ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ฝึกสอนลูกที่เป็นเด็กให้รับใช้พระยะโฮวา

ฝึกสอนลูกที่เป็นเด็กให้รับใช้พระยะโฮวา

“โปรดให้คนของพระเจ้าเที่ยงแท้ . . . สอนพวกเราให้รู้ว่าควรเลี้ยงลูกที่จะเกิดมานั้นยังไง”—วินิจ. 13:8, ล.ม.

เพลง 88, 120

1. มาโนอาห์ทำอะไรเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นพ่อคน?

มาโนอาห์และภรรยาคิดว่าพวกเขาไม่สามารถมีลูกด้วยกันได้ แต่อยู่มาวันหนึ่ง พระยะโฮวาส่งทูตสวรรค์มาบอกภรรยาของมาโนอาห์ว่าเธอจะมีลูกชาย เป็นเรื่องที่น่าดีใจจริง ๆ! ตอนที่เธอบอกมาโนอาห์เกี่ยวกับเรื่องนี้ มาโนอาห์ตื่นเต้นมาก แต่เขาก็คิดหนักว่าพระยะโฮวาคาดหมายให้เขาเป็นพ่อแบบไหน และเขากับภรรยาจะฝึกสอนลูกให้รักพระยะโฮวาและรับใช้พระองค์ได้อย่างไรทั้ง ๆ ที่ในอิสราเอลมีคนมากมายทำสิ่งที่ไม่ดี? มาโนอาห์ขอพระยะโฮวาให้ส่งทูตสวรรค์มาอีกครั้ง เขาอ้อนวอนว่า “โปรดให้คนของพระเจ้าเที่ยงแท้ที่พระองค์เพิ่งส่งมากลับมาหาเราอีกครั้ง เพื่อสอนพวกเราให้รู้ว่าควรเลี้ยงลูกที่จะเกิดมานั้นยังไง”—วินิจ. 13:1-8, ล.ม.

2. คุณต้องสอนอะไรลูก? คุณจะทำแบบนั้นได้อย่างไร? (ดูกรอบ “ นักศึกษาคนสำคัญที่สุดของคุณ”)

2 ถ้าคุณเป็นพ่อแม่ คุณคงเข้าใจความรู้สึกของมาโนอาห์เป็นอย่างดี และคุณเองก็มีหน้าที่รับผิดชอบที่จะช่วยลูกให้รู้จักและรักพระยะโฮวาเหมือนกัน (สุภา. 1:8) ในการนมัสการประจำครอบครัว คุณสอนลูกให้เรียนรู้เกี่ยวกับพระยะโฮวาและคัมภีร์ไบเบิลได้ แน่นอน คุณต้องทำมากกว่าแค่ศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับลูกทุกสัปดาห์ (อ่านพระบัญญัติ 6:6-9) มีอะไรอีกไหมที่จะช่วยคุณให้ฝึกสอนลูกให้รักและรับใช้พระยะโฮวา? ในบทความนี้ เราจะพิจารณาตัวอย่างของพระเยซู ถึงแม้พระเยซูไม่มีลูกแต่คุณก็สามารถเรียนจากวิธีที่ท่านสอนและฝึกอบรมพวกสาวก พระเยซูรัก พวกเขาและแสดงความถ่อมตัว นอกจากนั้น พระเยซูมีความเข้าใจที่ลึกซึ้ง ท่านเข้าใจว่าพวกสาวกรู้สึกอย่างไรจริง ๆ และรู้วิธีช่วยพวกเขา ให้เรามาดูกันว่าเราจะเลียนแบบพระเยซูได้อย่างไร

แสดงความรักกับลูก

3. พวกสาวกรู้ได้อย่างไรว่าพระเยซูรักพวกเขาจริง ๆ?

3 พระเยซูบอกพวกสาวกเสมอว่าท่านรักพวกเขา (อ่านโยฮัน 15:9) และท่านใช้เวลากับพวกเขามาก (มโก. 6:31, 32; โย. 2:2; 21:12, 13) พระเยซูไม่ได้เป็นแค่ครูแต่เป็นเพื่อนของพวกเขาด้วย ดังนั้น พวกสาวกจึงมั่นใจเต็มที่ว่าพระเยซูรักพวกเขาจริง ๆ เราเรียนอะไรได้จากตัวอย่างของพระเยซู?

4. คุณจะแสดงอย่างไรว่าคุณรักลูก? (ดูภาพแรก)

4 คุณต้องบอกลูกว่าคุณรักเขา และแสดงให้เห็นว่าเขาสำคัญต่อคุณขนาดไหน (สุภา. 4:3; ทิทุส 2:4) พี่น้องซามูเอลที่อยู่ในออสเตรเลียบอกว่า “ตอนที่ผมเป็นเด็ก พ่อชอบอ่านหนังสือของฉันเกี่ยวด้วยเรื่องราวในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ให้ผมฟังทุกเย็น พ่อมักจะตอบเรื่องต่าง ๆ ที่ผมถาม พ่อกอดผมและหอมแก้มผมทุกคืนก่อนนอน พอมารู้ทีหลังว่าจริง ๆ แล้วพ่อไม่ได้โตมาในครอบครัวที่มักจะมีการกอดและหอมแก้มลูก ผมก็แปลกใจมากเพราะนี่แสดงว่าพ่อต้องออกความพยายามมากจริง ๆ ที่จะแสดงความรักแบบนี้กับผม สิ่งนี้ทำให้ผมผูกพันกับพ่อมาก ผมรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย” คุณต้องช่วยลูกให้รู้สึกแบบนี้โดยบอกเขาบ่อย ๆ ว่าคุณรักเขา คุณต้องกอดเขา หอมแก้มเขา ใช้เวลาคุยกับเขา กินข้าวกับเขา และเล่นกับเขา

5, 6. (ก) พระเยซูทำอะไรที่แสดงว่าท่านรักพวกสาวก? (ข) คุณควรตีสอนลูกอย่างไร?

5 พระเยซูบอกว่า “เราว่ากล่าวและตีสอนผู้ที่เรารัก” * (วิ. 3:19) ตัวอย่างเช่น ตอนที่พวกสาวกเถียงกันหลายครั้งว่าใครจะได้เป็นใหญ่ที่สุด พระเยซูไม่ได้มองข้ามปัญหานี้ แต่ท่านแนะนำพวกเขาหลายต่อหลายครั้งอย่างอดทน และรอโอกาสเหมาะ ๆ ที่จะแนะนำพวกเขาอย่างกรุณา—มโก. 9:33-37

6 การที่คุณต้องตีสอนลูกก็เพราะคุณรักเขา บางครั้ง การอธิบายกับลูกว่าทำไมเรื่องหนึ่งดีหรือไม่ดีก็อาจจะพอ แต่ถ้าเขายังไม่เชื่อฟังล่ะ? (สุภา. 22:15) ขอให้เลียนแบบพระเยซู คุณต้องตีสอนเขาต่อ ๆ ไปอย่างอดทนโดยการชี้แนะ ฝึกสอน และว่ากล่าวแก้ไข คุณต้องหาโอกาสเหมาะ ๆ ที่จะตีสอนเขาและทำด้วยความกรุณา พี่น้องหญิงในแอฟริกาใต้ชื่ออีเลนจำได้ดีถึงวิธีที่พ่อแม่ตีสอนเธอ พ่อแม่มักจะบอกให้รู้เสมอว่าพวกเขาต้องการให้เธอทำอะไร ถ้าพ่อแม่บอกว่าจะทำโทษเพราะเธอไม่เชื่อฟัง พวกเขาก็จะทำอย่างนั้นจริง ๆ แต่อีเลนบอกว่า “พ่อแม่ไม่เคยตีสอนฉันตอนที่พวกเขาโกรธอยู่ และพวกเขาจะอธิบายเหตุผลเสมอ” สิ่งนี้ทำให้อีเลนมั่นใจว่าพ่อแม่รักเธอจริง ๆ

แสดงความถ่อมตัว

7, 8. (ก) สาวกของพระเยซูเรียนอะไรจากคำอธิษฐานของท่าน? (ข) คำอธิษฐานของคุณจะสอนลูกให้พึ่งพระเจ้าได้อย่างไร?

7 ตอนที่พระเยซูกำลังจะถูกจับและถูกฆ่า ท่านอ้อนวอนพ่อของท่านว่า “อับบา พระบิดา ทุกสิ่งเป็นไปได้สำหรับพระองค์ ขอทรงเอาถ้วยนี้ไปจากข้าพเจ้า แต่อย่าให้เป็นไปตามที่ข้าพเจ้าต้องการ ขอให้เป็นไปตามที่พระองค์ต้องการเถิด” * (มโก. 14:36) ลองคิดดูว่าพวกสาวกจะรู้สึกอย่างไรเมื่อได้ยินหรือมารู้ทีหลังว่าพระเยซูอธิษฐานแบบนี้ พวกเขารู้ดีว่าถึงแม้พระเยซูเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบ แต่ท่านก็ยังขอความช่วยเหลือจากพ่อของท่านในสวรรค์ ดังนั้น พวกสาวกจึงเรียนรู้ว่าพวกเขาเองก็ต้องถ่อมตัวและพึ่งพระยะโฮวาเหมือนกัน

8 ลูกจะเรียนหลายอย่างได้จากคำอธิษฐานของคุณ แน่นอน เหตุผลหลักที่คุณอธิษฐานไม่ใช่แค่เพื่อจะสอนลูก แต่เมื่อเขาได้ยินคำอธิษฐานของคุณ เขาก็จะเรียนรู้ว่าต้องพึ่งพระยะโฮวา เมื่อคุณอธิษฐาน อย่าแค่ขอให้พระยะโฮวาช่วยลูกของคุณเท่านั้น แต่ขอให้พระยะโฮวาช่วยคุณด้วย พี่น้องอันนาที่อยู่ในบราซิลบอกว่า “ตอนที่พวกเรามีปัญหา เช่น เมื่อตากับยายป่วย พ่อแม่ของฉันขอกำลังจากพระยะโฮวาเพื่อจะรับมือกับสภาพการณ์นั้นได้ และพ่อแม่ขอสติปัญญาจากพระองค์ให้ตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ อย่างถูกต้อง แม้แต่ตอนที่เรามีความกดดันอย่างหนัก พ่อแม่ก็ฝากปัญหาต่าง ๆ ไว้กับพระยะโฮวา พอเห็นอย่างนี้ ฉันก็เลยเรียนรู้ที่จะพึ่งพระยะโฮวาเหมือนกัน” เมื่อลูกได้ยินคุณอธิษฐานขอพระยะโฮวาช่วยคุณให้กล้าประกาศกับเพื่อนบ้าน หรือกล้าขออนุญาตนายจ้างไปประชุมใหญ่ ลูกก็จะรู้ว่าคุณพึ่งพระยะโฮวาและเขาจะทำแบบเดียวกัน

9. (ก) พระเยซูสอนพวกสาวกอย่างไรให้เป็นคนถ่อมตัวและไม่เห็นแก่ตัว? (ข) ลูกของคุณจะได้เรียนอะไร ถ้าคุณเป็นคนถ่อมตัวและไม่เห็นแก่ตัว?

9 พระเยซูสอนพวกสาวกให้เป็นคนถ่อมตัวและไม่เห็นแก่ตัว และตัวท่านเองก็ทำให้ดูเป็นตัวอย่างด้วย (อ่านลูกา 22:27) พวกอัครสาวกเห็นว่าพระเยซูเสียสละหลายอย่างเพื่อรับใช้พระยะโฮวาและช่วยคนอื่น พวกเขาจึงเรียนรู้ที่จะทำแบบเดียวกัน คุณเองก็ใช้ตัวอย่างของคุณสอนลูกได้ด้วย เด็บบี้ คุณแม่ลูกสองบอกว่า “สามีของฉันเป็นผู้ปกครอง ฉันไม่เคยหวงเวลาที่เขาใช้กับคนอื่น เพราะฉันรู้ดีว่าทุกครั้งที่ครอบครัวเราต้องการเขา เขาก็จะมีเวลาให้เราเสมอ” (1 ติโม. 3:4, 5) ตัวอย่างของเด็บบี้และสามีช่วยครอบครัวอย่างไร? ปรานัสซึ่งเป็นสามีของเธอบอกว่า “ลูก ๆ ชอบช่วยงานในการประชุมใหญ่ พวกเขามีความสุข มีเพื่อนดี ๆ และอยากจะอยู่กับพี่น้อง” ตอนนี้ทุกคนในครอบครัวของเขารับใช้เต็มเวลา ดังนั้น ถ้าคุณเป็นคนถ่อมตัวและไม่เห็นแก่ตัว คุณก็จะสอนลูกให้เต็มใจช่วยเหลือคนอื่น ๆ ด้วย

มีความเข้าใจที่ลึกซึ้ง

10. พระเยซูแสดงอย่างไรว่าท่านมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งเมื่อบางคนจากแคว้นแกลิลีมาหาท่าน?

10 พระเยซูมีความเข้าใจที่ลึกซึ้ง ท่านไม่ได้สนใจแค่สิ่งที่คนอื่นทำเท่านั้น แต่สนใจด้วยว่าทำไมพวกเขาถึงทำอย่างนั้น ที่จริง พระเยซูอ่านหัวใจพวกเขาได้ ตัวอย่างเช่น ครั้งหนึ่งมีบางคนจากแคว้นแกลิลีมาหาท่าน (โย. 6:22-24) พระเยซูรู้ว่าเหตุผลที่พวกเขามาหาไม่ใช่เพราะอยากฟังท่านสอน แต่เพราะอยากกินมากกว่า (โย. 2:25) พระเยซูรู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ ท่านจึงว่ากล่าวแก้ไขพวกเขาอย่างอดทนและอธิบายให้รู้ว่าพวกเขาต้องเปลี่ยนแปลงอะไร—อ่านโยฮัน 6:25-27

ช่วยลูกของคุณให้สนุกกับงานประกาศ (ดูข้อ 11)

11. (ก) คุณจะพยายามเข้าใจความรู้สึกของลูกที่มีต่องานประกาศได้อย่างไร? (ข) คุณจะช่วยลูกให้ชอบงานประกาศได้อย่างไร?

11 ถึงแม้คุณจะอ่านใจคนไม่ได้ แต่คุณมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งได้ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเข้าใจว่าลูกของคุณรู้สึกอย่างไรกับงานประกาศ คุณอาจถามตัวเองว่า ‘ลูกชอบงานประกาศเฉพาะตอนหยุดพักกินน้ำกินขนมไหม?’ ถ้าคุณรู้ว่าลูกไม่ชอบงานประกาศเอามาก ๆ คุณก็ต้องพยายามทำให้งานนั้นน่าสนใจมากขึ้นสำหรับเขา ลองให้เขาทำอะไรง่าย ๆ ที่ทำได้เพื่อให้เขารู้สึกว่ามีส่วนร่วม

12. (ก) พระเยซูเตือนพวกสาวกเรื่องอะไร? (ข) ทำไมสาวกของพระเยซูจึงต้องได้รับคำเตือนนี้?

12 พระเยซูแสดงให้เห็นอย่างไรอีกว่าท่านมีความเข้าใจที่ลึกซึ้ง? พระเยซูรู้ว่าการทำผิดอย่างหนึ่งสามารถนำไปถึงการทำผิดอื่น ๆ แม้แต่การทำผิดร้ายแรงด้วย ท่านจึงเตือนพวกสาวกเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตัวอย่างเช่น ถึงแม้พวกสาวกรู้ดีว่าการทำผิดศีลธรรมทางเพศเป็นสิ่งผิด แต่พระเยซูก็เตือนพวกเขาเกี่ยวกับสิ่งที่จะนำไปถึงการทำผิดศีลธรรมทางเพศได้ ท่านเตือนว่า “ทุกคนที่มองผู้หญิงอย่างไม่วางตาจนเกิดความกำหนัดในหญิงนั้นก็ได้เล่นชู้ในใจกับนางแล้ว ถ้าตาขวาของเจ้าเป็นเหตุให้เจ้าหลงผิด จงควักทิ้งเสีย” (มัด. 5:27-29) พวกสาวกของพระเยซูใช้ชีวิตปะปนกับคนโรมันที่ไม่มีศีลธรรม คนพวกนี้ชอบดูละครซึ่งมีแต่ฉากที่เน้นเรื่องเพศและใช้คำพูดลามก ดังนั้น พระเยซูเตือนพวกสาวกด้วยความห่วงใยว่าพวกเขาต้องหลีกเลี่ยงอะไรก็ตามที่อาจจะทำให้พวกเขาทำผิดศีลธรรม

13, 14. คุณจะช่วยลูกได้อย่างไรให้หลีกเลี่ยงความบันเทิงที่ผิดศีลธรรม?

13 คุณที่เป็นพ่อแม่ ขอให้คุณใช้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งเพื่อปกป้องลูกของคุณจากการทำสิ่งที่พระยะโฮวาไม่ชอบ น่าเศร้าที่ทุกวันนี้ แม้แต่เด็กเล็ก ๆ ก็มีความเสี่ยงที่จะเห็นภาพลามกและภาพการทำผิดศีลธรรม แน่นอน คุณควรบอกลูกว่าการดูสิ่งเหล่านั้นไม่ดี แต่คุณทำได้มากกว่านั้นเพื่อปกป้องเขา ลองถามตัวเองว่า ‘ลูกของฉันรู้ไหมว่าทำไมสื่อลามกเป็นอันตราย? อะไรอาจกระตุ้นให้เขาอยากดูรูปภาพที่ไม่ดีพวกนั้น? ฉันทำให้ลูกรู้สึกสบายใจที่จะเข้ามาคุยกับฉันได้ทุกเรื่องไหม เพื่อที่เวลาเขารู้สึกอยากดูภาพลามก เขาจะได้มาขอให้ฉันช่วย?’ ถึงแม้ลูกของคุณยังเล็กมาก คุณก็บอกเขาได้ว่า “ถ้าลูกเห็นอะไรบางอย่างในอินเทอร์เน็ตที่ทำให้ลูกอยากรู้อยากเห็นเรื่องเพศ และลูกก็อยากดูมัน ขอให้มาคุยกับพ่อแม่นะ ไม่ต้องกลัวหรืออายที่จะมาขอความช่วยเหลือ พ่อแม่อยากช่วยลูกจริง ๆ”

14 เวลาที่คุณเลือกความบันเทิง ขอให้คิดอย่างรอบคอบว่าคุณจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกได้อย่างไร ปรานัสที่พูดถึงก่อนหน้านี้บอกว่า “ถึงแม้คุณจะสอนลูกมากมายหลายอย่าง แต่ลูกจะดูสิ่งที่คุณทำมากกว่า และเขาจะเลียนแบบคุณ” ถ้าคุณคิดให้รอบคอบเสมอเพื่อจะเลือกความบันเทิงที่พระเจ้ายอมรับ ไม่ว่าจะเป็นเพลง หนัง หรือหนังสือ คุณก็จะช่วยลูกให้ทำแบบนั้นเหมือนกัน—โรม 2:21-24

พระยะโฮวาจะช่วยคุณ

15, 16. (ก) ทำไมคุณมั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะช่วยคุณฝึกสอนลูก? (ข) เราจะพิจารณาอะไรในบทความถัดไป?

15 เกิดอะไรขึ้นหลังจากที่มาโนอาห์ขอให้พระยะโฮวาช่วยเขาให้เป็นพ่อที่ดี? “พระเจ้าเที่ยงแท้ฟังคำอ้อนวอนของมาโนอาห์” (วินิจ. 13:9, ล.ม.) คุณที่เป็นพ่อแม่ พระยะโฮวาจะฟังคำอธิษฐานของคุณด้วย พระองค์จะช่วยคุณฝึกสอนลูก และจะช่วยคุณให้เป็นพ่อแม่ที่แสดงความรัก ความถ่อมตัว และมีความเข้าใจที่ลึกซึ้ง

16 พระยะโฮวาจะช่วยคุณให้ฝึกสอนลูกตอนที่เขายังเด็ก และพระองค์ก็จะช่วยคุณให้ฝึกสอนเขาตอนที่เป็นวัยรุ่นด้วย ในบทความถัดไป เราจะพิจารณาตัวอย่างของพระเยซูในเรื่องความรัก ความถ่อมตัว และความเข้าใจที่ลึกซึ้ง แล้วเราจะดูด้วยว่าคุณลักษณะเหล่านี้ช่วยคุณได้อย่างไรเมื่อฝึกสอนลูกที่เป็นวัยรุ่นให้รับใช้พระยะโฮวา

^ วรรค 5 คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าการตีสอนรวมถึงการชี้แนะ ฝึกสอน ว่ากล่าวแก้ไข และบางครั้งยังรวมถึงการลงโทษด้วย พ่อแม่ควรตีสอนอย่างกรุณาและไม่ทำตอนที่โกรธ

^ วรรค 7 ในสมัยของพระเยซู เด็ก ๆ จะเรียกพ่อว่าอับบา คำนี้เป็นคำที่แสดงทั้งความรักและความนับถือ—สารานุกรม ดิ อินเตอร์แนชันแนล สแตนดาร์ด ไบเบิล