ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

เธอเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องประชาชนของพระเจ้า

เธอเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องประชาชนของพระเจ้า

จง​เลียน​แบบ​ความ​เชื่อ​ของ​เขา

เธอ​เสี่ยง​ชีวิต​เพื่อ​ปก​ป้อง​ประชาชน​ของ​พระเจ้า

เอศเธระ​พยายาม​ข่ม​ใจ​ให้​สงบ​ขณะ​เดิน​เข้า​ไป​ใกล้​บริเวณ​ที่​ประทับ​ของ​กษัตริย์​ใน​พระ​ราชวัง​ที่​กรุง​ชูชาน (ซูซัร). นี่​ไม่​ง่าย​สำหรับ​เธอ. สิ่ง​ที่​เธอ​เห็น​อยู่​เบื้อง​หน้า​คือ​ภาพ​สลัก​นูน​บน​ผนัง​ซึ่ง​ตกแต่ง​ด้วย​อิฐ​เคลือบ​หลาก​สี ทั้ง​ภาพ​โค​ผู้​มี​ปีก เหล่า​พล​ธนู และ​ภาพ​สิงโต. นอก​จาก​นี้​ยัง​มี​เสา​หิน​ที่​แกะ​เป็น​ลาย​เส้น​ตั้ง​ตระหง่าน​เป็น​แถว​และ​รูป​ปั้น​ขนาด​มหึมา. พระ​ราชวัง​แห่ง​นี้​ตั้ง​อยู่​บน​ที่​ราบ​กว้าง​ใหญ่​ใกล้​เทือก​เขา​ซากรอส​ที่​มี​หิมะ​ปก​คลุม​และ​เบื้อง​ล่าง​คือ​แม่น้ำ​โชอัสเพส​ที่​ใส​บริสุทธิ์. ทุก​ราย​ละเอียด​เกี่ยว​กับ​พระ​ราชวัง​นี้​ล้วน​ถูก​ออก​แบบ​ขึ้น​เพื่อ​ให้​ผู้​พบ​เห็น​ตระหนัก​ถึง​อำนาจ​อัน​ยิ่ง​ใหญ่​เกรียง​ไกร​ของ​บุรุษ​ที่​เธอ​กำลัง​จะ​ไป​พบ ผู้​เรียก​ตัว​เอง​ว่า “จอม​ราชัน.” และ​บุรุษ​ผู้​นี้​ยัง​เป็น​สามี​ของ​เธอ​ด้วย.

สามี​หรือ? กษัตริย์​อะหัศวะโรศ​ช่าง​แตกต่าง​จาก​สามี​ที่​หญิง​สาว​ชาว​ยิว​ที่​ซื่อ​สัตย์​ต่อ​พระเจ้า​คน​ใด​จะ​อยาก​ได้​เป็น​คู่​ครอง! * เขา​ไม่​ได้​ยึด​ถือ​แบบ​อย่าง​ของ​อับราฮาม​ผู้​ถ่อม​ใจ​ซึ่ง​ยอม​ฟัง​ซาราห์​ภรรยา​ของ​ตน​ตาม​การ​ชี้​นำ​ของ​พระเจ้า. (เยเนซิศ 21:12) กษัตริย์​องค์​นี้​แทบ​ไม่​รู้​อะไร​หรือ​อาจ​ไม่​รู้​อะไร​เลย​ด้วย​ซ้ำ​เกี่ยว​กับ​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ของ​เอศเธระ​และ​กฎหมาย​ต่าง ๆ ของ​พระองค์. แต่​อะหัศวะโรศ​รู้​จัก​กฎหมาย​ของ​เปอร์เซีย​เป็น​อย่าง​ดี รวม​ถึง​กฎหมาย​ห้าม​สิ่ง​ที่​เอศเธระ​กำลัง​จะ​ทำ​นี้​ด้วย. นั่น​คือ​กฎหมาย​อะไร? คือ​กฎหมาย​ที่​ว่า ใคร​ก็​ตาม​ที่​เข้า​เฝ้า​กษัตริย์​เปอร์เซีย​โดย​ไม่​มี​รับสั่ง​ให้​เข้า​เฝ้า​จะ​มี​โทษ​ถึง​ตาย. เอศเธระ​ไม่​ได้​ถูก​เรียก​ให้​เข้า​เฝ้า แต่​เธอ​จะ​ต้อง​เข้า​เฝ้า​กษัตริย์​ให้​ได้. ขณะ​ที่​เดิน​เข้า​ไป​ใกล้​ท้อง​พระ​โรง​ซึ่ง​เป็น​จุด​ที่​กษัตริย์​อาจ​มอง​เห็น​เธอ​ได้​จาก​บัลลังก์ เอศเธระ​คง​รู้สึก​ว่า​ตัว​เอง​กำลัง​เดิน​ไป​สู่​ความ​ตาย.—เอศเธระ 4:11; 5:1

ทำไม​เธอ​จึง​ต้อง​เสี่ยง​ชีวิต​เช่น​นั้น? และ​เรา​จะ​เรียน​อะไร​ได้​จาก​ความ​เชื่อ​ของ​หญิง​สาว​ผู้​โดด​เด่น​คน​นี้? ก่อน​อื่น ให้​เรา​มา​ดู​ว่า​หญิง​สามัญ​ชน​อย่าง​เอศเธระ​กลาย​มา​เป็น​ราชินี​ผู้​สูง​ศักดิ์​แห่ง​เปอร์เซีย​ได้​อย่าง​ไร.

“รูป​ร่าง​งาม​และ​สะสวย”

เอศเธระ​เป็น​เด็ก​กำพร้า. เรา​แทบ​ไม่​รู้​อะไร​เลย​เกี่ยว​กับ​พ่อ​แม่​ของ​เธอ​ซึ่ง​ตั้ง​ชื่อ​ให้​เธอ​ว่า​ฮะดัดซา. ชื่อ​นี้​ใน​ภาษา​ฮีบรู​หมาย​ถึง “ต้น​เมอร์เทิล” ซึ่ง​เป็น​ไม้​พุ่ม​มี​ดอก​สี​ขาว​น่า​รัก. หลัง​จาก​พ่อ​แม่​ของ​เอศเธระ​เสีย​ชีวิต มาระดะคาย​ญาติ​ผู้​ใจ​ดี​ได้​รับ​หนู​น้อย​กำพร้า​คน​นี้​มา​เลี้ยง​ด้วย​ความ​สงสาร. มาระดะคาย​เป็น​ลูก​พี่​ลูก​น้อง​ของ​เอศเธระ​แต่​อายุ​แก่​กว่า​มาก. เขา​รับ​เธอ​มา​อยู่​ที่​บ้าน​และ​เลี้ยง​เป็น​ลูก​ของ​ตน​เอง.—เอศเธระ 2:5-7, 15

มาระดะคาย​และ​เอศเธระ​อาศัย​อยู่​ใน​ชูชาน​เมือง​หลวง​ของ​เปอร์เซีย​ใน​ฐานะ​ชาว​ยิว​ที่​ถูก​เนรเทศ. ดัง​นั้น คง​มี​บ้าง​ที่​ผู้​คน​ใน​เมือง​นี้​จะ​ปฏิบัติ​ต่อ​พวก​เขา​อย่าง​ดูถูก​ดูแคลน​เนื่อง​จาก​ศาสนา​และ​กฎหมาย​ที่​พวก​เขา​ยึด​ถือ. มาระดะคาย​คง​ได้​พร่ำ​สอน​เอศเธระ​เกี่ยว​กับ​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ผู้​ทรง​เมตตา​กรุณา ผู้​คอย​ช่วยเหลือ​ประชาชน​ของ​พระองค์​มา​หลาย​ต่อ​หลาย​ครั้ง​ใน​อดีต​และ​จะ​ทรง​ทำ​เช่น​นั้น​อีก. การ​ใช้​เวลา​อยู่​ด้วย​กัน​เช่น​นั้น​คง​ทำ​ให้​ทั้ง​สอง​สนิท​กัน​มาก. (เลวีติโก 26:44, 45) เห็น​ได้​ชัด​ว่า เอศเธระ​และ​มาระดะคาย​มี​ความ​รัก​และ​ความ​ผูก​พัน​กัน​อย่าง​เหนียวแน่น.

ดู​เหมือน​ว่า​มาระดะคาย​เป็น​ข้าราชการ​คน​หนึ่ง​ใน​พระ​ราชวัง​ที่​กรุง​ชูชาน และ​เขา​มัก​จะ​นั่ง​อยู่​ที่​ประตู​เมือง​กับ​เหล่า​ข้า​ราชบริพาร​ของ​กษัตริย์. (เอศเธระ 2:19, 21; 3:3) เรา​ไม่​รู้​ว่า​ชีวิต​วัย​เด็ก​ของ​เอศเธระ​เป็น​อย่าง​ไร แต่​เรา​แน่​ใจ​ได้​ว่า​เธอ​คง​ดู​แล​พ่อ​บุญธรรม​และ​บ้าน​ของ​เขา​เป็น​อย่าง​ดี. บ้าน​ของ​พวก​เขา​คง​ไม่​ได้​อยู่​ใน​เขต​ของ​คน​ร่ำรวย​และ​อยู่​คน​ละ​ฝั่ง​แม่น้ำ​กับ​พระ​ราชวัง. เอศเธระ​คง​ชอบ​ไป​เดิน​ตลาด​ใน​กรุง​ชูชาน ซึ่ง​มี​ช่าง​ทอง ช่าง​เงิน และ​พวก​พ่อค้า​เอา​สินค้า​มา​วาง​ขาย. เอศเธระ​คง​คิด​ไม่​ถึง​ว่า​วัน​หนึ่ง​ข้าง​หน้า ข้าวของ​สวย​งาม​ราคา​แพง​เช่น​นั้น​จะ​กลาย​เป็น​สิ่ง​ธรรมดา​สำหรับ​เธอ. เธอ​ไม่​รู้​เลย​ว่า​อนาคต​ของ​ตัว​เอง​จะ​เป็น​เช่น​ไร.

ราชินี​ถูก​ถอด​ออก​จาก​ตำแหน่ง

วัน​หนึ่ง มี​ข่าว​เล่า​ลือ​ไป​ทั่ว​กรุง​ชูชาน​ว่า​เกิด​เรื่อง​วุ่นวาย​ขึ้น​ใน​ราชสำนัก. กษัตริย์​อะหัศวะโรศ​ได้​จัด​งาน​เลี้ยง​ใหญ่​ซึ่ง​มี​อาหาร​ชั้น​เลิศ​และ​เหล้า​องุ่น​อย่าง​ดี​ให้​แก่​บรรดา​เจ้านาย​และ​ขุนนาง​ทั้ง​หลาย. กษัตริย์​ได้​สั่ง​ให้​คน​ไป​เชิญ​พระ​นาง​วัศธี​ราชินี​ผู้​เลอ​โฉม​ซึ่ง​กำลัง​กิน​เลี้ยง​อยู่​กับ​เหล่า​สตรี​มา​เข้า​เฝ้า. แต่​พระ​นาง​วัศธี​ไม่​ยอม​เสด็จ​มา. กษัตริย์​ทรง​อับอาย​และ​กริ้ว​มาก​จึง​ถาม​เหล่า​ที่​ปรึกษา​ว่า​ควร​ลง​โทษ​พระ​นาง​วัศธี​อย่าง​ไร. ผล​คือ นาง​ถูก​ถอด​ออก​จาก​ตำแหน่ง​ราชินี. จาก​นั้น ข้าราชสำนัก​หลาย​คน​ถูก​ส่ง​ออก​ไป​ทั่ว​อาณาจักร​เพื่อ​เสาะ​หา​สาว​พรหมจารี​ที่​มี​รูป​ร่าง​หน้า​ตา​สวย​งาม​มา​ให้​กษัตริย์​เลือก​เป็น​ราชินี​องค์​ใหม่.—เอศเธระ 1:1–2:4

เรา​อาจ​นึก​ภาพ​มาระดะคาย​มอง​ดู​เอศเธระ​ด้วย​ความ​รัก​และ​เอ็นดู. เขา​คง​รู้สึก​ภูมิ​ใจ​แต่​ก็​อด​เป็น​ห่วง​ไม่​ได้​เมื่อ​เห็น​ว่า​เด็ก​น้อย​เอศเธระ​เติบโต​ขึ้น​เป็น​หญิง​สาว​ที่​งดงาม​ยิ่ง​นัก. คัมภีร์​ไบเบิล​กล่าว​ว่า เธอ “รูป​ร่าง​งาม​และ​สะสวย.” (เอศเธระ 2:7) รูป​ร่าง​หน้า​ตา​ที่​สวย​งาม​เป็น​สิ่ง​ที่​ใคร ๆ ก็​ชื่นชม แต่​ความ​สวย​งาม​ต้อง​มา​พร้อม​กับ​สติ​ปัญญา​และ​ความ​ถ่อม​ใจ​ด้วย. มิ​ฉะนั้น​แล้ว ความ​สวย​ก็​จะ​ไม่​มี​ค่า​อะไร​เลย แถม​ยัง​ทำ​ให้​คน​เรา​กลาย​เป็น​คน​หยิ่ง​และ​มี​นิสัย​ที่​น่า​รังเกียจ​ด้วย. (สุภาษิต 11:22) คุณ​เห็น​ว่า​เรื่อง​นี้​เป็น​ความ​จริง​ไหม? สำหรับ​เอศเธระ ความ​สวย​ของ​เธอ​จะ​เป็น​คุณ​หรือ​เป็น​โทษ? เวลา​เท่า​นั้น​ที่​จะ​บอก​ได้.

คน​ของ​กษัตริย์​สังเกต​เห็น​เอศเธระ. พวก​เขา​จึง​เลือก​เธอ​พร้อม​กับ​สาว​งาม​คน​อื่น ๆ เพื่อ​นำ​ไป​ยัง​พระ​ราชวัง​ซึ่ง​อยู่​อีก​ฝั่ง​หนึ่ง​ของ​แม่น้ำ. เอศเธระ​จึง​ถูก​พราก​ไป​จาก​มาระดะคาย. (เอศเธระ 2:8) การ​จาก​กัน​ครั้ง​นี้​คง​เป็น​เรื่อง​ยาก เพราะ​ทั้ง​สอง​รัก​และ​ผูก​พัน​กัน​เหมือน​เป็น​พ่อ​ลูก​จริง ๆ. มาระดะคาย​คง​ไม่​ต้องการ​ให้​ลูก​สาว​บุญธรรม​แต่งงาน​กับ​คน​ที่​ไม่​นมัสการ​พระเจ้า แม้​จะ​เป็น​กษัตริย์​ก็​ตาม. แต่​เขา​ก็​ไม่​สามารถ​ทำ​อะไร​ได้. เอศเธระ​คง​ตั้งใจ​ฟัง​และ​จด​จำ​ทุก​ถ้อย​คำ​ที่​มาระดะคาย​สั่ง​สอน​เธอ​เป็น​ครั้ง​สุด​ท้าย​ก่อน​จาก​กัน! ขณะ​ที่​ถูก​นำ​ตัว​ไป​ยัง​พระ​ราชวัง​ชูชาน เธอ​คง​มี​คำ​ถาม​มาก​มาย​อยู่​ใน​ใจ. จาก​นี้​ไป​ชีวิต​ของ​เธอ​จะ​เป็น​อย่าง​ไร?

เป็น​ที่​โปรดปราน “ใน​สายตา​ของ​ทุก​คน​ที่​ได้​พบ​เห็น”

เอศเธระ​รู้สึก​เหมือน​กับ​ถูก​พา​ไป​ยัง​อีก​โลก​หนึ่ง​ซึ่ง​เธอ​ไม่​เคย​รู้​จัก​หรือ​พบ​เห็น​มา​ก่อน. เธอ​เป็น​คน​หนึ่ง​ใน​หมู่ “หญิง​สาว​เป็น​อัน​มาก” ซึ่ง​ถูก​เลือก​มา​จาก​ที่​ต่าง ๆ ทั่ว​จักรวรรดิ​เปอร์เซีย. ธรรมเนียม ภาษา และ​ความ​คิด​ของ​หญิง​สาว​เหล่า​นี้​แตกต่าง​กัน​มาก. พวก​เธอ​ถูก​มอบ​ให้​อยู่​ใน​การ​ดู​แล​ของ​เจ้า​พนักงาน​ชื่อ​เฮฆาย. เขา​จะ​เตรียม​หญิง​สาว​เหล่า​นี้​ด้วย​วิธี​ต่าง ๆ รวม​ทั้ง​การ​ประทิน​ผิว​และ​นวด​ตัว​ด้วย​น้ำมัน​หอม​เป็น​เวลา​หนึ่ง​ปี. (เอศเธระ 2:8, 12) เมื่อ​ต้อง​ใช้​ชีวิต​อยู่​ใน​สภาพ​แวด​ล้อม​เช่น​นั้น​คง​เป็น​เรื่อง​ง่าย​ที่​หญิง​สาว​เหล่า​นี้​จะ​กลาย​เป็น​คน​ที่​สนใจ​แต่​เรื่อง​ความ​สวย​ความ​งาม​ที่​ไร้​แก่น​สาร​และ​การ​แข่งขัน​ชิง​ดี​กัน. เอศเธระ​จะ​เป็น​อย่าง​นั้น​ไหม?

ไม่​มี​ใคร​อีก​แล้ว​ที่​ห่วงใย​เอศเธระ​มาก​เท่า​กับ​มาระดะคาย. คัมภีร์​ไบเบิล​เล่า​ว่า ทุก ๆ วัน​เขา​พยายาม​เข้า​ไป​ใกล้​ตึก​ของ​พวก​ผู้​หญิง​ให้​มาก​ที่​สุด​เพื่อ​สืบ​ถาม​ข่าว​คราว​ของ​เอศเธระ. (เอศเธระ 2:11) เมื่อ​ได้​ยิน​เรื่อง​ราว​ของ​เธอ​แม้​เพียง​เล็ก​น้อย​จาก​คน​รับใช้​ใน​ตึก​นั้น​ที่​ให้​ความ​ช่วยเหลือ มาระดะคาย​คง​ต้อง​มี​ความ​สุข​และ​ภาคภูมิ​ใจ​ใน​ตัว​ลูก​สาว​คน​นี้​มาก​ที​เดียว. เพราะ​เหตุ​ใด?

เอศเธระ​เป็น​ที่​โปรดปราน​ของ​เฮฆาย เขา​จึง​ช่วยเหลือ​และ​ดู​แล​เธอ​เป็น​อย่าง​ดี. เขา​ให้​สาว​ใช้​เจ็ด​คน​คอย​ปรนนิบัติ​เธอ​และ​ให้​อยู่​ใน​ห้อง​พัก​ที่​ดี​ที่​สุด. บันทึก​ใน​พระ​คัมภีร์​ถึง​กับ​กล่าว​ว่า เอศเธระ “ได้​รับ​ความ​โปรดปราน​ใน​สายตา​ของ​ทุก​คน​ที่​ได้​พบ​เห็น.” (เอศเธระ 2:9, 15, ฉบับ​แปล​คิงเจมส์) เธอ​ชนะ​ใจ​ทุก​คน​ได้​เพราะ​ความ​สวย​เพียง​อย่าง​เดียว​ไหม? ไม่​เลย เอศเธระ​มี​สิ่ง​อื่น​ที่​มี​ค่า​ยิ่ง​กว่า​ความ​สวย.

ตัว​อย่าง​เช่น เรา​อ่าน​ว่า “เอศเธระ​นั้น​ยัง​ไม่​ได้​บอก​ว่า​พี่​น้อง​และ​วงศ์​ญาติ​ของ​ตน​เป็น​ผู้​ใด: ด้วย​ว่า​มาระดะคาย​ได้​ห้าม​ไม่​ให้​บอก​แก่​ผู้​ใด​ให้​รู้​ความ​นั้น.” (เอศเธระ 2:10) มาระดะคาย​สั่ง​ให้​เธอ​ระวัง​ที่​จะ​ไม่​บอก​ให้​คน​อื่น​รู้​ว่า​เธอ​เป็น​ลูก​หลาน​ชาว​ยิว. เขา​รู้​ว่า​พวก​ขุนนาง​ชั้น​สูง​ชาว​เปอร์เซีย​มี​อคติ​อย่าง​มาก​ต่อ​ชาว​ยิว. มาระดะคาย​คง​ดีใจ​มาก​ที่​รู้​ว่า​เอศเธระ​ยัง​คอย​ระวัง​ตัว​และ​เชื่อ​ฟัง​เขา​ไม่​เปลี่ยน​แปลง​แม้​จะ​อยู่​ไกล​หู​ไกล​ตา​เช่น​นี้!

เด็ก​หนุ่ม​สาว​ใน​ทุก​วัน​นี้​ก็​อาจ​ทำ​ให้​พ่อ​แม่​หรือ​ผู้​ที่​ปกครอง​ดู​แล​เขา​ชื่น​ใจ​ยินดี​ได้​เช่น​กัน. แม้​จะ​อยู่​ไกล​สายตา​พ่อ​แม่​หรือ​อยู่​ท่ามกลาง​คน​ที่​สนใจ​แต่​เรื่อง​ไร้​สาระ ไม่​มี​ศีลธรรม หรือ​ชั่ว​ช้า​เลว​ทราม พวก​เขา​ก็​ยัง​สามารถ​ต้านทาน​อิทธิพล​ที่​ไม่​ดี​และ​ยึด​มั่น​กับ​มาตรฐาน​ที่​ถูก​ต้อง​ของ​พระเจ้า​ตาม​ที่​ได้​รับ​การ​สั่ง​สอน​มา. เช่น​เดียว​กับ​เอศเธระ หนุ่ม​สาว​เหล่า​นี้​ทำ​ให้​พระ​บิดา​ผู้​อยู่​ใน​สวรรค์​มี​พระทัย​ยินดี.—สุภาษิต 27:11

เมื่อ​ถึง​เวลา​ที่​เอศเธระ​ต้อง​ไป​เข้า​เฝ้า​กษัตริย์ เธอ​ได้​รับ​อนุญาต​ให้​เลือก​ของ​ที่​เธอ​เห็น​ว่า​จำเป็น​ต้อง​ใช้ ซึ่ง​อาจ​เป็น​เสื้อ​ผ้า​หรือ​เครื่อง​ประดับ​ที่​จะ​ทำ​ให้​เธอ​ดู​สวย​ขึ้น. แต่​เอศเธระ​แสดง​ความ​ถ่อม​ใจ​โดย​ทำ​ตาม​คำ​แนะ​นำ​ของ​เฮฆาย​และ​ไม่​ได้​ขอ​สิ่ง​ใด​เพิ่ม​เติม​อีก. (เอศเธระ 2:15) เธอ​คง​รู้​ว่า​ความ​สวย​เพียง​อย่าง​เดียว​ไม่​อาจ​ชนะ​ใจ​กษัตริย์​ได้ แต่​ความ​อ่อนน้อม​ถ่อม​ตน​ต่าง​หาก​ที่​มี​คุณค่า​และ​หา​ได้​ยาก​ยิ่ง​ใน​ราชสำนัก​แห่ง​นี้. เธอ​คิด​ถูก​ไหม?

บันทึก​ใน​พระ​คัมภีร์​ให้​คำ​ตอบ​ดัง​นี้: “ฝ่าย​กษัตริย์​ได้​รัก​นาง​เอศเธระ​มาก​กว่า​หญิง​ทั้ง​ปวง, และ​นาง​เอศเธระ​นั้น​ได้​รับ​ความ​ชอบ​และ​ความ​โปรดปราน​ใน​พระ​เนตร​ของ​กษัตริย์​มาก​ยิ่ง​กว่า​หญิง​พรหมจารี​ทั้ง​หลาย​เหล่า​นั้น; และ​กษัตริย์​จึง​เอา​ราชมงกุฎ​ใส่​ศีรษะ​นาง​เอศเธระ, และ​ตั้ง​ไว้​เป็น​มเหสี​แทน​พระ​นาง​วัศธี​นั้น.” (เอศเธระ 2:17) คง​เป็น​เรื่อง​ยาก​ที่​สาว​ชาว​ยิว​ผู้​ถ่อม​ตน​คน​นี้​จะ​ปรับ​ตัว​ให้​เข้า​กับ​การ​เปลี่ยน​แปลง​ครั้ง​ใหญ่​ใน​ชีวิต. ตอน​นี้​เธอ​คือ​ราชินี​องค์​ใหม่ มเหสี​ของ​กษัตริย์​ผู้​ทรง​อำนาจ​ที่​สุด​ใน​โลก​สมัย​นั้น! ตำแหน่ง​ใหม่​นี้​จะ​ทำ​ให้​เธอ​กลาย​เป็น​คน​หยิ่ง​ไหม?

ไม่​เลย! เอศเธระ​ยัง​เชื่อ​ฟัง​คำ​สั่ง​ของ​มาระดะคาย​บิดา​บุญธรรม​เสมอ. เธอ​ยัง​ไม่​ได้​บอก​ใคร​ว่า​เธอ​เป็น​ชาว​ยิว. ไม่​เพียง​เท่า​นั้น เมื่อ​มาระดะคาย​รู้​ว่า​มี​คน​วาง​แผน​จะ​ลอบ​ปลง​พระ​ชนม์​กษัตริย์​อะหัศวะโรศ​และ​บอก​ให้​เอศเธระ​ไป​เตือน​พระ​สวามี เธอ​ก็​เชื่อ​ฟัง​เขา แล้ว​ผู้​วาง​แผน​เหล่า​นั้น​ก็​ถูก​จับ​ประหาร. (เอศเธระ 2:20-23) นอก​จาก​นั้น เธอ​ยัง​แสดง​ความ​เชื่อ​ใน​พระเจ้า​โดย​เป็น​คน​ถ่อม​ใจ​และ​เชื่อ​ฟัง​เสมอ. โลก​ทุก​วัน​นี้​ไม่​ถือ​ว่า​การ​เชื่อ​ฟัง​เป็น​สิ่ง​ที่​มี​ค่า. การ​ไม่​เชื่อ​ฟัง​และ​การ​กบฏ​ขัด​ขืน​จึง​กลาย​เป็น​เรื่อง​ธรรมดา. แต่​คน​ที่​มี​ความ​เชื่อ​แท้​จะ​ถือ​ว่า​การ​เชื่อ​ฟัง​เป็น​สิ่ง​ที่​มี​ค่า​เช่น​เดียว​กับ​เอศเธระ.

ความ​เชื่อ​ของ​เอศเธระ​ถูก​ทดสอบ

ต่อ​มา ชาย​คน​หนึ่ง​ชื่อ​ฮามาน​เข้า​มา​มี​บทบาท​ใน​ราชสำนัก​ของ​อะหัศวะโรศ. กษัตริย์​แต่ง​ตั้ง​ฮามาน​เป็น​หัวหน้า​เหล่า​เสนาบดี เป็น​ที่​ปรึกษา​คน​สำคัญ​และ​มี​อำนาจ​สูง​สุด​ใน​จักรวรรดิ​รอง​จาก​กษัตริย์​เท่า​นั้น. กษัตริย์​ถึง​กับ​ออก​กฎหมาย​ว่า​ใคร​ก็​ตาม​ที่​พบ​ฮามาน​จะ​ต้อง​แสดง​ความ​เคารพ​ต่อ​เขา. (เอศเธระ 3:1-4) กฎหมาย​ข้อ​นี้​เป็น​ปัญหา​สำหรับ​มาระดะคาย. เขา​เต็ม​ใจ​เชื่อ​ฟัง​กษัตริย์​ใน​ทุก​เรื่อง​ที่​ไม่​ขัด​กับ​พระ​บัญชา​ของ​พระเจ้า. แต่​ฮามาน​เป็น “ชาว​อะฆาฆ.” นั่น​หมาย​ความ​ว่า​เขา​คง​เป็น​ลูก​หลาน​ของ​อะฆาฆ​กษัตริย์​ชาว​อะมาเลค​ที่​ถูก​ซามูเอล​ผู้​พยากรณ์​ของ​พระเจ้า​ประหาร. (1 ซามูเอล 15:33) ชาว​อะมาเลค​ชั่ว​ช้า​มาก​ถึง​ขนาด​ที่​ตั้ง​ตัว​เป็น​ศัตรู​ของ​พระ​ยะโฮวา​และ​ชาว​อิสราเอล. ดัง​นั้น ชาว​อะมาเลค​ทั้ง​ชาติ​ถือ​ว่า​ถูก​พระเจ้า​พิพากษา​ลง​โทษ​แล้ว. * (พระ​บัญญัติ 25:19) เป็น​ไป​ได้​หรือ​ที่​ชาว​ยิว​ผู้​ซื่อ​สัตย์​จะ​แสดง​ความ​เคารพ​ต่อ​ลูก​หลาน​ของ​กษัตริย์​อะมาเลค? มาระดะคาย​ไม่​มี​วัน​ทำ​เช่น​นั้น. เขา​จะ​ไม่​ยอม​ก้ม​หัว​ให้​ฮามาน​โดย​เด็ดขาด. ทุก​วัน​นี้​ชาย​หญิง​ที่​ซื่อ​สัตย์​หลาย​คน​ยอม​เสี่ยง​ชีวิต​ของ​ตน​เพื่อ​ยึด​มั่น​กับ​หลักการ​ที่​ว่า “พวก​ข้าพเจ้า​ต้อง​เชื่อ​ฟัง​พระเจ้า​ใน​ฐานะ​ผู้​มี​อำนาจ​ปกครอง ไม่​ใช่​เชื่อ​ฟัง​มนุษย์.”—กิจการ 5:29

ฮามาน​โกรธ​มาก. แต่​เขา​คิด​ว่า​แค่​ฆ่า​มาระดะคาย​คน​เดียว​ก็​ยัง​น้อย​ไป. เขา​ต้องการ​กำจัด​เพื่อน​ร่วม​ชาติ​ของ​มาระดะคาย​ทุก​คน! ฮามาน​ไป​เฝ้า​กษัตริย์​และ​ใส่​ร้าย​ป้าย​สี​ชาว​ยิว. เขา​ไม่​ได้​บอก​กษัตริย์​ว่า​คน​เหล่า​นี้​เป็น​ชน​ชาติ​ใด แต่​พูด​ทำนอง​ว่า​เป็น​กลุ่ม​คน​ที่​ไม่​มี​ความ​สำคัญ​อะไร​และ “กระจัด​กระจาย​ไป​อยู่​กับ​พลไพร่​ทั้ง​ปวง​ตลอด​ทั่ว​อาณา​เขต​ของ​พระองค์.” ที่​ร้าย​กว่า​นั้น เขา​บอก​ว่า​ชน​กลุ่ม​นี้​ดื้อด้าน​ไม่​ยอม​เชื่อ​ฟัง​กฎหมาย​ของ​กษัตริย์ พวก​เขา​จึง​เป็น​ภัย​ร้ายแรง​ต่อ​แผ่นดิน. เขา​เสนอ​ว่า​จะ​ถวาย​เงิน​จำนวน​มาก​ให้​แก่​กษัตริย์​เพื่อ​ใช้​ใน​การ​ฆ่า​ล้าง​เผ่า​พันธุ์​ชาว​ยิว​ให้​หมด​ไป​จาก​จักรวรรดิ. * กษัตริย์​อะหัศวะโรศ​จึง​มอบ​แหวน​ที่​มี​ตรา​ประจำ​พระองค์​แก่​ฮามาน​เพื่อ​ให้​เขา​ใช้​ประทับ​ตรา​คำ​สั่ง​ใด ๆ ก็​ได้​ตาม​ใจ​ชอบ.—เอศเธระ 3:5-10

ไม่​ช้า​มี​การ​ส่ง​ม้า​เร็ว​ออก​ไป​ทั่ว​จักรวรรดิ​เปอร์เซีย​อัน​กว้าง​ใหญ่​เพื่อ​ประกาศ​ข่าว​ว่า​ชาว​ยิว​ทั้ง​หมด​จะ​ถูก​ประหาร. คิด​ดู​สิ​ว่า​เมื่อ​ข่าว​นี้​แพร่​ไป​ไกล​ถึง​กรุง​เยรูซาเลม ผู้​คน​ที่​นั่น​จะ​รู้สึก​อย่าง​ไร. ตอน​นั้น​ชาว​ยิว​ที่​เหลือ​อยู่​ซึ่ง​กลับ​มา​จาก​การ​เป็น​เชลย​ใน​กรุง​บาบิโลน​กำลัง​ช่วย​กัน​บูรณะ​ฟื้นฟู​กรุง​เยรูซาเลม​ขึ้น​ใหม่​โดย​ยัง​ไม่​ทัน​ได้​สร้าง​กำแพง​ป้องกัน​เมือง​ด้วย​ซ้ำ. เมื่อ​มาระดะคาย​ได้​ยิน​ข่าว​ที่​น่า​ตกตะลึง​นี้​เขา​คง​นึก​ถึง​ชาว​ยิว​เหล่า​นั้น รวม​ทั้ง​เพื่อน​และ​ญาติ ๆ ใน​เมือง​ชูชาน. เขา​ลุก​ขึ้น​ฉีก​เสื้อ​ผ้า​ของ​ตน นุ่ง​ผ้า​เนื้อ​หยาบ เอา​ขี้เถ้า​ใส่​หัว แล้ว​ร้องไห้​เสียง​ดัง​อยู่​กลาง​กรุง​ชูชาน. แต่​ฮามาน​กลับ​นั่ง​ดื่ม​เหล้า​อยู่​กับ​กษัตริย์​โดย​ไม่​รู้สึก​รู้​สา​ใน​ความ​ทุกข์​ร้อน​ที่​ตน​ก่อ​ขึ้น​กับ​ชาว​ยิว​ใน​หัวเมือง​ต่าง ๆ รวม​ทั้ง​ที่​อยู่​ใน​กรุง​ชูชาน​ด้วย.—เอศเธระ 3:12–4:1

มาระดะคาย​รู้​ว่า​เขา​ต้อง​ทำ​อะไร​สัก​อย่าง. แต่​เขา​จะ​ทำ​อะไร​ได้? เมื่อ​เอศเธระ​ทราบ​ว่า​มาระดะคาย​กำลัง​ทุกข์​ใจ​มาก​เธอ​ก็​ส่ง​เสื้อ​ผ้า​ไป​ให้​เขา แต่​มาระดะคาย​ไม่​ยอม​รับ. บาง​ที​มาระดะคาย​อาจ​สงสัย​มา​นาน​แล้ว​ว่า​ทำไม​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​จึง​ยอม​ให้​เอศเธระ​บุตร​สาว​ที่​รัก​ถูก​พราก​ไป​เป็น​ราชินี​ของ​กษัตริย์​นอก​รีต. ดู​เหมือน​ตอน​นี้​เขา​เริ่ม​เข้าใจ​เหตุ​ผล​แล้ว. มาระดะคาย​จึง​ฝาก​ข่าว​ไป​ถึง​ราชินี​เอศเธระ ขอ​ให้​พระ​นาง​ไป​เข้า​เฝ้า​และ​ทูล​อ้อน​วอน​กษัตริย์ “เพื่อ​เห็น​แก่​ชน​ชาติ​ของ​พระ​นาง.”—เอศเธระ 4:4-8, ฉบับ R​73

เมื่อ​ทราบ​ข่าว เอศเธระ​ก็​เป็น​ทุกข์​ยิ่ง​นัก. นี่​เป็น​การ​ทดสอบ​ความ​เชื่อ​ครั้ง​ยิ่ง​ใหญ่​ที่​สุด​ของ​เธอ. และ​จาก​ถ้อย​คำ​ที่​เธอ​ฝาก​ไป​บอก​มาระดะคาย​อย่าง​ไม่​ปิด​บัง​ทำ​ให้​รู้​ว่า​เธอ​กลัว. เธอ​เตือน​เขา​ให้​นึก​ถึง​กฎหมาย​ของ​กษัตริย์​ที่​ว่า ถ้า​ผู้​ใด​เข้า​ไป​หา​กษัตริย์​โดย​ไม่​มี​รับสั่ง​ให้​เข้า​เฝ้า ผู้​นั้น​จะ​ต้อง​ตาย​สถาน​เดียว. เว้น​แต่​กษัตริย์​จะ​ยื่น​ทัณฑกร​ทองคำ​ให้​จึง​จะ​พ้น​โทษ​ได้. เอศเธระ​มี​เหตุ​ผล​พอ​ที่​จะ​หวัง​ได้​ไหม​ว่า​เธอ​จะ​ได้​รับ​ความ​เมตตา​เช่น​นั้น โดย​เฉพาะ​เมื่อ​นึก​ถึง​เหตุ​การณ์​ที่​เกิด​ขึ้น​กับ​พระ​นาง​วัศธี​ตอน​ที่​เธอ​ไม่​ยอม​ไป​เข้า​เฝ้า​ตาม​รับสั่ง​ของ​กษัตริย์? เธอ​บอก​มาระดะคาย​ว่า​กษัตริย์​ไม่​ได้​รับสั่ง​ให้​เธอ​เข้า​เฝ้า 30 วัน​แล้ว! เนื่อง​จาก​ไม่​ได้​เข้า​เฝ้า​มา​นาน​ขนาด​นั้น เอศเธระ​คง​ต้อง​สงสัย​ว่า​เธอ​ยัง​เป็น​ที่​โปรดปราน​ของ​กษัตริย์​ที่​เอา​ใจ​ยาก​ผู้​นี้​อยู่​หรือ​ไม่. *เอศเธระ 4:9-11

มาระดะคาย​ตอบ​กลับ​ไป​อย่าง​หนักแน่น​เพื่อ​เสริม​ความ​เชื่อ​ของ​เอศเธระ. เขา​บอก​ว่า​ถ้า​เธอ​ไม่​ลง​มือ​ทำ​อะไร พระเจ้า​ก็​จะ​ช่วย​ชาว​ยิว​ให้​รอด​โดย​ใช้​ช่อง​ทาง​อื่น แต่​เธอ​จะ​แน่​ใจ​ได้​หรือ​ว่า​เธอ​เอง​จะ​รอด​พ้น​จาก​น้ำ​มือ​ของ​ศัตรู​ถ้า​การ​ข่มเหง​เริ่ม​ขึ้น? คำ​พูด​ของ​มาระดะคาย​แสดง​ให้​เห็น​ว่า​เขา​มี​ความ​เชื่อ​มั่น​ว่า​พระ​ยะโฮวา​จะ​ไม่​มี​วัน​ปล่อย​ให้​ประชาชน​ของ​พระองค์​ถูก​กวาด​ล้าง​และ​คำ​สัญญา​ของ​พระองค์​จะ​ต้อง​สำเร็จ​เป็น​จริง. (ยะโฮซูอะ 23:14) แล้ว​มาระดะคาย​ก็​ถาม​เอศเธระ​ว่า “บาง​ที​ที่​เจ้า​มา​รับ​ตำแหน่ง​ราชินี​ก็​เพื่อ​ยาม​คับขัน​นี้​ก็​เป็น​ได้​ใคร​จะ​รู้?” (เอศเธระ 4:12-14, ฉบับ​อมตธรรม​ร่วม​สมัย ) มาระดะคาย​วางใจ​ใน​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ของ​เขา​อย่าง​เต็ม​เปี่ยม. แล้ว​เรา​ล่ะ?—สุภาษิต 3:5, 6

เพราะ​ความ​เชื่อ​เข้มแข็ง แม้​ความ​ตาย​ก็​ไม่​กลัว

ตอน​นี้​ถึง​เวลา​ที่​เอศเธระ​ต้อง​ตัดสิน​ใจ. เธอ​ขอ​ให้​มาระดะคาย​บอก​ชาว​ยิว​ให้​อด​อาหาร​พร้อม​กับ​เธอ​เป็น​เวลา​สาม​วัน. ถ้อย​คำ​สุด​ท้าย​ที่​เธอ​ฝาก​ไป​บอก​มาระดะคาย​แสดง​ถึง​ความ​เชื่อ​และ​ความ​กล้า​หาญ​ที่​เด็ด​เดี่ยว​ของ​เธอ. คำ​พูด​ของ​เธอ​ที่​ว่า “ถึง​เรา​จะ​ต้อง​ตาย​ก็​ตาย​เถิด” ยัง​เป็น​คำ​กล่าว​ที่​ผู้​คน​ใน​อีก​หลาย​ศตวรรษ​ต่อ​มา​รู้​จัก​ดี. (เอศเธระ 4:15-17) ตลอด​สาม​วัน​นั้น​เธอ​คง​ต้อง​อธิษฐาน​อย่าง​แรง​กล้า​ยิ่ง​กว่า​ที่​เธอ​เคย​ทำ​มา​ทั้ง​ชีวิต. แต่​ใน​ที่​สุด​ก็​ถึง​เวลา​ที่​ต้อง​ไป​เฝ้า​กษัตริย์. เอศเธระ​แต่ง​ตัว​ด้วย​เครื่อง​ทรง​ของ​มเหสี​ที่​งาม​ที่​สุด. เธอ​พยายาม​ทำ​ทุก​สิ่ง​ที่​คิด​ว่า​จะ​ทำ​ให้​กษัตริย์​พอ​ใจ​ได้. แล้ว​เธอ​ก็​ไป​เข้า​เฝ้า​กษัตริย์.

เอศเธระ​เดิน​ไป​ยัง​ท้อง​พระ​โรง​ที่​กษัตริย์​ประทับ​อยู่ ดัง​ที่​พรรณนา​ใน​ตอน​ต้น. เรา​นึก​ภาพ​ได้​ไม่​ยาก​ว่า​ความ​คิด​จิตใจ​ของ​เธอ​คง​เต็ม​ไป​ด้วย​ความ​วิตก​กังวล และ​เธอ​คง​อธิษฐาน​อยู่​ใน​ใจ​ไป​ตลอด​ทาง. เธอ​เข้า​ไป​ใน​ท้อง​พระ​โรง​ซึ่ง​เป็น​จุด​ที่​กษัตริย์​อะหัศวะโรศ​อาจ​มอง​เห็น​เธอ​ได้​จาก​บัลลังก์. บาง​ที​เธอ​อาจ​พยายาม​อ่าน​ความ​รู้สึก​จาก​สี​หน้า​ของ​กษัตริย์. ใบ​หน้า​ของ​เขา​ล้อม​ด้วย​เครา​รูป​ทรง​สี่​เหลี่ยม​ที่​ตัด​แต่ง​อย่าง​ประณีต​รับ​กับ​ผม​ที่​หยิก​เป็น​ลอน​ของ​เขา. ถ้า​เธอ​ต้อง​รอ​จน​กว่า​กษัตริย์​จะ​มอง​เห็น ระหว่าง​นั้น​เธอ​คง​รู้สึก​ว่า​เวลา​ผ่าน​ไป​เนิ่นนาน​ราว​กับ​ไม่​มี​ที่​สิ้น​สุด. แต่​ใน​ที่​สุด​สามี​ก็​เห็น​เธอ. เขา​แปลก​ใจ​มาก แต่​ก็​ไม่​ได้​แสดง​สี​หน้า​ขุ่นเคือง. แล้ว​เขา​ก็​ยื่น​ทัณฑกร​ทองคำ​ออก​มา!—เอศเธระ 5:1, 2

กษัตริย์​ยอม​ให้​เอศเธระ​เข้า​เฝ้า​และ​รับ​ฟัง​สิ่ง​ที่​เธอ​ทูล​ขอ. เอศเธระ​เสี่ยง​ชีวิต​เพื่อ​พระเจ้า​และ​เพื่อน​ร่วม​ชาติ​ของ​เธอ. เธอ​ได้​วาง​ตัว​อย่าง​ที่​ยอด​เยี่ยม​ใน​เรื่อง​ความ​เชื่อ​สำหรับ​ผู้​รับใช้​ทุก​คน​ของ​พระเจ้า​ตลอด​ทุก​ยุค​ทุก​สมัย. แต่​ภารกิจ​ของ​เธอ​เพิ่ง​จะ​เริ่ม​ต้น​เท่า​นั้น. เธอ​จะ​ทำ​อย่าง​ไร​ให้​กษัตริย์​เชื่อ​ว่า​ฮามาน​เสนาบดี​คน​โปรด​ของ​เขา​เป็น​ผู้​วาง​แผน​ชั่ว​ช้า​นี้? เธอ​จะ​ปก​ป้อง​เพื่อน​ร่วม​ชาติ​ของ​เธอ​ได้​อย่าง​ไร? เรา​จะ​พิจารณา​คำ​ถาม​เหล่า​นี้​ใน​โอกาส​ต่อ​ไป.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 4 นัก​วิชาการ​ส่วน​ใหญ่​เชื่อ​ว่า​อะหัศวะโรศ​ก็​คือ​เซอร์เซส​ที่ 1 ผู้​ปกครอง​จักรวรรดิ​เปอร์เซีย​ใน​ช่วง​ต้น​ศตวรรษ​ที่​ห้า​ก่อน​สากล​ศักราช.

^ วรรค 24 ฮามาน​อาจ​เป็น​คน​หนึ่ง​ใน​ชาว​อะมาเลค​กลุ่ม​สุด​ท้าย​ที่​หนี​รอด​จาก​การ​กวาด​ล้าง​ใน​อดีต เพราะ​ชาว​อะมาเลค​ส่วน​ใหญ่​ที่ “เหลือ​อยู่” ถูก​ฆ่า​ตาย​ไป​แล้ว​ตั้ง​แต่​สมัย​ของ​กษัตริย์​ฮิศคียาห์.—1 โครนิกา 4:43

^ วรรค 25 ฮามาน​เสนอ​จะ​ให้​เหรียญ​เงิน 10,000 ตะลันต์ ซึ่ง​มี​ค่า​เท่า​กับ​เงิน​หลาย​ร้อย​ล้าน​ดอลลาร์​ใน​ปัจจุบัน. ถ้า​กษัตริย์​อะหัศวะโรศ​คือ​เซอร์เซส​ที่ 1 จริง ๆ ข้อ​เสนอ​ของ​ฮามาน​คง​ทำ​ให้​กษัตริย์​คล้อย​ตาม​ได้​ง่าย​ขึ้น. ดู​เหมือน​ว่า​ก่อน​จะ​แต่งงาน​กับ​เอศเธระ เซอร์เซส​ได้​สูญ​เสีย​เงิน​จำนวน​มาก​ใน​การ​ทำ​สงคราม​กับ​กองทัพ​กรีก​ซึ่ง​เขา​พ่าย​แพ้​อย่าง​ย่อยยับ.

^ วรรค 28 กษัตริย์​เซอร์เซส​ที่ 1 ได้​ชื่อ​ว่า​เป็น​คน​ฉุนเฉียว​เจ้า​อารมณ์​และ​โมโห​ร้าย. เฮโรโดทุส​นัก​ประวัติศาสตร์​ชาว​กรีก​ชี้​ให้​เห็น​บาง​ตัว​อย่าง​จาก​เหตุ​การณ์​ตอน​ที่​เซอร์เซส​ไป​รบ​กับ​กองทัพ​กรีก. กษัตริย์​สั่ง​ให้​ทำ​สะพาน​โป๊ะ​โดย​เอา​เรือ​มา​ผูก​ต่อ​กัน​เพื่อ​ข้าม​ช่องแคบ​เฮลเลสพอนต์. เมื่อ​สะพาน​ถูก​พายุ​พัด​กระหน่ำ​จน​ใช้​การ​ไม่​ได้ กษัตริย์​เซอร์เซส​ได้​สั่ง​ให้​ตัด​หัว​นาย​ช่าง​คุม​งาน​ทุก​คน และ​ถึง​กับ​สั่ง​ให้​ทหาร “ลง​ทัณฑ์” ช่องแคบ​เฮลเลสพอนต์​โดย​เฆี่ยน​น้ำ​ขณะ​ที่​อ่าน​คำ​สาป​แช่ง​ด้วย​เสียง​ดัง. ระหว่าง​การ​รบ​ครั้ง​เดียว​กัน​นั้น เมื่อ​ชาย​เศรษฐี​คน​หนึ่ง​มา​ทูล​ขอ​ไม่​ให้​เอา​ลูก​ชาย​ไป​เป็น​ทหาร กษัตริย์​เซอร์เซส​ได้​สั่ง​ให้​ฟัน​ร่าง​ของ​ลูก​ชาย​เขา​ขาด​เป็น​สอง​ท่อน​แล้ว​เสียบ​ประจาน.

[ภาพ​หน้า 19]

มาระดะคาย​มี​เหตุ​ผล​ที่​จะ​ภูมิ​ใจ​ใน​ตัว​ลูก​สาว​บุญธรรม​ของ​เขา

[ภาพ​หน้า 20]

เอศเธระ​รู้​ว่า​ความ​อ่อนน้อม​ถ่อม​ตน​และ​สติ​ปัญญา​มี​ค่า​ยิ่ง​กว่า​รูป​ร่าง​หน้า​ตา​ที่​งดงาม

[ภาพ​หน้า 22, 23]

เอศเธระ​ยอม​เสี่ยง​ชีวิต​เพื่อ​ปก​ป้อง​ประชาชน​ของ​พระเจ้า