นี่เป็นมรดกที่พระเจ้าประทานแก่เรา
“นี่เป็นมรดกของบรรดาผู้รับใช้ของพระเจ้า.”—ยซา. 54:17, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1971
1. พระยะโฮวาทรงพิทักษ์รักษาอะไรไว้เพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ?
พระยะโฮวา “ผู้ทรงพระชนม์อยู่และดำรงอยู่เป็นนิตย์” ทรงบอกเราว่าเราต้องทำอย่างไรเพื่อจะมีชีวิตนิรันดร์. คำสั่งสอนของพระองค์ไม่เคยเปลี่ยน. คัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า “คำตรัสของพระยะโฮวาดำรงอยู่เป็นนิตย์.” (1 เป. 1:23-25) เรารู้สึกขอบคุณจริงๆที่พระยะโฮวาทรงพิทักษ์รักษาความรู้ที่สำคัญเช่นนั้นไว้ในคัมภีร์ไบเบิลพระคำของพระองค์!
2. พระเจ้าทรงพิทักษ์รักษาอะไรไว้ในคัมภีร์ไบเบิลเพื่อให้ประชาชนของพระองค์ใช้?
2 พระเจ้าทรงพิทักษ์รักษาพระนามของพระองค์ไว้ในคัมภีร์ไบเบิลเพื่อให้ประชาชนของพระองค์ใช้พระนามนี้. คัมภีร์ไบเบิลใช้พระนามยะโฮวาเป็นครั้งแรกเมื่อพรรณนาถึงวิธีที่พระองค์ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก. (เย. 2:4) พระเจ้าทรงจารึกพระนามของพระองค์อย่างอัศจรรย์ไว้หลายที่บนแผ่นศิลาจารึกพระบัญญัติสิบประการ. ตัวอย่างเช่น ข้อแรกของพระบัญญัติสิบประการบอกว่า “เราคือยะโฮวา พระเจ้าของเจ้า.” (เอ็ก. 20:1-17) พญามารพยายามทำลายคัมภีร์ไบเบิลเพื่อไม่ให้เราได้รู้จักพระเจ้าและพระนามของพระองค์. แต่พระยะโฮวาไม่ทรงยอมให้มันทำอย่างนั้น.—เพลง. 73:28
3. แม้ว่ามีความเชื่อผิดๆทางศาสนามากมาย พระเจ้าทรงพิทักษ์รักษาอะไรไว้?
3 พระยะโฮวาทรงพิทักษ์รักษาความจริงไว้ในพระคำของพระองค์ด้วย. แม้ว่ามีความเชื่อผิดๆทางศาสนามากมายทั่วโลก เรารู้สึกขอบคุณจริงๆที่พระเจ้าประทานแสงสว่างฝ่ายวิญญาณและความจริงแก่เรา! (อ่านบทเพลงสรรเสริญ 43:3, 4) ในขณะที่มนุษยชาติส่วนใหญ่เดินอยู่ในความมืด เรายินดีที่เรากำลังเดินในความสว่างฝ่ายวิญญาณที่ได้รับจากพระเจ้า.—1 โย. 1:6, 7
เรามีมรดกอันล้ำค่า
4, 5. เราได้รับสิทธิพิเศษอะไรมาตั้งแต่ปี 1931?
4 ผู้คนที่อาศัยอยู่ในท้องถิ่นเดียวกันอาจมีลักษณะ ขนบธรรมเนียมประเพณี และวิถีชีวิตที่คล้ายกันซึ่งถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น. นี่ อาจเรียกได้ว่าเป็นมรดกของพวกเขา. ในฐานะพยานพระยะโฮวา เรามีมรดกอันล้ำค่าด้วย. พระยะโฮวาทรงช่วยผู้คนให้มีความรู้ถ่องแท้ในคัมภีร์ไบเบิลและเข้าใจความจริงเกี่ยวกับพระองค์และพระประสงค์ของพระองค์อย่างชัดเจน. พระองค์ยังให้เกียรติเราเป็นพิเศษให้เป็นประชาชนที่มีชื่อตามพระนามของพระองค์.
5 เราได้รับชื่อดังกล่าวในการประชุมภาคที่เมืองโคลัมบัส รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา ในปี 1931. ใบระเบียบวาระการประชุมในครั้งนั้นมีตัวอักษร “JW” พิมพ์ไว้ที่หน้าแรก. พี่น้องหญิงคนหนึ่งเล่าว่าพี่น้องต่างคาดเดากันไปต่างๆนานาว่าตัวย่อนี้หมายถึงอะไร แต่ก็มีบางคนที่เดาได้ถูกต้องว่าหมายถึง “พยานพระยะโฮวา.” ก่อนหน้านั้น เราเป็นที่รู้จักกันในนามนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิล แต่ผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมดที่ฟังคำบรรยายพิเศษในวันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม 1931 ขานรับมติที่จะใช้ชื่อพยานพระยะโฮวานับตั้งแต่นั้น. นั่นเป็นวันที่น่าตื่นเต้นจริงๆ เพราะเราได้รับชื่อใหม่ที่มาจากพระคัมภีร์. (อ่านยะซายา 43:12) พี่น้องชายคนหนึ่งกล่าวว่า “ผมจะไม่มีวันลืมเสียงขานรับและเสียงปรบมือของพี่น้องที่ดังกึกก้องไปทั่วทั้งที่ประชุม.” ไม่มีใครในโลกต้องการพระนามนี้ แต่พระเจ้าทรงอวยพรเราให้ใช้พระนามนี้มาเป็นเวลามากกว่า 80 ปีแล้ว. นับเป็นสิทธิพิเศษจริงๆที่ได้เป็นพยานพระยะโฮวา!
6. มรดกอีกส่วนหนึ่งที่พระเจ้าประทานแก่เราคืออะไร?
6 มรดกอีกส่วนหนึ่งที่เราได้รับคือข้อมูลที่ถูกต้องและมีค่ายิ่งในคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับผู้รับใช้ของพระเจ้าในสมัยอดีต. ตัวอย่างเช่น คัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับอับราฮาม ยิศฮาค และยาโคบ. ปฐมบรรพบุรุษเหล่านี้และครอบครัวของพวกเขาคงต้องคุยกันบ่อยๆว่าจะดำเนินชีวิตอย่างไรเพื่อจะเป็นที่พอพระทัยพระยะโฮวา. การพูดคุยกันเช่นนี้คงช่วยโยเซฟให้ปฏิเสธการทำผิดประเวณีกับภรรยาของโพติฟา. (เย. 39:7-10) ในศตวรรษแรก คริสเตียนถ่ายทอดความรู้ที่เกี่ยวกับการนมัสการแก่กันและกัน. เปาโลถ่ายทอดสิ่งที่พระเยซูทรงสอนท่านเกี่ยวกับการฉลองอาหารมื้อเย็นขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้แก่ประชาคมคริสเตียน. (1 โค. 11:2, 23) ข้อมูลรายละเอียดทุกอย่างนี้มีอยู่ในคัมภีร์ไบเบิลเพื่อเราจะเรียนรู้วิธีที่จะนมัสการพระเจ้าได้. (อ่านโยฮัน 4:23, 24) คัมภีร์ไบเบิลให้ความสว่างทางปัญญาแก่มนุษยชาติ แต่พวกเราที่เป็นผู้รับใช้ของพระยะโฮวาน่าจะรู้สึกขอบคุณเป็นพิเศษที่พระเจ้าประทานพระคัมภีร์ให้เรา.
7. คำสัญญาอะไรที่เป็นส่วนหนึ่งของมรดกที่เราได้รับ?
7 พระยะโฮวาทรงช่วยประชาชนของพระองค์ในทุกวันนี้ด้วย. (เพลง. 118:7) เราสามารถอ่านในหนังสือต่างๆของเราเกี่ยวกับสิ่งที่พระองค์ทรงทำเพื่อปกป้องประชาชนของพระองค์. นี่ทำให้เรารู้สึกปลอดภัย แม้แต่เมื่อถูกข่มเหง. คำสัญญาข้อหนึ่งในคัมภีร์ไบเบิลที่ให้กำลังใจแก่เราซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมรดกที่เราได้รับคือ: “‘ไม่มีเครื่องมืออันใดที่สร้างไว้ประหารเจ้าจะสัมฤทธิ์ผล, และลิ้นทุกลิ้นที่กล่าวใส่ร้ายเจ้าๆก็จะแก้ตก. นี่เป็นส่วน [“มรดก,” ฉบับ 1971] ที่ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาจะได้รับ, และนี่เป็นการที่เรายืนยันว่าเขาเป็นผู้ชอบธรรมแล้ว’ พระยะโฮวาได้ตรัสดังนั้น.” (ยซา. 54:17) ไม่มีอาวุธใดที่ซาตานใช้จะทำอันตรายเราได้อย่างถาวร.
8. เราจะพิจารณาอะไรในบทความนี้และบทความถัดไป?
8 ซาตานพยายามมาโดยตลอดที่จะทำลายพระคำของพระเจ้า กำจัดพระนามยะโฮวา และปิดซ่อนความจริง. แต่มันไม่มีทางเอาชนะพระยะโฮวาที่ทรงทำลายแผนการทุกอย่างของมัน. ในบทความนี้และบทความถัดไป เราจะเห็น (1) วิธีที่พระเจ้าทรงพิทักษ์รักษาพระคำของพระองค์ (2) วิธีที่พระยะโฮวาทรงคอยดูแลปกป้องพระนามของพระองค์ และ (3) วิธีที่พระเจ้าทรงทำให้เป็นไปได้ที่พวกเราในทุกวันนี้จะรู้ความจริง.
พระยะโฮวาทรงพิทักษ์รักษาพระคำของพระองค์
9-11. มีตัวอย่างอะไรบ้างที่แสดงว่าพระยะโฮวาทรงปกป้องคัมภีร์ไบเบิลไว้?
9 แม้ว่ามีความพยายามมากมายที่จะทำลายคัมภีร์ไบเบิล แต่พระยะโฮวาทรงปกป้องพระคำของพระองค์ไว้. คริสตจักรคาทอลิกพยายามขัดขวางผู้คนไว้ไม่ให้อ่านคัมภีร์ไบเบิล. โปปหลายคนกล่าวว่าเป็นอันตรายที่ประชาชนจะอ่านคัมภีร์ไบเบิล. ในปี 1242 คริสตจักรออกกฎข้อหนึ่งให้เผาคัมภีร์ไบเบิลในภาษาที่คนทั่วไปเข้าใจได้ง่ายทั้งหมด. ต่อมา มีการตัดสินคล้ายๆกันนั้นอีกหลายครั้ง รวมถึงคำสั่งจากโปปในปี 1816, ปี 1824, และปี 1832.
10 พระเจ้าทรงพิทักษ์รักษาพระคำของพระองค์ไว้แม้ว่าหลายคนพยายามทำลาย. ราวๆปี 1382 จอห์น วิคลิฟฟ์กับเพื่อนๆได้แปลคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาอังกฤษขึ้นเป็นครั้งแรก. วิลเลียม ทินเดลเป็นอีกคนหนึ่งที่แปลคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งทำให้เขาถูกประหารในปี 1536. ขณะที่เขาถูกมัดไว้กับเสา เขาร้องออกมาว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์ทรงเปิดพระเนตรกษัตริย์อังกฤษด้วยเถิด.” แล้วเขาก็ถูกประหารและถูกเผา.
11 คัมภีร์ไบเบิลอยู่รอดมาได้แม้ถูกต่อต้านขัดขวาง. ในปี 1535 ไมลส์ คัฟเวอร์เดลได้แปลคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาอังกฤษด้วย. คัฟเวอร์เดลนำเอาส่วนหนึ่งจากฉบับแปลของทินเดล คือส่วน “พันธะสัญญาใหม่” และ “พันธะสัญญาเดิม” จากเยเนซิศจนถึงโครนิกา มาใช้ในฉบับแปลของเขา. สำหรับส่วนที่เหลือของพระคัมภีร์เขาแปลจากภาษาละตินและจากพระคัมภีร์ฉบับแปลภาษาเยอรมันของมาร์ติน ลูเทอร์. ปัจจุบัน เรามีพระคัมภีร์บริสุทธิ์ฉบับแปลโลกใหม่. เรายินดีที่มีฉบับแปลนี้ เพราะเป็นฉบับแปลที่ชัดเจน ถูกต้อง และเป็นประโยชน์มากในงานประกาศของเรา. ไม่ว่าซาตานหรือมนุษย์ก็ไม่สามารถทำลายคัมภีร์ไบเบิลได้.
พระยะโฮวาทรงพิทักษ์รักษาพระนามของพระองค์
12. พระคัมภีร์ฉบับแปลโลกใหม่ มีบทบาทอย่างไรในการพิทักษ์รักษาพระนามของพระเจ้า?
12 พระยะโฮวาทรงพิทักษ์รักษาพระนามของพระองค์ไว้ไม่ให้ถูกลบออกจากคัมภีร์ไบเบิลอย่าง สิ้นเชิง. พระคัมภีร์ฉบับแปลโลกใหม่ มีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้. ในส่วนคำนำ คณะกรรมการผู้แปลที่อุทิศตนเพื่อการจัดทำฉบับแปลนี้เขียนไว้ว่า “ลักษณะเด่นที่สุดของฉบับแปลนี้คือมีการใส่พระนามของพระเจ้าไว้ที่ตำแหน่งเดิมในข้อความของคัมภีร์ไบเบิลอย่างถูกต้อง โดยใช้พระนามนี้ในรูปที่ใช้กันมากที่สุด คือ ‘ยะโฮวา’ 6,973 ครั้งในภาคภาษาฮีบรูและ 237 ครั้งในภาคภาษากรีก.” ปัจจุบัน มีการพิมพ์พระคัมภีร์ฉบับแปลโลกใหม่ ทั้งครบชุดหรือบางส่วนในภาษาต่างๆมากกว่า 116 ภาษาและพิมพ์ไปแล้วมากกว่า 178,545,862 เล่ม.
13. ทำไมจึงกล่าวได้ว่ามนุษย์รู้จักพระนามของพระเจ้านับตั้งแต่พระองค์ทรงสร้างมนุษย์?
13 อาดามและฮาวามนุษย์คู่แรกรู้จักพระนามของพระเจ้าและใช้พระนามนี้. โนอาห์ก็ใช้พระนามของพระเจ้าด้วย. ท่านกล่าวว่า “สาธุการแก่พระยะโฮวาพระเจ้าของเซม.” (เย. 4:1; 9:26) พระเจ้าเองทรงประกาศว่า “เราคือยะโฮวา, นามนี้เป็นนามของเรา; และสง่าราศีของเราๆจะไม่ยกให้แก่ผู้ใด.” พระเจ้ายังตรัสด้วยว่า “เราคือยะโฮวา, และไม่มีพระอื่นอีกแล้ว, นอกจากเราไม่มีพระเจ้าองค์อื่นอีก.” (ยซา. 42:8; 45:5) พระยะโฮวาทรงคอยดูแลปกป้องพระนามของพระองค์และทรงบอกผู้คนทั่วโลกให้รู้จักพระนามนี้. เราควรรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ใช้พระนามยะโฮวาและเป็นพยานของพระองค์. นั่นคือความหมายของข้อคัมภีร์ที่กล่าวว่า “เราทั้งหลาย ... จะยกธงขึ้นในพระนามพระเจ้าของพวกเรา.”—เพลง. 20:5
14. นอกจากคัมภีร์ไบเบิลแล้ว ยังมีพระนามของพระเจ้าปรากฏอยู่ที่ไหนอีก?
14 พระนามของพระเจ้าไม่ได้มีอยู่เฉพาะในคัมภีร์ไบเบิลเท่านั้น. ตัวอย่างเช่น พระนามนี้ปรากฏอยู่บนศิลาจารึกของชาวโมอาบซึ่งพบที่ไดบาน (ดีโบน) ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของทะเลตาย ห่างออกไป 21 กิโลเมตร. ศิลาจารึกนี้กล่าวถึงกษัตริย์อัมรีของอิสราเอล รวมทั้งคำพูดของกษัตริย์เมซาที่กล่าวถึงการรบของเขากับชาติอิสราเอล. (1 กษัต. 16:28; 2 กษัต. 1:1; 3:4, 5) แต่ศิลาจารึกของชาวโมอาบนี้น่าสนใจเป็นพิเศษเพราะมีพระนามของพระเจ้าในรูปเททรากรัมมาทอนปรากฏอยู่. เททรากรัมมาทอนยังปรากฏอยู่หลายแห่งในชุดจดหมายของลาคิชซึ่งเป็นเศษภาชนะดินเผาที่พบในประเทศอิสราเอล.
15. ฉบับแปลเซปตัวจินต์ คืออะไร และทำไมจึงต้องมีฉบับแปลนี้?
15 ผู้แปลคัมภีร์ไบเบิลในยุคแรกๆมีส่วนในการพิทักษ์รักษาพระนามของพระเจ้า. เป็นเช่นนั้นอย่างไร? หลังจากที่ชาวยิวเป็นเชลยอยู่ที่บาบิโลน 70 ปี เมื่อพวกเขาถูกปล่อยตัวในปี 537 ก่อนสากลศักราช หลายคนไม่ได้กลับไปที่ยูดาห์และอิสราเอล. เมื่อถึงศตวรรษที่สามก่อนสากลศักราช เมืองอะเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ ได้กลายเป็นบ้านของชาวยิวจำนวนมาก. ชาวยิวเหล่านี้จำเป็นต้องมีพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูที่แปลเป็นภาษากรีกซึ่งเป็นภาษาสากลในเวลานั้น. ด้วยเหตุนั้น จึงมีการแปลพระคัมภีร์ฉบับเซปตัวจินต์ ซึ่งแปลแล้วเสร็จในศตวรรษที่สองก่อนสากลศักราช. บางเล่มของฉบับแปลนี้มีพระนามยะโฮวาที่เป็นตัวอักษรฮีบรู.
16. หนังสือบทเพลงสรรเสริญของเบย์ใช้พระนามของพระเจ้าอย่างไร?
16 หนังสือเล่มแรกที่พิมพ์ในอเมริกาเหนือสมัยที่เป็นอาณานิคมของอังกฤษคือบทแปลหนังสือบทเพลงสรรเสริญซึ่งมีพระนามของพระเจ้า. หนังสือนี้ซึ่งแปลจากภาษาฮีบรูเป็นภาษาอังกฤษมีชื่อว่าหนังสือบทเพลงสรรเสริญของเบย์ พิมพ์ในปี 1640. มีการใช้พระนามของพระเจ้าหลายที่ในหนังสือนี้ เช่น ที่บทเพลงสรรเสริญ 1:1, 2 ซึ่งกล่าวว่าคนที่พระเจ้าทรงอวยพรไม่ฟังคนชั่ว แต่เขาปรารถนาอย่างยิ่งที่จะได้ “กฎหมายของพระยะโฮวา.” สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพระนามของพระเจ้า โปรดดูจุลสารพระนามของพระเจ้าซึ่งจะยืนยงตลอดกาล (ภาษาอังกฤษ).
พระยะโฮวาทรงพิทักษ์รักษาความจริง
17, 18. (ก) ความจริงคืออะไร? (ข) ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอะไรบ้างที่เป็นส่วนหนึ่งของ “ความจริงแห่งข่าวดี”?
17 เรารับใช้ “พระยะโฮวาพระเจ้าแห่งความจริง” ด้วยความยินดี. (เพลง. 31:5, ล.ม.) ความจริงคือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่าง ไม่ใช่สิ่งที่นึกขึ้นมาในจินตนาการหรือสร้างขึ้นมา. คำภาษากรีกที่แปลไว้ว่า “ความจริง” หมายถึงสิ่งที่จริง ถูกต้อง และควรค่าแก่การไว้วางใจ.
18 พระยะโฮวาทรงพิทักษ์รักษาความจริงไว้และบอกความจริงนั้นแก่เราในทุกวันนี้. และพระองค์ทรงช่วยเราให้รู้ความจริงมากขึ้น. (2 โย. 1, 2) เราเข้าใจความจริงของพระเจ้าชัดขึ้นเรื่อยๆ ดังที่สุภาษิต 4:18 กล่าวไว้ ที่ว่า “วิถีของผู้ชอบธรรมนั้นเหมือนดังแสงอรุณ, ซึ่งกล้าขึ้นทุกทีจนถึงเที่ยงวัน.” แน่นอน เราเห็นด้วยอย่างเต็มที่กับพระเยซูที่ตรัสในคำอธิษฐานถึงพระเจ้าว่า “คำของพระองค์เป็นความจริง.” (โย. 17:17) คัมภีร์ไบเบิลมี “ความจริงแห่งข่าวดี” ซึ่งก็คือคำสอนของคริสเตียนทั้งหมด. (กลา. 2:14) ส่วนหนึ่งของความจริงดังกล่าวได้แก่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพระนามของพระเจ้า อำนาจในการปกครองของพระองค์ เครื่องบูชาไถ่ของพระเยซู การกลับเป็นขึ้นจากตาย และราชอาณาจักร. ตอนนี้ ขอให้เราพิจารณาวิธีที่พระเจ้าทรงพิทักษ์รักษาความจริงแม้ว่าซาตานพยายามปิดซ่อนความจริงของพระองค์.
พระยะโฮวาทรงยับยั้งซาตานไม่ให้ปิดซ่อนความจริง
19, 20. นิมโรดเป็นใคร และผู้คนในสมัยของเขาพยายามทำอะไร?
19 หลังจากน้ำท่วมโลก มีพรานผู้มีอำนาจคนหนึ่งชื่อนิมโรดซึ่งต่อต้านพระยะโฮวา. (เย. 10:9, ล.ม.) เนื่องจากนิมโรดต่อต้านพระเจ้า จึงเท่ากับว่าเขารับใช้ซาตานและทำตัวเหมือนกับพวกผู้ต่อต้านที่พระเยซูกล่าวกับพวกเขาว่า “พวกเจ้ามาจากมารซึ่งเป็นพ่อของเจ้า และพวกเจ้าอยากทำตามที่พ่อเจ้าต้องการ ... มันไม่ได้ยึดมั่นกับความจริง.”—โย. 8:44
20 นิมโรดปกครองเมืองบาเบลและเมืองอื่นๆที่อยู่ระหว่างแม่น้ำไทกริสกับยูเฟรทิส. (เย. 10:10) เขาอาจเป็นผู้นำในการสร้างเมืองบาเบลและหอบาเบลเมื่อราวๆปี 2269 ก.ส.ศ. นักก่อสร้างเหล่านี้ทำสิ่งที่ขัดกับพระประสงค์ของพระยะโฮวาที่ทรงต้องการให้มนุษย์กระจายไปอยู่ในที่ต่างๆทั่วโลก โดยชักชวนกันว่า “มาเถิด, ให้เราสร้างเมืองขึ้น, และก่อหอสูงให้มียอดเทียมฟ้า; เพื่อเราจะได้มีชื่อเสียงไว้, ไม่ต้องกระจัดกระจายไปทั่วโลก.” แต่แผนการนี้ล้มเหลวเมื่อพระเจ้า “ทรงบันดาลภาษาของเขาให้วุ่นวายไป” และพวกนักก่อสร้างจึงต้องกระจัดกระจายไป. (เย. 11:1-4, 8, 9) ถ้าซาตานได้วางแผนไว้ว่าจะก่อตั้งศาสนาหนึ่งที่ทุกคนร่วมกันนมัสการมัน ก็นับได้ว่าแผนการของมันล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง. ตลอดประวัติศาสตร์ของมนุษย์ มีผู้คนที่นมัสการพระยะโฮวามาโดยตลอดและนับวันก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ.
21, 22. (ก) ทำไมการนมัสการแท้จึงไม่เคยตกอยู่ในอันตรายอย่างแท้จริง? (ข) เราจะพิจารณาอะไรในบทความถัดไป?
21 การนมัสการแท้ไม่เคยตกอยู่ในอันตรายอย่างแท้จริง. เพราะเหตุใด? เพราะพระครูองค์ยิ่งใหญ่ของเราทรงคอยดูแลรักษาคัมภีร์ไบเบิลพระคำของพระองค์ ทรงพิทักษ์รักษาพระนามของพระองค์ และทรงพิทักษ์รักษาความจริงไว้ให้เรา. (ยซา. 30:20, 21) การนมัสการพระเจ้าอย่างที่พระองค์ทรงประสงค์ทำให้เรามีความยินดีอย่างแท้จริง. แต่เราต้องตื่นตัวอยู่เสมอ ไว้วางใจพระยะโฮวาอย่างเต็มที่ และทำตามการชี้นำที่ได้รับจากพระวิญญาณบริสุทธิ์.
22 ในบทความถัดไป เราจะพิจารณาว่าคริสตจักรต่างๆเริ่มสอนผิดๆในเรื่องพระเจ้าอย่างไร. เราจะเห็นว่าพระคัมภีร์ไม่ได้สอนเรื่องเท็จเหล่านั้น. และเราจะเห็นด้วยว่าพระยะโฮวาทรงอวยพรเราโดยการประทานความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับพระองค์แก่เรา. ทั้งหมดนี้นับเป็นมรดกที่ยอดเยี่ยมจริงๆ.