จงระวังกับดักของพญามาร!
จงระวังกับดักของพญามาร!
“[จงหนีให้] พ้นจากกับดักของพญามาร.”—2 ติโม. 2:26
คุณจะตอบอย่างไร?
คุณจำเป็นต้องตรวจสอบตัวเองเช่นไรถ้าคุณมีแนวโน้มที่จะตำหนิคนอื่นอย่างที่ไม่สมควร?
คุณเรียนรู้อะไรได้จากตัวอย่างของปีลาตและเปโตรเพื่อจะไม่พ่ายแพ้แก่ความกลัวและแรงกดดัน?
คุณจะหลีกเลี่ยงความรู้สึกผิดมากเกินไปได้อย่างไร?
1, 2. เราจะพิจารณากับดักอะไรของพญามารในบทความนี้?
พญามารเสาะหาเหยื่อในหมู่ผู้รับใช้ของพระยะโฮวา. มันไม่ได้มีเป้าหมายที่จะทำลายชีวิตพวกเขาเสมอไปแบบเดียวกับพรานที่ฆ่าสัตว์ใหญ่ที่เขาล่า. แทนที่จะเป็นอย่างนั้น เป้าหมายหลักของพญามารคือการจับเหยื่อทั้งเป็นและทำให้คนที่มันจับได้ทำตามความประสงค์ของมัน.—อ่าน 2 ติโมเธียว 2:24-26
2 เพื่อจะจับเหยื่อทั้งเป็น พรานอาจใช้กับดักบางชนิด. เขาอาจต้อนสัตว์ให้ออกมาในที่โล่งเพื่อจะคล้องจับด้วยบ่วงบาศ. หรือเขาอาจใช้กับดักที่ซ่อนไว้ซึ่งมีกลไกที่จะจับสัตว์โดยที่มันไม่ทันรู้ตัว. พญามารใช้กับดักคล้าย ๆ กันเพื่อจับผู้รับใช้ของพระเจ้าทั้งเป็น. ถ้าเราไม่อยากถูกจับ เราต้องตื่นตัวและเอาใจใส่สัญญาณเตือนต่าง ๆ ที่บอกให้รู้ว่ามีบ่วงแร้วหรือกับดักของพญามารอยู่ใกล้ ๆ. บทความนี้จะพิจารณาวิธีที่เราจะระวังกับดักสามชนิดที่พญามารมักใช้ได้ผล. กับดักเหล่านี้ได้แก่ (1) คำพูดที่ไม่ได้ควบคุม (2) ความกลัวและแรงกดดัน และ (3) ความรู้สึกผิดมากเกินควร. บทความถัดไปจะพิจารณากับดักหรือบ่วงแร้วอีกสองอย่างของซาตาน.
ดับไฟคำพูดที่ไม่ได้ควบคุม
3, 4. การไม่ควบคุมคำพูดของเราอาจก่อให้เกิดผลเช่นไร? จงยกตัวอย่าง.
3 นายพรานบางคนจะจุดไฟเผาส่วนหนึ่งของป่าเพื่อจะไล่สัตว์ออกจากที่ซ่อน แล้วก็จับสัตว์ขณะที่พวกมันพยายามหนีไฟ. อาจกล่าวโดยนัยได้ว่าพญามารคงอยากจุดประชาคมคริสเตียนให้ลุกเป็นไฟ. ถ้ามันทำได้สำเร็จ มันก็จะสามารถไล่สมาชิกของประชาคมให้ออกจากสถานที่ที่ปลอดภัยเข้าไปสู่กรงเล็บของมัน. เราเองอาจร่วมมือกับมันโดยไม่รู้ตัวแล้วก็ติดกับดักของมันได้โดยวิธีใด?
4 สาวกยาโกโบเปรียบลิ้นหรือคำพูดว่าเป็นเหมือนไฟ. (อ่านยาโกโบ 3:6-8) ถ้าเราไม่ได้ควบคุมคำพูดของเรา เราอาจเริ่มจุดไฟป่าโดยนัยขึ้นในประชาคม. อาจเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้อย่างไร? ขอให้พิจารณาฉากเหตุการณ์ต่อไปนี้: ณ การประชุม มีคำประกาศ ว่าพี่น้องหญิงคนหนึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นไพโอเนียร์ประจำ. หลังการประชุม ผู้ประกาศสองคนคุยกันเกี่ยวกับคำประกาศนั้น. คนหนึ่งพูดว่าเป็นเรื่องน่ายินดีที่พี่น้องหญิงคนนั้นเริ่มเป็นไพโอเนียร์และหวังว่าเธอจะประสบความสำเร็จ. อีกคนหนึ่งตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับแรงกระตุ้นของไพโอเนียร์ใหม่คนนี้และพูดในทำนองว่าเธอก็เพียงแค่อยากจะเป็นคนเด่นในประชาคม. คุณอยากเป็นเพื่อนกับผู้ประกาศคนไหนในสองคนนี้? ไม่ใช่เรื่องยากที่จะดูออกว่าคนไหนที่อาจจะจุดไฟขึ้นในประชาคมด้วยคำพูดของเธอ.
5. เพื่อจะดับไฟคำพูดที่ไม่ได้ควบคุม เราควรตรวจสอบตัวเองเช่นไร?
5 เราจะดับไฟคำพูดที่ไม่ได้ควบคุมได้อย่างไร? พระเยซูตรัสว่า “ใจเต็มไปด้วยสิ่งใด ปากก็พูดตามนั้น.” (มัด. 12:34) ดังนั้น ขั้นตอนแรกก็คือการตรวจสอบหัวใจของเราเอง. เราหลีกเลี่ยงความรู้สึกที่ไม่ดีที่อาจทำให้เราพูดอย่างที่ทำให้คนอื่นเสียหายไหม? ตัวอย่างเช่น เมื่อเราได้ยินว่าพี่น้องคนหนึ่งพยายามเพื่อจะได้รับสิทธิพิเศษในการรับใช้บางอย่าง เราเชื่อว่าเขาทำอย่างนั้นด้วยแรงกระตุ้นที่บริสุทธิ์ หรือเราสงสัยว่าเขาทำอย่างนั้นด้วยเหตุผลที่เห็นแก่ตัว? ถ้าเรามีแนวโน้มที่จะมองคนในแง่ร้าย นับว่าดีที่จะจำไว้ว่าพญามารตั้งข้อสงสัยแรงกระตุ้นของโยบซึ่งเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระเจ้า. (โยบ 1:9-11) แทนที่จะสงสัยพี่น้องของเรา เราควรพิจารณาว่าทำไมเราจึงตำหนิเขา. เรามีเหตุผลที่ดีจริง ๆ ไหมที่จะทำอย่างนั้น? หรือว่าเราได้รับอิทธิพลจากทัศนคติของผู้คนในสมัยสุดท้ายนี้ที่ไม่มีความรัก?—2 ติโม. 3:1-4
6, 7. (ก) สาเหตุบางอย่างที่อาจทำให้เราตำหนิคนอื่นคืออะไร? (ข) เราควรแสดงปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อถูกด่าว่า?
6 ขอพิจารณาเหตุผลอื่น ๆ บางอย่างที่อาจทำให้เราตำหนิผู้อื่น. เหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะเราอยากให้คนอื่นหันมามองเรามากขึ้น. การที่เราตำหนิคนอื่นแบบนั้นเป็นเหมือนกับการพยายามยกตัวเองให้สูงขึ้นโดยการกดคนอื่นให้ต่ำลง. หรือเราอาจกำลังพยายามหาข้อแก้ตัวที่เราไม่ได้ทำสิ่งที่ควรทำ. ไม่ว่าจะเป็นเพราะความหยิ่ง ความอิจฉา หรือความไม่มั่นใจในตัวเอง การทำอย่างนั้นย่อมจะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างมาก.
7 เราอาจคิดว่าเรามีเหตุผลที่ดีที่จะตำหนิใครบางคน. เราอาจเคยเจ็บใจเพราะคำพูดที่ไม่ดีของเขา. หากเป็นอย่างนั้น การทำการร้ายตอบแทนการร้ายก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ. การทำอย่างนั้นมีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้น. ผู้ที่อยากให้เราทำอย่างนั้นคือพญามาร ไม่ใช่พระเจ้า. (2 ติโม. 2:26) เราควรเลียนแบบพระเยซูในเรื่องนี้. เมื่อพระองค์ถูกด่า “พระองค์ไม่ได้ด่าตอบ.” แทนที่จะทำอย่างนั้น พระองค์ “ทรงฝากพระองค์เองไว้กับพระเจ้าผู้ทรงพิพากษาด้วยความชอบธรรม.” (1 เป. 2:21-23) พระเยซูทรงเชื่อมั่นว่าพระยะโฮวาจะทรงดูแลเรื่อง ต่าง ๆ ด้วยวิธีและตามเวลาที่พระองค์ทรงประสงค์. เราควรไว้วางใจพระเจ้าแบบเดียวกันนี้. เมื่อเราพูดอย่างกรุณาซึ่งให้กำลังใจคนอื่น เราก็จะช่วยรักษา “ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันด้วยสันติสุขซึ่งเป็นสิ่งที่ผูกพันผู้คนให้มีเอกภาพ” ในประชาคม.—อ่านเอเฟโซส์ 4:1-3
จงหนีให้พ้นบ่วงแร้ว แห่งความกลัวและแรงกดดัน
8, 9. เหตุใดปีลาตจึงตัดสินลงโทษพระเยซู?
8 สัตว์ที่ถูกจับด้วยบ่วงแร้วไม่มีอิสระที่จะขยับตัวตามใจชอบได้อีกต่อไป. คล้ายกัน คนที่พ่ายแพ้แก่ความกลัวและแรงกดดันจากคนอื่น ๆ ก็สูญเสียการควบคุมชีวิตของตนอย่างน้อย ๆ ก็บางส่วน. (อ่านสุภาษิต 29:25) ขอให้เราพิจารณาตัวอย่างของชายสองคนที่แตกต่างกันมากซึ่งพ่ายแพ้แก่แรงกดดันและความกลัว และขอให้ดูว่าเราจะเรียนอะไรได้จากประสบการณ์ของพวกเขา.
9 ผู้ว่าราชการโรมันปอนติอุส ปีลาต รู้ว่าพระเยซูเป็นผู้บริสุทธิ์และเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการทำร้ายพระองค์. ที่จริง ปีลาตกล่าวว่า พระเยซู “ไม่ได้ทำอะไรที่ควรได้รับโทษถึงตาย.” แต่ปีลาตก็ตัดสินให้ประหารพระองค์. เพราะเหตุใด? เพราะปีลาตพ่ายแพ้แก่แรงกดดันจากฝูงชน. (ลูกา 23:15, 21-25) พวกผู้ต่อต้านกดดันให้ปีลาตทำตามที่พวกเขาต้องการโดยร้องตะโกนว่า “ถ้าท่านปล่อยคนนี้ ท่านก็ไม่ใช่มิตรของซีซาร์.” (โย. 19:12) ปีลาตอาจกลัวว่าเขาจะถูกปลดจากตำแหน่งหรือถึงกับถูกฆ่า ถ้าเขาเข้าข้างพระคริสต์. ด้วยเหตุนั้น เขาจึงยอมแพ้แก่แรงกดดันและทำตามความประสงค์ของพญามาร.
10. อะไรทำให้เปโตรปฏิเสธพระคริสต์?
10 อัครสาวกเปโตรเป็นคนหนึ่งที่ใกล้ชิดพระเยซูมากที่สุด. ท่านประกาศต่อหน้าคนอื่นว่าพระเยซูเป็นพระมาซีฮา. (มัด. 16:16) เปโตรยังคงรักษาความภักดีเมื่อสาวกคนอื่น ๆ ไม่เข้าใจว่าคำตรัสของพระเยซูในโอกาสหนึ่งมีความหมายเช่นไรและละทิ้งพระองค์. (โย. 6:66-69) และเมื่อพวกศัตรูมาจับพระเยซู เปโตรใช้ดาบเพื่อปกป้องผู้เป็นนายของตน. (โย. 18:10, 11) อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาเปโตรพ่ายแพ้แก่ความกลัวและปฏิเสธว่าไม่รู้จักพระเยซูคริสต์เสียด้วยซ้ำ. ความกลัวหน้ามนุษย์เป็นเหมือนกับดัก และเปโตรติดกับดักนี้อยู่ชั่วระยะหนึ่ง. ท่านไม่กล้าทำสิ่งที่ถูกต้องและไม่ภักดีต่อพระเยซู.—มัด. 26:74, 75
11. เราอาจต้องต่อสู้กับอิทธิพลที่ไม่ดีอะไรบ้าง?
11 ในฐานะคริสเตียน เราจำเป็นต้องต้านทานแรงกดดันให้ทำสิ่งที่จะทำให้พระเจ้าไม่พอพระทัย. นายจ้างหรือคนอื่น ๆ อาจพยายามบีบบังคับเราให้ทำสิ่งที่ไม่ซื่อสัตย์หรืออาจชักนำเราให้ทำผิดศีลธรรมทางเพศ. เด็กนักเรียนที่เป็นพยานฯ อาจต้องรับมือแรงกดดันจากเพื่อน ๆ ที่พยายามกดดันให้พวกเขาโกงข้อสอบ ดูสื่อลามก สูบบุหรี่ ใช้ยาเสพย์ติด ใช้เครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ หรือทำผิดประเวณี. ดังนั้น อะไรจะช่วยเราได้ให้หนีพ้นจากบ่วงแร้วแห่งความกลัวและแรงกดดันให้ทำสิ่งที่พระยะโฮวาไม่พอพระทัย?
12. อะไรทำให้ปีลาตและเปโตรพ่ายแพ้แก่ความกลัวและแรงกดดัน?
12 ขอให้เรามาดูว่าเราจะเรียนอะไรได้จากตัวอย่างของปีลาตและเปโตร. ปีลาตรู้น้อยมากเกี่ยวกับพระคริสต์. ถึงกระนั้น เขารู้ว่าพระเยซูทรงเป็นผู้บริสุทธิ์และไม่ใช่คนธรรมดา. แต่ปีลาตไม่มีความถ่อมใจและความรักต่อพระเจ้าองค์เที่ยงแท้. พญามารจับเขาทั้งเป็นได้อย่างง่ายดาย. เปโตรมีทั้งความรู้ถ่องแท้และความรักต่อพระเจ้า. แต่บางครั้ง ท่านขาดความเจียมตัว กลัว และพ่ายแพ้แก่แรงกดดัน. ก่อนพระเยซูจะถูกจับ เปโตรอวดอ้างว่า “แม้ทุกคนจะทิ้งพระองค์ไป แต่ข้าพเจ้าจะไม่ทิ้งพระองค์ไปเลย.” (มโก. 14:29) ท่านอัครสาวกคงจะพร้อมกว่านี้สำหรับการทดสอบในวันข้างหน้าถ้าท่านไว้วางใจพระเจ้าเหมือนกับผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญที่ร้องเพลงว่า “พระยะโฮวาทรงสถิตอยู่ฝ่ายข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่กลัว. มนุษย์จะกระทำ อะไรแก่ข้าพเจ้าได้เล่า?” (เพลง. 118:6) ในคืนสุดท้ายของชีวิตพระเยซูบนแผ่นดินโลก พระองค์ทรงพาเปโตรกับอัครสาวกอีกสองคนไปกับพระองค์ในสวนเกทเซมาเน. แต่แทนที่จะตื่นตัวอยู่เสมอ เปโตรกับเพื่อนกลับผล็อยหลับไป. พระเยซูทรงปลุกพวกเขาและตรัสว่า “จงเฝ้าระวังและอธิษฐานอยู่เสมอเพื่อเจ้าทั้งหลายจะไม่พ่ายแพ้การล่อใจ.” (มโก. 14:38) แต่เปโตรก็ยังหลับไปอีกครั้งหนึ่งและภายหลังจึงพ่ายแพ้แก่ความกลัวและแรงกดดัน.
13. เราจะต้านทานแรงกดดันให้ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องได้อย่างไร?
13 ตัวอย่างของปีลาตและเปโตรสอนบทเรียนที่สำคัญอย่างหนึ่งแก่เราคือ เราต้องมีความรู้ถ่องแท้ ความถ่อมใจ ความเจียมตัว ความรักต่อพระเจ้า และความเกรงกลัวพระยะโฮวาเพื่อเราจะไม่พ่ายแพ้แก่แรงกดดันหรือความกลัวหน้ามนุษย์. ถ้าเรามีความเชื่อที่อาศัยความรู้ถ่องแท้ เราจะกล้าพูดถึงความเชื่อของเราด้วยความมั่นใจ. นี่จะช่วยเราให้ต้านทานแรงกดดันและเอาชนะความกลัวหน้ามนุษย์. แน่นอน เราต้องไม่ประเมินความเข้มแข็งของตัวเองสูงเกินไป. แทนที่จะเป็นอย่างนั้น เราควรยอมรับอย่างถ่อมใจว่าเราจำเป็นต้องได้รับกำลังจากพระเจ้าเพื่อจะต้านทานแรงกดดัน. เราจำเป็นต้องอธิษฐานขอพระวิญญาณและให้ความรักที่มีต่อพระองค์กระตุ้นเราให้ทำตามมาตรฐานของพระเจ้าและยกย่องเชิดชูพระนามของพระองค์. นอกจากนั้น เราจำเป็นต้องเตรียมตัวให้พร้อมจะรับแรงกดดันก่อนที่จะเผชิญการทดสอบ. ตัวอย่างเช่น เราจำเป็นต้องอธิษฐานกับลูกและเตรียมเขาไว้ให้พร้อมเพื่อเขาจะรู้ว่าต้องทำอะไรเมื่อเพื่อน ๆ พยายามชักจูงเขาให้ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง.—2 โค. 13:7 *
จงหลีกเลี่ยงกับดักที่บดขยี้ ความรู้สึกผิดมากเกินควร
14. พญามารอยากให้เราเชื่อเช่นไรในเรื่องความผิดของเราในอดีต?
14 บางครั้ง กับดักที่ใช้จับสัตว์ประกอบด้วยไม้ซุงหรือหินหนัก ๆ แขวนไว้เหนือทางที่เหยื่อมักเดินผ่าน. เมื่อสัตว์ที่ไม่ทันระวังเดินเตะสายดักที่ขึงไว้ ไม้ซุงหรือหินก็จะตกลงมากระแทกเหยื่อ. ความรู้สึกผิดเกินควรอาจเปรียบได้กับไม้ซุงหรือหินหนัก ๆ ที่บดขยี้. เมื่อคิดถึงความผิดพลาดในอดีต เราอาจรู้สึกว่าถูกตีจน “ฟกช้ำมาก.” (อ่านบทเพลงสรรเสริญ 38:3-5, 8) ซาตานคงอยากให้เราเชื่อว่าเราเป็นคนบาปเกินกว่าที่พระยะโฮวาจะเมตตาเราได้และเราไม่มีทางจะปฏิบัติตามมาตรฐานของพระองค์ได้.
15, 16. คุณจะหลีกเลี่ยงกับดักของความรู้สึกผิดมากเกินควรได้อย่างไร?
15 คุณจะหลีกเลี่ยงกับดักที่บดขยี้ได้อย่างไร? ถ้าคุณพลาดพลั้งทำผิดร้ายแรง จงลงมือตั้งแต่บัดนี้ที่จะฟื้นฟูมิตรภาพกับพระยะโฮวา. จงเข้าหาผู้ปกครอง และขอความช่วยเหลือจากพวกเขา. (ยโก. 5:14-16) จงทำสิ่งที่คุณทำได้เพื่อแก้ไขสิ่งที่ผิด. (2 โค. 7:11) ถ้าคุณถูกตีสอน อย่าท้อใจ. การตีสอนเป็นสิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพระยะโฮวาทรงรักคุณ. (ฮีบรู 12:6) จงตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ทำผิดซ้ำ และระวังที่จะไม่ทำสิ่งใดก็ตามที่จะทำให้คุณทำผิดอย่างนั้นอีก. หลังจากที่คุณกลับใจและหันกลับแล้ว คุณต้องมีความเชื่อว่าค่าไถ่ของพระเยซูคริสต์สามารถปิดคลุมบาปของคุณได้จริง ๆ.—1 โย. 4:9, 14
16 บางคนยังคงรู้สึกผิดในเรื่องบาปซึ่งแท้ที่จริงเขาได้รับการอภัยแล้ว. หากเป็นอย่างนั้นกับคุณ ขอให้จำไว้ว่าพระยะโฮวาทรงให้อภัยเปโตรและอัครสาวกคนอื่น ๆ ที่ละทิ้งพระเยซูพระบุตรที่รักในยามที่จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนมากที่สุด. พระยะโฮวาทรงให้อภัยชายคนนั้นที่ถูกขับออกจากประชาคมในเมืองโครินท์เนื่องจากการทำผิดประเวณีที่เลว1 โค. 5:1-5; 2 โค. 2:6-8) พระคำของพระเจ้ากล่าวถึงหลายคนที่ทำบาปร้ายแรงซึ่งได้กลับใจและได้รับการอภัยจากพระเจ้า.—2 โคร. 33:2, 10-13; 1 โค. 6:9-11
ร้ายอย่างยิ่งแต่ในภายหลังได้กลับใจ. (17. ค่าไถ่สามารถทำอะไรเพื่อเรา?
17 พระยะโฮวาจะทรงให้อภัยคุณและลืมความผิดที่คุณได้ทำหากคุณกลับใจอย่างแท้จริงและตอบรับพระเมตตาของพระองค์. อย่าคิดว่าค่าไถ่ของพระเยซูปิดคลุมบาปของคุณไม่ได้. การคิดอย่างนั้นย่อมจะทำให้คุณติดกับดักอย่างหนึ่งของซาตาน. ไม่ว่าพญามารอยากให้คุณเชื่อเช่นไรก็ตาม แต่ค่าไถ่สามารถปิดคลุมบาปของทุกคนที่พลาดพลั้งทำผิดได้ถ้ากลับใจ. (สุภา. 24:16) ความเชื่อในเครื่องบูชาไถ่สามารถยกภาระหนักของความรู้สึกผิดเกินควรออกไปจากบ่าของคุณ และทำให้คุณมีกำลังเรี่ยวแรงที่จะรับใช้พระเจ้าอย่างสุดหัวใจ สุดความคิด และสุดชีวิต.—มัด. 22:37
เรารู้อุบายของซาตาน
18. เราจะหลีกเลี่ยงบ่วงแร้วที่พญามารวางไว้ได้อย่างไร?
18 ซาตานไม่สนใจว่ากับดักชนิดไหนที่จะใช้ได้ผล ตราบใดที่มันจับเราได้. เนื่องจากเรารู้อุบายของซาตาน เราจึงสามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกมันจับ. (2 โค. 2:10, 11) เราจะไม่ถูกจับด้วยบ่วงแร้วหรือกับดักของมัน ถ้าเราอธิษฐานขอสติปัญญาเพื่อเราจะรับมือการทดสอบ. ยาโกโบเขียนว่า “ถ้าพวกท่านคนใดขาดสติปัญญา ให้เขาทูลขอพระเจ้าต่อ ๆ ไป แล้วเขาจะได้รับจากพระองค์ เพราะพระองค์จะทรงประทานแก่ทุกคนด้วยพระทัยกว้างและไม่ทรงตำหนิ.” (ยโก. 1:5) เราต้องลงมือทำสอดคล้องกับคำอธิษฐานของเราด้วยการศึกษาส่วนตัวเป็นประจำและนำพระคำของพระเจ้าไปใช้ในชีวิต. คู่มือการศึกษาพระคัมภีร์ที่ทาสสัตย์ซื่อและสุขุมจัดเตรียมไว้ช่วยเราให้มองเห็นกับดักที่พญามารวางไว้และหลีกเลี่ยงกับดักเหล่านั้นได้.
19, 20. เหตุใดเราควรเกลียดสิ่งที่ชั่ว?
19 การอธิษฐานและการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลช่วยเราให้มีความรักต่อสิ่งที่ดีมากยิ่งขึ้น. แต่เป็นเรื่องสำคัญพอ ๆ กันที่เราต้องพัฒนาความเกลียดต่อสิ่งที่ชั่ว. (เพลง. 97:10) การใคร่ครวญถึงผลกระทบของการทำตามความปรารถนาที่เห็นแก่ตัวอาจช่วยเราให้หลีกเลี่ยงความปรารถนาเหล่านั้นได้. (ยโก. 1:14, 15) เมื่อเราเรียนรู้ที่จะเกลียดสิ่งที่ชั่วและรักสิ่งที่ดีอย่างแท้จริง เหยื่อล่อที่ซาตานวางไว้ในกับดักของมันก็จะไม่ดึงดูดใจเรา.
20 เรารู้สึกขอบคุณสักเพียงไรที่พระเจ้าทรงช่วยเราเพื่อซาตานจะไม่ชนะเรา! โดยทางพระวิญญาณ พระคำ และองค์การของพระองค์ พระยะโฮวาทรงช่วยเราให้รอดพ้น “จากตัวชั่วร้าย.” (มัด. 6:13) ในบทความถัดไป เราจะเรียนรู้วิธีหลีกเลี่ยงกับดักอีกสองอย่างที่พญามารใช้อย่างมีประสิทธิภาพในการจับผู้รับใช้ของพระเจ้าบางคนทั้งเป็น.
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 13 ในการนมัสการประจำครอบครัวตอนเย็น บิดามารดาควรพิจารณากับลูกโดยใช้เนื้อหาจากหอสังเกตการณ์ 15 พฤศจิกายน 2010 หน้า 9-10 และพระราชกิจของเรา กรกฎาคม 2011 หน้า 2. นอกจากนั้น ครอบครัวอาจพิจารณาด้วยกันในส่วนที่ชื่อ “แผนรับมือกับความกดดันจากเพื่อน ๆ” ในหนังสือคำถามที่หนุ่มสาวถาม—คำตอบที่ได้ผล เล่ม 2 หน้า 132-133 (ภาษาอังกฤษ).
[คำถาม]
[ภาพหน้า 21]
คำพูดที่ไม่ควบคุมอาจจุดไฟขึ้นในประชาคมได้
[ภาพหน้า 24]
คุณสามารถยกภาระหนักของความรู้สึกผิดมากเกินควรออกไปได้