1, 2. (ก) ทำไมคุณมั่นใจว่าพระยะโฮวารักประชาชนของพระองค์? (ข) มนุษย์ถูกสร้างให้รู้สึกต้องการอะไร?

ทำไมคุณมั่นใจว่าพระยะโฮวารักประชาชนของพระองค์? ก่อนจะตอบคำถามขอคุณดูตัวอย่างต่อไปนี้ พี่น้องหญิงที่ชื่อเทย์เลนได้รับคำแนะนำอย่างกรุณาจากพี่น้องชายหญิงเป็นเวลาหลายปี พวกเขาบอกเธอว่าไม่ควรคาดหมายจากตัวเองมากเกินไป เธอบอกว่า “ถ้าพระยะโฮวาไม่ได้รักฉัน พระองค์คงไม่ให้คำแนะนำฉันบ่อยมากขนาดนี้” พี่น้องบริจิตต์ซึ่งเลี้ยงลูกสองคนตามลำพังหลังจากสามีเสียชีวิตบอกว่า “การเลี้ยงลูกในโลกที่ซาตานปกครองเป็นเรื่องที่ยากมากจริง ๆ โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นคนเดียวเท่านั้นที่ต้องเลี้ยงลูก แต่ฉันมั่นใจว่าพระยะโฮวารักฉัน เพราะแม้จะเจ็บปวดใจจนร้องไห้ แต่พระองค์ก็ยังชี้นำฉันและไม่ปล่อยให้ฉันเจอกับปัญหาจนฉันทนไม่ไหว” (1 โค. 10:13) พี่น้องแซนดร้าป่วยเป็นโรคร้ายที่ไม่มีทางรักษา ในการประชุมใหญ่ครั้งหนึ่ง พี่น้องหญิงคนหนึ่งได้แสดงความสนใจเป็นส่วนตัวต่อแซนดร้า สามีของแซนดร้าบอกว่า  “แม้เราไม่ได้รู้จักเธอเป็นส่วนตัว แต่การที่เธอแสดงความห่วงใยทำให้เราตื้นตันใจมาก การที่พี่น้องชายหญิงแสดงความรักเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่อเราทำให้ผมเห็นว่าพระยะโฮวารักเรามากจริง ๆ”

² พระยะโฮวาสร้างมนุษย์ให้รู้สึกต้องการแสดงความรักและต้องการเป็นที่รัก แต่เมื่อเราเจอปัญหาสุขภาพ ปัญหาเศรษฐกิจ หรืองานประกาศไม่เกิดผล เราอาจคิดว่าพระยะโฮวาไม่รักเราแล้ว ถ้าเราเริ่มรู้สึกอย่างนั้น ขอเราจำไว้ว่าเรามีค่าต่อพระองค์ และพระองค์พร้อมจะยึดมือขวาของเราและช่วยเหลือเรา พระองค์ไม่เคยลืมเราถ้าเราซื่อสัตย์ต่อพระองค์—ยซา. 41:13; 49:15

3. อะไรจะช่วยให้เรามั่นใจว่าพระยะโฮวามีความรักที่มั่นคงต่อเรา?

³ พี่น้องที่เราได้พูดถึงในตอนต้นมั่นใจว่าพระยะโฮวาอยู่กับพวกเขาเมื่อเจอความยากลำบาก เราเองก็มั่นใจได้เหมือนกันว่าพระองค์จะอยู่เคียงข้างเรา (เพลง. 118:6, 7) ในบทความนี้เราจะเรียนรู้เกี่ยวกับของขวัญ 4 อย่างที่แสดงว่าพระยะโฮวารักเรา คือ (1) สิ่งที่พระองค์สร้าง (2) คัมภีร์ไบเบิล (3) การอธิษฐาน และ (4) ค่าไถ่ การใคร่ครวญสิ่งดีต่าง ๆ เหล่านี้ที่พระยะโฮวาได้ทำเพื่อเรา จะช่วยให้เรารู้สึกขอบคุณพระยะโฮวามากขึ้นสำหรับความรักที่มั่นคงของพระองค์—อ่านบทเพลงสรรเสริญ 77:11, 12

4. เราเรียนรู้อะไรจากสิ่งที่พระยะโฮวาสร้าง?

⁴ เมื่อเรามองดูสิ่งที่พระยะโฮวาสร้าง เราเรียนรู้ว่าพระองค์รักเรามากแค่ไหน (โรม 1:20) เช่น พระยะโฮวาออกแบบโลกไม่ใช่แค่ให้เป็นที่อยู่ของเราเท่านั้น แต่พระองค์ให้ทุกสิ่งที่จำเป็นเพื่อเราจะมีความสุข แม้เราต้องกินอาหารแต่พระยะโฮวาก็ให้มีอาหารที่หลากหลายเพื่อให้เรามีความสุขในการกิน! (ผู้ป. 9:7) พี่น้องหญิงชื่อแคเทอรีนมีความสุขกับการได้เห็นสิ่งที่พระเจ้าสร้าง โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิในแคนาดา เธอบอกว่า “น่าทึ่งจริง ๆ ที่เห็นธรรมชาติกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ได้เห็นดอกไม้งอกขึ้นจากดินเหมือนกับได้ถูกกำหนดไว้ ได้เห็นนกต่าง ๆ กลับมาจากการอพยพ และได้เห็นนกฮัมมิ่งเบิร์ดตัวจิ๋วมากินอาหารที่ฉันใส่ไว้ในกล่องใส่อาหารนอกหน้าต่างห้องครัว พระยะโฮวาต้องรักเรามากจริง ๆ ถึงได้ให้สิ่งเหล่านี้เพื่อเราจะมีความสุข” พระยะโฮวาพ่อของเราชอบสิ่งที่พระองค์สร้าง และพระองค์ก็อยากให้เราชอบด้วยเหมือนกัน—กิจ. 14:16, 17

5. วิธีที่พระยะโฮวาสร้างมนุษย์ทำให้เราเห็นความรักของพระองค์อย่างไร?

⁵ พระยะโฮวาสร้างเราให้มีความสามารถในการทำงานที่เกิดประโยชน์และมีความสุขกับงานนั้น (ผู้ป. 2:24) พระองค์มอบหมายให้มนุษย์มีลูกหลานจนเต็มโลก รวมทั้งให้เพาะปลูก ดูแลฝูงปลา นกและสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลก (เย. 1:26-28) พระองค์ยังสร้างเราให้มีคุณลักษณะที่ยอดเยี่ยมเพื่อให้เราเลียนแบบพระองค์ได้!—เอเฟ. 5:1

6. ทำไมเราควรเห็นคุณค่าคัมภีร์ไบเบิลอย่างลึกซึ้ง?

⁶ พระยะโฮวาให้คัมภีร์ไบเบิลแก่เราเพราะพระองค์รักเรามาก หนังสือนี้บอกถึงสิ่งที่เราจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับพระองค์และความรู้สึกของพระองค์ที่มีต่อมนุษย์ เช่น คัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่าพระยะโฮวารู้สึกอย่างไรกับชาวอิสราเอลที่มักจะไม่เชื่อฟังพระองค์ ในบทเพลงสรรเสริญ 78:38 บอกว่า “พระองค์ทรงพระกรุณาโปรด ยกโทษไม่ทรงประหารเขาเสีย . . . พระองค์ทรงงดพิโรธเขาเป็นหลายครั้งหลายหนแล้ว มิได้ให้พระพิโรธทั้งหมดพลุ่งขึ้น” การใคร่ครวญในข้อนี้จะช่วยคุณให้เห็นว่าพระยะโฮวารักและห่วงใยคุณมากจริง ๆ และเรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาสนใจเราอย่างลึกซึ้ง—อ่าน 1 เปโตร 5:6, 7

7. ทำไมคัมภีร์ไบเบิลมีค่าต่อเรามาก?

⁷ ทำไมคัมภีร์ไบเบิลมีค่าต่อเรามาก? เพราะพระยะโฮวาพูดกับเราโดยทางคัมภีร์ไบเบิล เมื่อพ่อแม่ลูกพูดคุยกันอย่างเปิดอก พวกเขาจะรักและไว้วางใจกันมากขึ้น พระยะโฮวาเป็นพ่อที่รักของเรา แม้เราไม่เคยเห็นหรือได้ยินเสียงพระองค์ แต่พระองค์ก็พูดกับเราโดยทางคัมภีร์ไบเบิล ดังนั้น เราควรตั้งใจฟังพระองค์! (ยซา. 30:20, 21) เมื่อเราอ่านคัมภีร์ไบเบิล เราได้รู้จักและไว้วางใจพระยะโฮวาผู้ที่ชี้นำและปกป้องเรา—อ่านบทเพลงสรรเสริญ 19:7-11; สุภาษิต 1:33

8, 9. พระยะโฮวาอยากให้เรารู้อะไร? ขอยกตัวอย่างหนึ่งในคัมภีร์ไบเบิล

⁸ พระยะโฮวาอยากให้เรารู้ว่าพระองค์รักเราและไม่ได้มองเห็นแค่ความผิดบาปของเรา พระองค์ยังเห็นข้อดีในตัวเราด้วย (2 โคร. 16:9) ให้เรามาดูว่าพระยะโฮวาเห็นข้อดีของกษัตริย์เยโฮซาฟาตแห่งยูดาห์อย่างไร ครั้งหนึ่ง เขาตัดสินใจอย่างไม่ฉลาดที่ร่วมมือกับกษัตริย์อาฮาบแห่งอิสราเอลเพื่อไปสู้รบกับชาวซีเรียที่ราโมท-กิเลียด  แม้ผู้พยากรณ์เท็จ 400 คนของอาฮาบบอกว่าจะชนะแน่ ๆ แต่มีคายาผู้พยากรณ์แท้ของพระยะโฮวาบอกเยโฮซาฟาตและอาฮาบว่าถ้าพวกเขาไปสู้รบ พวกเขาจะแพ้ และก็เป็นอย่างนั้นจริง อาฮาบตายในการสู้รบ ส่วนเยโฮซาฟาตรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด หลังจากการสู้รบ พระยะโฮวาใช้เยฮูไปหาเยโฮซาฟาตเพื่อให้คำแนะนำที่เขาตัดสินใจไม่ฉลาด อย่างไรก็ตาม เยฮูก็บอกเขาด้วยว่า “แต่ยังมีข้อดีอยู่บ้างในตัวท่าน”—2 โคร. 18:4, 5, 18-22, 33, 34; 19:1-3, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย

⁹ หลายปีก่อนหน้านั้น เยโฮซาฟาตได้บอกพวกเจ้านาย พวกเลวี และเหล่าปุโรหิตให้ไปทั่วเมืองต่าง ๆ ในยูดาห์เพื่อสอนกฎหมายของพระยะโฮวาแก่ประชาชน พวกเขาประสบความสำเร็จมากจนแม้แต่ชาติอื่น ๆ ก็ได้รู้จักพระยะโฮวา (2 โคร. 17:3-10) แม้ต่อมาเยโฮซาฟาตจะตัดสินใจอย่างไม่ฉลาด แต่พระยะโฮวาก็ไม่ได้ลืมสิ่งดีต่าง ๆ ที่เขาเคยทำก่อนหน้านั้น ตัวอย่างนี้ให้กำลังใจเรามากเพราะบางครั้งเราก็ทำผิดพลาด แต่ถ้าเรารับใช้พระยะโฮวาให้ดีที่สุด พระยะโฮวาก็จะยังรักและไม่ลืมสิ่งดีต่าง ๆ ที่เราเคยทำ

10, 11. (ก) ทำไมการอธิษฐานเป็นของขวัญที่มีค่าจากพระยะโฮวา? (ข) พระเจ้าอาจตอบคำอธิษฐานของเราอย่างไร? (ดูภาพแรก)

¹⁰ พ่อที่รักลูกจะให้เวลาและตั้งใจฟังเมื่อลูกอยากคุยด้วย เขาอยากรู้ว่าลูกคิดอย่างไรเพราะเขาสนใจลูกจริง ๆ พระยะโฮวาพ่อที่รักของเราก็ทำอย่างเดียวกัน พระองค์ฟังเราเมื่อเราอธิษฐานถึงพระองค์ การคุยกับพระองค์เป็นสิทธิพิเศษที่มีค่ามาก!

¹¹ เราอธิษฐานถึงพระยะโฮวาได้ทุกเวลา พระองค์เป็นเพื่อนของเราและพร้อมจะฟังเรา พี่น้องเทย์เลนที่พูดถึงตอนต้นบอกว่า “คุณสามารถคุยทุกเรื่องกับพระองค์ได้” เมื่อเราบอกความรู้สึกลึก ๆ ในใจต่อพระยะโฮวา พระองค์อาจตอบเราทางพระคัมภีร์ บทความในหนังสือของเรา หรือคำพูดที่ให้กำลังใจจากพี่น้องชายหญิง พระยะโฮวาได้ยินคำขอที่จริงใจของเราและพระองค์เข้าใจเราแม้ไม่มีใครเข้าใจ การที่พระองค์ตอบคำอธิษฐานของเราแสดงว่าพระองค์มีความรักที่มั่นคงต่อเรา

12. ทำไมเราควรเรียนรู้เกี่ยวกับคำอธิษฐานที่พบในคัมภีร์ไบเบิล? ขอยกตัวอย่าง

¹² เราเรียนรู้บทเรียนสำคัญหลายอย่างได้จากคำอธิษฐานที่พบในคัมภีร์ไบเบิล บางครั้ง นับว่าเป็นประโยชน์ที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับคำอธิษฐานในการนมัสการประจำครอบครัว การอธิษฐานของเราจะมีคุณภาพดีขึ้นเมื่อเราคิดใคร่ครวญคำอธิษฐานที่จริงใจของผู้รับใช้พระเจ้าในอดีต เช่น คำอธิษฐานอย่างถ่อมตัวของโยนาห์ตอนที่อยู่ในท้องปลาใหญ่ (โยนา 1:17-2:10) คำอธิษฐานที่จริงใจของโซโลมอนต่อพระยะโฮวาตอนอุทิศพระวิหาร (1 กษัต. 8:22-53) และคำอธิษฐานแบบอย่างของพระเยซู (มัด. 6:9-13) สำคัญยิ่งกว่านั้นคือให้เรา ‘บอกทุกสิ่งที่เราปรารถนาต่อพระเจ้า’ เป็นประจำ ผลคือ ‘สันติสุขของพระเจ้าซึ่งเหนือกว่าความคิดทุกอย่างจะปกป้องหัวใจและจิตใจเราไว้’ ความรู้สึกขอบคุณที่เรามีต่อความรักที่มั่นคงของพระยะโฮวาก็จะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ—ฟิลิป. 4:6, 7

13. ค่าไถ่ทำให้เรามีโอกาสอะไรบ้าง?

¹³ พระยะโฮวาให้ค่าไถ่เป็นของขวัญแก่เรา “เพื่อให้ เราได้ชีวิต” (1 โย. 4:9) อัครสาวกเปาโลได้เขียนเกี่ยวกับความรักที่ยอดเยี่ยมของพระเจ้าว่า ‘พระคริสต์ตายแทนคนที่ดูหมิ่นพระเจ้าตามเวลากำหนด ด้วยว่าไม่ค่อยจะมีคนยอมตายเพื่อคนชอบธรรม แต่อาจมีคนกล้าตายแทนคนดี แต่พระเจ้าเสนอความรักของพระองค์แก่เราโดยที่พระคริสต์ตายเพื่อเราในขณะที่เรายังเป็นคนบาป’ (โรม 5:6-8) ค่าไถ่เป็นตัวอย่างที่ดีเยี่ยมที่สุดที่แสดงถึงความรักของพระเจ้า และค่าไถ่ยังทำให้มนุษย์มีโอกาสสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระองค์

14, 15. ค่าไถ่มีค่าอย่างไรต่อ (ก) คริสเตียนผู้ถูกเจิม? (ข) คนที่มีความหวังจะมีชีวิตบนโลก?

¹⁴ คริสเตียนกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งรู้สึกได้ว่าพระยะโฮวาแสดงความรักที่มั่นคงต่อพวกเขาในวิธีที่พิเศษ (โย. 1:12, 13; 3:5-7) พระเจ้าเจิมคนเหล่านี้ด้วยพลังบริสุทธิ์ของพระองค์ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงเป็นลูกของพระองค์ (โรม 8:15, 16) เนื่องจากบางคนยังอยู่บนโลก แต่ทำไมเปาโลจึงบอกว่าพวกเขานั่ง “ร่วมกับ [พระเยซู] ในสวรรค์สถาน”? (เอเฟ. 2:6) เพราะพระยะโฮวาให้ความหวังเรื่องชีวิตตลอดไปในสวรรค์แก่พวกเขา—เอเฟ. 1:13, 14; โกโล. 1:5

¹⁵ ทุกคนที่ไม่ได้ถูกเจิมสามารถเป็นเพื่อนกับพระเจ้าได้ถ้าพวกเขาแสดงความเชื่อในค่าไถ่ พวกเขาก็มีโอกาสถูกรับเป็นลูกของพระเจ้าและมีชีวิตตลอดไปบนโลกที่เป็นอุทยาน ค่าไถ่แสดงให้เห็นถึงความรักที่พระยะโฮวามีต่อมนุษย์ทุกคน (โย. 3:16) น่าตื่นเต้นจริง ๆ ที่รู้ว่า ถ้าเรารับใช้พระเจ้าอย่างซื่อสัตย์ พระองค์ก็จะให้เรามีชีวิตที่ดีที่สุดในโลกใหม่! ดังนั้น ขอให้เราแสดงว่าเรารู้สึกขอบคุณในค่าไถ่ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่สุดที่แสดงถึงความรักที่มั่นคงของพระเจ้า

16. การคิดใคร่ครวญถึงความรักของพระเจ้าจะกระตุ้นเราให้ทำอะไร?

¹⁶ ความรักที่พระยะโฮวาได้แสดงต่อเราในวิธีต่าง ๆ มีมากมายจนเราไม่สามารถนับได้ เหมือนที่กษัตริย์ดาวิดร้องเพลงว่า “ความคิดของพระองค์ช่างลึกซึ้งนี่กระไร ความคิดของพระองค์ช่างมีมากมายเหลือเกิน ถ้าข้าพเจ้านับ ก็คงจะมีจำนวนมากกว่าเม็ดทราย” (เพลง. 139:17, 18, ฉบับคาทอลิก ) การคิดใคร่ครวญถึงวิธีต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาแสดงความรักต่อเราจะกระตุ้นเราให้รักพระองค์และให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่พระองค์

17, 18. มีวิธีอะไรบ้างที่เราสามารถแสดงว่าเรารักพระเจ้า?

¹⁷ เราสามารถแสดงได้หลายวิธีว่าเรารักพระยะโฮวา เช่น โดยบอกข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระองค์แก่คนอื่น ๆ อย่างกระตือรือร้น (มัด. 24:14; 28:19, 20) และโดยอดทนการทดสอบความเชื่ออย่างภักดี (อ่านบทเพลงสรรเสริญ 84:11; ยาโกโบ 1:2-5) แม้จะเจอการทดสอบอย่างหนัก เราก็มั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาเห็นความทุกข์ของเราและจะช่วยเรา เพราะเรามีค่าต่อพระองค์—เพลง. 56:8

¹⁸ ความรักต่อพระยะโฮวากระตุ้นเราให้ใคร่ครวญสิ่งยอดเยี่ยมต่าง ๆ ที่พระองค์สร้าง เราแสดงให้พระยะโฮวาเห็นว่าเรารักพระองค์และคำสอนของพระองค์โดยเป็นนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลที่ขยันขันแข็ง เราอธิษฐานถึงพระยะโฮวาเป็นประจำเพราะเรารักพระองค์และอยากเสริมความสัมพันธ์ที่มีต่อพระองค์ให้แน่นแฟ้น และเมื่อเราใคร่ครวญเรื่องค่าไถ่ที่เป็นของขวัญอันมีค่าจากพระองค์ ความรักที่มีต่อพระองค์ก็จะมีมากขึ้น (1 โย. 2:1, 2) วิธีต่าง ๆ เหล่านี้เป็นเพียงบางวิธีที่เราแสดงให้พระยะโฮวาเห็นว่าเราเห็นคุณค่าความรักที่มั่นคงของพระองค์