จงปลูกฝังน้ำใจแบบเดียวกับผู้เล็กน้อย
“ผู้ใดที่ประพฤติตัวเป็นผู้เล็กน้อยท่ามกลางพวกเจ้าทุกคน ผู้นั้นจะเป็นใหญ่.”—ลูกา 9:48
1, 2. พระเยซูทรงเตือนเหล่าอัครสาวกเช่นไร และเหตุใดพระองค์ทรงเตือนเช่นนั้น?
ตอนนั้นเป็นสากลศักราช 32. พระเยซูทรงอยู่ในแคว้นแกลิลีเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น. เหล่าอัครสาวกของพระองค์โต้เถียงกันว่าใครเป็นใหญ่ที่สุดในหมู่พวกเขา. ผู้เขียนหนังสือกิตติคุณลูการายงานว่า “เหล่าสาวกเถียงกันว่าใครจะเป็นใหญ่ที่สุดในพวกเขา. พระเยซูทรงรู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ในใจ จึงทรงให้เด็กเล็กคนหนึ่งมายืนข้าง ๆ พระองค์ แล้วตรัสกับพวกเขาว่า ‘ผู้ใดรับเด็กเล็ก ๆ คนนี้ในนามของเราก็รับเราด้วย และผู้ใดที่รับเราก็รับพระองค์ผู้ทรงใช้เรามาด้วย. ด้วยว่าผู้ใดที่ประพฤติตัวเป็นผู้เล็กน้อยท่ามกลางพวกเจ้าทุกคน ผู้นั้นจะเป็นใหญ่.’ ” (ลูกา 9:46-48) พระเยซูทรงช่วยเหล่าอัครสาวกอย่างอดทน แต่ก็หนักแน่น เพื่อให้เห็นว่าพวกเขาจำเป็นต้องถ่อมใจ.
2 คำแนะนำของพระเยซูที่ให้ประพฤติตัวเป็นผู้เล็กน้อยสอดคล้องกับค่านิยมของชาวยิวในศตวรรษแรกไหม? หรือว่าคำแนะนำนี้ตรงกันข้ามกับน้ำใจของผู้คนโดยทั่วไป? พจนานุกรมเทววิทยาของคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ (ภาษาอังกฤษ) อธิบายสภาพการณ์ในสังคมสมัยนั้นว่า “ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ตาม มีคำถามเกิดขึ้นอยู่เสมอว่าใครเป็นใหญ่กว่าใคร. ผู้คนถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะให้เกียรติแต่ละคนตามที่เขาควรได้รับและเป็นห่วงเรื่องนี้เสมอ.” พระเยซูทรงเตือนให้เหล่าอัครสาวกแตกต่างจากผู้คนโดยทั่วไป.
3. (ก) การประพฤติตัวเป็นผู้เล็กน้อยหมายถึงอะไร และเหตุใดอาจเป็นเรื่องยากที่เราจะทำอย่างนั้น? (ข) มีคำถามอะไรเกิดขึ้นเกี่ยวกับการปลูกฝังน้ำใจแบบผู้เล็กน้อย?
3 คำกรีกที่แปลในที่นี้ว่า “ผู้เล็กน้อย” หมายถึงคนที่เจียมตัว ถ่อมตน ต่ำต้อย ไม่สำคัญ หรือไม่ค่อยได้รับการยกย่องและไม่มีอิทธิพล. พระเยซูทรงใช้เด็กเป็นตัวอย่างเพื่อแสดงให้เหล่าอัครสาวกเห็นชัดว่าพวกเขาควรถ่อมใจและเจียมตัว. คำเตือนสตินี้ใช้
ได้กับคริสเตียนแท้ในทุกวันนี้เช่นเดียวกับในศตวรรษแรก. เราอาจรู้สึกว่ายากที่จะประพฤติตัวเป็นผู้เล็กน้อย อย่างน้อยก็ในบางสถานการณ์. แนวโน้มของมนุษย์เราที่มักหยิ่งทะนงอาจกระตุ้นให้เราพยายามเป็นคนเด่นดัง. น้ำใจของผู้คนและสภาพแวดล้อมในโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขันอาจทำให้เรากลายเป็นคนถือดี ชอบเอาชนะ หรือบงการผู้อื่นเพื่อประโยชน์ของตนเอง. อะไรอาจช่วยเราได้ให้ปลูกฝังน้ำใจแบบเดียวกับผู้เล็กน้อย? ‘ผู้เล็กน้อยท่ามกลางพวกเราจะเป็นใหญ่’ อย่างไร? ในขอบเขตใดบ้างของชีวิตที่เราควรพยายามแสดงความถ่อมใจ?“โอ้ความมั่งคั่งและสติปัญญาและความรู้ของพระเจ้าล้ำลึกเสียจริง!”
4, 5. อะไรจะช่วยเราให้ถ่อมใจมากขึ้น? จงยกตัวอย่าง.
4 วิธีหนึ่งที่เราจะมีความถ่อมใจมากขึ้นอาจทำได้โดยที่เราระลึกอยู่เสมอว่าพระยะโฮวาทรงยิ่งใหญ่กว่าเรามาก. ที่จริง “ไม่มีผู้ใดหยั่งรู้ถึงพระปัญญาของพระองค์ได้.” (ยซา. 40:28) อัครสาวกเปาโลเขียนเกี่ยวกับความยิ่งใหญ่ของพระยะโฮวาว่า “โอ้ความมั่งคั่งและสติปัญญาและความรู้ของพระเจ้าล้ำลึกเสียจริง! คำพิพากษาของพระองค์เหลือกำลังที่จะสืบค้นได้และทางของพระองค์เหลือวิสัยที่จะสืบเสาะได้!” (โรม 11:33) แม้ว่าความรู้ของมนุษย์เกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ได้เพิ่มขึ้นมากนับตั้งแต่ที่เปาโลเขียนถ้อยคำนี้เมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้ว แต่ถ้อยคำดังกล่าวก็ยังคงเป็นความจริง. ไม่ว่าเรามีความรู้มากแค่ไหนก็ตาม ความรู้นั้นน่าจะทำให้เราถ่อมใจและยอมรับว่ายังมีอีกมากมายที่เราจะเรียนรู้ได้อย่างไม่มีวันหมดสิ้นเกี่ยวกับพระยะโฮวา พระราชกิจของพระองค์ และแนวทางของพระองค์.
5 การตระหนักว่าเป็นเรื่องเกินความสามารถของคนเราที่จะเรียนรู้ได้หมดเกี่ยวกับสิ่งทรงสร้างของพระเจ้าได้ช่วยชายหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อลีโอให้ถือว่าตัวเองเป็นผู้เล็กน้อย. * เมื่อยังหนุ่ม ลีโอสนใจวิทยาศาสตร์มาก. เขาต้องการจะเข้าใจเอกภพให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาจึงตัดสินใจเรียนดาราศาสตร์ฟิสิกส์และได้ข้อสรุปที่สำคัญอย่างหนึ่ง. เขากล่าวว่า “จากสิ่งที่ผมได้ศึกษา ผมได้ข้อสรุปว่าทฤษฎีต่าง ๆ ทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันเพียงอย่างเดียวคงไม่ช่วยให้มนุษย์เข้าใจทุกสิ่งเกี่ยวกับเอกภพได้. ผมจึงเปลี่ยนมาเรียนด้านกฎหมาย.” ต่อมา ลีโอได้เป็นอัยการท้องถิ่น และภายหลังก็ได้เป็นผู้พิพากษา. ในที่สุด เขาและภรรยาได้ศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับพยานพระยะโฮวา ตอบรับความจริง และได้อุทิศตัวเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า. แม้ว่าลีโอมีการศึกษาสูง แต่อะไรช่วยเขาให้แสดงความถ่อมใจ? เขาตอบว่า “สิ่งที่ช่วยผมให้ถ่อมใจก็คือการสำนึกว่า ไม่ว่าเราจะเรียนรู้มากขนาดไหนแล้วเกี่ยวกับพระยะโฮวา และเอกภพ ก็ยังคงมีอีกมากมายที่เราจะเรียนรู้ได้.”
6, 7. (ก) พระยะโฮวาทรงวางตัวอย่างอันยอดเยี่ยมอะไรในเรื่องความถ่อมใจ? (ข) ความถ่อมใจของพระเจ้าทำให้ใครคนหนึ่ง “เป็นใหญ่” ได้อย่างไร?
6 อีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยเราให้ถ่อมใจก็คือการที่เราระลึกอยู่เสมอว่าพระยะโฮวาเองทรงแสดงความถ่อมใจ. ขอให้คิดถึงข้อเท็จจริงที่ว่า “เราเป็นผู้ร่วมงานกับพระเจ้า.” (1 โค. 3:9) คิดดูก็แล้วกัน! พระยะโฮวาพระเจ้าองค์ยิ่งใหญ่ผู้ไม่มีใครเทียบได้ทรงให้เกียรติเราโดยให้เรามีโอกาสที่จะประกาศและสอนโดยใช้คัมภีร์ไบเบิลพระคำของพระองค์. ถึงแม้ว่าพระยะโฮวาทรงเป็นผู้ทำให้เมล็ดที่เราปลูกและรดน้ำเติบโตขึ้น แต่พระองค์ทรงโปรดประทานตำแหน่งอันมีเกียรติให้เราได้ทำงานกับพระองค์. (1 โค. 3:6, 7) นั่นเป็นตัวอย่างที่น่าทึ่งซึ่งแสดงถึงความถ่อมใจของพระเจ้ามิใช่หรือ? แน่นอน ตัวอย่างของพระยะโฮวาในเรื่องความถ่อมใจน่าจะกระตุ้นใจเราแต่ละคนอย่างมากให้ประพฤติตัวเป็นผู้เล็กน้อย.
7 ตัวอย่างของพระเจ้าในเรื่องความถ่อมใจมีผลอย่างมากต่อดาวิดผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญ. ท่านร้องเพลงสรรเสริญพระยะโฮวาว่า “พระองค์ได้ทรงประทานความรอดของพระองค์ให้เป็นโล่แก่ข้าพเจ้า; และซึ่งพระองค์ทรงน้อมพระทัยลงนั้นกระทำให้ข้าพเจ้าเป็นใหญ่ขึ้น.” (2 ซามู. 22:36) ดาวิดถือว่าความยิ่งใหญ่ใด ๆ ที่ท่านมีในอิสราเอลเป็นเพราะความถ่อมใจของพระยะโฮวา กล่าวคือเป็นเพราะพระยะโฮวาทรงลดพระองค์ลงมาสนพระทัยท่าน. (เพลง. 113:5-7) เป็นเช่นนั้นกับเราด้วย. มีคุณลักษณะ ความสามารถ และสิทธิพิเศษอะไรบ้างที่เรามีโดย “ไม่ได้รับมา” จากพระยะโฮวา? (1 โค. 4:7) คนที่ประพฤติตัวเป็นผู้เล็กน้อย “เป็นใหญ่” เพราะพวกเขากลายเป็นคนมีคุณค่ามากขึ้นในฐานะผู้รับใช้พระยะโฮวา. (ลูกา 9:48) ขอให้เราพิจารณาว่าเป็นเช่นนั้นอย่างไร.
‘ผู้เล็กน้อยท่ามกลางพวกเจ้าเป็นใหญ่’
8. ความถ่อมใจส่งผลอย่างไรต่อทัศนคติที่เรามีต่อองค์การของพระยะโฮวา?
8 คนที่ถ่อมใจมีความสุขในองค์การของพระเจ้าและพร้อมให้การสนับสนุนการดำเนินงานในประชาคม. ขอพิจารณาตัวอย่างของเพตรา หญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเติบโตขึ้นในครอบครัวพยานฯ. เพราะต้องการที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ตามวิธีของเธอเอง เพตราจึงเลิกคบหากับประชาคม. หลายปีต่อมา เธอกลับมาสมทบกับประชาคมอีกครั้งหนึ่ง. ตอนนี้เธอมีความสุขที่ได้อยู่ในองค์การของพระยะโฮวาและสนับสนุนการดำเนินงานในประชาคมอย่างกระตือรือร้น. อะไรทำให้เธอเปลี่ยนไป? เธอเขียนว่า “คุณลักษณะสองประการที่สำคัญที่สุดที่ดิฉันต้องเข้าใจและปลูกฝังก็คือความถ่อมใจและความเจียมตัว.”
9. คนถ่อมใจมีทัศนคติเช่นไรต่ออาหารฝ่ายวิญญาณที่ได้รับ และเหตุใดนั่นทำให้เขามีค่ายิ่งขึ้น?
9 คนที่ถ่อมใจรู้สึกขอบคุณจากใจจริงสำหรับสิ่งดีทุกอย่างที่พระยะโฮวาประทาน รวมถึงอาหารฝ่ายวิญญาณ. ด้วยเหตุนั้น คนที่ถ่อมใจจึงขยันศึกษาคัมภีร์ไบเบิลและกระตือรือร้นที่จะอ่านวารสารหอสังเกตการณ์ และตื่นเถิด! ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวาหลายคนทำเป็นนิสัยที่จะอ่านหนังสือใหม่แต่ละเล่มก่อนที่จะเก็บไว้บนชั้นหนังสือ. เมื่อเราแสดงความถ่อมใจโดยอ่านและศึกษาหนังสือที่อาศัยคัมภีร์ไบเบิลเป็นหลัก เราก็จะก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณ และพระยะโฮวาก็จะสามารถใช้เราได้อย่างเต็มที่ยิ่งขึ้นในงานรับใช้พระองค์.—ฮีบรู 5:13, 14
10. เราจะแสดงความถ่อมใจในประชาคมได้อย่างไร?
10 คนที่ประพฤติตัวเป็นผู้เล็กน้อย “เป็นใหญ่” ในอีกแนวทางหนึ่ง. ทุกประชาคมมีผู้ชายที่มีคุณวุฒิซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยการชี้นำจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระยะโฮวาให้รับใช้เป็นผู้ปกครอง. พวกเขาจัดระเบียบการประชุมและการรับใช้ในเขตฮีบรู 13:7, 17) ถ้าคุณกำลังรับใช้ในฐานะผู้ปกครองหรือผู้ช่วยงานรับใช้ คุณแสดงความถ่อมใจโดยการขอบคุณพระยะโฮวาที่ได้ประทานสิทธิพิเศษในงานรับใช้ให้แก่คุณไหม?
ประกาศ และบำรุงเลี้ยงประชาคม. เมื่อเรามีทัศนะแบบเดียวกับผู้เล็กน้อยโดยเต็มใจสนับสนุนการจัดเตรียมเหล่านี้ เราก็มีส่วนส่งเสริมให้ประชาคมมีความยินดี สันติสุข และเอกภาพ. (อ่าน11, 12. ทัศนคติเช่นไรที่จะทำให้เรามีค่ามากยิ่งขึ้นต่อองค์การของพระยะโฮวา และทำไมจึงเป็นอย่างนั้น?
11 คนที่ประพฤติตัวเป็นผู้เล็กน้อย “เป็นใหญ่” หรือมีค่ามากขึ้นต่อองค์การของพระยะโฮวา เพราะความถ่อมใจทำให้เขาเป็นผู้รับใช้ที่ดีที่พระเจ้าทรงใช้เขาได้. พระเยซูต้องเตือนสติเหล่าสาวกให้ประพฤติตัวเป็นผู้เล็กน้อย เพราะพวกเขาบางคนได้รับอิทธิพลจากน้ำใจที่มีแพร่หลายในสมัยนั้น. ลูกา 9:46 กล่าวว่า “เหล่าสาวกเถียงกันว่าใครจะเป็นใหญ่ที่สุดในพวกเขา.” เราอาจกลายเป็นอย่างนี้ด้วยไหมโดยเริ่มชักเหตุผลว่าเราดีกว่าเพื่อนร่วมความเชื่อหรือเหนือกว่าผู้คนทั่วไปในทางใดทางหนึ่ง? เราควรแตกต่างจากคนส่วนใหญ่ในโลกที่อยู่รอบตัวเราซึ่งหยิ่งและเห็นแก่ตัว. ถ้าเราถ่อมใจและให้พระประสงค์ของพระยะโฮวามาเป็นอันดับแรก เราก็จะทำให้พี่น้องของเรารู้สึกสดชื่นเมื่ออยู่กับเรา.
12 คำแนะนำของพระเยซูที่ให้ประพฤติตัวเป็นผู้เล็กน้อยนับว่ากระตุ้นใจเราอย่างแท้จริง. เราควรพยายามแสดงความถ่อมใจในทุกแง่มุมของชีวิตมิใช่หรือ? ขอให้เราพิจารณาสามขอบเขต.
จงพยายามเป็นผู้เล็กน้อย
13, 14. สามีหรือภรรยาควรประพฤติตัวเป็นผู้เล็กน้อยอย่างไร และนั่นจะมีผลต่อชีวิตสมรสอย่างไร?
13 ในชีวิตสมรส. ผู้คนมากมายในทุกวันนี้เป็นห่วงอย่างยิ่งในเรื่องสิทธิส่วนบุคคล และเรียกร้องสิทธิของตนแม้ว่าการทำอย่างนั้นจะละเมิดสิทธิของผู้อื่น. แต่คนถ่อมใจมีทัศนคติอย่างที่เปาโลสนับสนุนคริสเตียนในกรุงโรม. ท่านเขียนว่า “ให้เรามุ่งทำสิ่งที่สร้างสันติสุขและสิ่งที่ส่งเสริมกันให้เจริญ.” (โรม 14:19) คนที่ประพฤติตัวเป็นผู้เล็กน้อยมุ่งสร้างสันติสุขกับทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคู่สมรสของตน.
14 ขอให้พิจารณาเรื่องการพักผ่อนหย่อนใจ. คู่สมรสอาจชอบความบันเทิงที่ไม่เหมือนกัน. สามีอาจชอบอยู่กับบ้านในยามว่างและอ่านหนังสือ. ส่วนภรรยาอาจชอบออกไปกินข้าวนอกบ้านหรือไปหาเพื่อน. ภรรยาคงจะนับถือสามีได้ง่ายกว่ามิใช่หรือเมื่อเห็นว่าเขาถ่อมใจ และสนใจว่าเธอชอบอะไรและไม่ชอบอะไรแทนที่จะสนใจแต่สิ่งที่เขาเองชอบ? และสามีจะรักและเห็นคุณค่าภรรยาสักเพียงไรเมื่อเห็นว่าเธอไม่เพียงทำแต่สิ่งที่เธอเองชอบแต่คำนึงถึงความปรารถนาของเขาด้วย! สายสัมพันธ์ในชีวิตสมรสจะแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นเมื่อทั้งสองประพฤติตัวเป็นผู้เล็กน้อย.—อ่านฟิลิปปอย 2:1-4
15, 16. ตามที่กล่าวไว้ในเพลงสรรเสริญบท 131 ดาวิดสนับสนุนชาวอิสราเอลให้ทำอะไร และเราจะทำอย่างเดียวกันนั้นได้อย่างไรในประชาคม?
15 ในประชาคม. ในโลกทุกวันนี้ หลายคนรู้สึกว่าพวกเขาต้องได้สิ่งที่ตนต้องการในทันที. พวกเขาไม่มีความอดทนและเกลียดการรอคอย. การปลูกฝังความถ่อมใจช่วยเราให้คอยท่าพระยะโฮวาหรือไว้วางใจพระองค์. (อ่านมีคา 7:7) ถ้าเราถ่อมใจและคอยท่าพระยะโฮวา เราจะได้รับการอวยพรจากพระองค์. เราจะรู้สึกปลอดภัย สบายใจ และอิ่มใจพอใจ. ไม่แปลกเลยที่ดาวิดสนับสนุนเพื่อนร่วมชาติชาวอิสราเอลให้คอยท่าพระเจ้าอย่างอดทน!
16 คุณจะมีกำลังใจแบบเดียวกับดาวิดได้เมื่อคุณคอยท่าพระยะโฮวาอย่างถ่อมใจ. (เพลง. 42:5) คุณอาจ “ปรารถนาการงานที่ดี” และด้วยเหตุนั้นคุณกำลัง “พยายามจะได้ทำหน้าที่ผู้ดูแล.” (1 ติโม. 3:1-7) แน่นอน ก่อนอื่นคุณควรทำทุกสิ่งที่คุณทำได้เพื่อจะบรรลุคุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับการเป็นผู้ ปกครองโดยได้รับความช่วยเหลือจากพระวิญญาณบริสุทธิ์. แต่จะว่าอย่างไรถ้าดูเหมือนว่าคุณต้องคอยนานกว่าคนอื่น? คนที่ประพฤติตัวเป็นผู้เล็กน้อย ซึ่งคอยอย่างอดทนเพื่อจะได้รับสิทธิพิเศษในการรับใช้ จะรับใช้พระยะโฮวาด้วยความชื่นชมยินดีต่อ ๆ ไปและจะยินดีทำงานมอบหมายใด ๆ ก็ตามที่เขาได้รับ.
17, 18. (ก) มีประโยชน์อะไรเมื่อเราขออภัยและเต็มใจจะให้อภัยคนอื่น?
17 ในความสัมพันธ์ของเรากับคนอื่น. การขอโทษเป็นเรื่องที่ทำได้ยากสำหรับคนส่วนใหญ่. อย่างไรก็ตาม ผู้รับใช้ของพระเจ้าพยายามแสดงความถ่อมใจโดยยอมรับข้อผิดพลาดของตนและขออภัย. เขายังพร้อมจะให้อภัยด้วยเมื่อคนอื่นทำผิด. ในขณะที่ความหยิ่งทำให้เกิดความแตกแยกและการทะเลาะถกเถียง แต่การให้อภัยส่งเสริมให้มีสันติสุขในประชาคม.
18 บางครั้งเราอาจจำเป็นต้อง “ถ่อมตัวลง” และขอโทษอย่างจริงใจ. ตัวอย่างเช่น เราอาจทำสัญญาไว้กับใครคนหนึ่งแต่ไม่สามารถทำตามคำสัญญานั้นได้จริง ๆ. ในสถานการณ์เช่นนี้ เราควรคิดถึงข้อผิดพลาดของตัวเราเองและยอมรับผิด แม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจไม่ใช่ความผิดของเราทั้งหมด.—อ่านสุภาษิต 6:1-3, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน *
19. เหตุใดเราควรรู้สึกขอบคุณที่คัมภีร์ไบเบิลสนับสนุนเราให้ประพฤติตัวเป็นผู้เล็กน้อย?
19 เรารู้สึกขอบคุณสักเพียงไรที่คัมภีร์ไบเบิลสนับสนุนเราให้ประพฤติตัวเป็นผู้เล็กน้อย! แม้ว่าบางครั้งอาจเป็นเรื่องยากที่จะถ่อมใจ แต่ถ้าเราคิดอยู่เสมอว่าพระยะโฮวาทรงยิ่งใหญ่กว่าเราสักเพียงไรและจำไว้ว่าพระยะโฮวาเองทรงแสดงความถ่อมใจ เราก็จะถูกกระตุ้นให้แสดงคุณลักษณะที่ยอดเยี่ยมนี้. โดยการทำอย่างนี้เราก็จะเป็นผู้รับใช้ของพระยะโฮวาที่มีค่ามากขึ้น. ดังนั้น ขอให้เราแต่ละคนประพฤติตัวเป็นผู้เล็กน้อย.
^ วรรค 5 ชื่อในบทความนี้เป็นชื่อสมมุติ.
^ วรรค 18 สุภาษิต 6:1-3 (ฉบับมาตรฐาน): “ลูกเอ๋ย ถ้าเจ้าเป็นผู้ค้ำประกันให้เพื่อนบ้านของเจ้า ได้ทำสัญญากับคนแปลกหน้า ถ้าเจ้าติดบ่วงเพราะคำจากปากของเจ้า และเจ้าติดกับเพราะคำจากปากของเจ้า ลูกเอ๋ย จงทำอย่างนี้และช่วยตัวเจ้าให้พ้นภัย เพราะเจ้าตกอยู่ในกำมือเพื่อนบ้านของเจ้าแล้ว รีบไป ถ่อมตัวลง และวิงวอนเพื่อนบ้านของเจ้า.”