พวกเขาได้พบเรือโนอาห์ไหม?
พวกเขาได้พบเรือโนอาห์ไหม?
ดูเหมือนว่า บางครั้งมีข่าวออกมามากมายเกี่ยวกับการค้นหาเรือโนอาห์. เป็นธรรมดาที่ผู้คนจะรู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องนี้. การค้นพบเรือใหญ่ที่ได้ช่วยโนอาห์กับครอบครัวให้รอดชีวิตจากน้ำท่วมโลกเมื่อปี 2370-2369 ก่อนสากลศักราชคงจะเป็นการค้นพบที่น่าทึ่งทางโบราณคดีอย่างแน่นอน. แต่แม้จะพยายามกันมามากมายแล้ว การค้นหาเรือโนอาห์ก็ยังดำเนินต่อไป. เนื่องจากมีการคาดเดาและการกล่าวอ้างที่น่าตื่นเต้นต่าง ๆ นานา แล้วข้อเท็จจริงคืออะไร?
คัมภีร์ไบเบิลบอกให้ทราบว่าเรือโนอาห์ “ค้างอยู่บนเทือกเขาอารารัต.” (เยเนซิศ 8:4, ฉบับ R73) เขตเทือกเขาอารารัตนี้ครอบคลุมส่วนที่เป็นยอดเขาสูงเด่นที่ปัจจุบันเรียกว่าภูเขาอารารัต ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของตุรกี ใกล้กับชายแดนอาร์เมเนียและอิหร่าน.
การที่มีนักสำรวจหลายคณะเดินทางไปค้นหาเรือโนอาห์ในบริเวณดังกล่าวได้ทำให้มีคำกล่าวอ้างต่าง ๆ ที่ทำให้ผู้คนสนใจ แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันที่แน่ชัด. ภาพถ่ายทางอากาศที่น่าทึ่ง ชิ้นไม้ที่ทาด้วยน้ำมันดิน และรายงานข่าวการพบเห็นเรือนี้ ได้กระตุ้นให้มีการค้นหาเพื่อจะได้หลักฐานที่เป็นชิ้นเป็นอันมากขึ้น. ทว่าการค้นหาเป็นเรื่องที่ยาก. บริเวณหนึ่งที่น่าจะเป็นไปได้ซึ่งได้รับการกล่าวถึงบ่อย ๆ นั้นอยู่สูงขึ้นไปจากตีนเขาถึง 4,500 เมตร. นอกจากนั้น เนื่องด้วยความขัดแย้งทางการเมืองในท้องถิ่น บางครั้งนักสำรวจจากต่างชาติจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปบนภูเขานั้น.
กระนั้น หลายคนที่สนใจใคร่รู้ในเรื่องเรือโนอาห์อยากจะให้มีนักสำรวจเข้าไปสำรวจบริเวณนั้นมากขึ้น. พวกเขาเชื่อว่าชิ้นส่วนของเรือนั้นยังอยู่ในสภาพเดิมบนยอดเขาอารารัตที่มีหิมะปกคลุม ฝังอยู่ใต้หิมะและน้ำแข็งเกือบตลอดปี. พวกเขาอ้างว่าเฉพาะในปีที่ช่วงหน้าร้อนมีอากาศร้อนกว่าปกติเท่านั้นที่อาจมีโอกาสได้เห็นเรือนั้นและเข้าไปถึงได้.
พวกเขาเหล่านี้ยิ่งมีความหวังมากขึ้นเมื่อได้ยินรายงานต่าง ๆ มากมาย. โยเซฟุส นักประวัติศาสตร์ชาวยิวในศตวรรษที่หนึ่งสากลศักราช อ้างถึงคำกล่าวของนักประวัติศาสตร์หลายคนที่มีชีวิตก่อนเขาซึ่งได้กล่าวไว้ว่าเรือโนอาห์ยังสามารถเห็นได้บนเขาสูงแถบเทือกเขาอารารัต. เคยมีการกล่าวด้วยซ้ำว่าผู้คนได้เอาเศษไม้จากเรือซึ่งทาด้วยน้ำมันดินกลับลงมาเป็นที่ระลึก. คนหนึ่งที่โยเซฟุสได้อ้างถึงคือเบอรอสซุส ผู้บันทึกเหตุการณ์ชาวบาบิโลนในศตวรรษที่สาม ก่อน ส.ศ.
ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา มีรายงานชิ้นหนึ่งที่น่าสนใจมากคือรายงานของจอร์ช ฮาโกเพียน ชาวอาร์เมเนีย. เขาได้เล่าเรื่องตอนเป็นเด็กที่เคยไปดูเรือโนอาห์กับลุงของเขาเมื่อต้นทศวรรษ 1900 และถึงกับปีนขึ้นไปบนเรือด้วย. ฮาโกเพียนเสียชีวิตเมื่อปี 1972 แต่คำบอกเล่าของเขายังทำให้หลายคนตื่นเต้นและอัศจรรย์ใจมาจนทุกวันนี้.
เป็นรากฐานสำหรับความเชื่อจริง ๆ ไหม?
มีอะไรไหมที่ทำให้เชื่อได้จริง ๆ ว่าบรรดานักสำรวจได้พบเรือโนอาห์แล้ว หรือจะพบเรือนี้ในอนาคต? บางทีอาจจะมี แต่ดูเหมือนว่ายิ่งมีเหตุที่จะสงสัยเกี่ยวกับการค้นพบนั้นมากกว่า. อย่าลืมว่าคัมภีร์ไบเบิลไม่ได้ระบุว่าเรือโนอาห์ค้างอยู่ที่จุดใดหลังจากน้ำลดลงแล้ว. คัมภีร์ไบเบิลเพียงแต่กล่าวถึง “เทือกเขาอารารัต.”
* อย่าลืมว่า โนอาห์กับครอบครัวได้อยู่บนเรือนั้นหลายเดือนหลังจากเรือค้างอยู่ที่ภูเขาแล้ว. (เยเนซิศ 8:4, 5) นอกจากนั้น ดูเหมือนไม่น่าจะเป็นไปได้ว่าหลังจากที่ออกจากเรือแล้ว โนอาห์และครอบครัวกับสัตว์ต่าง ๆ มากมายที่อยู่บนเรือจะต้องไต่ลงมาจากยอดเขาสูงเหมือนนักไต่เขา. บางที บริเวณที่เรือโนอาห์ค้างอยู่นั้นอาจเข้าถึงได้ง่ายกว่าที่นักสำรวจในปัจจุบันคิดกัน แต่ก็สูงพอที่จะพูดได้ตามคำพรรณนาในเยเนซิศ 8:4, 5. และไม่ว่าเรือจะค้างอยู่ที่ใดในแถบเทือกเขาอารารัต อาจเป็นไปได้ไหมว่าเรือนั้นได้ผุพังและเสื่อมสลายไปหลายศตวรรษแล้ว?
เป็นเรื่องธรรมดาที่บรรดานักสำรวจและผู้ชอบคาดเดาจะระบุว่าเรือโนอาห์ค้างอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดในแถบนั้น. อย่างไรก็ตาม พระคัมภีร์ไม่ได้ระบุว่าพระเจ้าทรงให้เรือค้างอยู่บนยอดเขาอารารัต ซึ่งปัจจุบันเป็นยอดเขาสูงอันหนาวเย็นและอยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเลเกือบห้ากิโลเมตร.นอกจากนั้น คำกล่าวของนักสำรวจในรายงานต่าง ๆ ซึ่งบางครั้งได้อ้างว่าการสำรวจของตนมีความสำคัญทางศาสนานั้นก็เป็นเรื่องที่น่าสงสัย. หัวหน้าคณะสำรวจคนหนึ่งอ้างว่า การค้นพบเรือโนอาห์ “จะเสริมความเชื่อของหลายล้านคนให้เข้มแข็ง . . . และทำให้หลายคนมีความเชื่อ.” ในการแถลงข่าวครั้งหนึ่งเมื่อปี 2004 เขาได้กล่าวว่าการค้นพบเรือโนอาห์จะเป็น “เหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การคืนพระชนม์ของพระคริสต์.” แต่การสำรวจของเขาได้ถูกยกเลิกในเวลาต่อมา.
การค้นพบเรือโนอาห์จะเสริมความเชื่อหรือถึงกับทำให้ผู้คนมีความเชื่อจริง ๆ ไหม? คัมภีร์ไบเบิลแสดงให้เห็นว่าความเชื่อแท้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับวัตถุที่เราเห็นและจับต้องได้. (2 โครินท์ 5:7) บางคนที่ช่างสงสัยได้ยืนกรานว่าพวกเขาจะเชื่อบันทึกบางเรื่องในคัมภีร์ไบเบิลก็ต่อเมื่อได้เห็นหลักฐานที่เป็นวัตถุเท่านั้น. แต่ความจริงก็คือ สำหรับคนเหล่านี้ ไม่ว่าจะมีหลักฐานมากเพียงไรก็ไม่อาจทำให้พวกเขามีความเชื่อได้เลย. พระเยซูเองตรัสว่าบางคนจะไม่อาจเข้าใจความจริงในคัมภีร์ไบเบิล ถึงแม้พวกเขาจะได้เห็นคนกลับเป็นขึ้นจากตายก็ตาม!—ลูกา 16:31
ในอีกด้านหนึ่ง ความเชื่อแท้ไม่ใช่ความงมงาย แต่ต้องอาศัยหลักฐานที่หนักแน่น. (ฮีบรู 11:1) มีหลักฐานที่หนักแน่นใด ๆ ไหมซึ่งสามารถช่วยผู้คนที่มีเหตุผลในทุกวันนี้ให้เชื่อว่าเรื่องราวเกี่ยวกับน้ำท่วมโลกในคัมภีร์ไบเบิลเป็นความจริง? มีแน่นอน. พระเยซูคริสต์ได้ตรัสไว้อย่างชัดเจนว่า “โนอาห์เข้าไปในเรือแล้วน้ำก็มาท่วม.” (ลูกา 17:26, 27) นี่เป็นหลักฐานที่ดีที่สุดที่เราจะหาได้. เพราะเหตุใด?
พระเยซูทรงอยู่ในสวรรค์ก่อนที่จะเสด็จมายังโลก. (โยฮัน 8:58) พระองค์ทรงมองดูโนอาห์สร้างเรือและทรงเห็นน้ำท่วมโลก. ดังนั้น หลักฐานจากแหล่งใดที่คุณคิดว่าน่าเชื่อถือมากกว่า? หลักฐานจากประจักษ์พยานผู้ที่เราวางใจได้ในทุกเรื่องและเป็นผู้ที่ให้หลักฐานว่าเป็นพระบุตรของพระเจ้าไหม? หรือจากการค้นพบซึ่งมีความเป็นไปได้เพียงเล็กน้อยของนักสำรวจที่ได้พบเศษไม้เก่าแก่บนยอดเขาสูงที่หนาวเย็น? เมื่อพิจารณาจากแง่มุมนี้ หลักฐานที่ยืนยันว่าเคยมีเรือโนอาห์อยู่จริงนั้นก็มากพอแล้ว.
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 10 ภูเขาซึ่งปัจจุบันเรียกว่าภูเขาอารารัตเป็นภูเขาไฟซึ่งไม่มีการปะทุมาตั้งแต่ปี 1840. ภูเขานี้มีความสูง 5,164 เมตร และมีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี.
[คำโปรยหน้า 13]
มีหลักฐานที่หนักแน่นซึ่งยืนยันบันทึกในคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับน้ำท่วมโลกไหม?
[คำโปรยหน้า 14]
พระเยซูคริสต์ตรัสไว้อย่างชัดเจนว่า “โนอาห์เข้าไปในเรือแล้วน้ำก็มาท่วม”