ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ผู้แก้ต่าง—ผู้ปกป้องศาสนาคริสเตียนหรือนักปรัชญากันแน่?

ผู้แก้ต่าง—ผู้ปกป้องศาสนาคริสเตียนหรือนักปรัชญากันแน่?

ผู้​แก้​ต่าง—ผู้​ปก​ป้อง​ศาสนา​คริสเตียน​หรือ​นัก​ปรัชญา​กัน​แน่?

เพศ​สัมพันธ์​ระหว่าง​ญาติ​ใกล้​ชิด, การ​ฆ่า​เด็ก, การ​กิน​มนุษย์ ทั้ง​หมด​นี้​เป็น​ตัว​อย่าง​ข้อ​กล่าวหา​ที่​เหลวไหล​ซึ่ง​มุ่ง​โจมตี​คริสเตียน​ใน​ศตวรรษ​ที่​สอง​สากล​ศักราช. การ​กล่าวหา​เช่น​นั้น​ก่อ​ให้​เกิด​การ​ข่มเหง​ไป​ทั่ว​จน​ผู้​ที่​เรียก​ตัว​ว่า​นัก​เขียน​คริสเตียน​รู้สึก​ว่า​จำเป็น​ต้อง​ปก​ป้อง​ความ​เชื่อ​ของ​ตน. นัก​เขียน​เหล่า​นี้​ซึ่ง​ต่อ​มา​เป็น​ที่​รู้​จัก​ว่า​ผู้​แก้​ต่าง​หรือ​ผู้​ปก​ป้อง​ความ​เชื่อ ตั้งใจ​จะ​พิสูจน์​ว่า​ศาสนา​ของ​ตน​ไม่​มี​พิษ​ภัย​เพื่อ​ที่​รัฐบาล​โรมัน​และ​คน​ทั่ว​ไป​จะ​มอง​คริสเตียน​ใน​แง่​ที่​ดี​ขึ้น. งาน​ของ​พวก​เขา​เป็น​งาน​ที่​เสี่ยง​อันตราย เนื่อง​จาก​ตาม​ปกติ​แล้ว​ทาง​เดียว​ที่​จะ​ทำ​ให้​จักรวรรดิ​และ​ประชาชน​พอ​ใจ​ก็​คือ​ยอม​ทำ​ตาม​คน​เหล่า​นั้น. นอก​จาก​นั้น งาน​นี้​ยัง​เสี่ยง​ที่​จะ​ปลุก​เร้า​ให้​เกิด​การ​ข่มเหง​มาก​ขึ้น​และ​ทำ​ให้​ความ​เชื่อ​ของ​คริสเตียน​ถูก​บั่น​ทอน​เนื่อง​จาก​การ​อะลุ่มอล่วย​โดย​ไม่​สม​ควร. พวก​ผู้​แก้​ต่าง​เหล่า​นี้​ปก​ป้อง​ความ​เชื่อ​ของ​ตน​อย่าง​ไร? พวก​เขา​ใช้​วิธี​หา​เหตุ​ผล​แบบ​ไหน? และ​ความ​พยายาม​ของ​พวก​เขา​ก่อ​ผล​เช่น​ไร?

ผู้​แก้​ต่าง​และ​จักรวรรดิ​โรมัน

ผู้​แก้​ต่าง​คือ​พวก​ผู้​ชาย​ที่​มี​การ​ศึกษา​ดี​ใน​ศตวรรษ​ที่​สอง​และ​ต้น​ศตวรรษ​ที่​สาม​สากล​ศักราช. คน​ที่​มี​ชื่อเสียง​ที่​สุด​ใน​กลุ่ม​นี้​ได้​แก่​จัสติน มาร์เทอร์, เคลเมนต์​แห่ง​อะเล็กซานเดรีย, และ​เทอร์ทูลเลียน. * ข้อ​เขียน​ของ​พวก​เขา​มุ่ง​เป้า​ไป​ที่​คน​นอก​ศาสนา​และ​เจ้าหน้าที่​รัฐบาล​โรมัน​โดย​มี​เจตนา​ที่​จะ​อธิบาย​ความ​เชื่อ​ของ​คริสเตียน และ​ได้​ยก​ข้อ​ความ​อ้างอิง​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​บ่อย​ครั้ง​ด้วย. ที่​สำคัญ​คือ พวก​ผู้​แก้​ต่าง​ยืนหยัด​ต่อ​ต้าน​ผู้​ที่​ข่มเหง​คริสเตียน, ปฏิเสธ​ข้อ​กล่าวหา​ของ​คน​เหล่า​นั้น, และ​ทำ​ให้​คน​รู้​จัก​คริสเตียน​ใน​ด้าน​ดี.

เรื่อง​หนึ่ง​ที่​พวก​ผู้​แก้​ต่าง​ให้​ความ​สำคัญ​มาก​ที่​สุด​คือ​การ​ทำ​ให้​เจ้าหน้าที่​บ้าน​เมือง​เชื่อ​ว่า​คริสเตียน​ไม่​ได้​เป็น​ศัตรู​ของ​จักรพรรดิ​หรือ​จักรวรรดิ. เทอร์ทูลเลียน​กล่าว​ถึง​จักรพรรดิ​ว่า “พระเจ้า​ของ​เรา​ได้​แต่ง​ตั้ง​ท่าน” และ​อเทนนาโกรัส​ได้​ปก​ป้อง​ธรรมเนียม​การ​สืบ​บัลลังก์​ตาม​สาย​เลือด ซึ่ง​เป็น​การ​นำ​ตัว​เข้า​ไป​เกี่ยว​ข้อง​กับ​การ​เมือง​ใน​สมัย​นั้น. ด้วย​การ​ทำ​เช่น​นั้น พวก​เขา​ได้​เพิกเฉย​ต่อ​คำ​ตรัส​ของ​พระ​เยซู​ที่​ว่า “ราชอาณาจักร​ของ​เรา​ไม่​ได้​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ของ​โลก​นี้.”—โยฮัน 18:36

นอก​จาก​นั้น พวก​ผู้​แก้​ต่าง​ยัง​ได้​แนะ​ว่า​ควร​มี​การ​สร้าง​ความ​สัมพันธ์​กัน​ระหว่าง​โรม​และ​ศาสนา​คริสเตียน. ตาม​คำ​กล่าว​ของ​เม​ลี​โต ทั้ง​สอง​ฝ่าย​ควร​ร่วม​มือ​กัน​เพื่อ​สวัสดิภาพ​ของ​จักรวรรดิ. นัก​เขียน​ที่​ไม่​เปิด​เผย​ชื่อ​ซึ่ง​เขียน​หนังสือ​จดหมาย​ถึง​ดีออกเนทุส ได้​เปรียบ​คริสเตียน​เป็น​เหมือน​จิตวิญญาณ ‘ที่​ยึด​โลก​ไว้​ด้วย​กัน.’ เทอร์ทูลเลียน​เขียน​ว่า​คริสเตียน​อธิษฐาน​ขอ​ให้​จักรวรรดิ​เจริญ​รุ่งเรือง​และ​อวสาน​ของ​ระบบ​เลื่อน​ออก​ไป​ก่อน. ผล​คือ​การ​มา​ของ​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​กลาย​เป็น​เรื่อง​ที่​ไม่​จำเป็น​นัก.—มัดธาย 6:9, 10

“ศาสนา​คริสเตียน” กลาย​เป็น​หลัก​ปรัชญา

นัก​ปรัชญา​ชื่อ​เซลซุส​กล่าว​ถึง​คริสเตียน​ใน​เชิง​เย้ย​หยัน​ว่า​เป็น “พวก​คน​ใช้​แรงงาน, ช่าง​ซ่อม​รอง​เท้า, ชาว​นา, คน​ที่​โง่​เขลา​และ​น่า​ขัน​ที่​สุด.” การ​เย้ย​หยัน​เช่น​นี้​เป็น​สิ่ง​ที่​พวก​ผู้​แก้​ต่าง​ไม่​อาจ​ทน​รับ​ได้. พวก​เขา​จึง​มุ่ง​มั่น​ที่​จะ​ชนะ​ใจ​ประชาชน​โดย​ใช้​กลยุทธ์​ใหม่. พวก​เขา​หัน​มา​ใช้​ปรัชญา​ของ​มนุษย์​ที่​ครั้ง​หนึ่ง​พวก​เขา​เคย​ปฏิเสธ. ตัว​อย่าง​เช่น เคลเมนต์​แห่ง​อะเล็กซานเดรีย มอง​ว่า​ปรัชญา​เป็น “เทววิทยา​แท้.” ส่วน​จัสติน​ซึ่ง​แม้​จะ​อ้าง​ว่า​ปฏิเสธ​ปรัชญา​ของ​ชน​นอก​รีต​ก็​กลาย​เป็น​คน​แรก​ที่​ใช้​สำนวน​ภาษา​และ​แนว​คิด​แบบ​นัก​ปรัชญา​ใน​การ​อธิบาย​ความ​เชื่อ “ของ​คริสเตียน” โดย​ถือ​ว่า​ปรัชญา​ใน​รูป​แบบ​ใหม่​นี้ “ไม่​มี​พิษ​ภัย​และ​ให้​ประโยชน์.”

นับ​แต่​นั้น​มา กุศโลบาย​ของ​พวก​เขา​คือ​ไม่​ต่อ​ต้าน​หลัก​ปรัชญา แต่​พยายาม​ทำ​ให้​แนว​คิด​ที่​ถือ​ว่า​เป็น​แบบ​คริสเตียน​กลาย​เป็น​ปรัชญา​ที่​สูง​ส่ง​กว่า​ปรัชญา​ของ​คน​นอก​รีต. จัสติน​เขียน​ว่า “บาง​เรื่อง​เรา​สอน​เหมือน​กับ​กวี​และ​นัก​ปรัชญา​ที่​พวก​ท่าน​ยกย่อง และ​บาง​เรื่อง​คำ​สอน​ของ​เรา​ก็​ดี​กว่า.” พวก​เขา​ไม่​เพียง​แต่​ใช้​ศัพท์​สูง ๆ แบบ​นัก​ปรัชญา​แต่​ถึง​กับ​อ้าง​ว่า​คำ​สอน “ของ​คริสเตียน” มี​มา​นาน​แล้ว. พวก​ผู้​แก้​ต่าง​ชี้​ว่า​หนังสือ​ของ​คริสเตียน​นั้น​เก่า​แก่​กว่า​หนังสือ​ของ​พวก​กรีก​และ​ผู้​พยากรณ์​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ก็​มี​ชีวิต​อยู่​ก่อน​นัก​ปรัชญา​ชาว​กรีก. ผู้​แก้​ต่าง​บาง​คน​ถึง​กับ​สรุป​ว่า​นัก​ปรัชญา​ทั้ง​หลาย​เอา​คำ​กล่าว​ของ​ผู้​พยากรณ์​มา​พูด. พวก​เขา​ถึง​กับ​อ้าง​ว่า​เพลโต​ก็​เป็น​สาวก​คน​หนึ่ง​ของ​โมเซ!

ศาสนา​คริสเตียน​ถูก​บิดเบือน

กลยุทธ์​ใหม่​นี้​ได้​ทำ​ให้​เกิด​การ​ผสมผสาน​ระหว่าง​ศาสนา​คริสเตียน​และ​หลัก​ปรัชญา​นอก​รีต. มี​การ​นำ​เทพเจ้า​ของ​กรีก​มา​เปรียบ​เทียบ​กับ​บุคคล​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล. พระ​เยซู​ถูก​เปรียบ​กับ​เพอร์ซิอุส​และ​การ​ตั้ง​ครรภ์​ของ​มาเรีย​ถูก​เปรียบ​กับ​การ​ตั้ง​ครรภ์​ของ​นาง​ดาเน​อี มารดา​ของ​เพอร์ซิอุส ซึ่ง​กล่าว​กัน​ว่า​เป็น​พรหมจารี​เช่น​กัน.

คำ​สอน​บาง​อย่าง​ได้​ถูก​เปลี่ยน​ไป​จน​แทบ​ไม่​เหลือ​เค้า​เดิม. ตัว​อย่าง​เช่น ใน​คัมภีร์​ไบเบิล พระ​เยซู​ถูก​เรียก​ว่า “โลโกส” ซึ่ง​แปล​ว่า “พระ​วาทะ” หรือ​โฆษก​ของ​พระเจ้า. (โยฮัน 1:1-3, 14-18; วิวรณ์ 19:11-13) คำ​ว่า​โลโกส ใน​ภาษา​กรีก​มี​สอง​ความ​หมาย​คือ “วาทะ” และ “เหตุ​ผล” และ​จัสติน​ได้​บิดเบือน​คำ​สอน​นี้​ด้วย​วิธี​แบบ​นัก​ปรัชญา​ตั้ง​แต่​แรก​ที​เดียว โดย​เอา​ความ​หมาย​สอง​อย่าง​นั้น​มา​ใช้​ด้วย​กัน. เขา​กล่าว​ว่า​คริสเตียน​ยอม​รับ​ว่า​พระ​วาทะ​ก็​คือ​พระ​คริสต์. แต่​โลโกส ใน​ความ​หมาย​ว่า​เหตุ​ผล​นั้น​มี​อยู่​ใน​ตัว​มนุษย์​ทุก​คน รวม​ทั้ง​คน​ที่​ไม่​ใช่​คริสเตียน​ด้วย. ดัง​นั้น เขา​สรุป​ว่า​คน​ที่​ดำเนิน​ชีวิต​ประสาน​กับ​หลัก​เหตุ​ผล​ก็​ถือ​ว่า​เป็น​คริสเตียน แม้​แต่​คน​ที่​ประกาศ​ตัว​หรือ​ถูก​มอง​ว่า​เป็น​นัก​อเทวนิยม เช่น โสกราตีส​และ​คน​อื่น ๆ.

นอก​จาก​นั้น โดย​การ​พยายาม​จะ​ทำ​ให้​พระ​เยซู​และ​โลโกส ของ​นัก​ปรัชญา​กรีก (ซึ่ง​เกี่ยว​ข้อง​กับ​เรื่อง​ที่​ว่า​พระเจ้า​เป็น​เช่น​ไร) มา​เกี่ยว​ข้อง​กัน​ให้​ได้ พวก​ผู้​แก้​ต่าง​ซึ่ง​รวม​ถึง​เทอร์ทูลเลียน​ได้​เริ่ม​แนว​คิด​หนึ่ง​ซึ่ง​ใน​ที่​สุด​ได้​เปิด​ทาง​ให้​คำ​สอน​เรื่อง​ตรีเอกานุภาพ​เข้า​มา​ใน​ศาสนา​คริสเตียน. *

นอก​จาก​นี้ พวก​ผู้​แก้​ต่าง​ยัง​ได้​บิดเบือน​คำ​สอน​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​เกี่ยว​กับ​สิ่ง​ที่​เกิด​ขึ้น​กับ​มนุษย์​หลัง​จาก​ตาย. พวก​เขา​เชื่อม​โยง​คำ​สอน​นี้​เข้า​กับ​หลัก​ปรัชญา​ของ​เพลโต​ที่​สอน​ว่า​มี​บาง​สิ่ง​ที่​มอง​ไม่​เห็น​ใน​ตัว​คน​เรา​ซึ่ง​ยัง​คง​อยู่​หลัง​จาก​ร่าง​กาย​ตาย​แล้ว. (ท่าน​ผู้​ประกาศ 9:5, 10) มินูซิอุส เฟลิกซ์​ถึง​กับ​อ้าง​ว่า​ความ​เชื่อ​เรื่อง​การ​กลับ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย​มี​ต้นตอ​มา​จาก​คำ​สอน​ของ​พีทาโกรัส​เรื่อง​การ​โยกย้าย​ของ​จิตวิญญาณ. ปรัชญา​กรีก​ได้​ชัก​นำ​พวก​เขา​ให้​ออก​ห่าง​จาก​คำ​สอน​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​มาก​เพียง​ไร!

ทาง​เลือก​ที่​ผิด

ผู้​แก้​ต่าง​บาง​คน​ตระหนัก​ว่า​หลัก​ปรัชญา​อาจ​เป็น​อันตราย​ต่อ​ศาสนา​คริสเตียน. ถึง​แม้​พวก​เขา​จะ​วิพากษ์วิจารณ์​พวก​นัก​ปรัชญา แต่​พวก​เขา​ยัง​คง​ชื่น​ชอบ​วิธี​คิด​แบบ​นัก​ปรัชญา. ตัว​อย่าง​เช่น ทาเชียน​ได้​ประณาม​ว่า​พวก​นัก​ปรัชญา​ไม่​ได้​สร้าง​ผล​งาน​ที่​ดี​อะไร​เลย แต่​ขณะ​เดียว​กัน​เขา​ก็​เรียก​ศาสนา​คริสเตียน​ว่า “หลัก​ปรัชญา​ของ​เรา” และ​ชอบ​คาด​เดา​เรื่อง​ต่าง ๆ แบบ​นัก​ปรัชญา. ส่วน​เทอร์ทูลเลียน​ก็​ติเตียน​อิทธิพล​ของ​หลัก​ปรัชญา​นอก​รีต​ที่​มี​ต่อ​คำ​สอน​ของ​คริสเตียน. แต่​ใน​ขณะ​เดียว​กัน​เขา​ก็​กล่าว​ว่า​เขา​ต้องการ​เดิน​ตาม​รอย “จัสติน ผู้​เป็น​นัก​ปรัชญา​และ​ผู้​พลี​ชีพ​เพื่อ​ความ​เชื่อ​กับ​มิลเทียเดส​นัก​ปรัชญา​แห่ง​คริสตจักร.” อเทนนาโกรัส​เรียก​ตัว​เอง​ว่า “นัก​ปรัชญา​คริสเตียน​แห่ง​เอเธนส์.” ตาม​คำ​กล่าว​ของ​บาง​คน เคลเมนต์​รู้สึก​ว่า “คริสเตียน​สามารถ​นำ​ปรัชญา​มา​ใช้​อย่าง​สุขุม​เพื่อ​ประเทือง​ปัญญา​และ​เพื่อ​ปก​ป้อง​ความ​เชื่อ.”

ไม่​ว่า​พวก​ผู้​แก้​ต่าง​อาจ​ประสบ​ความ​สำเร็จ​อย่าง​ไร​ก็​ตาม​ใน​การ​ปก​ป้อง​ความ​เชื่อ​ของ​ตน แต่​ใน​การ​ปก​ป้อง​นั้น​พวก​เขา​ได้​ทำ​ผิด​พลาด​อย่าง​ใหญ่​หลวง. ทำไม​จึง​กล่าว​เช่น​นั้น? ก็​เนื่อง​จาก​อัครสาวก​เปาโล​เตือน​คริสเตียน​ว่า ใน​บรรดา​อาวุธ​ที่​จะ​ใช้​ปก​ป้อง​ความ​เชื่อ​นั้น ไม่​มี​อาวุธ​ใด​ที่​ทรง​ประสิทธิภาพ​ยิ่ง​กว่า “พระ​คำ​ของ​พระเจ้า” ซึ่ง ‘มี​ชีวิต​และ​ทรง​พลัง.’ เปาโล​กล่าว​ว่า ด้วย​อาวุธ​นี้ “เรา​กำลัง​หักล้าง​การ​หา​เหตุ​ผล​ผิด ๆ และ​โค่น​สิ่ง​สูง​ส่ง​ทุก​อย่าง​ที่​ขัด​กับ​ความ​รู้​ของ​พระเจ้า.”—ฮีบรู 4:12; 2 โครินท์ 10:4, 5; เอเฟโซส์ 6:17

ใน​คืน​ก่อน​ที่​พระ​เยซู​จะ​ถูก​ประหาร พระองค์​ตรัส​กับ​เหล่า​สาวก​ว่า “จง​กล้า​หาญ​เถิด! เรา​ชนะ​โลก​แล้ว.” (โยฮัน 16:33) การ​ทดสอบ​และ​ความ​ทุกข์​ต่าง ๆ ที่​พระ​เยซู​ประสบ​ใน​โลก​นี้​ไม่​สามารถ​ทำลาย​ความ​เชื่อ​และ​ความ​ภักดี​ที่​พระองค์​มี​ต่อ​พระ​บิดา​ได้. อัครสาวก​โยฮัน​ผู้​มี​ชีวิต​อยู่​นาน​กว่า​อัครสาวก​คน​อื่น ๆ เขียน​ไว้​ใน​ทำนอง​เดียว​กัน​ว่า “ความ​เชื่อ​ของ​เรา​นี่​แหละ​ที่​ทำ​ให้​เรา​ชนะ​โลก.” (1 โยฮัน 5:4) ถึง​แม้​ว่า​พวก​ผู้​แก้​ต่าง​ต้องการ​ปก​ป้อง​ความ​เชื่อ​ของ​คริสเตียน แต่​พวก​เขา​คิด​ผิด​ที่​ไป​รับ​เอา​แนว​คิด​และ​วิธี​การ​แบบ​ปรัชญา​ของ​โลก​มา​ใช้. โดย​ทำ​เช่น​นั้น พวก​ผู้​แก้​ต่าง​ได้​ปล่อย​ให้​ตัว​เอง​ถูก​ล่อ​ลวง​โดย​ปรัชญา​เหล่า​นั้น ซึ่ง​แท้​จริง​แล้ว​เป็น​การ​ยอม​ให้​โลก​ชนะ​พวก​เขา​และ​ชนะ​ศาสนา​คริสเตียน​ใน​แบบ​ของ​เขา. ดัง​นั้น แทน​ที่​จะ​ได้​ชัย​ชนะ​และ​เป็น​ผู้​ปก​ป้อง​ความ​เชื่อ​แท้​ของ​คริสเตียน พวก​ผู้​แก้​ต่าง​ใน​คริสตจักร​ยุค​แรก​ได้​ติด​กับดัก​ของ​ซาตาน ผู้ “ปลอม​ตัว​เป็น​ทูต​แห่ง​ความ​สว่าง” โดย​ที่​พวก​เขา​อาจ​ไม่​รู้​ตัว.—2 โครินท์ 11:14

นัก​เทศน์​และ​นัก​เทววิทยา​ส่วน​ใหญ่​ของ​คริสตจักร​ต่าง ๆ ทุก​วัน​นี้​ก็​ติด​ตาม​แนว​ทาง​เดียว​กัน​นั้น. แทน​ที่​จะ​ปก​ป้อง​ศาสนา​คริสเตียน​แท้​โดย​ใช้​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า พวก​เขา​มัก​ลด​ทอน​ความ​สำคัญ​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​และ​หัน​ไป​ใช้​หลัก​ปรัชญา​ของ​มนุษย์​ใน​การ​สอน​โดย​หวัง​ว่า​จะ​ทำ​ให้​ผู้​คน​ทั่ว​ไป​และ​สังคม​ยอม​รับ​ศาสนา​คริสเตียน. แทน​ที่​จะ​เตือน​ผู้​คน​ถึง​อันตราย​ของ​การ​ติด​ตาม​ความ​นิยม​ของ​มนุษย์​ซึ่ง​ไม่​เป็น​ไป​ตาม​หลัก​พระ​คัมภีร์ พวก​เขา​กลาย​เป็น​ครู​ที่​พยายาม​สุด​ความ​สามารถ​เพื่อ​จะ ‘สอน​เรื่อง​ที่​ผู้​คน​ชอบ​ฟัง’ เพื่อ​ให้​คน​ติด​ตาม​มาก ๆ. (2 ติโมเธียว 4:3) น่า​เศร้า ครู​เหล่า​นี้​เป็น​เหมือน​พวก​ผู้​แก้​ต่าง​ใน​ยุค​แรก​ที่​ไม่​ใส่​ใจ​คำ​เตือน​ของ​อัครสาวก​ที่​ว่า “ระวัง​ให้​ดี อาจ​มี​คน​ทำ​ให้​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ตก​เป็น​เหยื่อ​เขา​โดย​ใช้​หลัก​ปรัชญา​และ​คำ​ล่อ​ลวง​เหลวไหล​ที่​อาศัย​ประเพณี​ของ​มนุษย์​และ​สิ่ง​ต่าง ๆ ที่​โลก​ถือ​ว่า​สำคัญ ไม่​ใช่​อาศัย​คำ​สอน​ของ​พระ​คริสต์.” และ​เรา​ได้​รับ​คำ​เตือน​ว่า “จุด​จบ​ของ​คน​เหล่า​นั้น​จะ​เป็น​ไป​ตาม​การ​กระทำ​ของ​พวก​เขา.”—โกโลซาย 2:8; 2 โครินท์ 11:15

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 4 คน​อื่น ๆ ที่​อยู่​ใน​กลุ่ม​นี้​คือ ควาดราทุส, อะริสทิเดส, ทาเชียน, อะพอลลินาริส, อเทนนาโกรัส, ทีโอฟิลัส, เมลีโต, มินูคีอุส เฟลิกซ์, และ​นัก​เขียน​อีก​หลาย​คน​ซึ่ง​ไม่​เป็น​ที่​รู้​จัก​มาก​นัก. ดู​หอสังเกตการณ์ 15 พฤษภาคม 2003 หน้า 27-29 และ 15 มีนาคม 1996 หน้า 28-30.

^ วรรค 13 สำหรับ​ราย​ละเอียด​เพิ่ม​เติม​เกี่ยว​กับ​ความ​เชื่อ​ของ​เทอร์ทูลเลียน โปรด​ดู​หอสังเกตการณ์ 15 พฤษภาคม 2002 หน้า 29-31.

[คำ​โปรย​หน้า 31]

“เรา​กำลัง​หักล้าง​การ​หา​เหตุ​ผล​ผิด ๆ และ​โค่น​สิ่ง​สูง​ส่ง​ทุก​อย่าง​ที่​ขัด​กับ​ความ​รู้​ของ​พระเจ้า.”—2 โครินท์ 10:5

[ภาพ​หน้า 28]

สำหรับ​จัสติน คำ​สอน​คริสเตียน​ที่​เลียน​แบบ​หลัก​ปรัชญา “ไม่​มี​พิษ​ภัย​และ​ให้​ประโยชน์”

[ภาพ​หน้า 29]

เคลเมนต์​มอง​ว่า​หลัก​ปรัชญา​เป็น “เทววิทยา​แท้”

[ภาพ​หน้า 29]

การ​หา​เหตุ​ผล​แบบ​นัก​ปรัชญา​ของ​เทอร์ทูลเลียน​ช่วย​ปู​ทาง​ให้​กับ​หลัก​คำ​สอน​เรื่อง​ตรีเอกานุภาพ

[ภาพ​หน้า 29]

ทาเชียน​เรียก​ศาสนา​คริสเตียน​ว่า “หลัก​ปรัชญา​ของ​เรา”

[ภาพ​หน้า 30]

นัก​เทศน์​และ​นัก​เทววิทยา​สมัย​ปัจจุบัน​ติด​ตาม​แนว​ทาง​ของ​พวก​ผู้​แก้​ต่าง

[ภาพ​หน้า 31]

อัครสาวก​เปาโล​เตือน​ให้​ระวัง​หลัก​ปรัชญา​และ​คำ​ล่อ​ลวง​ของ​มนุษย์

[ที่​มา​ของ​ภาพ​หน้า 29]

Clement: Historical Pictures Service; Tertullian: © Bibliothèque nationale de France