ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ประสบความยินดีแม้ดิฉันทุพพลภาพ

ประสบความยินดีแม้ดิฉันทุพพลภาพ

ประสบ​ความ​ยินดี​แม้​ดิฉัน​ทุพพลภาพ

เล่า​โดย พอเลตต์ แกสเพอร์

แม้​เมื่อ​แรก​เกิด ดิฉัน​มี​น้ำหนัก​ตัว​ประมาณ 3 กิโลกรัม หมอ​รู้​ว่า​เกิด​สิ่ง​ผิด​ปกติ​อย่าง​ร้ายแรง​กับ​ดิฉัน. กระดูก​บาง​ส่วน​ของ​ดิฉัน​แตก​ระหว่าง​การ​คลอด. ดิฉัน​ทน​ทุกข์​จาก​โรค​กระดูก​เปราะ​กรรมพันธุ์. ดิฉัน​ถูก​นำ​ตัว​ไป​ยัง​ห้อง​ศัลยกรรม​ทันที ความ​หวัง​ของ​แพทย์​ที่​จะ​เห็น​ดิฉัน​รอด​ชีวิต​ริบหรี่​เหลือ​เกิน และ​เขา​คาด​ว่า​ดิฉัน​จะ​ตาย​ภาย​ใน​เวลา 24 ชั่วโมง.

ดิฉัน​เกิด​วัน​ที่ 14 มิถุนายน 1972 ที่​กรุง​แคนเบอร์รา เมือง​หลวง​ของ​ประเทศ​ออสเตรเลีย. มัน​ไม่​ได้​เป็น​ตาม​ที่​หมอ​คาด​การณ์ เพราะ​ดิฉัน​มี​ชีวิต​รอด​ผ่าน​วัน​แรก​มา​ได้. ครั้น​แล้ว​ดิฉัน​กลับ​ป่วย​เป็น​โรค​ปอด​อักเสบ. ด้วย​เหตุ​ที่​พวก​หมอ​คิด​ว่า​ไหน ๆ ดิฉัน​ก็​จะ​ตาย​อยู่​แล้ว ฉะนั้น จึง​ไม่​ได้​ให้​ยา​รักษา​แต่​อย่าง​ใด และ​ตัดสิน​ใจ “ปล่อย​ให้​เป็น​ไป​ตาม​ธรรมชาติ.” ถึง​แม้​ปล่อย​ให้​เป็น​อย่าง​นั้น ดิฉัน​ก็​รอด​มา​ได้.

ดิฉัน​ได้​แต่​นึก​ภาพ​พ่อ​กับ​แม่​คง​ต้อง​ลำบาก​ใจ​เพียง​ใด​ใน​ห้วง​เวลา​นั้น. เพราะ​โอกาส​ที่​ดิฉัน​จะ​รอด​ชีวิต​แทบ​ไม่​มี บุคลากร​ทาง​การ​แพทย์​ที่​มี​เจตนา​ดี​ได้​แนะ​นำ​พ่อ​แม่​ไม่​ให้​ผูก​พัน​รักใคร่​ดิฉัน​มาก​เกิน​ไป. อัน​ที่​จริง ระหว่าง​สาม​เดือน​แรก​ใน​โรง​พยาบาล พวก​แพทย์​ไม่​อนุญาต​พ่อ​แม่​แตะ​ต้อง​ตัว​ดิฉัน​เสีย​ด้วย​ซ้ำ. ความ​เสี่ยง​ที่​จะ​เกิด​อันตราย​ต่อ​ดิฉัน​มี​มาก​ที​เดียว. ครั้น​ปรากฏ​ชัด​ว่า​ดิฉัน​จะ​รอด​ชีวิต แพทย์​จึง​ได้​แนะ​นำ​พ่อ​แม่​ส่ง​ดิฉัน​ไป​อยู่​สถาน​เลี้ยง​เด็ก​พิการ.

อย่าง​ไร​ก็​ตาม พ่อ​กับ​แม่​ตัดสิน​ใจ​พา​ดิฉัน​กลับ​บ้าน. พอ​ดี​ใน​ช่วง​นั้น​แม่​เพิ่ง​เริ่ม​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. สิ่ง​ที่​ท่าน​เรียน​รู้​ได้​ปลูก​จิต​สำนึก​ของ​ท่าน​ใน​เรื่อง​พันธะ​ที่​ต้อง​ดู​แล​ดิฉัน. แต่​คง​ต้อง​ลำบาก​ไม่​น้อย​ที่​แม่​จะ​สร้าง​ความ​ผูก​พัน​ใกล้​ชิด​ดิฉัน เนื่อง​จาก​ท่าน​ต้อง​ทุ่มเท​กำลัง​กาย​กำลังใจ​ดู​แล​ดิฉัน​ไม่​ว่าง​เว้น. ดิฉัน​ถูก​นำ​ตัว​ส่ง​โรง​พยาบาล​บ่อย ๆ. กระดูก​ดิฉัน​อาจ​ร้าว​หรือ​แตก​เนื่อง​จาก​สาเหตุ​เล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ขณะ​อาบ​น้ำ. บาง​ที​แค่​จาม​เท่า​นั้น​เอง กระดูก​ก็​อาจ​ร้าว​ได้​ง่าย ๆ.

ดิฉัน​กลาย​เป็น​คน​ซึมเศร้า

ระหว่าง​เติบโต เก้าอี้​ล้อ​เข็น​เป็น​เพื่อน​อยู่​คู่​กับ​ดิฉัน​มา​โดย​ตลอด. การ​ฝึก​เดิน​เป็น​ไป​ไม่​ได้​เลย. ถึง​แม้​จะ​ยุ่งยาก​หลาย​อย่าง พ่อ​แม่​ก็​คอย​เอา​ใส่​ใจ​ดู​แล​ดิฉัน​ทาง​ด้าน​ร่าง​กาย​เป็น​อย่าง​ดี.

นอก​เหนือ​จาก​นี้ แม่​บากบั่น​พยายาม​สอน​ดิฉัน​ให้​เข้าใจ​ข่าวสาร​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​ให้​การ​ปลอบ​ประโลม. ยก​ตัว​อย่าง ท่าน​สอน​ว่า​ใน​วัน​ข้าง​หน้า​พระเจ้า​จะ​สร้าง​สรรค์​แผ่นดิน​โลก​เป็น​อุทยาน ซึ่ง​ทุก​คน​จะ​มี​สุขภาพ​สมบูรณ์​ทั้ง​ทาง​จิต ทาง​กาย และ​มี​สัมพันธภาพ​ที่​ดี​กับ​พระเจ้า. (บทเพลง​สรรเสริญ 37:10, 11; ยะซายา 33:24) อย่าง​ไร​ก็​ตาม แม่​ยอม​รับ​ตรง ๆ ว่า​ยาก​ที่​จะ​จินตนาการ​ว่า​ดิฉัน​จะ​มี​ชีวิต​ที่​น่า​เพลิดเพลิน​จน​กว่า​พระเจ้า​จะ​ทำ​ให้​โลก​เป็น​อุทยาน.

ตอน​แรก ดิฉัน​เข้า​โรง​เรียน​คน​พิการ. ครู​ที่​นั่น​ไม่​ได้​ตั้ง​เป้า​ใด ๆ สำหรับ​ดิฉัน และ​ดิฉัน​เอง​ก็​ไม่​ตั้ง​เป้า​เช่น​เดียว​กัน. ที่​จริง​แค่​อด​ทน​เรียน​ก็​เป็น​ปัญหา​หนัก​อยู่​แล้ว. เด็ก​หลาย​คน​ที่​นั่น​ร้ายกาจ​ต่อ​ดิฉัน​จริง ๆ. เวลา​ต่อ​มา ดิฉัน​เข้า​โรง​เรียน​สำหรับ​เด็ก​ปกติ. ดิฉัน​ได้​ประสบ​ว่า​การ​จะ​เข้า​กัน​ได้​กับ​ผู้​อื่น​จำ​ต้อง​ทุ่มเท​กำลัง​กาย กำลังใจ​และ​ควบคุม​อารมณ์​ความ​รู้สึก. กระนั้น ดิฉัน​ตั้งใจ​แน่วแน่​จะ​เรียน​จน​จบ​การ​ศึกษา 12 ปี.

โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​ระหว่าง​เรียน​ชั้น​มัธยม​ปลาย ดิฉัน​คิด​ถึง​วิถี​ชีวิต​ของ​เพื่อน​นัก​เรียน​ซึ่ง​ดู​เหมือน​จะ​สิ้น​หวัง​และ​เปล่า​ประโยชน์​อะไร​เช่น​นั้น. และ​ยัง​ได้​ใคร่ครวญ​เรื่อง​ต่าง ๆ ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​แม่​เคย​สอน​ดิฉัน. ดิฉัน​ตระหนัก​แก่​ใจ​ว่า​สิ่ง​ที่​ท่าน​สอน​นั้น​เป็น​ความ​จริง. แต่​ตอน​นั้น คำ​สอน​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​ยัง​ไม่​เข้า​ถึง​หัวใจ​ดิฉัน. มี​อยู่​ช่วง​หนึ่ง ดิฉัน​ตัดสิน​ใจ​เติม​ชีวิต​ด้วย​ความ​สนุกสนาน​และ​เสียง​หัวเราะ โดย​ไม่​คิด​ถึง​วัน​ถัด​ไป.

เมื่อ​อายุ​ได้ 18 ปี ดิฉัน​ย้าย​ออก​จาก​บ้าน​พ่อ​แม่​ไป​อยู่​กับ​กลุ่ม​คน​พิการ. การ​ย้าย​คราว​นี้​ทำ​ให้​ดิฉัน​รู้สึก​ทั้ง​ตื่นเต้น​และ​หวั่น​กลัว. การ​มี​อิสระ​ทำ​อะไร​ใหม่ ๆ โดย​ไม่​พึ่ง​พา​ผู้​ใด มี​สังคม​มี​เพื่อน​ฝูง ทุก​อย่าง​ล้วน​น่า​ดึงดูด​ใจ. เพื่อน​หลาย​คน​แต่งงาน​ไป. ดิฉัน​เอง​ก็​อยาก​จะ​แต่งงาน​มี​คู่​ครอง​และ​มี​รัก. เนื่อง​จาก​เป็น​คน​ทุพพลภาพ การ​พบ​คู่​เคียง​จึง​แทบ​เป็น​ไป​ไม่​ได้. ดิฉัน​รู้สึก​เศร้า​เมื่อ​ตระหนัก​ถึง​เรื่อง​นี้.

อย่าง​ไร​ก็​ตาม ดิฉัน​ไม่​เคย​โทษ​พระเจ้า​เนื่อง​จาก​อยู่​ใน​สภาพ​เช่น​นี้. ดิฉัน​รับ​ความ​รู้​เกี่ยว​กับ​พระเจ้า​มาก​พอ​จะ​รู้​ว่า​เป็น​เรื่อง​เหลือ​คิด​ที่​พระเจ้า​จะ​ทำ​การ​อยุติธรรม. (โยบ 34:10) ดิฉัน​พยายาม​ยอม​รับ​สภาพ​ชีวิต​อย่าง​ที่​เป็น​จริง. กระนั้น​ก็​ตาม ดิฉัน​กลาย​เป็น​คน​ซึมเศร้า​เสีย​แล้ว.

การ​ฟื้น​ตัว​ดำเนิน​ไป​อย่าง​ช้า ๆ

น่า​ดีใจ​จริง ๆ แม่​เข้าใจ​สภาพ​ของ​ดิฉัน​และ​ได้​ติด​ต่อ​ผู้​ปกครอง​คน​หนึ่ง​ใน​ประชาคม​ซึ่ง​อยู่​ละแวก​นั้น. เขา​โทรศัพท์​เชิญ​ชวน​ดิฉัน​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ที่​หอ​ประชุม​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​ท้องถิ่น. และ​พี่​น้อง​หญิง​คน​หนึ่ง​เริ่ม​นำ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​ดิฉัน​ทุก​สัปดาห์.

เนื่อง​จาก​ดิฉัน​ได้​รับ​การ​เตือน​ใจ​ให้​นึก​ถึง​ความ​จริง​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​แม่​เคย​สั่ง​สอน​เมื่อ​หลาย​ปี​ก่อน มุม​มอง​ของ​ดิฉัน​ใน​เรื่อง​ชีวิต​เริ่ม​ดี​ขึ้น. ดิฉัน​ชื่น​ชอบ​การ​คบหา​กับ​เพื่อน​คริสเตียน​ด้วย​กัน. อย่าง​ไร​ก็​ดี ดิฉัน​เรียน​รู้​ที่​จะ​ห้าม​ใจ​ไม่​พูด​ถึง​ความ​รู้สึก​ของ​ตัว​เอง เพราะ​เกรง​ว่า​จะ​ยิ่ง​เจ็บ​ปวด. ดิฉัน​คิด​ว่า​เรื่อง​นี้​ทำ​ให้​ยาก​ที่​จะ​รู้สึก​รัก​พระเจ้า​อย่าง​สุด​ซึ้ง. อย่าง​ไร​ก็​ดี ดิฉัน​รู้​ว่า​เป็น​การ​ถูก​ต้อง​ที่​จะ​อุทิศ​ชีวิต​แด่​พระองค์. ดัง​นั้น ใน​เดือน​ธันวาคม 1991 ดิฉัน​จึง​ได้​รับ​บัพติสมา​เป็น​สัญลักษณ์​การ​อุทิศ​ตัว.

ดิฉัน​ย้าย​ออก​จาก​บ้าน​ที่​อยู่​ร่วม​กับ​ผู้​พิการ​คน​อื่น ๆ แล้ว​ไป​อยู่​อพาร์ตเมนต์​ต่าง​หาก. การ​เปลี่ยน​ที่​อยู่​คราว​นี้​ได้​ทั้ง​ประโยชน์​และ​เจอ​ปัญหา. ยก​ตัว​อย่าง ดิฉัน​ว้าเหว่​มาก. และ​เกรง​ว่า​จะ​มี​ผู้​ชาย​บุก​เข้า​มา​ทำ​ร้าย. ต่อ​มา​ไม่​นาน ดิฉัน​กลับ​เข้า​สู่​ภาวะ​ซึมเศร้า​อย่าง​รุนแรง​อีก. ถึง​แม้​ดิฉัน​พยายาม​ทำ​ตัว​ร่าเริง​และ​เข้มแข็ง แต่​แทบ​ไม่​ได้​ช่วย​อะไร​เลย. จำเป็น​อย่าง​ยิ่ง​ที่​ดิฉัน​ต้อง​มี​เพื่อน​ที่​ดี​และ​ใจ​คอ​หนักแน่น.

ดิฉัน​รู้สึก​ว่า​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ทรง​จัด​เตรียม​เพื่อน​ให้​ดิฉัน​ตาม​ที่​ต้องการ. ผู้​ปกครอง​ใน​ประชาคม​ขอ​ให้​ซูซี พี่​น้อง​หญิง​ซึ่ง​แต่งงาน​แล้ว​ช่วย​นำ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​ดิฉัน​ต่อ​ไป. ซูซี​ไม่​ใช่​แค่​ผู้​สอน​เท่า​นั้น. เธอ​กลาย​เป็น​เพื่อน​สนิท​ที่​ดิฉัน​รัก​เธอ​มาก.

ซูซี​ฝึก​ฉัน​ให้​บอก​เล่า​สิ่ง​ที่​ได้​เรียน​รู้​แก่​คน​อื่น ๆ ทั้ง​ใน​เวลา​ที่​ออก​เผยแพร่​ตาม​บ้าน​และ​เมื่อ​สบ​โอกาส. มา​ตอน​นี้​ดิฉัน​เริ่ม​รู้​จัก​คุณลักษณะ​ของ​พระเจ้า​ชัด​แจ้ง​มาก​ยิ่ง​ขึ้น. อย่าง​ไร​ก็​ดี ถึง​แม้​รับ​บัพติสมา​แล้ว ดิฉัน​ก็​ยัง​ไม่​ได้​พัฒนา​ความ​รัก​อัน​ลึกซึ้ง​ต่อ​พระเจ้า. มี​อยู่​ครั้ง​หนึ่ง ดิฉัน​คิด​จะ​เลิก​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​เสีย​ด้วย​ซ้ำ. ดิฉัน​ได้​เผย​ความ​ใน​ใจ​กับ​ซูซี และ​เธอ​ช่วย​ดิฉัน​ผ่าน​วิกฤติ​ครั้ง​นั้น​มา​ได้.

ซูซี​ยัง​ช่วย​ให้​ดิฉัน​ตระหนัก​ว่า​ความ​ทุกข์​ใจ​ของ​ดิฉัน​ส่วน​ใหญ่​เกิด​จาก​การ​สมาคม​คบหา​กับ​คน​ที่​ไม่​มี​ความ​รัก​แรง​กล้า​ต่อ​พระ​ยะโฮวา. ดัง​นั้น ดิฉัน​จึง​เริ่ม​ผูก​มิตร​กับ​คน​ที่​เข้มแข็ง​มั่นคง​ใน​การ​นมัสการ​พระเจ้า โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​ผู้​สูง​อายุ. อีก​อย่าง​หนึ่ง ความ​สัมพันธ์​ระหว่าง​ดิฉัน​กับ​แม่​ก็​ไม่​ค่อย​จะ​ราบรื่น​นัก ด้วย​เหตุ​นี้ ดิฉัน​จึง​เริ่ม​สร้าง​สาย​สัมพันธ์​กับ​แม่​และ​กับ​พี่​ชาย​ขึ้น​ใหม่. ดิฉัน​รู้สึก​ประหลาด​ใจ​มาก​เมื่อ​ได้​สัมผัส​ความ​อิ่มเอิบ​สบาย​ใจ​อย่าง​ไม่​เคย​มี​มา​ก่อน. พี่​น้อง​ชาย​หญิง​ใน​ประชาคม ทั้ง​คน​ใน​ครอบครัว​ตัว​เอง และ​สำคัญ​ที่​สุด​คือ​พระ​ยะโฮวา​ได้​กลาย​เป็น​แหล่ง​เสริม​ความ​ยินดี​และ​เรี่ยว​แรง​แก่​ดิฉัน.—บท​เพลง​สรรเสริญ 28:7

งาน​ประจำ​ชีพ​ใหม่

หลัง​จาก​ดิฉัน​ได้​ร่วม​ฟัง​การ​บรรยาย ณ การ​ประชุม​ใหญ่​ซึ่ง​มุ่ง​เน้น​ความ​ชื่นชม​ยินดี​ที่​คริสเตียน​หลาย​คน​ได้​ประสบ​ขณะ​ทำ​งาน​เผยแพร่​เต็ม​เวลา ดิฉัน​นึก​ใน​ใจ​ว่า ‘ฉัน​ก็​ทำ​งาน​นี้​ได้!’ จริง​อยู่ ดิฉัน​รู้​ว่า​ที่​ตัว​เอง​จะ​ทำ​งาน​นี้​คง​ลำบาก​มาก​ที​เดียว. แต่​เมื่อ​ได้​พิจารณา​เรื่อง​นี้​พร้อม​ด้วย​การ​อธิษฐาน ดิฉัน​ตัดสิน​ใจ​ส่ง​ใบ​สมัคร​เป็น​ผู้​สอน​คัมภีร์​ไบเบิล​เต็ม​เวลา แล้ว​ก็​เริ่ม​งาน​ใน​เดือน​เมษายน 1998.

ดิฉัน​ร่วม​กิจกรรม​เผยแพร่​โดย​วิธี​ใด​ใน​สภาพ​ทุพพลภาพ? ดิฉัน​ชอบ​อิสระ ไม่​หมาย​พึ่ง​ใคร และ​ไม่​ชอบ​เป็น​ภาระ​ให้​คน​อื่น​ช่วยเหลือ​ใน​การ​เดิน​ทาง และ​ด้าน​อื่น ๆ. ดัง​นั้น ซูซี​พร้อม​กับ​ไมเคิล​สามี​จึง​เสนอ​ทาง​ออก คือ​ซื้อ​รถ​จักรยานยนต์! แต่​ดิฉัน​จะ​ขับ​ขี่​ได้​อย่าง​ไร? ตาม​ที่​เห็น​ใน​ภาพ จักรยานยนต์​คัน​นี้​ออก​แบบ​สำหรับ​ดิฉัน​เป็น​พิเศษ. ดิฉัน​ไม่​ต้อง​ยก​ร่าง​อัน​บอบบาง​ของ​ตัว​เอง น้ำหนัก​เพียง 19 กก. ขึ้น​จาก​เก้าอี้​ล้อ​เสีย​ด้วย​ซ้ำ!

เมื่อ​ได้​จักรยานยนต์​คัน​พิเศษ​มา​แล้ว ดิฉัน​มี​อิสระ​มาก​กว่า​เดิม มี​โอกาส​ได้​แวะ​เยี่ยม​ผู้​คน​และ​นำ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​ตาม​เวลา​ที่​พวก​เขา​และ​ดิฉัน​สะดวก. ดิฉัน​ต้อง​ยอม​รับ​ว่า​ตัว​เอง​ชอบ​ขับ​ขี่​รถ​คัน​นี้​มาก​และ​ชอบ​ลม​พัด​ฉิว​ปะทะ​ใบ​หน้า—มัน​เป็น​ความ​เพลิดเพลิน​เล็ก ๆ น้อย ๆ อย่าง​หนึ่ง​ของ​ชีวิต!

ดิฉัน​มัก​จะ​เป็น​ฝ่าย​เริ่ม​สนทนา​กับ​ผู้​คน​ที่​สัญจร​ตาม​ถนน​หน​ทาง ซึ่ง​ส่วน​ใหญ่​เป็น​สุภาพ​ชน​และ​ให้​ความ​นับถือ​ต่อ​ดิฉัน. ดิฉัน​รู้สึก​ยินดี​ที่​ได้​ช่วย​ผู้​อื่น​รู้​จัก​คัมภีร์​ไบเบิล. ดิฉัน​ชอบ​นึก​ถึง​โอกาส​หนึ่ง​เมื่อ​ดิฉัน​ออก​ไป​เผยแพร่​ตาม​บ้าน​กับ​พี่​น้อง​ชาย​ร่าง​สูง​โย่ง. เขา​กล่าว​ทักทาย​เจ้าของ​บ้าน​ซึ่ง​จ้อง​หน้า​ดิฉัน​ด้วย​ความ​ประหลาด​ใจ แล้ว​เธอ​เอ่ย​ถาม​เพื่อน​ที่​มา​ด้วย “เขา​พูด​ได้​หรือ​เปล่า?” เรา​สอง​คน​ถึง​กับ​ปล่อย​เสียง​หัวเราะ​ดัง​ลั่น. ครั้น​ดิฉัน​เสร็จ​การ​สนทนา​เรื่อง​ที่​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​แล้ว หญิง​คน​นั้น​รู้​แน่นอน​ว่า​ดิฉัน​พูด​ได้​จริง ๆ!

เวลา​นี้​ดิฉัน​พึง​พอ​ใจ​กับ​ชีวิต​ทั้ง​ได้​เรียน​รู้​ที่​จะ​รัก​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า. ดิฉัน​รู้สึก​ขอบคุณ​แม่​เป็น​อย่าง​มาก​ที่​สอน​ดิฉัน​ให้​รู้​ความ​จริง​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล และ​ด้วย​ความ​เชื่อ​มั่น ดิฉัน​ตั้ง​หน้า​รอ​คอย​อนาคต​อัน​ใกล้​เมื่อ​พระเจ้า​จะ “สร้าง​ทุก​สิ่ง​ขึ้น​ใหม่” รวม​ถึง​ร่าง​เล็ก ๆ ของ​ดิฉัน​ด้วย.—วิวรณ์ 21:4, 5

[ภาพ​หน้า 30]

“ดิฉัน​พยายาม​ยอม​รับ​สภาพ​ชีวิต​อย่าง​ที่​เป็น​จริง. กระนั้น​ก็​ตาม ดิฉัน​กลาย​เป็น​คน​ซึมเศร้า​เสีย​แล้ว”