ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

“เมื่อพวกเจ้าอธิษฐาน ให้กล่าวว่า ‘ข้าแต่พระบิดา’”

“เมื่อพวกเจ้าอธิษฐาน ให้กล่าวว่า ‘ข้าแต่พระบิดา’”

“เมื่อ​พวก​เจ้า​อธิษฐาน ให้​กล่าว​ว่า ‘ข้า​แต่​พระ​บิดา’ ”

เมื่อ​ได้​ยิน​คำ​ว่า “พ่อ” คุณ​นึก​ถึง​อะไร? คุณ​นึก​ถึง​ผู้​ชาย​ที่​ให้​ความ​รัก ความ​ห่วงใย และ​คอย​เอา​ใจ​ใส่​ดู​แล​สวัสดิภาพ​ของ​คน​ใน​ครอบครัว​ไหม? หรือ​คุณ​นึก​ถึง​ผู้​ชาย​ที่​ไม่​สนใจ​ไยดี หรือ​ถึง​กับ​ทำ​ร้าย​คน​ใน​ครอบครัว​ด้วย​ซ้ำ? คำ​ตอบ​ของ​คุณ​ส่วน​ใหญ่​คง​ขึ้น​อยู่​กับ​ว่า​พ่อ​ของ​คุณ​เป็น​คน​แบบ​ไหน.

“พระ​บิดา” เป็น​คำ​ที่​พระ​เยซู​มัก​ใช้​บ่อย ๆ เมื่อ​พระองค์​อธิษฐาน​หรือ​พูด​ถึง​พระเจ้า. * เมื่อ​สอน​เหล่า​สาวก​ให้​อธิษฐาน พระ​เยซู​ตรัส​ว่า “เมื่อ​พวก​เจ้า​อธิษฐาน ให้​กล่าว​ว่า ข้า​แต่​พระ​บิดา.” (ลูกา 11:2) แต่​พระ​ยะโฮวา​เป็น​พระ​บิดา​หรือ​พ่อ​แบบ​ไหน? คำ​ตอบ​สำหรับ​คำ​ถาม​นี้​นับ​ว่า​สำคัญ​มาก. เพราะ​เหตุ​ใด? ยิ่ง​เรา​เข้าใจ​มาก​เท่า​ไร​ว่า​พระ​ยะโฮวา​เป็น​พระ​บิดา​แบบ​ไหน เรา​ก็​ยิ่ง​อยาก​เข้า​ใกล้​พระองค์​และ​รัก​พระองค์​มาก​เท่า​นั้น.

ไม่​มี​ใคร​สามารถ​บอก​เรา​เกี่ยว​กับ​พระ​บิดา​ใน​สวรรค์​ได้​ดี​กว่า​พระ​เยซู. พระองค์​ทรง​มี​ความ​สัมพันธ์​ใกล้​ชิด​กับ​พระ​บิดา. พระ​เยซู​ตรัส​ว่า “ไม่​มี​ใคร​รู้​จัก​พระ​บุตร​อย่าง​ถ่องแท้​นอก​จาก​พระ​บิดา และ​ไม่​มี​ใคร​รู้​จัก​พระ​บิดา​อย่าง​ถ่องแท้​นอก​จาก​พระ​บุตร​กับ​ผู้​ที่​พระ​บุตร​ทรง​ประสงค์​จะ​เปิด​เผย​เรื่อง​พระ​บิดา​แก่​เขา.” (มัดธาย 11:27) ดัง​นั้น วิธี​ที่​ดี​ที่​สุด​ที่​จะ​เรียน​รู้​จัก​พระ​บิดา​คือ​โดย​ทาง​พระ​บุตร​ของ​พระองค์.

เรา​เรียน​รู้​อะไร​ได้​บ้าง​จาก​พระ​เยซู​เกี่ยว​กับ​พระ​บิดา​ใน​สวรรค์? ขอ​ให้​พิจารณา​คำ​ตรัส​ของ​พระ​เยซู​ที่​ว่า “พระเจ้า​ทรง​รัก โลก​มาก จน​ถึง​กับ​ประทาน​พระ​บุตร​องค์​เดียว​ของ​พระองค์ เพื่อ​ทุก​คน​ที่​แสดง​ความ​เชื่อ​ใน​พระ​บุตร​จะ​ไม่​ถูก​ทำลาย แต่​จะ​มี​ชีวิต​นิรันดร์.” (โยฮัน 3:16) ถ้อย​คำ​ของ​พระ​เยซู​ใน​ข้อ​นี้​ชี้​ให้​เห็น​คุณลักษณะ​เด่น​ของ​พระ​บิดา​ของ​เรา​ผู้​สถิต​ใน​สวรรค์ นั่น​คือ​ความ​รัก. (1 โยฮัน 4:8) พระ​ยะโฮวา​ทรง​แสดง​ความ​รัก​ต่อ​เรา​ใน​หลาย​วิธี เช่น โดย​แสดง​ความ​พอ​พระทัย​ใน​ตัว​เรา เมตตา​สงสาร ปก​ป้อง​ดูแล และ​ตี​สอน รวม​ทั้ง​จัด​หา​สิ่ง​จำเป็น​ให้​เรา.

มั่น​ใจ​ว่า​เรา​เป็น​ที่​พอ​พระทัย​ของ​พระ​บิดา

เด็ก ๆ จะ​รู้สึก​มั่น​ใจ​และ​มี​ความ​กล้า​เมื่อ​ได้​รับ​คำ​ชมเชย​จาก​พ่อ. ลอง​นึก​ภาพ​ว่า​พระ​เยซู​คง​ต้อง​รู้สึก​มี​กำลังใจ​สัก​เพียง​ไร​เมื่อ​ได้​ยิน​พระ​บิดา​ตรัส​ว่า “นี่​คือ​บุตร​ที่​รัก​ของ​เรา​ซึ่ง​เรา​พอ​ใจ​มาก.” (มัดธาย 3:17) พระ​เยซู​เอง​ก็​ให้​คำ​รับรอง​แก่​เรา​ว่า​พระ​บิดา​ทรง​รัก​และ​พอ​พระทัย​เรา​เช่น​กัน. พระ​เยซู​ตรัส​ว่า “พระ​บิดา​ของ​เรา​จะ​ทรง​รัก​ผู้​ที่​รัก​เรา.” (โยฮัน 14:21) นี่​เป็น​ถ้อย​คำ​ที่​ให้​กำลังใจ​จริง ๆ! อย่าง​ไร​ก็​ตาม มี​ผู้​หนึ่ง​ที่​ไม่​อยาก​ให้​คุณ​รู้สึก​เช่น​นั้น.

ซาตาน​พยายาม​เพาะ​ความ​สงสัย​ขึ้น​ใน​หัวใจ​เรา​และ​ทำ​ให้​เรา​คิด​ว่า​พระ​บิดา​ใน​สวรรค์​คง​ไม่​พอ​พระทัย​เรา. มัน​พยายาม​ทำ​ให้​เรา​เชื่อ​ว่า​เรา​ไม่​คู่​ควร​ที่​จะ​ได้​รับ​ความ​พอ​พระทัย​จาก​พระเจ้า. ซาตาน​มัก​จะ​ฉวย​โอกาส​ตอน​ที่​เรา​อยู่​ใน​สภาพ​อ่อนแอ​ที่​สุด เช่น เมื่อ​เรา​เจ็บ​ป่วย แก่​ชรา ท้อ​แท้ หรือ​เป็น​ทุกข์​เพราะ​ความ​ล้มเหลว​และ​ความ​ผิด​หวัง. ขอ​ให้​เรา​พิจารณา​ตัว​อย่าง​ของ​ชาย​หนุ่ม​คน​หนึ่ง​ชื่อ​ลูคัส ซึ่ง​รู้สึก​ว่า​เขา​ไม่​คู่​ควร​ที่​จะ​ได้​รับ​ความ​พอ​พระทัย​จาก​พระเจ้า. ลูคัส​เล่า​ว่า​พ่อ​แม่​ของ​เขา​เปลี่ยน​ไป​เป็น​คน​ละ​คน​ใน​ช่วง​ที่​เขา​เป็น​วัยรุ่น. พวก​ท่าน​ไม่​ได้​ยึด​มั่น​กับ​ค่า​นิยม​แบบ​คริสเตียน​ที่​เคย​ปลูกฝัง​ให้​เขา. อาจ​เป็น​เพราะ​เหตุ​นี้​เอง​ที่​ทำ​ให้​เขา​รู้สึก​ว่า​ยาก​ที่​จะ​มี​สาย​สัมพันธ์​ใกล้​ชิด​กับ​พระ​บิดา​ใน​สวรรค์. นอก​จาก​นี้ นิสัย​ใจ​ร้อน​และ​โมโห​ง่าย​ของ​ลูคัส​เอง​ก็​ทำ​ให้​เขา​มัก​มี​ปัญหา​อยู่​บ่อย ๆ โดย​เฉพาะ​เรื่อง​ความ​สัมพันธ์​กับ​คน​อื่น. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ด้วย​กำลังใจ​ที่​ได้​รับ​จาก​ภรรยา​ที่​น่า​รัก​และ​อด​ทน ซึ่ง​ลูคัส​เรียก​ว่า “พร​อัน​วิเศษ​และ​ของ​ขวัญ​จาก​พระเจ้า” ทำ​ให้​เขา​ค่อย ๆ ควบคุม​อารมณ์​ได้. ลูคัส​ได้​เข้าใจ​ว่า “พระ​คริสต์​เยซู​ทรง​เข้า​มา​ใน​โลก​เพื่อ​ช่วย​คน​บาป​ให้​รอด.” (1 ติโมเธียว 1:15) ลูคัส​พูด​ว่า​เมื่อ​ใคร่ครวญ​ถึง​ความ​รัก​และ​ความ​พอ​พระทัย​ที่​ได้​รับ​จาก​พระเจ้า เขา​รู้สึก​มี​ความ​สุข​และ​อิ่ม​ใจ​จริง ๆ.

ถ้า​บาง​ครั้ง​คุณ​รู้สึก​ไม่​แน่​ใจ​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ทรง​รัก​และ​พอ​พระทัย​คุณ​หรือ​ไม่ คุณ​อาจ​ได้​กำลังใจ​เมื่อ​อ่าน​และ​ใคร่ครวญ​ถ้อย​คำ​ที่​กล่าว​ใน​โรม 8:31-39. ใน​ข้อ​คัมภีร์​เหล่า​นี้ อัครสาวก​เปาโล​รับรอง​กับ​เรา​ด้วย​ความ​รัก​ว่า​ไม่​มี​อะไร​จะ “พราก​เรา​จาก​ความ​รัก​ที่​พระเจ้า​ทรง​แสดง​ต่อ​เรา​โดย​ทาง​พระ​คริสต์​เยซู​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้าของ​เรา​ได้.” *

พระ​บิดา​ที่​เปี่ยม​ด้วย​ความ​เอ็นดู​สงสาร

พระ​บิดา​ผู้​สถิต​ใน​สวรรค์​ทรง​ไว​ต่อ​ความ​ทุกข์​ร้อน​ของ​เรา. พระองค์​เป็น​พระเจ้า​ที่​เปี่ยม​ด้วย “ความ​เอ็นดู​สงสาร.” (ลูกา 1:78) พระ​เยซู​ทรง​สะท้อน​ความ​เมตตา​สงสาร​ที่​พระ​บิดา​ของ​พระองค์​มี​ต่อ​มนุษย์​ไม่​สมบูรณ์. (มาระโก 1:40-42; 6:30-34) คริสเตียน​แท้​ก็​พยายาม​เลียน​แบบ​ความ​เมตตา​สงสาร​ของ​พระ​บิดา​ผู้​สถิต​ใน​สวรรค์​เช่น​กัน. พวก​เขา​ทำ​ตาม​คำ​แนะ​นำ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​ให้ ‘กรุณา​ต่อ​กัน​และ​เห็น​ใจ​กัน.’—เอเฟโซส์ 4:32

ให้​เรา​มา​พิจารณา​ประสบการณ์​ของ​ชาย​คน​หนึ่ง​ชื่อ​เฟลีเป. วัน​หนึ่ง​ขณะ​ที่​กำลัง​เดิน​ทาง​ไป​ทำ​งาน จู่ ๆ เขา​ก็​รู้สึก​ปวด​แปลบ​ขึ้น​มา​กลาง​หลัง​เหมือน​มี​อะไร​มา​แทง. เขา​รีบ​ไป​โรง​พยาบาล​ทันที. หลัง​จาก​ใช้​เวลา​ตรวจ​นาน​ถึง​แปด​ชั่วโมง ใน​ที่​สุด​หมอ​ก็​ลง​ความ​เห็น​ว่า​ผนัง​ชั้น​ใน​ของ​หลอด​เลือด​แดง​ใหญ่​ของ​เขา​ฉีก​ขาด. หมอ​บอก​ว่า​เขา​จะ​มี​ชีวิต​อยู่​ได้​อีก​แค่ 25 นาที​และ​ไม่​มี​ประโยชน์​ที่​จะ​ผ่าตัด​เพราะ​ถึง​อย่าง​ไร​เขา​ก็​ไม่​รอด.

ตอน​นั้น​มี​เพื่อน​คริสเตียน​บาง​คน​อยู่​กับ​เฟลีเป และ​ด้วย​ความ​สงสาร พวก​เขา​จึง​ตัดสิน​ใจ​ทำ​อะไร​บาง​อย่าง. พวก​เขา​รีบ​นำ​ตัว​เฟลีเป​ไป​รักษา​ใน​โรง​พยาบาล​อีก​แห่ง​หนึ่ง และ​หมอ​ที่​นั่น​ก็​ผ่าตัด​ให้​เขา​ทันที. นอก​จาก​นั้น พวก​เพื่อน ๆ ยัง​คอย​อยู่​ที่​โรง​พยาบาล​จน​กระทั่ง​การ​ผ่าตัด​เสร็จ​สิ้น. น่า​ดีใจ​ที่​เฟลีเป​รอด​ชีวิต​มา​ได้​อย่าง​หวุดหวิด. เมื่อ​มอง​ย้อน​กลับ​ไป เฟลีเป​รู้สึก​ขอบคุณ​เหลือ​เกิน​สำหรับ​ความ​เมตตา​สงสาร​ของ​เพื่อน​คริสเตียน. แต่​เฟลีเป​มั่น​ใจ​ว่า​พระ​บิดา​ผู้​สถิต​ใน​สวรรค์​นั่น​เอง​ที่​กระตุ้น​ให้​เพื่อน ๆ แสดง​ความ​เมตตา​ต่อ​เขา. เฟลีเป​พูด​ว่า “ผม​รู้สึก​ราว​กับ​ว่า​พระเจ้า​ทรง​ยืน​อยู่​ข้าง ๆ และ​ประทาน​กำลัง​ให้​ผม​เหมือน​พ่อ​ที่​รัก​และ​ห่วงใย​ลูก.” จริง​ที​เดียว บ่อย​ครั้ง​พระ​ยะโฮวา​ทรง​แสดง​ความ​เมตตา​สงสาร​โดย​กระตุ้น​ผู้​รับใช้​ของ​พระองค์​บน​แผ่นดิน​โลก​ให้​สะท้อน​คุณลักษณะ​ของ​พระองค์​ออก​มา.

พระ​บิดา​ที่​ให้​การ​ปก​ป้อง​ดู​แล

เมื่อ​เด็ก​เล็ก ๆ รู้สึก​ว่า​มี​อะไร​บาง​อย่าง​ที่​เป็น​อันตราย เขา​จะ​วิ่ง​ไป​หา​พ่อ. เด็ก​น้อย​รู้สึก​ปลอด​ภัย​เมื่อ​อยู่​ใน​อ้อม​แขน​ของ​พ่อ​ที่​รัก​เขา. พระ​เยซู​ทรง​วางใจ​อย่าง​เต็ม​ที่​ว่า​พระ​ยะโฮวา​จะ​คอย​ปก​ป้อง​ดู​แล​พระองค์. (มัดธาย 26:53; โยฮัน 17:15) เรา​ก็​รู้สึก​ปลอด​ภัย​ได้​เช่น​กัน​ถ้า​เรา​อยู่​ภาย​ใต้​การ​ปก​ป้อง​ของ​พระ​บิดา​ผู้​สถิต​ใน​สวรรค์. การ​ปก​ป้อง​ของ​พระ​ยะโฮวา​ใน​ปัจจุบัน​นี้​ส่วน​ใหญ่​เป็น​การ​ปก​ป้อง​เรา​ไว้​จาก​สิ่ง​ที่​อาจ​ทำ​ให้​เรา​สูญ​เสีย​สัมพันธภาพ​ที่​ดี​กับ​พระองค์. พระเจ้า​ทรง​ให้​การ​ปก​ป้อง​โดย​เตรียม​เรา​ให้​พร้อม​เพื่อ​จะ​สามารถ​หลีก​เลี่ยง​อันตราย​และ​รักษา​สัมพันธภาพ​ที่​ใกล้​ชิด​กับ​พระองค์​ได้​ต่อ ๆ ไป. วิธี​หนึ่ง​ที่​พระองค์​ปก​ป้อง​เรา​คือ​โดย​ทาง​คำ​แนะ​นำ​ที่​มา​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล. เมื่อ​เรา​ได้​รับ​คำ​แนะ​นำ​เช่น​นั้น ก็​เหมือน​กับ​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ทรง​เดิน​อยู่​ข้าง​หลัง​เรา​และ​ตรัส​ว่า “ทาง​นี้​แหละ; เดิน​ไป​เถอะ!”—ยะซายา 30:21

ขอ​พิจารณา​ตัว​อย่าง​ของ​ติ​แอ​กู​และ​พี่​ชาย​อีก​สอง​คน​คือ​เฟอร์นังดู​และ​ราฟาเอล​ซึ่ง​เป็น​สมาชิก​วง​ดนตรี​ร็อกแอนด์โรล. พวก​เขา​ตื่นเต้น​มาก​เมื่อ​ได้​รับ​เลือก​ให้​ไป​เล่น​ดนตรี​ใน​หอ​แสดง​ดนตรี​ที่​มี​ชื่อเสียง​ที่​สุด​แห่ง​หนึ่ง​ใน​รัฐ​เซาเปาลู ประเทศ​บราซิล. ดู​เหมือน​ว่า​ความ​สำเร็จ​ของ​พวก​เขา​อยู่​แค่​เอื้อม. อย่าง​ไร​ก็​ตาม เพื่อน​คริสเตียน​คน​หนึ่ง​เตือน​พวก​เขา​ให้​ระวัง​อันตราย​จาก​การ​คลุกคลี​กับ​คน​ที่​ดำเนิน​ชีวิต​แบบ​ที่​ไม่​แยแส​พระเจ้า. (สุภาษิต 13:20) เพื่อน​คน​นั้น​ย้ำ​ให้​เห็น​ความ​สำคัญ​ของ​คำ​แนะ​นำ​นี้​โดย​เล่า​เรื่อง​ของ​พี่​ชาย​ให้​พวก​เขา​ฟัง. ครั้ง​หนึ่ง​พี่​ชาย​ของ​เขา​เคย​พลาด​พลั้ง​ทำ​สิ่ง​ที่​พระเจ้า​ไม่​พอ​พระทัย​เพราะ​การ​คบหา​สมาคม​ที่​ไม่​ดี. ติแอกู​กับ​พี่ ๆ จึง​ตัดสิน​ใจ​เลิก​อาชีพ​นัก​ดนตรี. ตอน​นี้​พวก​เขา​ทั้ง​สาม​คน​เป็น​ผู้​เผยแพร่​ศาสนา​เต็ม​เวลา. พวก​เขา​เชื่อ​ว่า​การ​ทำ​ตาม​คำ​แนะ​นำ​ใน​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​ช่วย​ปก​ป้อง​และ​รักษา​สัมพันธภาพ​ของ​พวก​เขา​กับ​พระเจ้า​ไว้​ได้.

พระ​บิดา​ใน​สวรรค์​ทรง​ตี​สอน​เรา

พ่อ​ที่​รัก​ลูก​ย่อม​อบรม​สั่ง​สอน​ลูก​เพราะ​เขา​เป็น​ห่วง​ว่า​ลูก​จะ​เป็น​คน​แบบ​ไหน​เมื่อ​โต​ขึ้น. (เอเฟโซส์ 6:4) พ่อ​ที่​รัก​ลูก​เช่น​นี้​จะ​ว่า​กล่าว​แก้ไข​ลูก​อย่าง​หนักแน่น​แต่​ก็​ไม่​เกรี้ยวกราด. ทำนอง​เดียว​กัน บาง​ครั้ง​พระ​บิดา​ของ​เรา​ผู้​สถิต​ใน​สวรรค์​จำเป็น​ต้อง​ว่า​กล่าว​แก้ไข​เรา. แต่​พระองค์​ทำ​เช่น​นั้น​ด้วย​ความ​รัก​เสมอ และ​ไม่​เคย​โหด​ร้าย​ทารุณ​กับ​เรา. พระ​เยซู​ก็​เช่น​กัน พระองค์​ไม่​เคย​ดุ​ด่า​สาวก​อย่าง​รุนแรง​ถึง​แม้​พวก​เขา​ไม่​ปรับ​ปรุง​ตัว​ทั้ง ๆ ที่​ถูก​ว่า​กล่าว​แก้ไข​หลาย​ครั้ง.—มัดธาย 20:20-28; ลูกา 22:24-30

ให้​เรา​มา​ดู​ตัว​อย่าง​ของ​ชาย​คน​หนึ่ง​ชื่อ​ริคาร์ดู​ซึ่ง​ได้​มา​เข้าใจ​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ทรง​ตี​สอน​เขา​ด้วย​ความ​รัก​อย่าง​ไร. เขา​ถูก​พ่อ​ทิ้ง​ตั้ง​แต่​อายุ​ได้​เพียง​เจ็ด​เดือน. พอ​โต​เป็น​วัยรุ่น ริคาร์ดู​รู้สึก​เสียใจ​ที่​ตัว​เอง​ไม่​มี​พ่อ. เขา​ประพฤติ​ตัว​ไม่​ดี​หลาย​อย่าง​และ​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ก็​เริ่ม​รบกวน​ใจ​เขา. เมื่อ​เห็น​ว่า​ตัว​เอง​กำลัง​ใช้​ชีวิต​ขัด​กับ​หลัก​ศีลธรรม​ของ​คริสเตียน ริคาร์ดู​จึง​ตัดสิน​ใจ​ไป​ปรึกษา​ผู้​ปกครอง​ใน​ประชาคม​ที่​เขา​สมทบ​อยู่. ผู้​ปกครอง​ให้​คำ​แนะ​นำ​ตาม​หลัก​พระ​คัมภีร์​ด้วย​ความ​รัก​แต่​ก็​หนักแน่น. ริคาร์ดู​รู้สึก​ขอบคุณ​สำหรับ​การ​ว่า​กล่าว​แก้ไข​เช่น​นั้น แต่​เขา​ก็​ยัง​ต้อง​รับ​ผล​จาก​การ​กระทำ​ผิด​ของ​ตน​เอง. เขา​นอน​ไม่​หลับ ร้องไห้​บ่อย ๆ และ​ซึมเศร้า. ใน​ที่​สุด​เขา​ก็​เข้าใจ​ว่า​การ​ตี​สอน​ที่​เขา​ได้​รับ​นั้น​แสดง​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ยัง​รัก​เขา​อยู่. ริคาร์ดู​นึก​ถึง​ถ้อย​คำ​ใน​ฮีบรู 12:​6 ซึ่ง​กล่าว​ว่า “พระ​ยะโฮวา​ทรง​รัก​ผู้​ใด พระองค์​ทรง​ตี​สอน​ผู้​นั้น.”

ขอ​ให้​เรา​จำ​ไว้​เสมอ​ว่า การ​ตี​สอน​ไม่​ใช่​แค่​การ​ลง​โทษ​หรือ​การ​ว่า​กล่าว​เมื่อ​ทำ​ผิด​เท่า​นั้น. คัมภีร์​ไบเบิล​แสดง​ว่า​การ​ตี​สอน​เกี่ยว​ข้อง​กับ​การ​ฝึก​ด้วย. ดัง​นั้น พระ​บิดา​ใน​สวรรค์​ที่​รัก​เรา​อาจ​ตี​สอน​โดย​ปล่อย​ให้​เรา​ได้​รับ​ผล​เสียหาย​จาก​การ​กระทำ​ผิด​ของ​เรา​อยู่​ระยะ​หนึ่ง. แต่​คัมภีร์​ไบเบิล​บอก​ให้​รู้​ว่า​พระองค์​ทรง​ทำ​เช่น​นั้น​เพื่อ​ฝึก​เรา​และ​ช่วย​เรา​ให้​เดิน​ใน​แนว​ทาง​ที่​ถูก​ต้อง. (ฮีบรู 12:7, 11) ใช่​แล้ว พระ​บิดา​ของ​เรา​ทรง​เป็น​ห่วง​สวัสดิภาพ​ของ​เรา และ​ทรง​ตี​สอน​เรา​เพื่อ​ประโยชน์​ของ​ตัว​เรา​เอง.

พระ​บิดา​ผู้​จัด​หา​สิ่ง​จำเป็น​ให้​เรา

พ่อ​ที่​เปี่ยม​ด้วย​ความ​รัก​จะ​คอย​ดู​แล​ให้​ทุก​คน​ใน​ครอบครัว​มี​สิ่ง​จำเป็น​ทั้ง​ด้าน​ร่าง​กาย​และ​วัตถุ. พระ​ยะโฮวา​ก็​ทรง​เป็น​เช่น​นั้น. พระ​เยซู​ตรัส​ว่า “พระ​บิดา​ของ​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ผู้​สถิต​ใน​สวรรค์​ทรง​ทราบ​ว่า​พวก​เจ้า​ต้อง​มี​สิ่ง​ทั้ง​ปวง​นี้.” (มัดธาย 6:25-34) พระ​ยะโฮวา​ทรง​สัญญา​ว่า “เรา​จะ​ไม่​มี​วัน​ละ​ทิ้ง​เจ้า​และ​ไม่​มี​วัน​ทอดทิ้ง​เจ้า.”—ฮีบรู 13:5

ผู้​หญิง​คน​หนึ่ง​ชื่อ​นีเซ​ได้​มา​เข้าใจ​ความ​จริง​ข้อ​นี้​อย่าง​ถ่องแท้​เมื่อ​สามี​ของ​เธอ​ตก​งาน. เธอ​เอง​ก็​เพิ่ง​ลา​ออก​จาก​งาน​ที่​มี​ราย​ได้​ดี​เพราะ​เธอ​อยาก​มี​เวลา​ดู​แล​ลูก​สาว​สอง​คน​และ​รับใช้​พระเจ้า​ให้​มาก​ขึ้น. แล้ว​ตอน​นี้​พวก​เขา​จะ​อยู่​อย่าง​ไร? นีเซ​ทูล​อธิษฐาน​ถึง​พระ​ยะโฮวา. วัน​ถัด​ไป สามี​ของ​เธอ​กลับ​ไป​ที่​ทำ​งาน​เพื่อ​เก็บ​ของ. เขา​แปลก​ใจ​มาก​เมื่อ​เจ้านาย​บอก​ว่า​เพิ่ง​มี​งาน​ตำแหน่ง​หนึ่ง​ว่าง​และ​อยาก​ให้​เขา​ทำ​งาน​นั้น! ดัง​นั้น สามี​ของ​นีเซ​จึง​ตก​งาน​แค่​วัน​เดียว แล้ว​วัน​รุ่ง​ขึ้น​ก็​ได้​งาน​ใหม่. นีเซ​กับ​สามี​ของ​เธอ​รู้สึก​ขอบคุณ​พระ​บิดา​ใน​สวรรค์​สำหรับ​เรื่อง​ที่​น่า​ยินดี​นี้. ประสบการณ์​ของ​พวก​เขา​เตือน​ใจ​เรา​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ผู้​ทรง​จัด​หา​สิ่ง​จำเป็น​ให้​เรา​ด้วย​ความ​รัก​จะ​ไม่​ลืม​ผู้​รับใช้​ที่​ซื่อ​สัตย์​ของ​พระองค์​เลย.

สำนึก​ถึง​ความ​รัก​ของ​พระ​บิดา

จริง​ที​เดียว ไม่​มี​ถ้อย​คำ​ใด​อาจ​พรรณนา​ความ​รัก​อัน​ยิ่ง​ใหญ่​ของ​พระ​บิดา​ใน​สวรรค์​ได้! เมื่อ​คิด​ถึง​วิธี​ต่าง ๆ ที่​พระเจ้า​แสดง​ความ​รัก​ต่อ​เรา​เหมือน​ที่​พ่อ​แสดง​ต่อ​ลูก ไม่​ว่า​โดย​แสดง​ความ​พอ​พระทัย​ใน​ตัว​เรา เมตตา​สงสาร ปก​ป้อง​ดูแล หรือ​ตี​สอน รวม​ทั้ง​จัด​หา​สิ่ง​จำเป็น​ให้​เรา ทำ​ให้​เรา​ได้​ข้อ​สรุป​ว่า​พระองค์​ทรง​เป็น​พ่อ​ที่​ดี​ที่​สุด​เท่า​ที่​เรา​จะ​มี​ได้!

เรา​จะ​แสดง​ให้​เห็น​โดย​วิธี​ใด​ว่า​เรา​สำนึก​และ​ซาบซึ้ง​ใน​ความ​รัก​ที่​พระ​บิดา​ใน​สวรรค์​ทรง​แสดง​ต่อ​เรา? เรา​น่า​จะ​พยายาม​เรียน​รู้​ให้​มาก​ขึ้น​เกี่ยว​กับ​พระองค์​และ​พระ​ประสงค์​ของ​พระองค์. (โยฮัน 17:3) เรา​สามารถ​ดำเนิน​ชีวิต​ให้​สอดคล้อง​กับ​พระ​ประสงค์​และ​แนว​ทาง​ของ​พระองค์. (1 โยฮัน 5:3) เรา​สามารถ​สะท้อน​ความ​รัก​ของ​พระองค์​ได้​โดย​วิธี​ที่​เรา​ปฏิบัติ​ต่อ​คน​อื่น. (1 โยฮัน 4:11) เมื่อ​เรา​ทำ​สิ่ง​เหล่า​นี้ เรา​สามารถ​แสดง​ให้​เห็น​ว่า​เรา​นับถือ​พระ​ยะโฮวา​เป็น​พระ​บิดา​ของ​เรา และ​ถือ​ว่า​เป็น​เกียรติ​อัน​สูง​ส่ง​ที่​เรา​ได้​เป็น​บุตร​ของ​พระองค์.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 3 คัมภีร์​ไบเบิล​เน้น​เสมอ​ว่า​พระ​ยะโฮวา​เป็น​พระ​บิดา​ของ​เรา. ตัว​อย่าง​เช่น ใน​กิตติคุณ​ของ​มัดธาย มาระโก และ​ลูกา เรา​พบ​ว่า​พระ​เยซู​ทรง​ใช้​คำ​ว่า “พระ​บิดา” ประมาณ 65 ครั้ง ส่วน​ใน​กิตติคุณ​ของ​โยฮัน​มี​การ​ใช้​คำ​นี้​มาก​กว่า 100 ครั้ง. นอก​จาก​นี้ เปาโล​ยัง​เรียก​พระเจ้า​ว่า “พระ​บิดา” มาก​กว่า 40 ครั้ง​ใน​จดหมาย​ของ​ท่าน. พระ​ยะโฮวา​ทรง​เป็น​พระ​บิดา​ของ​เรา​ใน​แง่​ที่​ว่า​พระองค์​เป็น​ผู้​ประทาน​ชีวิต​แก่​เรา.

^ วรรค 9 โปรด​ดู​บท 24 เรื่อง “ไม่​มี​สิ่ง​ใด​สามารถ ‘พราก​เรา​จาก​ความ​รัก​ของ​พระเจ้า’ ” ใน​หนังสือ​จง​เข้า​ใกล้​พระ​ยะโฮวา จัด​พิมพ์​โดย​พยาน​พระ​ยะโฮวา.

[คำ​โปรย​หน้า 19]

ยิ่ง​เรา​เข้าใจ​มาก​เท่า​ไร​ว่า​พระ​ยะโฮวา​เป็น​พระ​บิดา​แบบ​ไหน เรา​ก็​ยิ่ง​อยาก​เข้า​ใกล้​พระองค์​และ​รัก​พระองค์​มาก​เท่า​นั้น

[คำ​โปรย​หน้า 22]

เรา​สามารถ​แสดง​ให้​เห็น​ว่า​เรา​นับถือ​พระ​ยะโฮวา​เป็น​พระ​บิดา​ของ​เรา และ​ถือ​ว่า​เป็น​เกียรติ​อัน​สูง​ส่ง​ที่​เรา​ได้​เป็น​บุตร​ของ​พระองค์

[กรอบ/ภาพ​หน้า 21]

พระ​ยะโฮวา​ทรง​แสดง​ว่า​พระองค์​เป็น​พระ​บิดา​ที่​เปี่ยม​ด้วย​ความ​รัก​ใน​หลาย​วิธี

ชมเชย

เมตตา​สงสาร

ปก​ป้อง​ดู​แล

อบรม​สั่ง​สอน

จัด​หา​สิ่ง​จำเป็น