ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

แนวคิดที่เปลี่ยนไปในเรื่องบาป

แนวคิดที่เปลี่ยนไปในเรื่องบาป

แนว​คิด​ที่​เปลี่ยน​ไป​ใน​เรื่อง​บาป

“แนว​คิด​ที่​ว่า​คน​เรา​มี​บาป​ติด​ตัว​มา​แต่​กำเนิด​เพราะ​ความ​ผิด​ที่​พ่อ​แม่​คู่​แรก​ได้​ทำ​ไว้​ไม่​อยู่​ใน​ความ​คิด​ของ​คน​ใน​ปัจจุบัน. และ​แม้​แต่​ความ​สำนึก​ต่อ​บาป​ก็​ไม่​มี​เช่น​กัน. . . . คน​อย่าง​อะดอล์ฟ ฮิตเลอร์​และ​โจเซฟ สตาลิน อาจ​ได้​ทำ​บาป แต่​พวก​เรา​ที่​เหลือ​เป็น​เหยื่อ​ผู้​รับ​เคราะห์.”—เดอะ วอลล์ สตรีต เจอร์นัล

คำ​กล่าว​ที่​ยก​มา​นี้​แสดง​ให้​เห็น​ว่า​ทุก​วัน​นี้​แนว​คิด​ใน​เรื่อง​บาป​กำลัง​จะ​หมด​ไป. เพราะ​เหตุ​ใด? ผู้​คน​มี​ความ​คิด​เปลี่ยน​ไป​อย่าง​ไร​ใน​เรื่อง​นี้? และ​แนว​คิด​เช่น​ไร​ใน​เรื่อง​บาป​ที่​ผู้​คน​ทุก​วัน​นี้​ต่อ​ต้าน?

มี​แนว​คิด​สอง​อย่าง​ใน​เรื่อง​บาป คือ​บาป​ที่​ติด​ตัว​มา​แต่​กำเนิด​กับ​บาป​ที่​คน​เรา​ทำ. อย่าง​แรก​เป็น​บาป​ที่​เรา​ได้​รับ​มา​ไม่​ว่า​เรา​จะ​ชอบ​หรือ​ไม่ ส่วน​อย่าง​ที่​สอง​เป็น​บาป​ที่​เรา​ก่อ​ขึ้น​เอง. ให้​เรา​พิจารณา​แต่​ละ​อย่าง​โดย​ละเอียด.

เรา​มี​บาป​ติด​ตัว​มา​แต่​กำเนิด​จริง​หรือ?

คัมภีร์​ไบเบิล​กล่าว​ว่า​บาป​หรือ​ความ​บกพร่อง​ทาง​ศีลธรรม​ของ​พ่อ​แม่​คู่​แรก​ส่ง​ผล​มา​ถึง​มนุษย์​ทุก​คน. ด้วย​เหตุ​นั้น เรา​ทุก​คน​จึง​เกิด​มา​พร้อม​กับ​ความ​ไม่​สมบูรณ์. คัมภีร์​ไบเบิล​บอก​ว่า “การ​อธรรม​ทุก​อย่าง​เป็น​บาป.”—1 โยฮัน 5:17

อย่าง​ไร​ก็​ตาม สำหรับ​ผู้​คน​มาก​มาย​ที่​ไป​โบสถ์ แนว​คิด​ที่​ว่า​มนุษย์​ทุก​คน​มี​บาป​ติด​ตัว​มา​แต่​กำเนิด​เนื่อง​จาก​ความ​ผิด​ที่​เกิด​ขึ้น​นาน​มา​แล้ว​ซึ่ง​ตัว​เขา​เอง​ไม่​ได้​มี​ส่วน​ร่วม​และ​ไม่​ใช่​ผู้​ที่​ต้อง​รับผิดชอบ​นั้น​เป็น​เรื่อง​ที่​ไม่​อาจ​เข้าใจ​หรือ​ยอม​รับ​ได้. เอดเวิร์ด โอกส์ ศาสตราจารย์​ด้าน​เทววิทยา​กล่าว​ว่า ปฏิกิริยา​ของ​ผู้​คน​ต่อ​หลัก​คำ​สอน​เรื่อง​บาป​คือ “บาง​คน​รู้สึก​อับอาย, บาง​คน​ก็​ปฏิเสธ​ตรง ๆ, หรือ​อย่าง​น้อย​ก็​มี​บาง​คน​ยอม​รับ​คำ​สอน​นี้​อยู่​บ้าง แต่​ไม่​ได้​ให้​หลัก​คำ​สอน​นี้​มี​ผล​กระทบ​ชีวิต​ของ​เขา.”

เหตุ​ผล​ประการ​หนึ่ง​ที่​ทำ​ให้​ผู้​คน​รู้สึก​ว่า​ยาก​ที่​จะ​ยอม​รับ​ว่า​คน​เรา​มี​บาป​ติด​ตัว​มา​แต่​กำเนิด​ก็​คือ​สิ่ง​ที่​คริสตจักร​ต่าง ๆ สอน​ใน​เรื่อง​นี้. ตัว​อย่าง​เช่น ใน​การ​ประชุม​สังคายนา​ที่​เมือง​เทรนต์ (ปี 1545-1563) คริสตจักร​ได้​ประณาม​ใคร​ก็​ตาม​ที่​ปฏิเสธ​ว่า​ทารก​แรก​เกิด​ไม่​จำเป็น​ต้อง​รับ​บัพติสมา​เพื่อ​จะ​หลุด​พ้น​จาก​บาป. พวก​นัก​เทววิทยา​กล่าว​ว่า ถ้า​เด็ก​ทารก​ตาย​ไป​โดย​ที่​ไม่​ได้​รับ​บัพติสมา บาป​ที่​ยัง​ไม่​ได้​ชำระ​จะ​ทำ​ให้​เด็ก​ไม่​ได้​ไป​พบ​กับ​พระเจ้า​ใน​สวรรค์​ตลอด​กาล. แคลวิน​ถึง​กับ​สอน​ว่า ทารก ‘นำ​บาป​โทษ​ของ​ตน​เอง​ติด​ตัว​ไป​จาก​ครรภ์​มารดา.’ เขา​ยืน​ยัน​ว่า​ลักษณะ​เช่น​นั้น​ของ​ทารก​เป็น​ที่ ‘ชิง​ชัง​รังเกียจ​สำหรับ​พระเจ้า.’

โดย​ธรรมชาติ​ผู้​คน​ส่วน​ใหญ่​รู้สึก​ว่า​ทารก​เกิด​ใหม่​เป็น​สิ่ง​มี​ชีวิต​ที่​บริสุทธิ์​สะอาด ดัง​นั้น ความ​คิด​ที่​ว่า​ทารก​เหล่า​นี้​จะ​ต้อง​รับ​โทษ​เนื่อง​จาก​บาป​ที่​ติด​ตัว​มา​แต่​กำเนิด​จึง​ขัด​กับ​ความ​รู้สึก​ตาม​ธรรมชาติ​ของ​มนุษย์. เรา​จึง​เข้าใจ​ได้​ไม่​ยาก​ว่า​ทำไม​คำ​สอน​เช่น​นั้น​ของ​โบสถ์​จึง​ทำ​ให้​ผู้​คน​ไม่​เชื่อ​ใน​เรื่อง​บาป​ที่​ตก​ทอด​มา​จาก​พ่อ​แม่​คู่​แรก. ที่​จริง ผู้​นำ​ของ​โบสถ์​บาง​คน​ไม่​กล้า​ตัดสิน​ให้​ทารก​ที่​ยัง​ไม่​ได้​รับ​บัพติสมา​ตก​นรก. สำหรับ​พวก​เขา ชะตากรรม​สุด​ท้าย​ของ​ทารก​เหล่า​นี้​ยัง​คง​เป็น​ปัญหา​ทาง​เทววิทยา. แม้​ว่า​จะ​ไม่​เคย​เป็น​หลัก​ข้อ​เชื่อ​ของ​คริสตจักร แต่​คริสตจักร​คาทอลิก​ได้​สอน​ต่อ​กัน​มา​หลาย​ร้อย​ปี​ว่า วิญญาณ​ของ​ผู้​บริสุทธิ์​ที่​ยัง​ไม่​ได้​รับ​บัพติสมา​จะ​อยู่​ใน​ลิมโบ​ซึ่ง​เป็น​ดินแดน​ที่​ปราศจาก​มนุษย์. *

เหตุ​ผล​อีก​ประการ​หนึ่ง​ที่​ทำ​ให้​คน​เชื่อ​เรื่อง​บาป​ที่​ติด​ตัว​มา​แต่​กำเนิด​น้อย​ลง​คือ​การ​ที่​นัก​ปรัชญา, นัก​วิทยาศาสตร์, และ​นัก​เทววิทยา​ใน​ศตวรรษ​ที่ 19 ได้​เริ่ม​ตั้ง​ข้อ​สงสัย​ว่า​บันทึก​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ควร​ได้​รับ​การ​ยอม​รับ​ว่า​เป็น​เรื่อง​จริง​ทาง​ประวัติศาสตร์​หรือ​ไม่. ทฤษฎี​วิวัฒนาการ​ของ​ดาร์วิน​ทำ​ให้​คน​มาก​มาย​รู้สึก​ว่า​เรื่อง​อาดาม​และ​ฮาวา​เป็น​นิยาย​ปรัมปรา. ผล​ก็​คือ​ผู้​คน​มาก​มาย​ใน​ทุก​วัน​นี้​ถือ​ว่า​คัมภีร์​ไบเบิล​สะท้อน​ความ​คิด​และ​ความ​เชื่อ​ของ​ผู้​เขียน​มาก​กว่า​จะ​เป็น​การ​เปิด​เผย​ของ​พระเจ้า.

ทัศนะ​เช่น​นี้​ส่ง​ผล​เช่น​ไร​ต่อ​คำ​สอน​เรื่อง​บาป​ที่​ติด​ตัว​มา​แต่​กำเนิด? เห็น​ได้​ชัด​ว่า ถ้า​คน​ที่​ไป​โบสถ์​ถูก​ชักจูง​ให้​เชื่อ​ว่า​อาดาม​และ​ฮาวา​ไม่​เคย​มี​ชีวิต​อยู่​จริง พวก​เขา​ย่อม​ลง​ความ​เห็น​ตาม​หลัก​เหตุ​ผล​ว่า ไม่​เคย​มี​การ​ทำ​บาป​ใน​ตอน​เริ่ม​ต้น​ของ​มนุษย์. แม้​แต่​สำหรับ​คน​ที่​เต็ม​ใจ​ยอม​รับ​ว่า​มนุษย์​มี​บาป​อยู่​ใน​ตัว แนว​คิด​นี้​ถูก​ลด​ความ​สำคัญ​ลง​กลาย​เป็น​เพียง​คำ​อธิบาย​ว่า​เหตุ​ใด​มนุษย์​จึง​ไม่​สมบูรณ์.

ถ้า​แนว​คิด​เรื่อง​บาป​ที่​ติด​ตัว​มา​แต่​กำเนิด​ไม่​เป็น​ที่​ยอม​รับ แล้ว​จะ​ว่า​อย่าง​ไร​กับ​แนว​คิด​เรื่อง​บาป​ที่​ก่อ​ขึ้น​เอง​ซึ่ง​พระเจ้า​ก็​ไม่​พอ​พระทัย​เช่น​กัน?

การ​ทำ​เช่น​นี้​เป็น​บาป​จริง ๆ หรือ?

เมื่อ​ถาม​ผู้​คน​ว่า​พวก​เขา​คิด​ว่า​อะไร​คือ​บาป หลาย​คน​คิด​ถึง​บัญญัติ​สิบ​ประการ​ซึ่ง​ห้าม​ไม่​ให้​ฆ่า​คน, เล่นชู้, ละโมบ, มี​เพศ​สัมพันธ์​ก่อน​แต่งงาน, ขโมย, และ​อื่น ๆ. คริสตจักร​ต่าง ๆ สอน​สืบ​ต่อ​กัน​มา​ว่า​ใคร​ก็​ตาม​ที่​ตาย​ไป​โดย​ไม่​ได้​กลับ​ใจ​จาก​บาป​เหล่า​นี้​จะ​ต้อง​ถูก​ทรมาน​ใน​ไฟ​นรก​ตลอด​กาล. *

เพื่อ​จะ​ไม่​ต้อง​ประสบ​กับ​ชะตากรรม​เช่น​นั้น คริสตจักร​คาทอลิก​จึง​เรียก​ร้อง​ให้​ผู้​คน​สารภาพ​บาป​กับ​บาทหลวง ซึ่ง​พวก​เขา​อ้าง​ว่า​มี​อำนาจ​ที่​จะ​ล้าง​บาป​ได้. อย่าง​ไร​ก็​ตาม สำหรับ​ชาว​คาทอลิก​ส่วน​ใหญ่ พิธี​สารภาพ​บาป, ล้าง​บาป, และ​ชด​ใช้​โทษ​บาป​กลาย​เป็น​เรื่อง​ของ​อดีต​ไป​แล้ว. ตัว​อย่าง​เช่น การ​สำรวจ​ความ​เห็น​เมื่อ​เร็ว ๆ นี้​แสดง​ว่า ชาว​คาทอลิก​ใน​อิตาลี​มาก​กว่า 60 เปอร์เซ็นต์​เลิก​สารภาพ​บาป​แล้ว.

เห็น​ได้​ชัด​ว่า​สิ่ง​ที่​คริสตจักร​สอน​ต่อ ๆ กัน​มา​เกี่ยว​กับ​บาป​ที่​คน​เรา​ก่อ​ขึ้น​และ​ผล​ที่​ตาม​มา​นั้น​ไม่​ได้​ช่วย​ให้​ผู้​คน​เลิก​ทำ​บาป. หลาย​คน​ที่​ไป​โบสถ์​ไม่​เชื่อ​อีก​ต่อ​ไป​ว่า​การ​กระทำ​เหล่า​นั้น​ผิด. ตัว​อย่าง​เช่น บาง​คน​หา​เหตุ​ผล​ว่า ถ้า​ผู้​ใหญ่​สอง​คน​ยินยอม​มี​เพศ​สัมพันธ์​กัน​และ​ไม่​ได้​ทำ​ให้​ใคร​เดือดร้อน จะ​เสียหาย​ตรง​ไหน?

ที่​ผู้​คน​หา​เหตุ​ผล​เช่น​นั้น​อาจ​เป็น​เพราะ​ว่า​ใน​ส่วน​ลึก​แล้ว​พวก​เขา​ไม่​เชื่อ​ว่า​แนว​คิด​เกี่ยว​กับ​บาป​ที่​ถูก​สอน​มา​นั้น​เป็น​ความ​จริง. ที่​จริง หลาย​คน​รู้สึก​ว่า​ยาก​ที่​จะ​เชื่อ​ว่า​พระเจ้า​ผู้​มี​ความ​รัก​จะ​ทรมาน​คน​บาป​ตลอด​กาล​ใน​นรก​ได้. และ​บาง​ที​ความ​รู้สึก​เช่น​นั้น​อาจ​เป็น​เหตุ​ผล​ส่วน​หนึ่ง​ที่​ผู้​คน​ดู​เหมือน​แทบ​จะ​ไม่​ให้​ความ​สำคัญ​กับ “บาป” อีก​ต่อ​ไป. แต่​ยัง​มี​เหตุ​ผล​อื่น ๆ อีก​ที่​ทำ​ให้​ผู้​คน​สูญ​เสีย​ความ​สำนึก​ใน​เรื่อง​บาป.

การ​ปฏิเสธ​ค่า​นิยม​ที่​เคย​ยึด​ถือ​กัน​มา

เหตุ​การณ์​ต่าง ๆ ที่​เกิด​ขึ้น​ใน​ช่วง​สอง​สาม​ศตวรรษ​ที่​ผ่าน​มา​ทำ​ให้​สังคม และ​ความ​คิด​จิตใจ​ของ​ผู้​คน​เปลี่ยน​ไป​มาก. สงคราม​โลก​สอง​ครั้ง, สงคราม​ย่อย​อีก​นับ​ครั้ง​ไม่​ถ้วน, และ​การ​ฆ่า​ล้าง​เผ่า​พันธุ์​ใน​หลาย​แห่ง​ได้​ทำ​ให้​ผู้​คน​สงสัย​ว่า​ค่า​นิยม​ที่​เคย​ยึด​ถือ​กัน​มา​นั้น​มี​ค่า​อยู่​หรือ​ไม่. พวก​เขา​ถาม​ว่า ‘เป็น​เรื่อง​ที่​มี​เหตุ​ผล​แล้ว​หรือ​ที่​คน​ใน​ยุค​ที่​มี​ความ​ก้าว​หน้า​ทาง​เทคโนโลยี​จะ​ดำเนิน​ชีวิต​โดย​อาศัย​มาตรฐาน​ที่​ตั้ง​ขึ้น​มา​นาน​หลาย​ศตวรรษ​และ​ห่าง​ไกล​จาก​ความ​เป็น​จริง​ของ​โลก​สมัย​ใหม่​อย่าง​สิ้นเชิง?’ นัก​เหตุ​ผล​นิยม​และ​ผู้​ศึกษา​ด้าน​ศีลธรรม​หลาย​คน​ลง​ความ​เห็น​ว่า​ไม่​มี​เหตุ​ผล. พวก​เขา​เชื่อ​ว่า​สังคม​จำเป็น​ต้อง​สลัด​โซ่​ตรวน​ทาง​ศีลธรรม​บาง​อย่าง​รวม​ทั้ง​ความ​เชื่อ​เรื่อง​โชค​ลาง​แล้ว​หัน​ไป​มุ่ง​เน้น​เรื่อง​การ​ศึกษา​เพื่อ​จะ​พัฒนา​ศักยภาพ​ของ​ตัว​เอง​ได้​อย่าง​เต็ม​ที่.

ความ​คิด​เช่น​นี้​ทำ​ให้​ผู้​คน​หัน​หลัง​ให้​กับ​ค่า​นิยม​ทาง​ศีลธรรม​ที่​ยึด​ถือ​กัน​มา​อย่าง​สิ้นเชิง. ใน​หลาย​ดินแดน​ทาง​ยุโรป มี​น้อย​คน​ที่​ไป​โบสถ์. คน​จำนวน​มาก​ขึ้น​เรื่อย ๆ ไม่​เชื่อ​ใน​สิ่ง​ใด​สิ่ง​หนึ่ง​โดย​เฉพาะ และ​หลาย​คน​โจมตี​หลัก​ข้อ​เชื่อ​ของ​คริสตจักร​ต่าง ๆ อย่าง​เปิด​เผย​เพราะ​พวก​เขา​ถือ​ว่า​เป็น​เรื่อง​เหลวไหล. พวก​เขา​หา​เหตุ​ผล​ว่า ถ้า​มนุษย์​เป็น​เพียง​ผลิตผล​จาก​สิ่ง​แวด​ล้อม​และ​จาก​การ​คัดเลือก​ของ​ธรรมชาติ​อย่าง​ที่​วิวัฒนาการ​สอน ก็​ไม่​จำเป็น​ต้อง​สนใจ​เรื่อง​มาตรฐาน​ทาง​ศีลธรรม​มิ​ใช่​หรือ?

สภาพ​หย่อน​ยาน​ทาง​ศีลธรรม​ที่​มี​อยู่​ทั่ว​ไป​ใน​โลก​ตะวัน​ตก​ระหว่าง​ศตวรรษ​ที่ 20 ได้​ทำ​ให้​เกิด​หลาย​สิ่ง หนึ่ง​ใน​นั้น​คือ​สิ่ง​ที่​เรียก​กัน​ว่า​การ​ปฏิวัติ​ทาง​เพศ. การ​ประท้วง​ของ​นัก​ศึกษา, ขบวนการ​ต่อ​ต้าน​วัฒนธรรม, และ​การ​ใช้​ยา​คุม​กำเนิด​อย่าง​แพร่​หลาย​ล้วน​เป็น​การ​แสดง​ให้​เห็น​ว่า​ผู้​คน​ปฏิเสธ​แนว​คิด​แบบ​ดั้งเดิม​ใน​เรื่อง​ความ​ถูก​ต้อง​เหมาะ​สม. ไม่​นาน​ค่า​นิยม​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​ก็​ถูก​ปฏิเสธ​ด้วย. คน​รุ่น​ใหม่​ได้​รับ​เอา​ศีลธรรม​แบบ​ใหม่​และ​มี​ทัศนคติ​แบบ​ใหม่​ใน​เรื่อง​บาป. นัก​เขียน​คน​หนึ่ง​กล่าว​ว่า ตั้ง​แต่​นั้น​มา “กฎ​เพียง​ข้อ​เดียว​ที่​มี​ก็​คือ​กฎ​แห่ง​ความ​รัก” ซึ่ง​เห็น​ได้​จาก​การ​ที่​คน​มาก​มาย​ยอม​รับ​เพศ​สัมพันธ์​แบบ​ที่​ผิด​ทำนอง​คลอง​ธรรม.

ศาสนา​ที่​สอน​แต่​เรื่อง​ที่​ทำ​ให้​รู้สึก​ดี

วารสาร​นิวส์วีก พูด​ถึง​สถานการณ์​ทาง​ศาสนา​ใน​สหรัฐ​ฯ อย่าง​ตรง​ไป​ตรง​มา​ว่า “นัก​เทศน์​หลาย​คน​ที่​กำลัง​แข่ง​กัน​เอา​ใจ​ลูก​ค้า​รู้สึก​ว่า​พวก​เขา​ไม่​สามารถ​สอน​อย่าง​อื่น​ได้.” พวก​เขา​กลัว​ว่า​ถ้า​เน้น​เรื่อง​หลัก​ศีลธรรม​กับ​ผู้​ฟัง​มาก พวก​เขา​ก็​จะ​สูญ​เสีย​สมาชิก. ผู้​คน​ไม่​ต้องการ​ได้​ยิน​ว่า​ควร​ปลูกฝัง​ความ​ถ่อม​ใจ, การ​มี​วินัย​กับ​ตน​เอง, และ​มี​คุณธรรม​หรือ​ควร​ฟัง​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ที่​รบกวน​และ​กลับ​ใจ​จาก​บาป​ต่าง ๆ. ดัง​นั้น โบสถ์​หลาย​แห่ง​จึง​สอน​สิ่ง​ที่​ชิคาโก ซัน-ไทมส์ เรียก​ว่า “คำ​สอน​คริสเตียน​ที่​เยียว​ยา​จิตใจ มุ่ง​เน้น​ประโยชน์​และ​ความ​พอ​ใจ​ส่วน​ตัว โดย​ไม่​พูด​ถึง​กิตติคุณ​อีก​ต่อ​ไป.”

การ​คิด​เช่น​นี้​ทำ​ให้​เกิด​แนว​คิด​ทาง​ศาสนา​ที่​นิยาม​คำ​ว่า​พระเจ้า​ใน​แบบ​ของ​ตน​เอง และ​คริสตจักร​ที่​ไม่​ได้​เน้น​เรื่อง​พระเจ้า​รวม​ทั้ง​สิ่ง​ที่​พระองค์​ต้องการ​ให้​เรา​ทำ แต่​เน้น​ที่​มนุษย์​และ​การ​เพิ่ม​ความ​ภูมิ​ใจ​ใน​ตน​เอง. เป้าหมาย​เพียง​อย่าง​เดียว​ก็​เพื่อ​สนอง​ความ​ต้องการ​ของ​สมาชิก​ใน​คริสตจักร. ผล​ก็​คือ​เกิด​ศาสนา​ที่​ปราศจาก​หลัก​คำ​สอน. เดอะ วอลล์ สตรีต เจอร์นัล ถาม​ว่า “อะไร​เข้า​มา​แทน​ที่​กฎ​ทาง​ศีลธรรม​ที่​เคย​เป็น​ศูนย์​รวม​ชีวิต​ของ​คริสเตียน? นั่น​ก็​คือ​หลัก​จริยธรรม​ที่​เน้น​เรื่อง​การ​ผ่อนปรน​และ​แสดง​ความ​เมตตา​อย่าง​ล้น​เหลือ ซึ่ง​ตาม​หลัก​จริยธรรม​ดัง​กล่าว ‘การ​เป็น​คน​ดี’ เป็น​ข้อ​อ้าง​ที่​จะ​ทำ​อะไร ๆ ก็​ได้.”

ตาม​หลัก​เหตุ​ผล​แล้ว แนว​คิด​ทั้ง​หมด​นี้​ทำ​ให้​เกิด​ทัศนคติ​ที่​ว่า​ศาสนา​ใด ๆ ที่​ทำ​ให้​รู้สึก​ดี​ก็​ดี​ทั้ง​นั้น. เดอะ วอลล์ สตรีต เจอร์นัล ให้​ข้อ​สังเกต​ว่า คน​ที่​มี​ทัศนะ​เช่น​นั้น “จะ​ยอม​รับ​ความ​เชื่อ​ทุก​อย่าง​ตราบ​ใด​ที่​ความ​เชื่อ​นั้น​ไม่​ได้​เรียก​ร้อง​ให้​เขา​ประพฤติ​ตาม​หลัก​ศีลธรรม​แบบ​ใด​แบบ​หนึ่ง และ​ให้​การ​ปลอบ​ประโลม​ใจ​ไม่​ใช่​พิพากษา​ตัดสิน.” ส่วน​คริสตจักร​ต่าง ๆ ก็​เต็ม​ใจ​ยอม​รับ​ผู้​คน “อย่าง​ที่​พวก​เขา​เป็น​จริง ๆ” โดย​ไม่​ได้​เรียก​ร้อง​ให้​ทำ​ตาม​มาตรฐาน​ทาง​ศีลธรรม​ใด ๆ.

ที่​กล่าว​มา​ทั้ง​หมด​นี้​คง​ทำ​ให้​ผู้​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล​นึก​ถึง​คำ​พยากรณ์​ที่​อัครสาวก​เปาโล​เขียน​ไว้​ใน​ศตวรรษ​ที่​หนึ่ง​สากล​ศักราช. ท่าน​กล่าว​ว่า “จะ​มี​ช่วง​เวลา​หนึ่ง​ที่​พวก​เขา​จะ​ไม่​ยอม​ฟัง​คำ​สอน​ที่​ก่อ​ประโยชน์ แต่​จะ​รวบ​รวม​ครู​ไว้​มาก ๆ เพื่อ​ให้​สอน​เรื่อง​ที่​พวก​เขา​ชอบ​ฟัง​ตาม​ที่​พวก​เขา​ต้องการ และ​พวก​เขา​จะ​เลิก​ฟัง​ความ​จริง​แล้ว​หัน​ไป​ฟัง​เรื่อง​เท็จ.”—2 ติโมเธียว 4:3, 4

เมื่อ​ผู้​นำ​ทาง​ศาสนา​ยอม​ให้​กับ​การ​ทำ​บาป, ปฏิเสธ​ความ​จริง​เกี่ยว​กับ​บาป, และ​สอน​แต่​สิ่ง​ที่​สมาชิก​อยาก​ฟัง​แทน​ที่​จะ​สอน​ว่า​คัมภีร์​ไบเบิล​บอก​อะไร พวก​เขา​กำลัง​ทำ​ให้​ผู้​คน​ได้​รับ​ความ​เสียหาย​อย่าง​ใหญ่​หลวง. คำ​สอน​เช่น​นั้น​เป็น​เรื่อง​เท็จ​และ​เป็น​อันตราย. พวก​เขา​กำลัง​บิดเบือน​คำ​สอน​พื้น​ฐาน​อย่าง​หนึ่ง​ของ​ศาสนา​คริสเตียน. บาป​และ​การ​ให้​อภัย​เป็น​แก่น​ของ​ข่าว​ดี​ที่​พระ​เยซู​และ​อัครสาวก​สอน. เพื่อ​จะ​เห็น​ว่า​เป็น​เช่น​นั้น​อย่าง​ไร เชิญ​คุณ​อ่าน​บทความ​ต่อ​ไป.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 9 บาง​ที​อาจ​เป็น​เพราะ​ลิมโบ​ไม่​ใช่​คำ​สอน​ตาม​หลัก​พระ​คัมภีร์​และ​ทำ​ให้​ผู้​คน​สับสน ใน​ช่วง​หลัง​จึง​มี​การ​ตัด​คำ​สอน​เรื่อง​นี้​ออก​จาก​คู่มือ​ถาม​ตอบ​ของ​คาทอลิก. ดู​กรอบ “คริสตจักร​กลับ​คำ” ใน​หน้า 10.

^ วรรค 14 ความ​เชื่อ​เรื่อง​การ​ทรมาน​ใน​ไฟ​นรก​ตลอด​กาล​ไม่​มี​หลักฐาน​สนับสนุน​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล. สำหรับ​ราย​ละเอียด​เพิ่ม​เติม โปรด​ดู​บท 6 เรื่อง “คน​ตาย​แล้ว​ไป​ไหน?” ใน​หนังสือ​คัมภีร์​ไบเบิล​สอน​อะไร​จริง​ๆ? จัด​พิมพ์​โดย​พยาน​พระ​ยะโฮวา.

[คำ​โปรย​หน้า 7]

ศาสนา​ที่​สอน​แต่​เรื่อง​ที่​ทำ​ให้​รู้สึก​ดี​ก่อ​ผล​ไม่​ดี​หลาย​อย่าง

[กรอบ​หน้า 6]

บาป​น่ะ​หรือ? “ไม่​ใช่​ปัญหา​สำหรับ​เรา​อีก​แล้ว”

“อุปสรรค​ใหญ่​ที่​สุด​อย่าง​หนึ่ง​สำหรับ​คริสตจักร​ใน​ปัจจุบัน​ก็​คือ​เรื่อง​นี้​แหละ. เรา​ไม่​มอง​ว่า​เรา​เป็น ‘คน​บาป’ ที่​จำเป็น​ต้อง​ได้​รับ​การ​อภัยโทษ​อีก​ต่อ​ไป. บาง​ที​บาป​อาจ​เคย​เป็น​ปัญหา แต่​ตอน​นี้​ไม่​ใช่​ปัญหา​สำหรับ​เรา​อีก​แล้ว. ดัง​นั้น แม้​ว่า​คริสตจักร​จะ​มี​วิธี​แก้​ปัญหา​เรื่อง​บาป แต่​บาป​ไม่​ได้​เป็น​ปัญหา​ใน​สายตา​ของ​ชาว​อเมริกัน​ส่วน​ใหญ่ อย่าง​น้อย​ก็​ไม่​ใช่​ปัญหา​ใหญ่​โต​อะไร.”—จอห์น เอ. สตูเดเบเกอร์ จูเนียร์ นัก​เขียน​เรื่อง​เกี่ยว​กับ​ศาสนา

“ผู้​คน​กล่าว​ว่า ‘ผม​คาด​หมาย​ศีลธรรม​ที่​ดี​จาก​ตัว​เอง​และ​คน​อื่น ๆ แต่​ผม​รู้​ว่า​เรา​เป็น​เพียง​มนุษย์​ผม​จึง​พยายาม​ทำ​ดี​ที่​สุด​เท่า​ที่​จะ​ทำ​ได้.’ เรา​พอ​ใจ​กับ​ศีลธรรม​ใน​ระดับ​กลาง ๆ ซึ่ง​เรา​คิด​ว่า​เรา​ทำ​ได้​ดี. เรา​ตัด​หญ้า​บริเวณ​บ้าน. เรา​ไม่​จอด​รถ​ซ้อน​คัน. แต่​เรา​กลับ​ไม่​สนใจ​เรื่อง​บาป​ซึ่ง​สำคัญ​กว่า.”—อัลเบิร์ต โมห์เลอร์ ผู้​อำนวย​การ​วิทยาลัย​ศาสนา​ของ​นิกาย​แบพติสต์​ฝ่าย​ใต้

“สังคม​นิยม​ยกย่อง​สิ่ง​ที่​ครั้ง​หนึ่ง​เคย​ตำหนิ [เช่น สิ่ง​ที่​เรียก​กัน​ว่า​บาป​ร้ายแรง​เจ็ด​ประการ]: พ่อ​แม่​สนับสนุน​ให้​ลูก​ทะนง​ตัว​เพื่อ​จะ​ภูมิ​ใจ​ใน​ตัว​เอง; พ่อ​ครัว​ชาว​ฝรั่งเศส​กลุ่ม​หนึ่ง​ร้อง​เรียน​ต่อ​สำนัก​วาติกัน​ว่า​การ​กิน​มาก ๆ ไม่​บาป. ความ​อิจฉา​กระตุ้น​ผู้​คน​ให้​สนใจ​สื่อ​บันเทิง​ต่าง ๆ. ตัณหา​ถูก​ใช้​เป็น​กลยุทธ์​ใน​การ​โฆษณา; ความ​โกรธ​เป็น​เรื่อง​เหมาะ​สม​เมื่อ​ถูก​ทำ​ให้​เจ็บใจ. บาง​ครั้ง​ฉัน​ก็​อยาก​จะ​ขี้​เกียจ​บ้าง.”—แนนซี กิบส์ จาก​วารสาร​ไทม์

[ภาพ​หน้า 5]

คน​มาก​มาย​ทุก​วัน​นี้​คิด​ว่า​เรื่อง​อาดาม​และ​ฮาวา​เป็น​นิยาย​ปรัมปรา