รับมือความทุกข์ลำบากในสมัยปัจจุบันด้วยความกล้าหาญ
“พระเจ้าเป็นที่พึ่งพำนักและเป็นกำลังของพวกข้าพเจ้า, พระองค์เป็นผู้ทรงช่วยอันเลิศสถิตอยู่ใกล้ในเวลาลำบาก.”—เพลง. 46:1
1, 2. หลายคนประสบความยากลำบากอะไร และผู้รับใช้ของพระเจ้ามีความปรารถนาเช่นไร?
เรามีชีวิตอยู่ในสมัยที่ยากลำบาก. โลกเต็มไปด้วยภัยพิบัติ. แผ่นดินไหว สึนามิ ไฟป่า น้ำท่วม ภูเขาไฟระเบิด ทอร์นาโด ไต้ฝุ่น และเฮอร์ริเคนได้ทำความพินาศเสียหายอย่างมากแก่มนุษย์เรา. นอกจากนั้น ปัญหาครอบครัวและปัญหาส่วนตัวยังทำให้เกิดความกลัวและความโศกเศร้า. นับเป็นความจริงทีเดียวที่ว่า “ยามทุกข์ยากลำบากและเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดล่วงหน้า” เกิดแก่เราทุกคน.—ผู้ป. 9:11, ล.ม.
2 ผู้รับใช้ของพระเจ้าโดยรวมรับมือเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความทุกข์ลำบากเช่นนั้นได้ดี. แม้ว่าเป็นอย่างนั้น เราคงอยากเตรียมตัวให้พร้อมจะรับมือความลำบากใด ๆ ก็ตามที่อาจเกิดขึ้นกับเราในอนาคตขณะที่ระบบนี้ใกล้จะถึงอวสาน. เราจะรับมือปัญหาเหล่านี้และไม่ท้อแท้สิ้นหวังได้อย่างไร? อะไรจะช่วยเราให้รับมือความยากลำบากที่มีอยู่ในทุกวันนี้ด้วยความกล้าหาญ?
จงเรียนจากคนที่กล้าหาญ
3. ตามที่กล่าวไว้ในโรม 15:4 เราอาจได้รับการปลอบโยนอย่างไรเมื่อเผชิญสภาพการณ์ที่ทำให้ท้อใจ?
3 แม้ว่าสภาพการณ์ที่ยากลำบากมีผลกระทบต่อผู้คนมากยิ่งกว่าแต่ก่อน แต่ปัญหาต่าง ๆ ที่ทำให้คนเราเป็นทุกข์ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับมนุษยชาติ. ขอให้เรามาดูว่าเราจะเรียนอะไรได้จากผู้รับใช้บางคนของพระเจ้าในอดีตที่แสดงความกล้าหาญเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก.—โรม 15:4
4. ดาวิดอดทนความทุกข์ลำบากอะไรบ้าง และอะไรช่วยท่านให้รับมือได้?
4 ขอให้พิจารณาตัวอย่างของดาวิด. นอกเหนือจากอีกหลายสิ่งที่ท่านต้องรับมือ ท่านต้องอดทนกับความกริ้วของกษัตริย์, การโจมตีของศัตรู, ภรรยาถูกจับไปเป็นเชลย, การถูกคนใกล้ชิดทรยศ และความตึงเครียดทางอารมณ์. (1 ซามู. 18:8, 9; 30:1-5; 2 ซามู. 17:1-3; 24:15, 17; เพลง. 38:4-8) บันทึกเรื่องราวชีวิตของดาวิดในคัมภีร์ไบเบิลแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าความ ทุกข์ลำบากเหล่านี้ทำให้ท่านเจ็บปวดขนาดไหน. อย่างไรก็ตาม ความทุกข์ลำบากเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ความเชื่อของท่านในพระยะโฮวาอ่อนลง. ด้วยความเชื่อเต็มเปี่ยม ท่านกล่าวว่า “พระเจ้าทรงเป็นที่กำบังเข้มแข็งแห่งชีวิตข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะต้องเกรงใคร?”—เพลง. 27:1, พระคริสตธรรมคัมภีร์ฉบับ 1971; อ่าน บทเพลงสรรเสริญ 27:5, 10
5. อะไรช่วยอับราฮามและซาราห์ให้รับมือชีวิตที่ยากลำบากได้?
5 อับราฮามและซาราห์ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในเต็นท์ในฐานะคนต่างด้าวในดินแดนที่ไม่รู้จัก. การใช้ชีวิตอย่างนั้นไม่ง่ายเลยสำหรับท่านทั้งสอง. ตัวอย่างเช่น พวกท่านต้องประสบความยากลำบากเนื่องจากการกันดารอาหารและเผชิญภัยอันตรายจากชาติที่อยู่โดยรอบ. (เยเนซิศ 12:10; 14:14-16) ท่านทั้งสองอดทนและใช้ชีวิตในสภาพเช่นนี้ได้อย่างไร? พระคำของพระเจ้าบอกเราว่าอับราฮาม “คอยท่าเมืองที่มีฐานรากแท้ ซึ่งผู้ก่อและผู้สร้างคือพระเจ้า.” (ฮีบรู 11:8-10) อับราฮามและซาราห์เพ่งมองไปยังสิ่งที่อยู่ข้างหน้า และไม่ปล่อยให้ชีวิตที่ยากลำบากทำให้พวกท่านท้อแท้.
6. เราจะเลียนแบบโยบได้อย่างไร?
6 โยบทนทุกข์เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส. ขอให้นึกภาพว่าท่านรู้สึกอย่างไรเมื่อทุกสิ่งในชีวิตท่านดูเหมือนจะเลวร้ายไปหมด. (โยบ 3:3, 11) สิ่งที่ทำให้เลวร้ายขึ้นไปอีกก็คือท่านไม่เข้าใจอย่างแท้จริงว่าทำไมสิ่งต่าง ๆ ทั้งหมดนี้จึงเกิดขึ้นกับท่าน. ถึงกระนั้น ท่านไม่เคยท้อถอย. ท่านยังคงรักษาความซื่อสัตย์จงรักภักดีและความเชื่อในพระเจ้าไว้เสมอ. (อ่านโยบ 27:5, 6) ช่างเป็นตัวอย่างที่ดีจริง ๆ ที่เราควรเลียนแบบ!
7. เปาโลประสบอะไรบ้างขณะรับใช้พระเจ้า แต่อะไรทำให้ท่านมีความกล้าที่จะรับใช้ต่อไป?
7 ขอให้พิจารณาตัวอย่างของเปาโลด้วย. ท่านประสบ ‘ภัยในเมือง ในถิ่นทุรกันดาร และในทะเล.’ ท่านกล่าวถึงการที่ท่านต้อง ‘หิวและกระหาย ทนหนาวและไม่มีเสื้อผ้า.’ เปาโลยังกล่าวด้วยว่าท่านประสบภัยเรือแตกสามครั้ง และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ทำให้ท่าน “ต้องลอยคออยู่ในทะเลลึกหนึ่งวันหนึ่งคืน.” (2 โค. 11:23-27) แม้ต้องประสบเรื่องร้าย ๆ ทั้งหมดนั้น ขอให้สังเกตทัศนคติที่ท่านแสดงให้เห็นในคำพูดของท่านหลังจากที่ท่านได้เผชิญหน้าความตายเพราะการรับใช้พระเจ้า ที่ว่า “ที่เป็นอย่างนั้นก็เพื่อให้เราไว้วางใจพระเจ้าผู้ทรงปลุกคนตายให้เป็นขึ้นมา ไม่ใช่ไว้วางใจตัวเอง. พระเจ้าเคยช่วยเราให้รอดจากอันตรายถึงตายมาแล้วและจะทรงช่วยเราอีก.” (2 โค. 1:8-10) มีไม่กี่คนที่เคยประสบเหตุการณ์เลวร้ายหลายอย่างเหมือนกับที่เปาโลประสบ. อย่างไรก็ตาม บางครั้งพวกเราหลายคนรู้สึกคล้าย ๆ กับท่านและสามารถได้รับกำลังใจจากตัวอย่างที่กล้าหาญของท่าน.
อย่าท้อแท้สิ้นหวังเพราะปัญหา
8. ปัญหาในทุกวันนี้อาจมีผลกระทบต่อเราอย่างไร? จงยกตัวอย่าง.
8 ในโลกทุกวันนี้ที่เต็มด้วยภัยพิบัติ ปัญหา และแรงกดดัน หลายคนรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง. แม้แต่คริสเตียนบางคนก็รู้สึกแบบนั้น. ลานี *ซึ่งรับใช้เต็มเวลากับสามีที่ออสเตรเลียกล่าวว่า เมื่อแพทย์ที่ตรวจเธอบอกว่าเธอเป็นมะเร็งเต้านม เธอตกตะลึงเหมือนถูกสายฟ้าฟาด. เธอกล่าวว่า “การรักษาทำให้ดิฉันป่วยหนัก และหมดความนับถือตัวเอง.” แค่นั้นยังไม่พอ เธอยังต้องดูแลสามีซึ่งผ่าตัดกระดูกสันหลังอีกด้วย. ถ้าเราตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น เราจะทำอะไรได้?
9, 10. (ก) เราต้องไม่ปล่อยให้ซาตานทำอะไร? (ข) ทัศนคติเช่นไรที่อาจช่วยเราให้อดทน “ความทุกข์ลำบากมากมาย” ตามที่กล่าวไว้ในกิจการ 14:22?
9 เราควรจำไว้ว่าซาตานต้องการบ่อนทำลายความเชื่อของเราด้วยความทุกข์ลำบากต่าง ๆ. แต่เราต้องไม่ปล่อยให้มันทำลายความยินดีของเราด้วยวิธีนี้. สุภาษิต 24:10 (ล.ม.) กล่าวว่า “ถ้าเจ้าท้อแท้ในยามทุกข์ยากลำบาก เจ้าก็จะอ่อนกำลัง.” การใคร่ครวญตัวอย่างในคัมภีร์ไบเบิล เช่นที่ได้พิจารณาไปแล้ว จะช่วยเราให้รวบรวมความกล้าเพื่อจะเผชิญความทุกข์ยากลำบากต่าง ๆ ได้.
10 นอกจากนั้น นับว่าดีที่จะจำไว้ว่าเราไม่สามารถ2 ติโม. 3:12) กิจการ 14:22 บอกเราว่า “พวกเราต้องผ่านความทุกข์ลำบากมากมายก่อนจะเข้าราชอาณาจักรของพระเจ้า.” แทนที่จะท้อแท้ คุณน่าจะมองว่านี่เป็นโอกาสที่จะแสดงว่าคุณเชื่อในความสามารถของพระเจ้าที่จะช่วยคุณมิใช่หรือ?
ขจัดปัญหาได้ทั้งหมด. ที่จริง เราคาดหมายได้เลยว่าเราจะประสบปัญหา. (11. เราอาจทำอะไรได้ถ้าไม่ต้องการให้ความทุกข์ยากในชีวิตทำให้เราหมดกำลังใจ?
11 เราจำเป็นต้องคิดถึงสิ่งดีต่าง ๆ ในชีวิตของเราอยู่เสมอ. พระคำของพระเจ้าบอกเราว่า “ใจที่ชื่นบานทำให้ดวงหน้าสดใส แต่ความเศร้าใจทำให้จิตต์แตกร้าว.” (สุภา. 15:13) นักวิจัยทางการแพทย์ยอมรับกันมานานแล้วว่าการคิดในแง่บวกก่อให้เกิดผลที่ดีในการรักษา. คนไข้หลายคนที่ได้รับยาที่ไม่ใช่ยาจริงมีอาการดีขึ้น เพราะเขาเชื่อว่ายานั้นจะรักษาเขาได้. ในทางตรงกันข้าม ถ้าคนไข้คิดว่ายาที่ได้รับนั้นทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ อาการของเขามักจะแย่ลง. ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นว่าถ้าเราคิดถึงแต่สิ่งที่เราแก้ไขอะไรไม่ได้ เราก็จะหมดกำลังใจ. เรารู้สึกขอบคุณที่พระยะโฮวาประทานความช่วยเหลือแก่เราอย่างแท้จริง. แม้แต่ในยามที่เกิดภัยพิบัติ พระองค์ทรงหนุนใจเราโดยทางพระคำของพระองค์และด้วยการเกื้อหนุนจากพี่น้อง. พระองค์ยังประทานความเข้มแข็งแก่เราโดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ด้วย. การคิดถึงสิ่งเหล่านี้อยู่เสมอจะทำให้เรามีกำลังใจขึ้น. แทนที่จะจมอยู่กับความคิดในแง่ลบ จงทำสิ่งที่คุณทำได้เพื่อรับมือปัญหาแต่ละอย่างและคิดถึงสิ่งดี ๆ ที่คุณมีในชีวิต.—สุภา. 17:22
12, 13. (ก) อะไรช่วยผู้รับใช้ของพระเจ้าให้อดทนเมื่อต้องรับผลกระทบที่เกิดจากภัยพิบัติต่าง ๆ? จงยกตัวอย่าง. (ข) ในยามที่เกิดภัยพิบัติ เห็นได้ชัดอย่างไรว่าอะไรสำคัญที่สุดในชีวิต?
12 ในช่วงหลัง ๆ มานี้ บางประเทศประสบภัยพิบัติร้ายแรง. น่าสังเกตที่พี่น้องจำนวนมากในประเทศเหล่านั้นได้แสดงให้เห็นความสามารถในการฟื้นตัวได้อย่างน่าทึ่ง. นี่ไม่ได้หมายความว่าการทำอย่างนั้นเป็นเรื่องง่าย. ในช่วงต้นปี 2010 แผ่นดินไหวและสึนามิขนาดมหึมาที่ประเทศชิลีได้ทำลายบ้านเรือนและทรัพย์สินของพี่น้องเราหลายคน และทำให้บางคนสูญเสียปัจจัยในการดำรงชีพ. แม้ว่าเป็นอย่างนี้ พี่น้องก็ยังขันแข็งในการรับใช้พระยะโฮวาต่อไป. แซมมูเอล ซึ่งบ้านของเขาทั้งหลังพังหมด กล่าวว่า “แม้แต่ในสถานการณ์ที่ลำบากแสนสาหัสอย่างนี้ ผมกับภรรยาไม่เคยขาดการประชุมและการประกาศ. ผมเชื่อว่าการทำสิ่งเหล่านี้เป็นประจำช่วยเราไม่ให้สิ้นหวัง.” ครอบครัวนี้และพี่น้องคนอื่น ๆ ทิ้งภัยพิบัติไว้เบื้องหลัง และเดินหน้าต่อไปในการรับใช้พระยะโฮวา.
13 ในเดือนกันยายน 2009 พายุฝนทำให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์. เศรษฐีคนหนึ่งซึ่งสูญเสียทรัพย์สินจำนวนมากกล่าวว่า “น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ทำให้ทุกคนเสมอภาคกัน. มันทำให้ทั้งคนรวยคนจนเป็นทุกข์เดือดร้อนกันถ้วนหน้า.” นี่ทำให้เรานึกถึงคำแนะนำที่สุขุมของพระเยซูที่ว่า “จงสะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตนในสวรรค์ ที่ซึ่งไม่มีมอดมากินและไม่มีสนิมขึ้น และไม่มีขโมยแอบเข้ามาขโมยไป.” (มัด. 6:20) ทรัพย์สินเงินทองสามารถสูญหายไปได้อย่างรวดเร็ว คนที่ให้สิ่งเหล่านี้สำคัญที่สุดในชีวิตจึงมักผิดหวัง. นับว่าสุขุมกว่ามากที่จะให้สายสัมพันธ์ของเรากับพระยะโฮวาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต เพราะไม่มีสิ่งใดมาทำให้สายสัมพันธ์นี้เสียหายได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!—อ่านฮีบรู 13:5, 6
เหตุผลที่เราต้องกล้าหาญ
14. เรามีเหตุผลอะไรที่จะกล้าหาญ?
14 พระเยซูทรงยอมรับว่าจะมีปัญหาหลายอย่างในช่วงที่พระองค์ประทับอยู่ แต่พระองค์ตรัสว่า “อย่าตกใจกลัว.” (ลูกา 21:9) เนื่องจากเรามีพระองค์เป็นกษัตริย์และมีพระยะโฮวาพระผู้สร้างเอกภพทรงหนุนหลังเราอยู่ เราจึงมีเหตุผลเต็มเปี่ยมที่จะมั่นใจ. เปาโลหนุนใจติโมเธียวโดยกล่าวว่า “พระเจ้าไม่ได้ทรงโปรดให้เรามีใจขลาดกลัว แต่ให้มีใจที่มีพลัง ใจที่มีความรัก และมีจิตใจที่สุขุม.”—2 ติโม. 1:7
15. ผู้รับใช้ของพระเจ้าบางคนแสดงว่าเขาไว้วางใจพระเจ้าอย่างไร และเราจะมีความกล้าหาญคล้าย ๆ กันนั้นได้อย่างไร?
เพลง. 28:7) เปาโลแสดงความเชื่อมั่นอย่างไม่สั่นคลอนโดยกล่าวว่า “ในสิ่งทั้งปวงนี้ เราประสบชัยชนะอย่างเด็ดขาดโดยพระองค์ผู้ทรงรักเรา.” (โรม 8:37) คล้ายกัน เมื่อพระเยซูทรงรู้ว่าในไม่ช้าพระองค์จะถูกจับและถูกประหาร พระองค์ตรัสอะไรบางอย่างที่ทำให้เห็นชัดว่าพระองค์ทรงมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพระเจ้า. พระองค์ทรงบอกเหล่าอัครสาวกว่า “เราไม่ได้อยู่คนเดียว เพราะพระบิดาทรงอยู่กับเรา.” (โย. 16:32) เราเห็นอะไรอย่างชัดเจนในคำพูดเหล่านี้? แต่ละคนไว้วางใจพระยะโฮวาอย่างเต็มที่. ถ้าเราเรียนรู้ที่จะไว้วางใจพระเจ้าแบบเดียวกันนั้น เราก็จะมีความกล้าที่จะเผชิญความทุกข์ลำบากใด ๆ ในทุกวันนี้.—อ่านบทเพลงสรรเสริญ 46:1-3
15 ขอให้สังเกตคำพูดของผู้รับใช้บางคนของพระเจ้าที่แสดงถึงความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม. ดาวิดกล่าวว่า “พระยะโฮวาเป็นกำลังและเป็นโล่ของข้าพเจ้า. ข้าพเจ้าได้วางใจในพระองค์แล้ว, พระองค์จึงได้ทรงช่วย เพราะเหตุนั้นจิตต์ใจข้าพเจ้าจึงชื่นชมยินดีอย่างยิ่ง.” (จงรับประโยชน์จากความช่วยเหลือที่พระเจ้าประทานแก่คุณ
16. เหตุใดจึงสำคัญที่เราต้องศึกษาพระคำของพระเจ้า?
16 ความกล้าหาญที่คริสเตียนจำเป็นต้องมีไม่ได้มาจากความเชื่อมั่นในตัวเอง แต่เป็นผลที่เกิดจากการที่เรารู้จักพระเจ้าและไว้วางใจพระองค์. เราทำอย่างนี้ได้ด้วยการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลพระคำของพระเจ้า. พี่น้องหญิงคนหนึ่งที่เป็นโรคซึมเศร้าอธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่ช่วยเธอ โดยกล่าวว่า “ดิฉันอ่านบทความที่ให้กำลังใจดิฉันเป็นพิเศษซ้ำหลายครั้ง.” เราได้ทำตามคำแนะนำที่ให้จัดเวลาไว้เป็นประจำเพื่อนมัสการประจำครอบครัวไหม? การศึกษาพระคำของพระเจ้าจะช่วยเราให้มีทัศนะแบบเดียวกับผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญที่กล่าวว่า “ข้าพระองค์รักบทบัญญัติของพระองค์ยิ่งนัก! ข้าพระองค์ใคร่ครวญบทบัญญัตินั้นตลอดวัน.”—เพลง. 119:97, ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย
17. (ก) อีกวิธีหนึ่งที่พระยะโฮวาช่วยเราให้กล้าหาญคืออะไร? (ข) เรื่องราวชีวิตที่ลงในวารสารของเราได้ช่วยคุณอย่างไร?
17 นอกจากนั้น พระยะโฮวาทรงช่วยเราให้กล้าหาญโดยทางหนังสือที่อาศัยคัมภีร์ไบเบิลเป็นหลักที่ช่วยเราให้ไว้วางใจพระยะโฮวามากยิ่งขึ้น. พี่น้องหลายคนเห็นว่าประสบการณ์ชีวิตของบางคนที่ลงในวารสารของเราให้ประโยชน์แก่เขาเป็นพิเศษ. พี่น้องหญิงคนหนึ่งในเอเชียซึ่งเป็นโรคไบโพลาร์รู้สึกดีใจเมื่อได้อ่านเรื่องราวชีวิตจริงของอดีตมิชชันนารีคนหนึ่งซึ่งรับมือกับโรคเดียวกันนี้ได้. เธอเขียนว่า “เรื่องนี้ช่วยดิฉันให้เข้าใจปัญหาของตัวเองและทำให้ดิฉันมีความหวัง.”
เมื่อคุณประสบความทุกข์ลำบาก จงรับความช่วยเหลือจากพระยะโฮวา
18. เหตุใดเราควรอธิษฐานบ่อยเท่าที่จะทำได้?
18 การอธิษฐานสามารถช่วยเราได้ในทุกสถานการณ์. ฟิลิป. 4:6, 7) เราอธิษฐานบ่อยเท่าที่จะทำได้เพื่อจะสามารถรับมือสถานการณ์ที่ยากลำบากไหม? อเล็กซ์ พี่น้องชายคนหนึ่งในบริเตนซึ่งเป็นโรคซึมเศร้ามานาน กล่าวว่า “การพูดกับพระยะโฮวาในคำอธิษฐานและฟังพระองค์โดยการอ่านพระคำของพระองค์เป็นเหมือนกับเชือกชูชีพสำหรับผม.”
อัครสาวกเปาโลเน้นถึงความสำคัญของการอธิษฐานเมื่อท่านกล่าวว่า “อย่ากระวนกระวายในเรื่องใด ๆ เลยแต่จงทูลขอทุกสิ่งต่อพระเจ้าด้วยการอธิษฐานและการอ้อนวอนพร้อมกับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขของพระเจ้าซึ่งเกินความเข้าใจจะปกป้องความคิดจิตใจของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์.” (19. เราควรมีทัศนะอย่างไรต่อการเข้าร่วมการประชุมคริสเตียน?
19 การคบหาสมาคม ณ การประชุมเป็นอีกวิธีหนึ่งที่พระยะโฮวาทรงช่วยเรา. ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญเขียนว่า “จิตวิญญาณของข้าพระองค์โหยหาปรารถนาที่จะเข้ามายังพระนิเวศของ [พระยะโฮวา].” (เพลง. 84:2, ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย ) เรารู้สึกแบบเดียวกันนี้ไหม? ลานี ซึ่งกล่าวถึงไปแล้ว อธิบายว่าเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับเธอที่จะเข้าร่วมการประชุมทุกรายการและอยู่กับพี่น้อง. เธอกล่าวว่า “ดิฉันรู้ว่าถ้าอยากให้พระยะโฮวาช่วย ดิฉันต้องอยู่ที่นั่น.”
20. การประกาศช่วยเราอย่างไร?
20 นอกจากนั้น เราจะมีความกล้าหาญมากขึ้นได้ด้วยการขยันขันแข็งในงานประกาศเรื่องราชอาณาจักร. (1 ติโม. 4:16) พี่น้องหญิงคนหนึ่งในออสเตรเลียซึ่งมีปัญหาหลายอย่างกล่าวว่า “ดิฉันไม่อยากไปประกาศเลย แต่ผู้ปกครองคนหนึ่งชวนดิฉันให้ไปประกาศด้วยกัน. ดิฉันจึงไปกับเขา. พระยะโฮวาคงต้องได้ช่วยดิฉัน เพราะแต่ละครั้งที่ดิฉันไปประกาศ ดิฉันมีความสุขมาก.” (สุภา. 16:20) หลายคนพบว่าการช่วยคนอื่นให้สร้างความเชื่อในพระยะโฮวาช่วยเสริมความเชื่อของตัวเองให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น. โดยทำอย่างนั้น พวกเขาก็จะไม่คิดถึงปัญหาของตัวเองและความคิดของเขาก็จะจดจ่ออยู่กับสิ่งที่สำคัญกว่า.—ฟิลิป. 1:10, 11
21. เรามั่นใจอะไรได้เมื่อเผชิญความทุกข์ลำบาก?
21 พระยะโฮวาประทานความช่วยเหลือแก่เราอย่างมากมายเพื่อจะรับมือความทุกข์ลำบากในสมัยปัจจุบันด้วยความกล้าหาญได้. โดยรับประโยชน์จากความช่วยเหลือเหล่านี้และโดยใคร่ครวญและเลียนแบบตัวอย่างที่ดีของผู้รับใช้ที่กล้าหาญของพระเจ้า เราจะมั่นใจได้ว่าเราสามารถรับมือปัญหาต่าง ๆ ได้. แม้ว่ายังอาจจะมีปัญหาอีกหลายอย่างเกิดขึ้นขณะที่ระบบนี้ใกล้จะถึงอวสาน เราสามารถรู้สึกแบบเดียวกับเปาโลที่กล่าวว่า “เราถูกทำให้ล้มลง แต่ก็ไม่ถึงตาย. . . . เราจึงไม่ท้อถอย.” (2 โค. 4:9, 16) ด้วยความช่วยเหลือจากพระยะโฮวา เราจะรับมือความทุกข์ลำบากในสมัยปัจจุบันได้.—อ่าน 2 โครินท์ 4:17, 18
^ วรรค 8 บางชื่อในบทความนี้เป็นชื่อสมมุติ.