ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง

พระยะโฮวาทรงสอนผมให้ทำตามพระประสงค์ของพระองค์

พระยะโฮวาทรงสอนผมให้ทำตามพระประสงค์ของพระองค์

เล่า​โดย แมกซ์ ลอย์ด

กลาง​ดึก​คืน​หนึ่ง​ใน​ปี 1955 ผม​กับ​เพื่อน​มิชชันนารี อีก​คน​หนึ่ง​อยู่​ใน​เขต​งาน​มอบหมาย​ของ​เรา​คือ​ที่​ประเทศ​ปารากวัย ทวีป​อเมริกา​ใต้. ฝูง​ชน​ที่​โกรธ​แค้น​มา​ล้อม​บ้าน​และ​ตะโกน​ว่า “พระ​ของ​พวก​เรา​เป็น​พระ​ที่​กระหาย​เลือด และ​พระองค์​อยาก​ได้​เลือด​ของ​พวก​กรินโกส.” พวก​เรา​ที่​เป็น​กรินโกส (คน​ต่าง​ชาติ) มา​อยู่​ที่​นี่​ได้​อย่าง​ไร?

สำหรับ​ตัว​ผม​เอง เรื่อง​ราว​ทั้ง​หมด​นี้​เริ่ม​ต้น​ตั้ง​แต่​เมื่อ​หลาย​ปี​มา​แล้ว​ใน​ออสเตรเลีย ประเทศ​ที่​ผม​เติบโต​ขึ้น และ​เป็น​ที่​ที่​พระ​ยะโฮวา​ทรง​เริ่ม​สอน​ผม​ให้​ทำ​ตาม​พระ​ประสงค์​ของ​พระองค์. พ่อ​ผม​รับ​หนังสือ​ที่​ชื่อ​ศัตรู (ภาษา​อังกฤษ) จาก​พยาน​ฯ คน​หนึ่ง​ใน​ปี 1938. พ่อ​กับ​แม่​ไม่​พอ​ใจ​นัก​เทศน์​นัก​บวช​ใน​ท้องถิ่น​อยู่​แล้ว เพราะ​พวก​เขา​อ้าง​ว่า​บาง​ส่วน​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​นิทาน. ประมาณ​หนึ่ง​ปี​หลัง​จาก​นั้น พ่อ​กับ​แม่​ก็​รับ​บัพติสมา​เป็น​สัญลักษณ์​ของ​การ​อุทิศ​ตัว​แด่​พระ​ยะโฮวา. ตั้ง​แต่​นั้น​เป็น​ต้น​มา การ​ทำ​ตาม​พระ​ประสงค์​ของ​พระ​ยะโฮวา​เป็น​เรื่อง​สำคัญ​ที่​สุด​ใน​ครอบครัว​เรา. ต่อ​มา เลสลี​พี่​สาว​ผม​ซึ่ง​แก่​กว่า​ผม​ห้า​ปี​ก็​รับ​บัพติสมา และ​ผม​รับ​บัพติสมา​ใน​ปี 1940 ตอน​ที่​อายุ​เก้า​ขวบ.

หลัง​จาก​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 เริ่ม​ขึ้น​ได้​ไม่​นาน การ​พิมพ์​และ​การ​จำหน่าย​สรรพหนังสือ​อธิบาย​คัมภีร์​ไบเบิล​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​ออสเตรเลีย​ก็​ถูก​สั่ง​ห้าม. ดัง​นั้น ตั้ง​แต่​เป็น​เด็ก​ผม​เรียน​รู้​ที่​จะ​อธิบาย​ความ​เชื่อ​ของ​ผม​โดย​ใช้​คัมภีร์​ไบเบิล​เท่า​นั้น. ผม​ทำ​เป็น​นิสัย​ที่​จะ​เอา​คัมภีร์​ไบเบิล​ไป​โรง​เรียน​ด้วย​เพื่อ​ชี้​ให้​คน​อื่น ๆ ดู​ว่า​ทำไม​ผม​ไม่​เคารพ​ธง​หรือ​สนับสนุน​สงคราม​ที่​ชาติ​ต่าง ๆ ทำ​กัน.—เอ็ก. 20:4, 5; มัด. 4:10; โย. 17:16; 1 โย. 5:21

เด็ก​หลาย​คน​ที่​โรง​เรียน​ไม่​คบ​กับ​ผม​เพราะ​ผม​ถูก​ตรา​หน้า​ว่า “เป็น​สาย​ลับ​เยอรมัน.” ใน​ตอน​นั้น มี​การ​ฉาย​ภาพยนตร์​ที่​โรง​เรียน. ก่อน​หนัง​จะ​เริ่ม​ฉาย ทุก​คน​ต้อง​ยืน​ขึ้น​และ​ร้อง​เพลง​ชาติ. เมื่อ​เห็น​ว่า​ผม​ยัง​นั่ง​อยู่ เด็ก​ผู้​ชาย​สอง​สาม​คน​ก็​จะ​จับ​ผม​ของ​ผม​ดึง​ให้​ผม​ลุก​ขึ้น. ใน​ที่​สุด​ผม​ถูก​ไล่​ออก​จาก​โรง​เรียน​เพราะ​ยึด​มั่น​กับ​ความ​เชื่อ​ที่​อาศัย​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​หลัก. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ผม​สามารถ​เรียน​หนังสือ​ที่​บ้าน​ได้​โดย​ทาง​ไปรษณีย์.

เป้าหมาย​ที่​ผม​บรรลุ​ใน​ที่​สุด

ผม​ตั้ง​เป้าหมาย​ส่วน​ตัว​ว่า​จะ​เริ่ม​รับใช้​เต็ม​เวลา​เป็น​ไพโอเนียร์​ตอน​อายุ 14 ปี. ผม​จึง​รู้สึก​ผิด​หวัง​มาก​เมื่อ​พ่อ​แม่​บอก​ให้​ผม​หา​งาน​ทำ​ก่อน. พ่อ​แม่​ยืนกราน​ให้​ผม​จ่าย​ค่า​ห้อง​และ​ค่า​อาหาร​ขณะ​อยู่​ที่​บ้าน แต่​ท่าน​สัญญา​ว่า​เมื่อ​ผม​อายุ 18 ปี​ผม​จะ​เริ่ม​เป็น​ไพโอเนียร์​ได้. เรื่อง​ราย​ได้​ของ​ผม​ถูก​นำ​ขึ้น​มา​พูด​คุย​กัน​เป็น​ประจำ. ผม​โต้​แย้ง​ว่า​ผม​อยาก​เก็บ​เงิน​ไว้​สำหรับ​เป็น​ไพโอเนียร์ แต่​พ่อ​กับ​แม่​ก็​เอา​เงิน​ผม​ไป.

เมื่อ​ถึง​เวลา​ที่​ผม​จะ​เริ่ม​เป็น​ไพโอเนียร์ พ่อ แม่ และ​ผม​ก็​มา​นั่ง​คุย​กัน แล้ว​ท่าน​ก็​อธิบาย​ว่า​พวก​ท่าน​ได้​เอา​เงิน​ที่​ผม​ให้​ไป​ฝาก​ไว้​ใน​บัญชี​ออม​ทรัพย์​ที่​ธนาคาร. แล้ว​ท่าน​ก็​คืน​เงิน​ทุก​บาท​ทุก​สตางค์​ให้​ผม​ไป​ซื้อ​เสื้อ​ผ้า​และ​ของ​จำเป็น​อื่น ๆ สำหรับ​งาน​ไพโอเนียร์. พ่อ​แม่​สอน​ผม​ให้​ดู​แล​ตัว​เอง​และ​ไม่​คาด​หมาย​ให้​คน​อื่น​คอย​ดู​แล​ผม. เมื่อ​มอง​ย้อน​ไป การ​อบรม​นั้น​มี​ค่า​อย่าง​ยิ่ง.

ขณะ​ที่​ผม​กับ​เลสลี​เติบโต​ขึ้น มี​ไพโอเนียร์​มา​พัก​ที่​บ้าน​เรา​บ่อย ๆ และ​เรา​ชอบ​ไป​ประกาศ​กับ​พวก​เขา. เรา​อุทิศ​วัน​สุด​สัปดาห์​ให้​กับ​การ​ประกาศ​ตาม​บ้าน การ​ประกาศ​ตาม​ถนน และ​การ​นำ​การ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล. เป้าหมาย​ของ​ผู้​ประกาศ​คน​หนึ่ง​ใน​เวลา​นั้น​คือ​ประกาศ 60 ชั่วโมง​ต่อ​เดือน. แม่​บรรลุ​เป้าหมาย​นั้น​ได้​เกือบ​ทุก​เดือน ซึ่ง​เป็น​การ​วาง​ตัว​อย่าง​ที่​ดี​สำหรับ​ผม​และ​เลสลี.

เป็น​ไพโอเนียร์​ที่​เกาะ​แทสเมเนีย

เขต​งาน​มอบหมาย​แรก​ของ​ผม​ใน​ฐานะ​ไพโอเนียร์​คือ​เกาะ​แทสเมเนีย​ซึ่ง​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ของ​ประเทศ​ออสเตรเลีย และ​ที่​นั่น​ผม​ได้​ไป​สมทบ​กับ​พี่​สาว​ผม​และ​สามี​ของ​เธอ. แต่​หลัง​จาก​นั้น​ไม่​นาน​พวก​เขา​ก็​ไป​เข้า​โรง​เรียน​กิเลียด​ชั้น​เรียน​ที่ 15. ผม​เป็น​คน​ขี้อาย​มาก​และ​ไม่​เคย​จาก​บ้าน​ไป​ที่​ไหน​ไกล ๆ. บาง​คน​เดา​ว่า​ผม​คง​จะ​อยู่​ได้​ไม่​เกิน​สาม​เดือน. แต่​ภาย​ใน​หนึ่ง​ปี คือ​ใน​ปี 1950 ผม​ได้​รับ​แต่ง​ตั้ง​ให้​เป็น​ผู้​รับใช้​หมู่​คณะ ซึ่ง​มี​หน้า​ที่​คล้าย​กับ​ผู้​ประสาน​งาน​คณะ​ผู้​ปกครอง​ใน​ปัจจุบัน. ต่อ​มา ผม​ได้​รับ​การ​แต่ง​ตั้ง​ให้​เป็น​ไพโอเนียร์​พิเศษ และ​มี​พี่​น้อง​หนุ่ม​อีก​คน​หนึ่ง​เป็น​คู่​ไพโอเนียร์.

งาน​มอบหมาย​ของ​เรา​คือ​เมือง​ทำ​เหมือง​ทองแดง​ที่​อยู่​ห่าง​ไกล​ซึ่ง​ที่​นั่น​ไม่​มี​พยาน​ฯ เลย. เรา​นั่ง​รถ​โดยสาร​มา​ถึง​เมือง​นี้​ตอน​บ่าย ๆ. คืน​แรก เรา​พัก​ใน​โรงแรม​เก่า ๆ แห่ง​หนึ่ง. วัน​ถัด​มา ขณะ​ที่​เรา​ประกาศ​ตาม​บ้าน เรา​ถาม​เจ้าของ​บ้าน​ว่า​แถว​นั้น​มี​ห้อง​ว่าง​ไหม. พอ​ถึง​ตอน​เย็น​วัน​นั้น ก็​มี​คน​หนึ่ง​บอก​ว่า​บ้าน​ของ​ศาสนาจารย์​ที่​อยู่​ติด​กับ​โบสถ์​เพรสไบทีเรียน​ว่าง​อยู่​และ​แนะ​นำ​ให้​เรา​ไป​คุย​กับ​มัคนายก. เขา​เป็น​มิตร​มาก​และ​ให้​เรา​เช่า​บ้าน​หลัง​นั้น. เป็น​เรื่อง​ที่​ดู​แปลก ๆ อยู่​บ้าง​ที่​ต้อง​เดิน​ออก​จาก​บ้าน​ของ​ศาสนาจารย์​ทุก​วัน​เพื่อ​ไป​ประกาศ.

เขต​งาน​นั้น​เกิด​ผล​ดี​มาก. เรา​ได้​สนทนา​กับ​หลาย​คน​และ​เริ่ม​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​หลาย​คน. เมื่อ​ผู้​มี​อำนาจ​ของ​คริสตจักร​ใน​เมือง​หลวง​รู้​เรื่อง​นี้​และ​ได้​ยิน​ว่า​พยาน​พระ​ยะโฮวา​อยู่​ที่​บ้าน​ของ​ศาสนาจารย์ พวก​เขา​สั่ง​ให้​มัคนายก​ไล่​พวก​เรา​ออก​ทันที. อีก​ครั้ง​หนึ่ง​ที่​เรา​ไม่​มี​ที่​พัก!

หลัง​จาก​ประกาศ​จน​ถึง​เที่ยง​ของ​วัน​ถัด​ไป เรา​ก็​หา​ที่​พัก​สำหรับ​คืน​นั้น. อัฒจันทร์​ของ​สนาม​กีฬา​เป็น​ที่​ที่​ดี​ที่​สุด​เท่า​ที่​เรา​จะ​หา​ได้. เรา​ซ่อน​กระเป๋า​ของ​เรา​ไว้​ที่​นั่น​แล้ว​ก็​ไป​ประกาศ​ต่อ. แม้​ว่า​จวน​จะ​มืด​อยู่​แล้ว แต่​เรา​ก็​ตัดสิน​ใจ​ประกาศ​บ้าน​ที่​ยัง​เหลือ​อีก​ไม่​กี่​หลัง​เพื่อ​ให้​จบ​ถนน​ที่​เรา​ประกาศ. ที่​บ้าน​หลัง​หนึ่ง ชาย​คน​หนึ่ง​เสนอ​ให้​เรา​พัก​ที่​บ้าน​หลัง​เล็ก ๆ ที่​มี​สอง​ห้อง​นอน​ซึ่ง​อยู่​หลัง​บ้าน​ของ​เขา!

งาน​หมวด​และ​โรง​เรียน​กิเลียด

หลัง​จาก​ประกาศ​ใน​เขต​มอบหมาย​นี้​ได้​แปด​เดือน สำนักงาน​สาขา​ออสเตรเลีย​ก็​เชิญ​ผม​ให้​เป็น​ผู้​ดู​แล​หมวด. ผม​ตกใจ​มาก​เมื่อ​ได้​รับ​คำ​เชิญ​นั้น เพราะ​ผม​อายุ​แค่ 20 ปี. หลัง​จาก​ได้​รับ​การ​อบรม​สอง​สาม​สัปดาห์ ผม​เริ่ม​ไป​เยี่ยม​ประชาคม​ต่าง ๆ เป็น​ประจำ​เพื่อ​หนุน​ใจ​พี่​น้อง. พี่​น้อง​แทบ​ทุก​คน​อายุ​มาก​กว่า​ผม แต่​พวก​เขา​ก็​ไม่​ได้​ดูหมิ่น​ความ​หนุ่มแน่น​ของ​ผม. ทุก​คน​ให้​เกียรติ​ผม​และ​งาน​ที่​ผม​กำลัง​ทำ​อยู่.

การ​เดิน​ทาง​จาก​ประชาคม​หนึ่ง​ไป​อีก​ประชาคม​หนึ่ง​มี​หลาย​วิธี! สัปดาห์​หนึ่ง​ผม​เดิน​ทาง​ด้วย​รถ​โดยสาร อีก​สัปดาห์​หนึ่ง​โดย​รถ​ราง แล้ว​ก็​โดย​รถยนต์​หรือ​ซ้อน​ท้าย​มอเตอร์ไซค์ โดย​ที่​มือ​หนึ่ง​ถือ​กระเป๋า​เสื้อ​ผ้า​และ​อีก​มือ​หนึ่ง​ถือ​กระเป๋า​ประกาศ. การ​ได้​พัก​กับ​เพื่อน​พยาน​ฯ ทำ​ให้​มี​ความ​สุข​จริง ๆ. ผู้​รับใช้​หมู่​คณะ​คน​หนึ่ง​อยาก​ให้​ผม​พัก​กับ​เขา​มาก​แม้​ว่า​บ้าน​ของ​เขา​ยัง​สร้าง​ไม่​เสร็จ. ใน​สัปดาห์​นั้น ที่​นอน​ของ​ผม​อยู่​ใน​อ่าง​อาบ​น้ำ แต่​ก็​เป็น​สัปดาห์​ที่​เรา​ชื่นชม​ยินดี​ที่​ได้​เสริม​สร้าง​กัน​ฝ่าย​วิญญาณ!

ใน​ปี 1953 ผม​ต้อง​ประหลาด​ใจ​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​เมื่อ​ได้​รับ​ใบ​สมัคร​สำหรับ​โรง​เรียน​กิเลียด​ชั้น​เรียน​ที่ 22. ผม​รู้สึก​ยินดี แต่​ก็​กังวล​อยู่​บ้าง. ที่​ผม​รู้สึก​อย่าง​นั้น​ก็​เพราะ​หลัง​จาก​ที่​พี่​สาว​ผม​กับ​สามี​ของ​เธอ​จบ​จาก​โรง​เรียน​กิเลียด​ใน​วัน​ที่ 30 กรกฎาคม 1950 พวก​เขา​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​รับใช้​ที่​ปากีสถาน. ทั้ง​สอง​รับใช้​ที่​นั่น​ยัง​ไม่​ทัน​ถึง​ปี​เลสลี​ก็​ป่วย​และ​เสีย​ชีวิต. ผม​สงสัย​ว่า​พ่อ​กับ​แม่​จะ​รู้สึก​อย่าง​ไร​ถ้า​อีก​ไม่​นาน​ผม​จะ​ต้อง​ไป​รับใช้​ใน​อีก​ส่วน​หนึ่ง​ของ​โลก. แต่​พ่อ​กับ​แม่​บอก​ผม​ว่า “ไป​เลย​ลูก ไป​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​ใน​ที่​ที่​พระองค์​ทรง​ชี้​ให้​ไป.” ผม​ไม่​ได้​พบ​พ่อ​อีก​เลย. พ่อ​เสีย​ชีวิต​ใน​ปี 1957.

ไม่​นาน ผม​กับ​พี่​น้อง​ชาว​ออสเตรเลีย​อีก​ห้า​คน​ก็​นั่ง​เรือ​ไป​นคร​นิวยอร์ก​ซึ่ง​ใช้​เวลา​เดิน​ทาง​หก​สัปดาห์. ระหว่าง​ทาง เรา​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล​ด้วย​กัน ศึกษา และ​ประกาศ​กับ​เพื่อน​ผู้​โดยสาร. ก่อน​ที่​จะ​ไป​เข้า​โรง​เรียน​ที่​เซาท์แลนซิง นคร​นิวยอร์ก เรา​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​นานา​ชาติ​ที่​สนาม​กีฬา​แยงกี​ใน​เดือน​กรกฎาคม 1953. ยอด​สูง​สุด​ของ​ผู้​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​คือ 165,829 คน!

ชั้น​เรียน​กิเลียด​ของ​เรา​มี​นัก​เรียน 120 คน​ซึ่ง​มา​จาก​ทุก​ส่วน​ของ​โลก. ไม่​มี​การ​แจ้ง​ให้​ทราบ​ว่า​เรา​จะ​ถูก​มอบหมาย​ให้​ไป​รับใช้​ที่​ไหน​จน​กระทั่ง​วัน​จบ​หลัก​สูตร. เรา​รีบ​ไป​ที่​ห้อง​สมุด​ของ​โรง​เรียน​กิเลียด​เพื่อ​ค้น​หา​ข้อมูล​เกี่ยว​กับ​ประเทศ​ที่​เรา​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ไป. ผม​ได้​มา​รู้​ว่า​ปารากวัย ประเทศ​ที่​ผม​ได้​รับ​มอบหมาย เป็น​ประเทศ​ที่​มี​ประวัติ​ใน​เรื่อง​การ​ปฏิวัติ​ทาง​การ​เมือง. หลัง​จาก​ไป​ถึง​ได้​ไม่​นาน ผม​ถาม​มิชชันนารี​คน​อื่น ๆ ใน​ตอน​เช้า​ว่า ใน​คืน​นั้น​มี​การ “เฉลิม​ฉลอง” อะไร​กัน. พวก​เขา​ยิ้ม​และ​บอก​ว่า “คุณ​เจอ​การ​ปฏิวัติ​ครั้ง​แรก​ของ​คุณ​แล้ว​ล่ะ. ไป​ดู​หน้า​บ้าน​สิ.” ทหาร​ยืน​อยู่​เต็ม​ไป​หมด!

ประสบการณ์​ที่​ลืม​ไม่​ลง

ใน​โอกาส​หนึ่ง ผม​กับ​ผู้​ดู​แล​หมวด​ไป​เยี่ยม​ประชาคม​หนึ่ง​ที่​อยู่​ห่าง​ไกล​และ​ฉาย​ภาพยนตร์​สมาคม​โลก​ใหม่​ใน​ภาค​ปฏิบัติ ให้​พวก​เขา​ดู. เรา​เดิน​ทาง​ประมาณ​แปด​หรือ​เก้า​ชั่วโมง ที​แรก​นั่ง​รถไฟ แล้ว​ก็​นั่ง​รถ​เทียม​ม้า และ​สุด​ท้าย​นั่ง​เกวียน​เทียม​วัว. เรา​แบก​เครื่อง​ปั่น​ไฟ​และ​เครื่อง​ฉาย​ภาพยนตร์​ไป​ด้วย. หลัง​จาก​ที่​ไป​ถึง​จุด​หมาย​ปลาย​ทาง ใน​วัน​ถัด​ไป​เรา​ใช้​เวลา​เยี่ยม​ฟาร์ม​ต่าง ๆ และ​เชิญ​ทุก​คน​มา​ดู​ภาพยนตร์​ที่​จะ​ฉาย​ใน​คืน​นั้น. มี​ประมาณ 15 คน​เข้า​ร่วม​ชม.

หลัง​จาก​ฉาย​ภาพยนตร์​ไป​ได้​ประมาณ 20 นาที มี​คน​มา​บอก​เรา​ให้​รีบ​เข้า​ไป​ใน​บ้าน​เร็ว​ที่​สุด​เท่า​ที่​จะ​ทำ​ได้. เรา​คว้า​เครื่อง​ฉาย​ภาพยนตร์​และ​ทำ​ตาม​ที่​พวก​เขา​บอก. ใน​ตอน​นี้​เอง​ที่​พวก​ผู้​ชาย​เริ่ม​ยิง​ปืน และ​ตะโกน​ซ้ำ​แล้ว​ซ้ำ​เล่า​ว่า “พระ​ของ​พวก​เรา​เป็น​พระ​ที่​กระหาย​เลือด และ​พระองค์​อยาก​ได้​เลือด​ของ​พวก​กรินโกส.” ที่​นั่น​มี​กรินโกส​แค่​สอง​คน และ​ผม​ก็​เป็น​หนึ่ง​ใน​สอง​คน​นั้น! คน​ที่​มา​ดู​การ​ฉาย​ภาพยนตร์​ขวาง​คน​กลุ่ม​นี้​ไว้​ไม่​ให้​เข้า​ไป​ใน​บ้าน. แต่​ก่อน​ที่​พวก​ผู้​ต่อ​ต้าน​จะ​กลับ​ไป​ตอน​ตี​สาม พวก​เขา​ยิง​ปืน​ขู่​และ​ผูก​อาฆาต​ไว้​ว่า​จะ​เล่น​งาน​พวก​เรา​ตอน​ที่​พวก​เรา​เดิน​ทาง​กลับ​เข้า​เมือง.

พี่​น้อง​ชาย​สอง​คน​ไป​ติด​ต่อ​กับ​นาย​อำเภอ และ​นาย​อำเภอ​ก็​มา​หา​เรา​ใน​ตอน​บ่าย​พร้อม​กับ​ม้า​สอง​ตัว​เพื่อ​พา​เรา​เข้า​เมือง. ระหว่าง​ทาง เมื่อ​ใกล้​จะ​ถึง​พุ่ม​ไม้​หรือ​ต้น​ไม้ เขา​จะ​ชัก​ปืน​ออก​มา​และ​ควบ​ม้า​ไป​ตรวจ​ดู​บริเวณ​นั้น​ก่อน. ผม​เห็น​ว่า​ม้า​เป็น​พาหนะ​ที่​สำคัญ ใน​ภาย​หลัง​ผม​จึง​หา​ซื้อ​ม้า​ไว้​ตัว​หนึ่ง.

มี​มิชชันนารี​มา​เพิ่ม

งาน​ประกาศ​เกิด​ผล​ดี​อย่าง​ต่อ​เนื่อง​แม้​ว่า​พวก​นัก​เทศน์​ต่อ​ต้าน​อยู่​เรื่อย ๆ. ใน​ปี 1955 เรา​มี​มิชชันนารี​มา​ใหม่​ห้า​คน หนึ่ง​ใน​นั้น​คือ​พี่​น้อง​สาว​ชาว​แคนาดา​ที่​ชื่อ​เอลซี สวอนซัน ซึ่ง​จบ​จาก​โรง​เรียน​กิเลียด​ชั้น​เรียน​ที่ 25. เรา​รับใช้​ที่​สำนักงาน​สาขา​ด้วย​กัน​อยู่​ช่วง​หนึ่ง​ก่อน​ที่​เธอ​ได้​รับ​มอบหมาย​ไป​อีก​เมือง​หนึ่ง. เธอ​ได้​อุทิศ​ชีวิต​เพื่อ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​โดย​ที่​ได้​รับ​ความ​ช่วยเหลือ​เล็ก​น้อย​จาก​พ่อ​แม่ ซึ่ง​ทั้ง​สอง​ไม่​ตอบรับ​ความ​จริง. วัน​ที่ 31 ธันวาคม 1957 ผม​กับ​เอลซี​แต่งงาน​กัน และ​เรา​ไป​อยู่​ด้วย​กัน​ที่​บ้าน​มิชชันนารี​ใน​ตอน​ใต้​ของ​ประเทศ​ปารากวัย.

บ้าน​ของ​เรา​ไม่​มี​น้ำ​ประปา แต่​เรา​มี​บ่อ​น้ำ​ที่​สวน​หลัง​บ้าน. ดัง​นั้น เรา​จึง​ไม่​มี​ห้อง​อาบ​น้ำ​หรือ​ห้อง​ส้วม​ใน​บ้าน ไม่​มี​เครื่อง​ซัก​ผ้า และ​แม้​แต่​ตู้​เย็น​ก็​ไม่​มี. เรา​ซื้อ​อาหาร​สด​ทุก​วัน. แต่​ชีวิต​ที่​เรียบ​ง่าย​และ​สาย​สัมพันธ์​ที่​เปี่ยม​ด้วย​ความ​รัก​กับ​พี่​น้อง​ใน​ประชาคม​ทำ​ให้​ชีวิต​สมรส​ของ​เรา​ใน​ช่วง​เวลา​นั้น​มี​ความ​สุข​มาก.

ใน​ปี 1963 หลัง​จาก​ที่​เรา​มา​ถึง​ออสเตรเลีย​เพื่อ​เยี่ยม​แม่​ผม​ได้​ไม่​นาน แม่​ก็​เกิด​อาการ​หัวใจ​วาย อาจ​เป็น​เพราะ​ความ​ตื่นเต้น​ที่​ได้​เห็น​ลูก​ชาย​หลัง​จาก​ที่​ไม่​ได้​พบ​กัน​เป็น​เวลา​สิบ​ปี. พอ​ใกล้​จะ​ถึง​เวลา​ที่​ต้อง​กลับ​ไป​ยัง​เขต​มอบหมาย​ของ​เรา​ที่​ปารากวัย เรา​เผชิญ​กับ​การ​ตัดสิน​ใจ​ที่​สำคัญ​ที่​สุด​อย่าง​หนึ่ง​ใน​ชีวิต. เรา​ควร​ทิ้ง​แม่​ไว้​ที่​โรง​พยาบาล​โดย​หวัง​ว่า​จะ​มี​ใคร​บาง​คน​ช่วย​ดู​แล​ท่าน​และ​กลับ​ไป​ปารากวัย​ซึ่ง​เป็น​เขต​มอบหมาย​ที่​เรา​รัก​ไหม? หลัง​จาก​อธิษฐาน​อย่าง​จริงจัง ผม​กับ​เอลซี​ก็​ตัดสิน​ใจ​อยู่​ดู​แล​แม่. เรา​สามารถ​ทำ​อย่าง​นั้น​ได้​และ​ยัง​คง​รับใช้​เต็ม​เวลา​จน​กระทั่ง​แม่​เสีย​ชีวิต​ใน​ปี 1966.

นับ​เป็น​สิทธิ​พิเศษ​ที่​สามารถ​รับใช้​เป็น​ผู้​ดู​แล​หมวด​และ​ผู้​ดู​แล​ภาค​เป็น​เวลา​หลาย​ปี​ที่​ออสเตรเลีย​และ​สอน​ใน​โรง​เรียน​พระ​ราชกิจ​สำหรับ​ผู้​ปกครอง. ใน​เวลา​ต่อ​มา​ก็​มี​การ​เปลี่ยน​แปลง​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​ใน​ชีวิต​เรา. ผม​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​เป็น​สมาชิก​คน​หนึ่ง​ใน​คณะ​กรรมการ​สาขา​ชุด​แรก​ใน​ประเทศ​ออสเตรเลีย. ต่อ​มา เมื่อ​เรา​จะ​สร้าง​สำนักงาน​สาขา​ใหม่ ผม​ได้​รับ​การ​แต่ง​ตั้ง​ให้​เป็น​ประธาน​ของ​คณะ​กรรมการ​การ​ก่อ​สร้าง. โดย​ได้​รับ​ความ​ช่วยเหลือ​จาก​หลาย​คน​ที่​มี​ประสบการณ์​และ​จาก​พี่​น้อง​ที่​ร่วม​มือ​กัน​ใน​การ​ก่อ​สร้าง เรา​จึง​มี​สำนักงาน​สาขา​ที่​สวย​งาม.

ต่อ​มา ผม​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​รับใช้​ใน​แผนก​การ​รับใช้ ซึ่ง​ดู​แล​งาน​ประกาศ​ของ​ประเทศ. ผม​ยัง​ได้​รับ​สิทธิ​พิเศษ​ให้​เยี่ยม​สำนักงาน​สาขา​ต่าง ๆ ตลอด​ทั่ว​โลก​ใน​ฐานะ​ผู้​ดู​แล​โซน​เพื่อ​ให้​การ​ช่วยเหลือ​และ​หนุน​ใจ. การ​เยี่ยม​บาง​ประเทศ​ที่​มี​พี่​น้อง​เคย​ติด​คุก​และ​อยู่​ใน​ค่าย​กัก​กัน​เป็น​เวลา​หลาย​ปี​หรือ​แม้​กระทั่ง​หลาย​สิบ​ปี​เนื่อง​จาก​พวก​เขา​เชื่อ​ฟัง​พระ​ยะโฮวา​อย่าง​ซื่อ​สัตย์​ได้​เสริม​ความ​เชื่อ​ผม​เป็น​พิเศษ.

งาน​มอบหมาย​ของ​เรา​ใน​ปัจจุบัน

หลัง​จาก​ที่​เดิน​ทาง​เยี่ยม​ใน​ฐานะ​ผู้​ดู​แล​โซน​อย่าง​เหน็ด​เหนื่อย​ใน​ปี 2001 เสร็จ​แล้ว ผม​ได้​รับ​จดหมาย​เชิญ​ให้​ไป​บรุกลิน นิวยอร์ก เพื่อ​รับใช้​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ของ​คณะ​กรรมการ​สาขา​สหรัฐ​ที่​เพิ่ง​ตั้ง​ขึ้น​ใหม่. ผม​กับ​เอลซี​พิจารณา​เรื่อง​นี้​พร้อม​ด้วย​การ​อธิษฐาน แล้ว​เรา​ก็​ยินดี​ตอบรับ​งาน​มอบหมาย​นี้. ถึง​ตอน​นี้ หลัง​จาก​ที่​ผ่าน​ไป​มาก​กว่า 11 ปี​เรา​ยัง​คง​รับใช้​ที่​บรุกลิน.

ผม​มี​ความ​สุข​มาก​ที่​ภรรยา​ผม​ยินดี​ที่​จะ​ทำ​อะไร​ก็​ตาม​ที่​พระ​ยะโฮวา​ทรง​ขอ​ให้​เรา​ทำ. ตอน​นี้​ผม​กับ​เอลซี​อายุ 80 ปี​เศษ ๆ และ​ยัง​มี​สุขภาพ​ที่​พอ​ใช้​ได้. เรา​คอย​ท่า​ที่​จะ​ได้​รับ​การ​สอน​จาก​พระ​ยะโฮวา​ตลอด​ชั่วนิรันดร์​พร้อม​กับ​พระ​พร​อัน​อุดม​ซึ่ง​คน​ที่​ทำ​ตาม​พระ​ประสงค์​ของ​พระองค์​ต่อ ๆ ไป​จะ​ได้​รับ.

[คำ​โปรย​หน้า 19]

สัปดาห์​หนึ่ง​ผม​เดิน​ทาง​ด้วย​รถ​โดยสาร อีก​สัปดาห์​หนึ่ง​โดย​รถ​ราง แล้ว​ก็​โดย​รถยนต์​หรือ​ซ้อน​ท้าย​มอเตอร์ไซค์ โดย​ที่​มือ​หนึ่ง​ถือ​กระเป๋า​เสื้อ​ผ้า​และ​อีก​มือ​หนึ่ง​ถือ​กระเป๋า​ประกาศ

[คำ​โปรย​หน้า 21]

เรา​คอย​ท่า​ที่​จะ​ได้​รับ​การ​สอน​จาก​พระ​ยะโฮวา​ตลอด​ชั่วนิรันดร์

[ภาพ​หน้า 18]

ซ้าย: ตอน​ที่​เป็น​ผู้​ดู​แล​หมวด​ใน​ออสเตรเลีย

ขวา: ถ่าย​กับ​พ่อ​และ​แม่

[ภาพ​หน้า 20]

ใน​วัน​แต่งงาน​ของ​เรา วัน​ที่ 31 ธันวาคม 1957