็บปวดว่าความเพลิดเพลินที่ผิดบาปนั้นก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างมาก! (กลา. 6:7, 8) ดังนั้น จงถามตัวเองว่า ‘ฉันรู้อุบายที่ซาตานใช้เพื่อหลอกฉันจริง ๆ ไหม? ฉันมองว่าพระยะโฮวาทรงเป็นมิตรที่สนิทที่สุด เป็นบุคคลที่บอกความจริงเสมอ และต้องการให้ฉันได้รับสิ่งที่ดีที่สุดไหม? ฉันมั่นใจจริง ๆ ว่าพระองค์ไม่มีทาง หน่วงเหนี่ยวไม่ให้ฉันได้รับบางสิ่งบางอย่างที่ดีจริง ๆ และที่จะทำให้ฉันมีความสุขที่สุดไหม?’ (อ่านยะซายา 48:17, 18) เพื่อจะตอบได้อย่างจริงใจว่าใช่ คุณต้องมีมากกว่าเพียงแค่ความรู้ผิวเผินเกี่ยวกับพระยะโฮวา. คุณต้องรู้จักพระองค์อย่างถ่องแท้และยอมรับว่ากฎหมายและหลักการในคัมภีร์ไบเบิลสะท้อนให้เห็นว่าพระองค์ทรงรักคุณ และไม่ทรงปรารถนาจะปิดกั้นเสรีภาพไว้จากคุณ.—เพลง. 25:14
จงอธิษฐานขอให้มีใจประกอบด้วยสติปัญญาและเชื่อฟัง
10. เหตุใดเราควรพยายามเลียนแบบกษัตริย์โซโลมอนตอนที่ยังหนุ่ม?
10 เมื่อโซโลมอนยังหนุ่ม ท่านทูลอธิษฐานอย่างถ่อมใจว่า “ข้าพเจ้ายังเป็นแต่เด็ก ยังหารู้ว่าจะออกไปและเข้ามาอย่างไรไม่.” แล้วท่านก็อธิษฐานขอให้มีใจประกอบด้วยสติปัญญาและเชื่อฟัง. (1 กษัต. 3:7-9, 12) พระยะโฮวาทรงตอบคำทูลขอที่จริงใจนั้น และพระองค์จะทำอย่างเดียวกันกับคุณไม่ว่าคุณอายุยังน้อยหรืออายุมากแล้ว. แน่นอน พระยะโฮวาจะไม่ประทานความเข้าใจและสติปัญญาแก่คุณอย่างอัศจรรย์. แต่พระองค์จะทำให้คุณมีปัญญาหากคุณศึกษาพระคำของพระองค์อย่างจริงจัง อธิษฐานขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ และรับประโยชน์เต็มที่จากการจัดเตรียมฝ่ายวิญญาณที่ทรงจัดให้โดยทางประชาคมคริสเตียน. (ยโก. 1:5) จริงทีเดียว ด้วยวิธีเหล่านี้พระยะโฮวาทรงทำให้แม้แต่ผู้รับใช้ของพระองค์ที่อายุยังน้อยฉลาดกว่าคนที่เพิกเฉยคำแนะนำของพระองค์ แม้แต่คนที่ผู้คนในโลกเรียกกันว่า “คนมีปัญญาและคนฉลาด.”—ลูกา 10:21; อ่านบทเพลงสรรเสริญ 119:98-100
11-13. (ก) เราอาจได้บทเรียนที่ล้ำค่าอะไรจากบทเพลงสรรเสริญ 26:4, สุภาษิต 13:20, และ 1 โครินท์ 15:33? (ข) คุณจะนำหลักการในข้อคัมภีร์เหล่านี้ไปใช้อย่างไร?
11 ตอนนี้ ขอให้เรามาพิจารณาข้อคัมภีร์บางข้อที่สอนบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับการเลือกเพื่อน. การพิจารณานี้จะช่วยให้เราเข้าใจว่าเป็นเรื่องสำคัญสักเพียงไรที่เราจะศึกษาคัมภีร์ไบเบิลและใคร่ครวญ เพื่อเราจะสามารถรู้จักพระยะโฮวาเป็นอย่างดี. บทเพลงสรรเสริญ 26:4 (ล.ม.) กล่าวว่า “ข้าพเจ้าไม่ได้นั่งกับคนหลอกลวง และไม่ได้คบหากับคนอำพรางตัว.” ที่สุภาษิต 13:20 (พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน) เราอ่านว่า “คนที่เดินกับคนมีปัญญาจะกลายเป็นคนมีปัญญา แต่เพื่อนของคนโง่จะถูกทำลาย.” และ 1 โครินท์ 15:33 กล่าวว่า “การคบหาที่ไม่ดีย่อมทำให้นิสัยดีเสียไป.”
12 มีบทเรียนอันมีค่าอะไรที่เราจะเรียนได้จากข้อคัมภีร์เหล่านี้? (1) พระยะโฮวาทรงประสงค์ให้เราเลือกคนที่เราคบหา. พระองค์ทรงประสงค์จะปกป้องเราทางด้านศีลธรรมและฝ่ายวิญญาณ. (2) เราได้รับอิทธิพลในทางดีหรือไม่ดีจากคนที่เราคบหาด้วย. นั่นคือข้อเท็จจริงของชีวิต. การใช้คำในข้อเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวาทรงพยายามจะกระตุ้นใจเรา. เป็นเช่นนั้นอย่างไร? ขอให้สังเกตว่าไม่มีสักข้อที่วางกฎเอาไว้ในทำนองที่ว่า “เจ้าต้องไม่ . . . ” แทนที่จะเป็นอย่างนั้น ข้อเหล่านี้เขียนอย่างเรียบ ๆ เพื่อแสดงข้อเท็จจริง. เป็นเหมือนกับว่าพระยะโฮวากำลังตรัสกับเราว่า ‘นี่คือข้อเท็จจริง. เจ้าจะทำอย่างไร? ใจจริงแล้วเจ้าอยากทำอะไร?’
13 สุดท้าย เนื่องจากสามข้อนี้เขียนออกมาเป็นข้อเท็จจริงพื้นฐาน สามข้อนี้จึงเป็นความจริงในสมัยนี้เช่นเดียวกับในสมัยที่เขียนพระคัมภีร์ และนำไปใช้ได้ในหลาย ๆ สถานการณ์. เพื่อเป็นตัวอย่าง ขอให้ถามตัวคุณเองว่า ฉันจะเลี่ยงการคบหาสมาคมกับคนที่ “อำพรางตัว” ได้อย่างไร? ในสถานการณ์เช่นไรที่ฉันอาจเข้าไปติดต่อเกี่ยวข้องกับคนแบบนั้น? (สุภา. 3:32; 6:12) ใครคือ “คนมีปัญญา” ที่พระยะโฮวาต้องการให้ฉันคบ? ใครคือ “คนโง่” ที่พระองค์ต้องการให้ฉันหลีกเลี่ยง? (เพลง. 111:10; 112:1; สุภา. 1:7) “นิสัยดี” อะไรที่อาจเสียไปถ้าฉันเลือกคบหากับคนไม่ดี? คนไม่ดีที่ฉันอาจคบด้วยเป็นคนที่อยู่นอกประชาคมคริสเตียนเท่านั้นไหม? (2 เป. 2:1-3) คุณจะตอบคำถามเหล่านี้อย่างไร?
14. คุณจะปรับปรุงการนมัสการประจำครอบครัวตอนเย็นได้อย่างไร?
14 หลังจากพิจารณาข้อพระคัมภีร์ดังกล่าวแล้ว คุณน่าจะลองพิจารณาข้อคัมภีร์อื่น ๆ ที่เผยให้เห็นความคิดของพระเจ้าในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับตัวคุณและครอบครัวด้วย. * บิดามารดาทั้งหลาย ขอให้พิจารณาเรื่องเหล่านี้ในการนมัสการประจำครอบครัวตอนเย็น. เมื่อคุณทำอย่างนั้น ขอจำไว้ว่าเป้าหมายของคุณคือการช่วยแต่ละคนในครอบครัวให้เข้าใจว่ากฎหมายและหลักการของพระเจ้าแสดงให้ เห็นว่าพระองค์ทรงรักเรามากขนาดไหน. (เพลง. 119:72) การศึกษาด้วยกันเช่นนี้จะชักนำทุกคนในครอบครัวให้ใกล้ชิดพระยะโฮวายิ่งขึ้นและใกล้ชิดกันและกันมากขึ้น.
15. คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณมีหัวใจที่ประกอบด้วยสติปัญญาและเชื่อฟังจริง ๆ?
15 คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณมีหัวใจที่ประกอบด้วยสติปัญญาและเชื่อฟังจริง ๆ? วิธีหนึ่งก็คือการเปรียบเทียบความคิดของคุณกับความคิดของเหล่าผู้ซื่อสัตย์ในสมัยโบราณ เช่น กษัตริย์ดาวิด. ท่านเขียนว่า “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพเจ้า, ข้าพเจ้ายินดี ที่จะประพฤติตามน้ำพระทัยของพระองค์ แท้จริงพระบัญญัติของพระองค์อยู่ในใจของข้าพเจ้า.” (เพลง. 40:8) ผู้เขียนเพลงสรรเสริญบท 119 กล่าวคล้าย ๆ กันว่า “ข้าพระองค์รักบทบัญญัติของพระองค์ยิ่งนัก! ข้าพระองค์ใคร่ครวญบทบัญญัตินั้นตลอดวัน.” (เพลง. 119:97, ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย ) คุณต้องพยายามอย่างมากเพื่อจะมีความรักแบบนี้. ความรักเช่นนี้จะงอกงามขึ้นเมื่อคุณศึกษาคัมภีร์ไบเบิลอย่างจริงจัง อธิษฐาน และใคร่ครวญ. นอกจากนั้น คุณจะมีความรักดังกล่าวมากขึ้นเมื่อคุณสังเกตในชีวิตของคุณเองว่าการยึดมั่นในมาตรฐานของพระเจ้าทำให้ได้รับพระพรมากมาย.—เพลง. 34:8
จงต่อสู้เพื่อเสรีภาพในฐานะคริสเตียน!
16. เราต้องจำอะไรไว้หากต้องการจะชนะในการต่อสู้เพื่อจะมีเสรีภาพแท้?
16 ตลอดประวัติศาสตร์ ชาติต่าง ๆ ทำสงครามกันอย่างทารุณโหดร้ายเพื่อจะได้เสรีภาพ. ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใดที่คุณควรเต็มใจที่จะต่อสู้เพื่อจะมีเสรีภาพในฐานะคริสเตียน! จำไว้ว่าศัตรูของคุณไม่ได้มีเพียงแค่ซาตาน โลก และน้ำใจของโลกที่เป็นอันตราย. คุณยังต้องต่อสู้กับความไม่สมบูรณ์ของตัวคุณเอง รวมถึงหัวใจที่ไว้ใจไม่ได้. (ยิระ. 17:9; เอเฟ. 2:3) แต่ด้วยความช่วยเหลือจากพระยะโฮวา คุณจะชนะการต่อสู้นี้ได้. นอกจากนั้น ชัยชนะแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก ก่อให้เกิดผลกระทบที่ดีอย่างน้อยสองประการ. ประการแรก คุณจะทำให้พระทัยพระยะโฮวายินดี. (สุภา. 27:11) ประการที่สอง เมื่อคุณได้ลิ้มลองพลังที่ทำให้เป็นอิสระของ “กฎหมายอันสมบูรณ์ซึ่งเกี่ยวข้องกับเสรีภาพ” ของพระเจ้า คุณก็จะตั้งใจแน่วแน่มากขึ้นที่จะรักษาตัวอยู่บน “ทางแคบ” ที่นำไปสู่ชีวิตนิรันดร์. ในที่สุด คุณจะได้รับเสรีภาพที่ยิ่งใหญ่กว่าตามที่พระยะโฮวาทรงสัญญาว่าจะประทานแก่ทุกคนที่ภักดีต่อพระองค์.—ยโก. 1:25; มัด. 7:13, 14
17. เหตุใดเราไม่ควรท้อใจเพราะความไม่สมบูรณ์ของเรา และพระยะโฮวาทรงช่วยเราอย่างไรเมื่อเราทำผิดพลาด?
17 แน่นอน บางครั้งเราทำผิดพลาด. (ผู้ป. 7:20) เมื่อเราทำผิดพลาด อย่ารู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าหรือท้อใจเกินไป. ถ้าคุณก้าวพลาดและล้มลง จงลุกขึ้นและก้าวต่อไป แม้ว่าคุณอาจต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ปกครอง. ยาโกโบเขียนว่า “การอธิษฐานด้วยความเชื่อ [ของพวกเขา] จะทำให้คนป่วยหายดี และพระยะโฮวาจะทรงโปรดให้เขาฟื้นตัว. ถ้าเขาได้ทำบาป พระองค์จะทรงให้อภัยเขา.” (ยโก. 5:15) อย่าลืมว่าพระเจ้าทรงมีความเมตตาอย่างแท้จริงและพระองค์ทรงชักนำคุณ เข้ามาอยู่ในประชาคมเพราะพระองค์ทรงเห็นบางสิ่งที่ดีในตัวคุณ. (อ่านบทเพลงสรรเสริญ 103:8, 9) ดังนั้น พระยะโฮวาจะทรงช่วยคุณเสมอตราบใดที่คุณรับใช้พระองค์อย่างสุดหัวใจ.—1 โคร. 28:9
18. เราจะทำสอดคล้องกับคำอธิษฐานของพระเยซูดังบันทึกที่โยฮัน 17:15 ได้อย่างไร?
18 ขณะที่พระเยซูทรงอธิษฐานในคืนสุดท้ายที่อยู่กับเหล่าอัครสาวกที่ซื่อสัตย์ 11 คน พระองค์ทรงทูลขอเพื่อพวกเขาด้วยคำตรัสที่น่าจดจำว่า “ขอให้ทรงดูแลพวกเขาเนื่องจากมีตัวชั่วร้ายนั้น.” (โย. 17:15) พระเยซูไม่เพียงแต่ห่วงใยเหล่าอัครสาวกเท่านั้น แต่ทรงห่วงใยสาวกทั้งหมด. ดังนั้น เราแน่ใจได้ว่าพระยะโฮวาจะทรงตอบคำอธิษฐานของพระเยซูด้วยการดูแลเราในสมัยอันวิกฤตินี้. ‘พระยะโฮวาทรงเป็นเกราะสำหรับคนทั้งหลายที่ดำเนินอยู่ในความสุจริต [“ความซื่อสัตย์จงรักภักดี,” ล.ม.]. พระองค์จะทรงระวังรักษามรคาแห่งสิทธชนทั้งหลายของพระองค์.’ (สุภา. 2:7, 8) การดำเนินในแนวทางที่ซื่อสัตย์จงรักภักดีไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นทางเดียวที่นำไปสู่ชีวิตนิรันดร์และเสรีภาพแท้. (โรม 8:21) อย่าให้ใครล่อลวงคุณให้หลงไปจากทางนี้!
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 5 พระเจ้าทรงสัญญากับดาวิดเรื่อง “เผ่าพันธุ์” ที่จะสืบบัลลังก์ของท่านหลังจากที่อับซาโลมเกิดแล้ว. ด้วยเหตุนั้น อับซาโลมน่าจะรู้ว่าพระยะโฮวาไม่ได้เลือกเขาให้เป็นผู้สืบราชบัลลังก์ของดาวิด.—2 ซามู. 3:3; 7:12
^ วรรค 14 ตัวอย่างของข้อคัมภีร์ที่ดีที่คุณจะพิจารณากับครอบครัวได้ก็คือ 1 โครินท์ 13:4-8 ซึ่งในข้อเหล่านี้เปาโลพรรณนาถึงความรัก และบทเพลงสรรเสริญ 19:7-11 ซึ่งกล่าวถึงพระพรมากมายที่เป็นผลมาจากการเชื่อฟังกฎหมายของพระยะโฮวา.
[คำถาม]
[ภาพหน้า 14]
เราจะบอกได้อย่างไรว่าใครคือ “อับซาโลม” ในสมัยปัจจุบัน และเราจะป้องกันตัวเองจากคนเหล่านี้ได้อย่างไร?