ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

เราจะแสดงให้เห็นอย่างไรว่าเรารักพระยะโฮวา?

เราจะแสดงให้เห็นอย่างไรว่าเรารักพระยะโฮวา?

‘เราแสดงความรักก็เพราะพระองค์รักเราก่อน’—1 โย. 4:19

เพลง 56, 138

1, 2. พระยะโฮวาสอนเราให้รักพระองค์อย่างไร?

วิธีที่พ่อจะสอนลูกได้ดีที่สุดก็คือโดยตัวอย่างของเขาเอง เมื่อเขาแสดงความรักต่อลูก เขาก็กำลังสอนลูกให้รู้ว่าจะแสดงความรักอย่างไร ที่จริง ไม่มีใครรักเรามากเท่ากับพระยะโฮวาพ่อในสวรรค์ของเรา ดังนั้น เราจึงรู้วิธีที่จะแสดงความรัก ‘เพราะพระองค์รักเราก่อน’—1 โย. 4:19

2 พระยะโฮวา “รักเราก่อน” ในทางใด? คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “พระคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อเราในขณะที่เรายังเป็นคนบาป” (โรม 5:8) พระยะโฮวาพ่อที่รักของเราส่งพระเยซูมาเป็นค่าไถ่เพื่อช่วยเราให้รอดจากบาปและความตาย ของขวัญอันล้ำค่านี้ทำให้เป็นไปได้ที่เราจะใกล้ชิดพระยะโฮวาและแสดงความรักต่อพระองค์ได้ โดยการเสียสละอันยิ่งใหญ่นี้ พระยะโฮวาได้วางตัวอย่างให้กับเรา พระองค์สอนเราว่าเราควรมีความรักอย่างไม่เห็นแก่ตัวและมีน้ำใจเอื้อเฟื้อ—1 โย. 4:10

3, 4. เราจะแสดงให้เห็นอย่างไรว่าเรารักพระเจ้า?

3 ความรักเป็นคุณลักษณะเด่นของพระยะโฮวา เราจึงเข้าใจเหตุผลที่พระเยซูบอกว่ากฎหมายของโมเซข้อที่สำคัญที่สุดคือ “จงรักพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าด้วยสุดหัวใจของเจ้า ด้วยสุดชีวิตของเจ้า ด้วยสุดความคิดของเจ้า และด้วยสุดกำลังของเจ้า” (มโก. 12:30) พระยะโฮวาอยากให้เรารักพระองค์ด้วย “สุดหัวใจ” ของเรา พระยะโฮวาคงจะรู้สึกเสียใจถ้าเรารักใครหรืออะไรก็ตามมากกว่าพระองค์ แต่ความรักที่เรามีต่อพระองค์ไม่ควรเป็นแค่อารมณ์ความรู้สึกเท่านั้น พระองค์คาดหมายให้เรารักพระองค์ด้วย “สุดความคิด” และ “สุดกำลัง” นี่หมายความว่าความรักที่เรามีต่อพระยะโฮวาเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราคิดและทำ—อ่านมีคา 6:8

4 ดังนั้น เราควรรักพระยะโฮวาด้วยสุดหัวใจและทั้งหมดที่เรามี การให้พระองค์สำคัญที่สุดในชีวิตแสดงว่าเรารักพระองค์จริง ๆ ในบทความที่แล้ว เราได้เรียน 4 วิธีที่พระยะโฮวาแสดงให้เห็นว่าพระองค์รักลูก ๆ ของพระองค์มาก ตอนนี้ขอเราดูวิธีที่เราจะมีความรักที่ลึกซึ้งต่อพระยะโฮวาและวิธีที่จะแสดงว่าเรารักพระองค์

แสดงให้พระยะโฮวาเห็นว่าคุณรู้สึกขอบคุณ

5. เมื่อเราคิดถึงสิ่งต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาทำเพื่อเรา เราจึงอยากทำอะไร?

5 ปกติแล้ว คุณจะแสดงความขอบคุณเมื่อมีคนให้ของขวัญคุณ และเนื่องจากคุณเห็นว่าของขวัญนั้นมีค่า คุณจึงใช้ของขวัญนั้น ยาโกโบเขียนว่า “ของประทานอันดีและสมบูรณ์ทุกอย่างมาจากเบื้องบน เพราะของประทานนั้นมาจากผู้ทำให้เกิดดวงสว่างในท้องฟ้า และพระองค์ไม่ทรงแปรเปลี่ยนเหมือนเงาที่เปลี่ยนไป” (ยโก. 1:17) เรารู้สึกขอบคุณพระยะโฮวาจริง ๆ ที่พระองค์ให้ทุกสิ่งที่เราจำเป็นต้องมีเพื่อจะมีชีวิตอยู่และมีความสุข สิ่งเหล่านี้ทำให้เราเห็นว่าพระองค์รักเรามากและเราก็อยากจะแสดงให้พระองค์เห็นว่าเรารักพระองค์มากด้วยเหมือนกัน คุณรู้สึกอย่างนั้นด้วยไหม?

6. ชาวอิสราเอลต้องทำอะไรถ้าอยากให้พระยะโฮวาอวยพรพวกเขาต่อ ๆ ไป?

6 ชาวอิสราเอลได้รับสิ่งดีหลายอย่างจากพระยะโฮวา และเป็นเวลาหลายร้อยปีที่พระยะโฮวาชี้นำพวกเขาด้วยกฎหมายของพระองค์และให้ทุกสิ่งที่พวกเขาจำเป็นเพื่อจะมีชีวิตอยู่ (บัญ. 4:7, 8) ชาวอิสราเอลสามารถแสดงความขอบคุณต่อพระยะโฮวาได้โดยเชื่อฟังกฎหมายของพระองค์ เช่น เมื่อพวกเขาถวายเครื่องบูชาแก่พระยะโฮวา พวกเขาต้องให้ “ผลแรกที่ดีที่สุด” จากไร่นาของพวกเขา (เอ็ก. 23:19, ฉบับคาทอลิก ) ชาวอิสราเอลรู้ว่าพระยะโฮวาจะอวยพรพวกเขาต่อ ๆ ไปถ้าพวกเขาเชื่อฟังและให้สิ่งดีที่สุดแก่พระองค์—อ่านพระบัญญัติ 8:7-11

7. เราจะใช้ “ทรัพย์” ของเราอย่างไรเพื่อแสดงให้พระยะโฮวาเห็นว่าเรารักพระองค์?

7 เราเองก็สามารถแสดงให้พระยะโฮวาเห็นว่าเรารักพระองค์โดยใช้ “ทรัพย์” ของเรา (สุภา. 3:9) นั่นคือใช้สิ่งที่เรามีเพื่อยกย่องสรรเสริญพระองค์ เช่น เราสามารถบริจาคเพื่อสนับสนุนงานราชอาณาจักรในประชาคมของเราและทั่วโลก ไม่ว่าเราจะมีมากหรือน้อยแต่เราทุกคนก็สามารถใช้สิ่งที่เรามีเพื่อแสดงว่าเรารักพระยะโฮวา (2 โค. 8:12) แต่ยังมีวิธีอื่นอีกที่เราสามารถแสดงให้พระยะโฮวาเห็นว่าเรารักพระองค์

8, 9. อีกวิธีหนึ่งที่เราแสดงให้พระยะโฮวาเห็นว่าเรารักพระองค์คืออะไร? ไมค์กับครอบครัวได้ทำอะไรบ้าง?

8 พระเยซูสอนว่าเราต้องให้การปกครองของพระเจ้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตและไม่ต้องวิตกกังวลในเรื่องอาหารและเสื้อผ้า เพราะพระยะโฮวาพ่อของเราสัญญาว่าจะให้สิ่งที่จำเป็นแก่เรา (มัด. 6:31-33) เราไว้วางใจในพระยะโฮวาและรู้ว่าพระองค์ทำตามสัญญาเสมอ เมื่อคุณรักใครสักคนจริง ๆ คุณจะไว้วางใจคนนั้น คล้ายกัน ยิ่งเราไว้วางใจในพระยะโฮวาเราก็ยิ่งแสดงให้พระองค์เห็นว่าเรารักพระองค์ (เพลง. 143:8) ดังนั้น เราอาจถามตัวเองว่า ‘สิ่งที่ฉันคิดว่าจะทำรวมทั้งวิธีที่ฉันใช้เวลาและกำลังแสดงให้เห็นไหมว่าฉันรักพระยะโฮวาจริง ๆ? ฉันพึ่งพระยะโฮวาให้ดูแลความจำเป็นของฉันทุก ๆ วันไหม?’

9 ตัวอย่างเช่น ไมค์กับครอบครัวไว้วางใจในพระยะโฮวา ตอนที่ไมค์เป็นวัยรุ่น เขาคิดอยู่เสมอว่าอยากไปรับใช้ในต่างประเทศ แม้หลังจากที่เขาแต่งงานแล้วและมีลูกสองคน เขาก็ยังคิดเรื่องนี้อยู่ เมื่อไมค์กับครอบครัวอ่านประสบการณ์ของพี่น้องที่ย้ายไปรับใช้ในที่ที่ต้องการผู้ประกาศมากกว่า พวกเขาจึงตัดสินใจใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายโดยขายบ้านแล้วย้ายไปอยู่อพาร์ตเมนต์ ไมค์ยังลดจำนวนลูกค้าในธุรกิจทำความสะอาดของเขาด้วย และได้พบว่าเขาสามารถจะบริหารธุรกิจทางอินเทอร์เน็ตได้แม้จะอยู่ในอีกประเทศหนึ่ง ผลคือไมค์กับครอบครัวจึงสามารถย้ายไปอยู่ต่างประเทศได้และพวกเขามีความสุขกับงานรับใช้ที่นั่นมาก ไมค์บอกว่า “เราได้เห็นคำพูดของพระเยซูที่บอกไว้ในมัดธาย 6:33 เกิดขึ้นจริงกับเรา”

ใคร่ครวญในสิ่งที่พระยะโฮวาสอนคุณ

10. ทำไมจึงเป็นประโยชน์ที่เราจะใคร่ครวญสิ่งที่เราได้เรียนเกี่ยวกับพระยะโฮวาเหมือนกับกษัตริย์ดาวิด?

10 กษัตริย์ดาวิดเขียนว่า “ฟ้าสวรรค์แสดงพระรัศมีของพระเจ้า และท้องฟ้าประกาศพระหัตถกิจ” เขาเพิ่มเติมอีกว่า “กฎหมายของพระยะโฮวาดีรอบคอบ เป็นที่ให้จิตต์วิญญาณฟื้นตื่นขึ้น คำโอวาทของพระยะโฮวาก็แน่นอน เตือนสติคนรู้น้อยให้มีปัญญา” เมื่อดาวิดใคร่ครวญกฎหมายที่ฉลาดสุขุมของพระยะโฮวาและความงดงามในสิ่งที่พระองค์สร้าง เขาก็ใกล้ชิดกับพระยะโฮวามากขึ้นและอยากแสดงความรักต่อพระองค์ ดาวิดบอกว่า “ข้าแต่พระยะโฮวา ผู้เป็นศิลา และเป็นผู้ทรงไถ่โทษของข้าพเจ้า ขอให้วาจาที่ออกมาจากปากกับความคิดในใจของข้าพเจ้าเป็นที่ชอบต่อพระเนตรของพระองค์”—เพลง. 19:1, 7, 14

11. เราจะใช้ความรู้ที่เราได้รับจากพระยะโฮวาอย่างไรเพื่อแสดงว่าเรารักพระองค์? (ดูภาพแรก)

11 ทุกวันนี้ พระยะโฮวาสอนเรามากมาย เช่น สอนเราเกี่ยวกับพระองค์ ความต้องการของพระองค์ สิ่งที่พระองค์สร้าง และคำสอนของพระองค์ แม้โลกจะส่งเสริมให้ผู้คนศึกษาเรียนรู้ แต่การศึกษาสูง ๆ มักจะทำให้พวกเขาสูญเสียความเชื่อและความรักที่มีต่อพระเจ้า ตรงกันข้าม พระยะโฮวาไม่เพียงอยากให้เรามีความรู้เท่านั้นแต่พระองค์อยากให้เรามีสติปัญญาด้วย พระองค์อยากให้เราใช้สิ่งที่ได้เรียนรู้เพื่อประโยชน์ของเราและช่วยคนอื่น (สุภา. 4:5-7) เช่น พระองค์อยากให้เราบอก “ความรู้ถ่องแท้เรื่องความจริง” แก่คนอื่นเพื่อช่วยพวกเขาให้รอด (1 ติโม. 2:4) เราแสดงความรักต่อพระยะโฮวาและผู้คนโดยสอนคนอื่นให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้เกี่ยวกับการปกครองของพระเจ้าและสิ่งที่การปกครองนี้จะทำเพื่อมนุษย์—อ่านบทเพลงสรรเสริญ 66:16, 17

12. พี่น้องหญิงวัยรุ่นคนหนึ่งพูดอย่างไรเกี่ยวกับของขวัญจากพระยะโฮวา?

12 วัยรุ่นก็สามารถใคร่ครวญสิ่งต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาให้และที่พระยะโฮวาสอนพวกเขาได้ เช่น แชนน่อนยังจำความรู้สึกที่เธอมีในการประชุมภาคครั้งหนึ่งที่มีหัวเรื่องว่า “ความเลื่อมใสในพระเจ้า” * ตอนนั้นเธออายุ 11 ขวบและน้องสาวของเธออายุ 10 ขวบ ระหว่างการประชุมมีการขอให้เด็ก ๆ และวัยรุ่นทุกคนไปนั่งในที่นั่งที่จัดไว้โดยเฉพาะ แชนน่อนกับน้องสาวจึงไปนั่งที่นั่น ตอนแรกเธอรู้สึกกังวลแต่แล้วเธอก็ตื่นเต้นดีใจเมื่อเด็กทุกคนได้รับหนังสือคำถามที่หนุ่มสาวถาม—คำตอบที่ได้ผล ของขวัญที่ยอดเยี่ยมนี้ทำให้เธอรู้สึกอย่างไรต่อพระยะโฮวา? เธอบอกว่า “ตอนนั้นเองที่ฉันได้รู้ว่าพระยะโฮวามีอยู่จริง และรู้ว่าพระองค์รักฉัน มากจริง ๆ เรามีความสุขมากที่พระยะโฮวาพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่เต็มใจให้ของขวัญที่ยอดเยี่ยมแก่เรา!”

ยอมรับการแก้ไขจากพระยะโฮวา

13, 14. เราควรมีท่าทีอย่างไรเมื่อพระยะโฮวาแก้ไขเรา และทำไม?

13 คัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่า ‘ผู้ใดที่พระยะโฮวารัก พระองค์เตือนสอนผู้นั้น เช่นบิดากระทำต่อบุตรที่ตนชื่นชม’ (สุภา. 3:12) เมื่อเรายอมรับการแก้ไขจากพระยะโฮวาและยอมให้พระองค์ฝึกเรา เราก็จะเรียนรู้ที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องและมีสันติสุข แน่นอน “ไม่มีการตีสอนแบบใดที่ทำให้ยินดีในขณะที่ได้รับ แต่ทำให้เศร้าใจ” (ฮีบรู 12:11) แม้จะเป็นอย่างนั้น เราควรมีท่าทีอย่างไรเมื่อพระยะโฮวาแก้ไขเรา? เราไม่ควรละเลยคำแนะนำของพระยะโฮวาหรือไม่พอใจถ้าเราไม่ชอบสิ่งที่ได้ยิน เพราะเรารักพระยะโฮวา เราจึงฟังพระองค์และทำการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็น

14 คนยิวหลายคนในสมัยมาลาคีไม่ฟังพระยะโฮวา พวกเขาไม่สนใจว่าเครื่องบูชาที่เขาถวายทำให้พระองค์ไม่พอใจ พระยะโฮวาจึงให้คำแนะนำพวกเขาแรง ๆ ในเรื่องนี้ (อ่านมาลาคี 1:12, 13) ที่จริง พระยะโฮวาให้คำแนะนำพวกเขาหลายครั้งแต่พวกเขาไม่ฟัง พระองค์จึงบอกพวกเขาว่า “เราก็จะแช่งเจ้า และจะกลับคำพรของเจ้าให้กลายเป็นคำแช่งไป” (มลคี. 2:1, 2) เห็นได้ชัดว่า ถ้าเราไม่ฟังคำแนะนำของพระยะโฮวาอยู่เรื่อย ๆ หรือรู้สึกว่าคำแนะนำนั้นไม่สำคัญ เราก็จะสูญเสียความเป็นเพื่อนกับพระองค์

ขอให้คิดถึงสิ่งที่พระยะโฮวาต้องการแทนที่จะคิดเหมือนคนทั่วไปในโลก (ดูข้อ 15)

15. ความคิดแบบไหนที่เราควรหลีกเลี่ยง?

15 โลกของซาตานส่งเสริมผู้คนให้หยิ่งและเห็นแก่ตัว หลายคนจึงไม่ชอบเมื่อถูกแก้ไขหรือเมื่อมีคนมาบอกว่าพวกเขาต้องทำอะไร บางคนฟังคำแนะนำเพราะไม่มีทางเลือก แต่เราไม่ควรเป็นอย่างนั้น คัมภีร์ไบเบิลบอกเราให้ “เลิกเลียนแบบคนในยุคนี้” ดังนั้น เราต้องเข้าใจว่าพระยะโฮวาคาดหมายอะไรจากเราและทำสิ่งที่พระองค์ชอบ (โรม 12:2) พระองค์ใช้องค์การของพระองค์ให้คำแนะนำที่เหมาะกับเวลาแก่เรา เช่น เราได้รับคำเตือนในเรื่องวิธีวางตัวต่อเพศตรงข้าม การเลือกเพื่อน และการเลือกนันทนาการและการพักผ่อนหย่อนใจ เมื่อเราเต็มใจยอมรับการแก้ไขจากพระยะโฮวาและทำการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้พระองค์พอใจ เราแสดงให้เห็นว่าเราขอบคุณที่พระองค์ชี้นำและยังแสดงให้เห็นด้วยว่าเรารักพระองค์จริง ๆ—โย. 14:31; โรม 6:17

พึ่งพระยะโฮวาให้ช่วยและปกป้องคุณ

16, 17. (ก) ทำไมเราควรพยายามรู้ว่าพระยะโฮวาคิดอย่างไรก่อนที่เราจะตัดสินใจ? (ข) ชาวอิสราเอลทำอะไรแทนที่จะไว้วางใจพระยะโฮวา?

16 เด็กเล็ก ๆ พึ่งพ่อแม่ให้ช่วยและปกป้องพวกเขา แม้ลูกที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็อาจยังขอพ่อแม่ให้ช่วยเพราะรู้ว่าถึงจะตัดสินใจได้เองแต่พ่อแม่ก็สามารถให้คำแนะนำที่มีประโยชน์ แม้พระยะโฮวาพ่อของเราให้เราตัดสินใจได้เอง แต่เพราะเราไว้ใจและรักพระองค์จริง ๆ เราจึงขอความช่วยเหลือจากพระองค์เสมอและทำทุกสิ่งที่เราทำได้เพื่อจะรู้ว่าพระองค์คิดอย่างไรก่อนที่เราจะตัดสินใจ ถ้าเราพึ่งพระยะโฮวา พระองค์ก็จะให้พลังบริสุทธิ์เพื่อช่วยเราให้ทำสิ่งที่ถูกต้อง—ฟิลิป. 2:13

17 ชาวอิสราเอลในสมัยซามูเอลแพ้ชาวฟิลิสตินในการสู้รบ แทนที่พวกเขาจะถามพระยะโฮวาว่าควรทำอย่างไรในการรบครั้งต่อไป แต่พวกเขากลับบอกว่า “ให้พวกเราไปเชิญหีบแห่งความสัญญาไมตรีของพระยะโฮวาออกจากซีโลมาตั้งไว้ท่ามกลางพวกเรา จะได้ช่วยเราพ้นจากอำนาจเงื้อมมือข้าศึก” ผลคือ “พลทหารเดินเท้าฝ่ายยิศราเอลก็ล้มลงตายสามหมื่นคน ข้าศึกจึงชิงเอาหีบแห่งพระเจ้าได้” (1 ซามู. 4:2-4, 10, 11) ชาวอิสราเอลคิดว่า แค่นำหีบสัญญาไมตรีไปกับพวกเขาด้วย พระยะโฮวาก็จะช่วยและปกป้องพวกเขา แต่พวกเขากลับไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากพระยะโฮวาหรือพยายามรู้ว่าพระองค์คิดอย่างไร แทนที่จะเป็นอย่างนั้น พวกเขาทำสิ่งที่พวกเขาคิดว่าถูกต้อง และพวกเขาก็ต้องเจอกับความทุกข์มากมาย—อ่านสุภาษิต 14:12

18. คัมภีร์ไบเบิลสอนคุณอย่างไรเกี่ยวกับการไว้วางใจในพระยะโฮวา?

18 ผู้เขียนบทเพลงสรรเสริญที่รักพระยะโฮวาอย่างลึกซึ้งและพึ่งในพระองค์เขียนว่า “จงคอยท่าพระเจ้า เพราะข้าพเจ้าจะยังถวายสรรเสริญพระองค์ต่อไป เพราะรัศมีพระพักตร์พระองค์เป็นที่ชูกำลังของข้าพเจ้าไว้ ข้าแต่พระเจ้าของข้าพเจ้า จิตต์ของข้าพเจ้าฝ่อลงอยู่ในตัวข้าพเจ้าแล้ว เหตุฉะนั้น ข้าพเจ้าจะระลึกถึงพระองค์” (เพลง. 42:5, 6) คุณรู้สึกต่อพระยะโฮวาอย่างนั้นด้วยไหม? คุณรู้สึกใกล้ชิดและไว้วางใจในพระองค์ไหม? คุณเรียนรู้ที่จะไว้วางใจในพระองค์มากขึ้นได้ ที่จริง คัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่า “จงวางใจในพระยะโฮวาด้วยสุดใจของเจ้า อย่าพึ่งในความเข้าใจของตนเอง จงรับพระองค์ให้เข้าส่วนในทางทั้งหลายของเจ้า และพระองค์จะชี้ทางเดินของเจ้าให้แจ่มแจ้ง”—สุภา. 3:5, 6

19. คุณจะแสดงให้พระยะโฮวาเห็นอย่างไรว่าคุณรักพระองค์?

19 พระยะโฮวาสอนเราให้รู้วิธีที่จะรักพระองค์โดยที่พระองค์รักเราก่อน ดังนั้น ขอเราคิดอยู่เสมอว่าพระองค์ทำเพื่อเราและรักเรามากจริง ๆ นอกจากนั้น ขอเราแสดงให้พระองค์เห็นว่าเรารักพระองค์สุดหัวใจ สุดชีวิต สุดความคิด และสุดกำลังของเรา—มโก. 12:30

^ วรรค 12 ปัจจุบันเราเรียกการประชุมภาคว่าการประชุมภูมิภาค