บท 6
“อวสานของพวกเจ้ามาถึงแล้ว”
จุดสำคัญ คำพิพากษาของพระยะโฮวาต่อเยรูซาเล็มเกิดขึ้นจริงอย่างไร?
1, 2. (ก) เอเสเคียลมีพฤติกรรมแปลก ๆ อย่างไร? (ดูภาพแรก) (ข) พฤติกรรมของเขาเป็นการพยากรณ์ถึงอะไร?
มีข่าวแพร่ไปอย่างรวดเร็วในกลุ่มเชลยชาวยิวในบาบิโลนว่าผู้พยากรณ์เอเสเคียลทำตัวแปลก ๆ เขานั่งมึนงงไม่พูดอะไรอยู่หนึ่งอาทิตย์ แล้วจู่ ๆ เขาก็ลุกขึ้นและขังตัวเองอยู่แต่ในบ้าน หลังจากนั้นเขาก็ออกมาจากบ้านและทำให้เพื่อนบ้านประหลาดใจ เอเสเคียลเอาอิฐก้อนหนึ่งมาวางตรงหน้าและแกะสลักลงไป แล้วเขาก็ทำกำแพงจำลองล้อมรอบอิฐนั้นโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว—อสค. 3:10, 11, 15, 24-26; 4:1, 2
2 คงมีคนมามุงดูเอเสเคียลมากขึ้นเรื่อย ๆ และพวกเขาคงสงสัยว่า ‘เขาทำอย่างนี้ทำไม?’ เมื่อเวลาผ่านไป พวกเชลยชาวยิวถึงได้เข้าใจว่าพฤติกรรมแปลก ๆ ของเอเสเคียลเป็นการพยากรณ์ถึงเหตุการณ์ที่น่ากลัวซึ่งแสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวาพระเจ้าโกรธมาก เหตุการณ์นั้นคืออะไร? มีผลต่อชาติอิสราเอลอย่างไร? และเกี่ยวข้องกับผู้นมัสการบริสุทธิ์ในทุกวันนี้อย่างไร?
“เอาอิฐก้อนหนึ่ง . . . ข้าวสาลี . . . ดาบคมเล่มหนึ่ง”
3, 4. (ก) เอเสเคียลจำลองเหตุการณ์ 3 อย่างอะไรที่เกี่ยวกับการพิพากษาของพระเจ้า? (ข) เอเสเคียลทำอะไรที่เกี่ยวกับการล้อมกรุงเยรูซาเล็ม?
3 ประมาณปี 613 ก่อน ค.ศ. พระยะโฮวาสั่งให้เอเสเคียลจำลองเหตุการณ์ 3 อย่างที่เกี่ยวกับการพิพากษาของพระเจ้าต่อกรุงเยรูซาเล็ม นั่นคือ การ ล้อมเมือง ความทุกข์ของชาวเมือง การทำลายเมืองและประชาชน * ให้เรามาดูรายละเอียดของ 3 เหตุการณ์นี้ด้วยกัน
4 การล้อมกรุงเยรูซาเล็ม พระยะโฮวาสั่งเอเสเคียลว่า “เอาอิฐก้อนหนึ่งมาวางข้างหน้าเจ้า . . . ให้เจ้าทำเหมือนกำลังล้อมเมืองนั้น” (อ่านเอเสเคียล 4:1-3) อิฐก้อนนั้นหมายถึงกรุงเยรูซาเล็ม ส่วนเอเสเคียลเองหมายถึงกองทัพบาบิโลนที่พระยะโฮวาใช้ พระเจ้ายังสั่งเอเสเคียลด้วยว่าให้ทำกำแพง เนินดิน และเครื่องกระทุ้งกำแพงแล้วเอามาวางรอบก้อนอิฐ ทั้งสามอย่างเป็นสิ่งที่ศัตรูของเยรูซาเล็มจะใช้เมื่อมาล้อมและโจมตีเมือง เอเสเคียลต้องเอา “กระทะเหล็ก” หรือแผ่นเหล็กมาวางระหว่างตัวเขากับเมืองนั้นเพื่อแสดงว่าทหารของศัตรูจะแข็งแกร่งเหมือนเหล็ก แล้วเขาก็ “จ้อง” เมืองนั้นไว้ สิ่งที่เอเสเคียลทำเป็น “การเตือนถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับชาวอิสราเอล” ซึ่งไม่มีใครคาดคิด พระยะโฮวาจะใช้กองทัพของศัตรูมาล้อมเยรูซาเล็มเมืองสำคัญที่สุดของอิสราเอล ซึ่งวิหารของพระเจ้าก็อยู่ที่นั่น!
5. เอเสเคียลทำอะไรบ้างเพื่อพยากรณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับชาวเมืองเยรูซาเล็ม?
5 ความทุกข์ของชาวเมืองเยรูซาเล็ม พระยะโฮวาสั่งเอเสเคียลให้เอา “ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ถั่วปากอ้า ถั่วเลนทิล ข้าวฟ่าง และข้าวสเปลต์ [ข้าวสาลีชนิดหนึ่ง] . . . ไปทำขนมปัง” และ “ชั่งขนมปังกินวันละ 20 เชเขล” แล้วพระองค์ก็บอกว่า “เราจะทำลายแหล่งอาหารของกรุงเยรูซาเล็ม” (อสค. 4:9-16) ในเหตุการณ์นี้ ตัวเอเสเคียลไม่ได้หมายถึงกองทัพบาบิโลน แต่เขาสวมบทบาทเป็นคนที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม สิ่งที่เอเสเคียลทำเป็นการพยากรณ์ว่า เมื่อเมืองนี้ถูกล้อมจะมีการขาดแคลนอาหาร ตอนนั้น พวกเขาจะทำขนมปังจากส่วนผสมที่แปลก ๆ ซึ่งแสดงว่าชาวเมืองจะกินอะไรก็ตามที่เขาหาได้ การขาดแคลนอาหารที่กำลังจะเกิดขึ้นรุนแรงขนาดไหน? เอเสเคียลบอกชาวเมืองเยรูซาเล็มว่า “พ่อจะกินลูกตัวเอง และลูก ๆ ก็จะกินพ่อ” ในที่สุดคนมากมายจะต้องทุกข์ทรมานเพราะ ‘ความอดอยากซึ่งทำให้พินาศเหมือนถูกธนูยิง’ และชาวเมืองจะ “หมดแรง”—อสค. 4:17; 5:10, 16
6. (ก) เอเสเคียลแสดงบทบาท 2 อย่างอะไรในเวลาเดียวกัน? (ข) การที่พระเจ้าสั่งให้ “ชั่งผมกับเคราและแบ่งเป็นส่วน ๆ” บอกให้รู้อะไร?
6 การทำลายเยรูซาเล็มและประชาชน ตอนนี้เอเสเคียลพยากรณ์โดยแสดงบทบาท 2 อย่าง อย่างแรก เอเสเคียลแสดงบทบาทเพื่อบอกสิ่งที่พระยะโฮวาจะลงมือทำ พระยะโฮวาบอกเขาว่า “ให้เจ้าเอาดาบคมเล่มหนึ่งมาใช้แทนมีดโกนของช่างตัดผม” (อ่านเอเสเคียล 5:1, 2) มือของเอเสเคียลที่จับดาบในบทบาทแรกนี้หมายถึงการพิพากษาลงโทษของพระยะโฮวาโดยทางกองทัพบาบิโลน อย่างที่สอง เอเสเคียลแสดงบทบาทเพื่อบอกสิ่งที่ชาวยิวจะต้องเจอ พระยะโฮวาบอกเขาว่า “โกนผมกับเคราของเจ้า” การโกนผมของเอเสเคียลในบทบาทนี้บอกให้รู้ว่าชาวยิวจะถูกโจมตีและถูกทำลายอย่างไร นอกจากนั้น คำสั่งที่ให้ “เอาตาชั่งมาชั่งผมกับเคราและแบ่งเป็นส่วน ๆ” ยังบอกให้รู้ว่าพระยะโฮวาตั้งใจจะพิพากษาและทำลายทุกส่วนของเยรูซาเล็มจนไม่เหลืออะไรเลย
7. ทำไมพระยะโฮวาบอกให้เอเสเคียลแบ่งผมกับเคราที่โกนแล้วเป็น 3 ส่วน และให้ทำกับแต่ละส่วนแตกต่างกัน?
7 ทำไมพระยะโฮวาบอกให้เอเสเคียลแบ่งผมกับเคราที่โกนแล้วเป็น 3 ส่วน และทำกับแต่ละส่วนแตกต่างกัน? (อ่านเอเสเคียล 5:7-12) เอเสเคียลเผาผมกับเคราส่วนหนึ่ง “ในเมือง” เพื่อให้คนที่กำลังมองดูรู้ว่าคนที่อยู่ในเยรูซาเล็มบางส่วนจะตายอยู่ในเมือง เอเสเคียลเอาดาบฟันผมกับเคราอีกส่วนหนึ่ง “ไปทั่วเมือง” เพื่อบอกให้รู้ว่าบางส่วนจะถูกฆ่านอกเมือง แล้วเขาก็เอาผมกับเคราที่เหลือโปรยให้ลมพัดกระจายไปเพื่อบอกให้รู้ว่าอีกส่วนหนึ่งจะรอดชีวิตและกระจัดกระจายไปอยู่ในประเทศต่าง ๆ แต่ “ดาบ” จะ “ไล่ตาม” พวกเขาไป ดังนั้น ไม่ว่าคนเหล่านี้จะไปอยู่ที่ไหนพวกเขาก็จะไม่ได้อยู่อย่างสงบสุข
8. (ก) สิ่งต่าง ๆ ที่เอเสเคียลทำเพื่อพยากรณ์ทำให้มีความหวังอย่างไร? (ข) คำพยากรณ์เกี่ยวกับผมและเครา “สองสามเส้น” เกิดขึ้นจริงอย่างไร?
8 แต่สิ่งต่าง ๆ ที่เอเสเคียลทำเพื่อพยากรณ์ก็ทำให้มีความหวังด้วย เพราะพระยะโฮวาบอกเอเสเคียลเกี่ยวกับผมและเคราที่โกนออกมาว่า “เจ้าต้องเอาอีกสองสามเส้นห่อเก็บไว้ในอกเสื้อ” (อสค. 5:3) คำสั่งนี้บอกให้รู้ว่าชาวยิวบางคนที่กระจัดกระจายไปอยู่ในประเทศต่าง ๆ จะได้รับการปกป้อง และส่วนหนึ่งของชาวยิวกลุ่มนี้จะได้กลับมาเยรูซาเล็มหลังจากเป็นเชลยในบาบิโลน 70 ปี (อสค. 6:8, 9; 11:17) คำพยากรณ์นี้เกิดขึ้นจริงไหม? ใช่! หลายปีหลังจากการเป็นเชลยในบาบิโลนสิ้นสุดลง ผู้พยากรณ์ฮักกัยรายงานว่า ชาวยิวที่เคยกระจัดกระจายไปได้กลับมาเยรูซาเล็มจริง ๆ พวกเขาคือ “ผู้สูงอายุซึ่งเคยเห็นวิหารหลังเดิม” ซึ่งก็คือวิหารของโซโลมอน (อสร. 3:12; ฮกก. 2:1-3) พระยะโฮวาคอยปกป้องการนมัสการที่บริสุทธิ์อย่างที่พระองค์สัญญาไว้ บท 9 ของหนังสือนี้จะช่วยให้เราเข้าใจว่าการนมัสการที่บริสุทธิ์ในสมัยนั้นได้รับการฟื้นฟูอย่างไร—อสค. 11:17-20
คำพยากรณ์นี้บอกอะไรเราเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น?
9, 10. การที่เอเสเคียลจำลองเหตุการณ์ต่าง ๆ ทำให้นึกถึงเหตุการณ์สำคัญอะไรในอนาคต?
9 การที่เอเสเคียลจำลองเหตุการณ์ต่าง ๆ ทำให้เรานึกถึงเหตุการณ์สำคัญที่คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าจะเกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น พระยะโฮวาใช้กองทัพบาบิโลนโจมตีเยรูซาเล็มโบราณ ในสมัยของเราพระองค์ก็จะใช้อำนาจทางการเมืองโจมตีองค์การศาสนาเท็จทั้งหมดในโลก (วว. 17:16-18) การทำลายเยรูซาเล็มเป็น “หายนะที่ไม่เคยมีมาก่อน” สิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วง “ความทุกข์ยาก ลำบากครั้งใหญ่” และสงครามอาร์มาเกดโดนก็จะเป็นเหตุการณ์ที่ “ไม่เคยเกิดขึ้น” มาก่อนเหมือนกัน—อสค. 5:9; 7:5; มธ. 24:21
10 คัมภีร์ไบเบิลบอกให้รู้ว่าตอนที่องค์การศาสนาเท็จถูกทำลาย คนที่นับถือศาสนาเท็จจะรอดชีวิต คนเหล่านี้กลัวมากและจะพากันไปหาที่ซ่อนตัวร่วมกับคนที่มีฐานะตำแหน่งต่าง ๆ ทางสังคม (ศคย. 13:4-6; วว. 6:15-17) สิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาทำให้เราคิดถึงชาวเยรูซาเล็มโบราณที่รอดชีวิตและกระจัดกระจายไปเหมือนถูก “ลมพัด” วรรค 7 บอกไปแล้วว่าแม้พวกเขาจะรอดชีวิตจากการทำลายครั้งนั้น แต่พระยะโฮวาก็จะ “ชักดาบออกไล่ตาม” พวกเขาไป (อสค. 5:2) ดังนั้น แม้คนที่รอดชีวิตจากการทำลายศาสนาเท็จจะพยายามหาที่ซ่อนตัว แต่ก็ไม่มีที่ไหนปกป้องพวกเขาจากดาบของพระยะโฮวาได้ ในที่สุดเมื่อถึงอาร์มาเกดโดน พวกเขาจะถูกประหารพร้อมกับคนอื่น ๆ ทั้งหมดที่ถูกพิพากษาว่าเป็นแพะ—อสค. 7:4; มธ. 25:33, 41, 46; วว. 19:15, 18
จะมีช่วงหนึ่งที่เรา “พูดไม่ได้” หรือเลิกประกาศข่าวดี
11, 12. (ก) ทำไมคำพยากรณ์ของเอเสเคียลเรื่องการล้อมกรุงเยรูซาเล็มช่วยให้เรารู้ว่างานรับใช้ในทุกวันนี้เป็นงานเร่งด่วน? (ข) งานประกาศและข่าวที่เราประกาศอาจเปลี่ยนไปอย่างไร?
11 คำพยากรณ์นี้ช่วยให้เรารู้ว่างานรับใช้ของเราเร่งด่วนแค่ไหนในทุกวันนี้ คำพยากรณ์ของเอเสเคียลทำให้เรารู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาที่เราต้องทำสุดความสามารถเพื่อช่วยคนเข้ามาเป็นผู้รับใช้ของพระยะโฮวา เพราะเวลาที่เราจะ “สอนคนทุกชาติให้เป็นสาวก” เหลือน้อยแล้ว (มธ. 28:19, 20; อสค. 33:14-16) เมื่อ “ไม้สำหรับเฆี่ยน” (อำนาจทางการเมือง) เริ่มจัดการกับศาสนาเท็จ เราจะไม่ประกาศเรื่องการช่วยให้รอดอีกแล้ว (อสค. 7:10) เราจะหยุดประกาศข่าวดีเหมือนที่ช่วงหนึ่งเอเสเคียล “พูดไม่ได้” หรือหยุดประกาศข่าวสารของพระเจ้า (อสค. 3:26, 27; 33:21, 22) หลังจากศาสนาเท็จถูกทำลาย ผู้คนจะ “อยากได้นิมิตจากผู้พยากรณ์” แต่พวกเขาจะไม่ได้รับข่าวสารหรือคำแนะนำอะไรที่ช่วยชีวิตเลย (อสค. 7:26) เวลาที่จะรับคำแนะนำและเข้ามาเป็นสาวกของพระคริสต์หมดลงแล้ว
12 แต่งานประกาศของเรายังไม่เสร็จ ในช่วงความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่ เป็นไปได้ที่เราจะเริ่มประกาศข่าวการพิพากษาที่เป็นเหมือนภัยพิบัติที่เกิดจากลูกเห็บ ข่าวนั้นเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าโลกชั่วกำลังจะถูกทำลาย—วว. 16:21
“วันนั้นใกล้เข้ามาแล้ว”
13. ทำไมพระยะโฮวาบอกให้เอเสเคียลนอนตะแคงซ้ายแล้วก็นอนตะแคงขวา?
13 นอกจากเอเสเคียลจะบอกล่วงหน้าว่าเยรูซาเล็มจะถูกทำลายอย่างไรแล้ว เขายังแสดงให้เห็นด้วยว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นเมื่อไร พระยะโฮวาบอกให้เอเสเคียลนอนตะแคงซ้าย 390 วันและนอนตะแคงขวา 40 วัน ซึ่ง 1 วัน หมายถึง 1 ปี (อ่านเอเสเคียล 4:4-6; กดว. 14:34) เอเสเคียลคงไม่ได้นอนตะแคงอยู่อย่างนั้นทั้งวัน แต่การนอนแบบนั้นก็ช่วยให้ชาวยิวรู้ว่าเยรูซาเล็มจะถูกทำลายในปีไหน ดูเหมือนว่าเวลา 390 ปีที่อิสราเอลทำผิดเริ่มนับจากปี 997 ก่อน ค.ศ. ซึ่งเป็นปีที่อาณาจักรอิสราเอลสิบสองตระกูลถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน (1 พก. 12:12-20) และเวลา 40 ปีที่ยูดาห์ทำบาปเริ่มนับจากปี 647 ก่อน ค.ศ. ซึ่งเป็นปีที่เยเรมีย์ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้พยากรณ์เพื่อเตือนอาณาจักรยูดาห์ว่าพวกเขากำลังจะถูกทำลาย (ยรม. 1:1, 2, 17-19; 19:3, 4) ดังนั้นทั้งสองช่วงเวลาจะสิ้นสุดลงในปี 607 ก่อน ค.ศ. ซึ่งเป็นปีที่เยรูซาเล็มแตกและถูกทำลายอย่างที่พระยะโฮวาบอกไว้ล่วงหน้า *
14. (ก) เอเสเคียลทำอะไรที่แสดงว่าเขามั่นใจว่าพระยะโฮวาจะนำอวสานมาตามเวลาที่กำหนดไว้? (ข) จะเกิดอะไรขึ้นก่อนที่เยรูซาเล็มจะถูกทำลาย?
14 ตอนที่พระยะโฮวาให้เอเสเคียลพยากรณ์เกี่ยวกับช่วงเวลา 390 วัน และ 40 วัน เขาอาจไม่รู้แน่ชัดว่าเยรูซาเล็มจะถูกทำลายปีไหน แม้เวลาจะผ่านไปเป็นปี ๆ เอเสเคียลก็ยังเตือนชาวยิวซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าวันพิพากษาของ พระยะโฮวาใกล้เข้ามาแล้ว เขาประกาศว่า “อวสานของพวกเจ้ามาถึงแล้ว” (อ่านเอเสเคียล 7:3, 5-10) เอเสเคียลมั่นใจว่าพระยะโฮวาจะนำอวสานมาตามเวลาที่กำหนดไว้ (อสย. 46:10) ผู้พยากรณ์เอเสเคียลยังบอกล่วงหน้าด้วยว่าก่อนที่เยรูซาเล็มจะถูกทำลาย “จะเกิดภัยพิบัติครั้งแล้วครั้งเล่า” ภัยพิบัติเหล่านี้จะทำให้โครงสร้างทางสังคม ศาสนา และการปกครองของอิสราเอลล่มสลาย—อสค. 7:11-13, 25-27
15. คำพยากรณ์ของเอเสเคียลส่วนนี้เริ่มเกิดขึ้นจริงอย่างไรตั้งแต่ปี 609 ก่อน ค.ศ.?
15 ไม่กี่ปีหลังจากที่เอเสเคียลประกาศว่าเยรูซาเล็มจะถูกทำลาย คำพยากรณ์ของเขาก็เริ่มเกิดขึ้นจริง เมื่อถึงปี 609 ก่อน ค.ศ. เอเสเคียลได้ยินว่าศัตรูเริ่มมาโจมตีเยรูซาเล็มแล้ว ตอนนั้นมีการเป่าแตรเพื่อให้ประชาชนออกมาปกป้องเมือง แต่ก็เป็นอย่างที่เอเสเคียลบอกไว้คือ “ไม่มีใครออกไปรบ” (อสค. 7:14) คนที่อยู่ในเยรูซาเล็มไม่มาช่วยกันต่อสู้กับกองทัพบาบิโลนที่มาโจมตี ชาวยิวบางคนอาจคิดว่าพระยะโฮวาจะมาช่วยพวกเขาเหมือนที่เคยช่วยเยรูซาเล็มจากพวกอัสซีเรีย ตอนนั้นทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระยะโฮวาฆ่าทหารอัสซีเรียตายเกือบหมด (2 พก. 19:32) แต่คราวนี้ไม่มีทูตสวรรค์มาช่วย ไม่นานเมืองที่ถูกล้อมนี้ก็กลายเป็นเหมือน “หม้อทำอาหารตั้งบนไฟ” และประชาชนที่อยู่ในเมืองเป็นเหมือน “เนื้อ” ที่อยู่ในหม้อ (อสค. 24:1-10) หลังจากชาวเมืองทุกข์ทรมานเพราะถูกล้อมอยู่หนึ่งปีครึ่ง กรุงเยรูซาเล็มก็ถูกทำลาย
“ให้สะสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์”
16. เราจะทำอะไรเพื่อแสดงว่าเรามั่นใจว่าพระยะโฮวาจะนำอวสานมาตามเวลาที่กำหนดไว้?
16 เราได้เรียนอะไรจากคำพยากรณ์ของเอเสเคียลส่วนนี้? คำพยากรณ์นี้ทำให้เรารู้ว่าควรคิดอย่างไรกับงานรับใช้และท่าทีของผู้คนที่เราประกาศ พระยะโฮวากำหนดไว้แล้วว่าจะทำลายศาสนาเท็จเมื่อไร และพระองค์จะทำตามกำหนดโดยไม่ชักช้า (2 ปต. 3:9, 10; วว. 7:1-3) เราไม่รู้ว่าเวลานั้นจะมาถึงเมื่อไร แต่เราทำเหมือนเอเสเคียลที่ไม่เลิกประกาศคำเตือนของพระยะโฮวา เราบอกผู้คนซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า “อวสานของพวกเจ้ามาถึงแล้ว” ทำไมเราต้องประกาศซ้ำแล้วซ้ำอีก? เหตุผลของเราก็เหมือนกับเอเสเคียล * คนส่วนใหญ่ไม่เชื่อเมื่อเอเสเคียลประกาศคำพยากรณ์ของพระเจ้าเกี่ยวกับการทำลายเยรูซาเล็ม (อสค. 12:27, 28) แต่ต่อมาเชลยชาวยิวบางคนในบาบิโลนเชื่อคำพยากรณ์นี้และได้กลับมาบ้านเกิด (อสย. 49:8) คนส่วนใหญ่ในทุกวันนี้ก็ไม่เชื่อว่าโลกชั่วนี้จะถูกทำลาย (2 ปต. 3:3, 4) แต่ตราบใดที่พระยะโฮวายังเปิดโอกาสให้มนุษย์ได้ยินคำเตือนของพระองค์ เราก็จะไม่เลิกช่วยคนที่จริงใจให้พบทางที่จะนำไปถึงชีวิต—มธ. 7:13, 14; 2 คร. 6:2
17. เราจะได้เห็นเหตุการณ์อะไรบ้างในช่วงความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่?
17 คำพยากรณ์ของเอเสเคียลยังเตือนเราด้วยว่า เมื่อถึงเวลาที่องค์การศาสนาเท็จถูกโจมตี สมาชิกของโบสถ์ต่าง ๆ จะ “ไม่มีใครออกไปรบ” เพื่อปกป้องศาสนาของตัวเอง และเมื่อพวกเขารู้ตัวว่าเสียงร้องขอความช่วยเหลือ “นายท่าน นายท่าน” ของพวกเขานั้นไม่ได้รับคำตอบ “มือของทุกคนจะอ่อนแรง” และพวกเขาจะ “กลัวจนตัวสั่น” (อสค. 7:3, 14, 17, 18; มธ. 7:21-23) พวกเขาจะทำอะไรอีก? (อ่านเอเสเคียล 7:19-21) พระยะโฮวาบอกว่า “พวกเขาจะโยนเงินทิ้งตามถนน” คำพยากรณ์นี้เป็นจริงกับชาวเยรูซาเล็มโบราณและจะเกิดขึ้นจริงในช่วงความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่ด้วย ตอนนั้นผู้คนจะรู้ว่าเงินไม่สามารถช่วยพวกเขาให้รอดจากหายนะที่กำลังจะมาถึงได้
18. คำพยากรณ์ของเอเสเคียลสอนอะไรเราเกี่ยวกับการจัดลำดับความสำคัญในชีวิต?
18 คำพยากรณ์ของเอเสเคียลเรื่องนี้สอนอะไรเรา? สอนให้รู้ว่าเราต้องจัดลำดับความสำคัญให้ถูกต้อง คิดดูสิ กว่าชาวเมืองเยรูซาเล็มจะยอมรับว่า อะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต ก็หลังจากที่พวกเขารู้ว่าเมืองและชีวิตของพวกเขากำลังจะถูกทำลาย และทรัพย์สมบัติเงินทองก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย พวกเขาโยนสมบัติทิ้งและ “อยากได้นิมิตจากผู้พยากรณ์” แต่ถึงจะกลับตัวกลับใจตอนนั้นก็ไม่ทันแล้ว (อสค. 7:26) แต่เรารู้แล้วว่าโลกชั่วนี้กำลังจะถูกทำลาย เพราะเราเชื่อในคำสัญญาของพระเจ้า เราจึงจัดลำดับความสำคัญในชีวิตได้ถูกต้อง เราพยายามสะสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์ซึ่งมีคุณค่าถาวรและจะไม่ถูกโยนทิ้ง “ตามถนน”—อ่านมัทธิว 6:19-21, 24
19. คำพยากรณ์ของเอเสเคียลเกี่ยวข้องกับเราอย่างไร?
19 สรุปแล้ว คำพยากรณ์ของเอเสเคียลเรื่องการทำลายเยรูซาเล็มเกี่ยวข้องกับเราอย่างไร? คำพยากรณ์นี้เตือนเราว่าเวลาที่เราจะช่วยคนอื่นให้มาเป็นผู้รับใช้พระเจ้าเหลือน้อยแล้ว เราจึงรีบทำงานสอนคนให้เป็นสาวก เรามีความสุขมากเมื่อคนที่จริงใจเริ่มมานมัสการพระยะโฮวาพ่อในสวรรค์ของเรา แต่สำหรับคนที่ยังไม่ตัดสินใจ เราก็ยังไม่เลิกเตือนพวกเขาเหมือนที่เอเสเคียลไม่เลิกเตือนคนในสมัยของเขาว่า “อวสานของพวกเจ้ามาถึงแล้ว” (อสค. 3:19, 21; 7:3) ในขณะเดียวกัน เราตั้งใจจะรักษาความเชื่อในพระยะโฮวาและให้การนมัสการบริสุทธิ์ของพระองค์สำคัญที่สุดในชีวิตเสมอ—สด. 52:7, 8; สภษ. 11:28; มธ. 6:33
^ มีเหตุผลที่จะบอกว่าเอเสเคียลจำลองเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ต่อหน้าประชาชนที่มองดูอยู่ เพราะพระยะโฮวาสั่งชัดเจนว่าให้เขาทำบางอย่าง “ต่อหน้าประชาชน” เช่น การทำขนมปังและการแบกของ—อสค. 4:12; 12:7
^ การที่พระยะโฮวายอมให้เยรูซาเล็มถูกทำลายเป็นการพิพากษาลงโทษทั้งอาณาจักรยูดาห์สองตระกูลและอาณาจักรอิสราเอลสิบตระกูล (ยรม. 11:17; อสค. 9:9, 10) ดูหนังสือการหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 1 หน้า 462 เรื่อง “Chronology—From 997 B.C.E. to Desolation of Jerusalem.”
^ ขอสังเกตว่า ข้อความสั้น ๆ ในเอเสเคียล 7:5-7 พระยะโฮวาใช้คำว่า “กำลังจะมา” “กำลังมา” “จะมาแน่” และ “จะมาถึง” 6 ครั้ง