บท 1
“คุณต้องนมัสการพระยะโฮวาพระเจ้าของคุณ”
จุดสำคัญ ทำไมการนมัสการบริสุทธิ์ต้องได้รับการฟื้นฟู?
1, 2. ในฤดูใบไม้ร่วงปี ค.ศ. 29 พระเยซูมาที่กันดารยูเดียได้อย่างไรและเกิดอะไรขึ้นกับท่าน? (ดูภาพแรก)
ต้นฤดูใบไม้ร่วงปีคริสต์ศักราช 29 พระเยซูอยู่ในที่กันดารยูเดียทางเหนือของทะเลตาย พลังบริสุทธิ์พาพระเยซูมาที่นี่หลังจากท่านรับบัพติศมาและถูกเจิมแล้ว บริเวณนี้เป็นที่แห้งแล้งเต็มไปด้วยหินและหุบเขา ผ่านมา 40 วันแล้วที่พระเยซูใช้เวลาอยู่เงียบ ๆ เพื่ออดอาหาร อธิษฐาน และคิดใคร่ครวญ อาจเป็นช่วงนี้แหละที่พระยะโฮวาติดต่อพูดคุยกับลูกของพระองค์ เพื่อให้พระเยซูรู้ว่าจะต้องเจออะไรต่อไปและช่วยให้ท่านพร้อมสำหรับสิ่งเหล่านั้น
2 แล้วซาตานก็มาหาพระเยซูตอนที่ท่านกำลังอ่อนแอเพราะความหิว เหตุการณ์ต่อจากนี้จะทำให้เห็นประเด็นสำคัญซึ่งเกี่ยวข้องกับทุกคนที่รักการนมัสการบริสุทธิ์ รวมทั้งตัวคุณด้วย
“ถ้าคุณเป็นลูกของพระเจ้าจริง ๆ . . . ”
3, 4. (ก) ซาตานเริ่มการล่อใจสองครั้งแรกด้วยคำพูดอะไร และมันอาจอยากให้พระเยซูสงสัยอะไร? (ข) ทุกวันนี้ซาตานใช้วิธีคล้ายกันอย่างไร?
3 อ่านมัทธิว 4:1-7 ในการล่อใจ 2 ครั้งแรก ซาตานเริ่มด้วยคำพูดที่มีเล่ห์เหลี่ยมว่า “ถ้าคุณเป็นลูกของพระเจ้าจริง ๆ” ซาตานสงสัยไหมว่าพระเยซูเป็นลูกของพระเจ้า? ไม่ ซาตานรู้ดีว่าพระเยซูเป็นลูกคนแรกของพระเจ้า เพราะ มันก็เป็นทูตสวรรค์ซึ่งเคยเป็นลูกของพระเจ้าเหมือนกัน (คส. 1:15) ซาตานคงรู้ด้วยว่าตอนที่พระเยซูรับบัพติศมา พระยะโฮวาพูดจากสวรรค์ว่า “นี่คือลูกรักของเรา เราพอใจในตัวเขามาก” (มธ. 3:17) ที่ซาตานพูดอย่างนั้น อาจเป็นเพราะมันอยากให้พระเยซูสงสัยว่าพ่อของท่านไว้ใจได้ไหมและเป็นห่วงท่านจริง ๆ ไหม ในการล่อใจครั้งแรกที่ซาตานบอกให้พระเยซูเสกหินเป็นขนมปัง ก็เหมือนมันกำลังถามว่า ‘คุณเป็นลูกของพระเจ้านี่ แล้วทำไมพ่อคุณถึงปล่อยให้คุณหิวโซอยู่ในที่กันดารอย่างนี้ล่ะ?’ ในการล่อใจครั้งที่ 2 ที่ซาตานบอกให้พระเยซูกระโดดลงมาจากกำแพงวิหาร ก็เหมือนมันกำลังถามว่า ‘คุณเป็นลูกของพระเจ้านี่ คุณไม่เชื่อเหรอว่าพ่อจะปกป้องคุณ?’
4 ทุกวันนี้ซาตานยังใช้วิธีเดิม (2 คร. 2:11) มันจะคอยจนกว่าผู้นมัสการแท้อ่อนแอหรือท้อใจแล้วค่อยโจมตี ซึ่งมักจะเป็นวิธีที่มีเล่ห์เหลี่ยม (2 คร. 11:14) ซาตานพยายามหลอกเราให้เชื่อว่าพระยะโฮวาไม่มีทางรักเราหรือพอใจเรา มันอยากให้เราเชื่อด้วยว่าพระยะโฮวาไว้ใจไม่ได้ และพระองค์จะไม่ทำตามที่สัญญาไว้ในคัมภีร์ไบเบิล แต่นั่นเป็นคำโกหกที่ชั่วร้าย! (ยน. 8:44) เราต้องทำอย่างไรเพื่อจะไม่หลงเชื่อคำโกหกเหล่านี้?
5. พระเยซูรับมือการล่อใจสองครั้งแรกอย่างไร?
5 ขอให้คิดถึงวิธีที่พระเยซูรับมือการล่อใจ 2 ครั้งแรก พระเยซูไม่สงสัยเลยว่าพ่อของท่านรักท่าน และท่านไว้ใจพ่ออย่างเต็มที่ พระเยซูปฏิเสธซาตานอย่างไม่ลังเลโดยใช้พระคัมภีร์ที่ได้รับการดลใจจากพ่อของท่าน และเลือกยกข้อคัมภีร์ที่มีชื่อพระยะโฮวาพระเจ้า (ฉธบ. 6:16; 8:3) การใช้ชื่อของพระเจ้าเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่พระเยซูจะแสดงให้เห็นว่าท่านไว้ใจพ่อ เพราะชื่อที่โดดเด่นนี้รับประกันว่าพระยะโฮวาจะทำให้ทุกอย่างที่พระองค์สัญญาไว้เกิดขึ้นจริง *
6, 7. เราจะต้านทานการโจมตีที่มีเล่ห์เหลี่ยมของซาตานได้อย่างไร?
6 เราสามารถต้านทานการโจมตีที่มีเล่ห์เหลี่ยมของซาตานได้โดยใช้คัมภีร์ไบเบิลและใคร่ครวญความหมายของชื่อพระเจ้า เมื่อเราอ่านข้อคัมภีร์ที่บอกว่าพระยะโฮวารักและห่วงใยคนที่นมัสการพระองค์รวมทั้งคนที่ท้อแท้ เราน่าจะมองว่าข้อเหล่านั้นหมายถึงตัวเราด้วย แล้วเราก็จะไม่เชื่อคำโกหกของซาตานที่ว่าพระยะโฮวาไม่มีวันรักหรือพอใจเรา (สด. 34:18; 1 ปต. 5:8) และถ้าเราจำไว้ว่าพระยะโฮวาจะทำทุกสิ่งสมกับชื่อของพระองค์ เราจะไม่สงสัยเลยว่าพระองค์จะทำตามสัญญาไหม แต่เราจะไว้ใจพระองค์อย่างเต็มที่—สภษ. 3:5, 6
7 เป้าหมายอันดับแรกของซาตานคืออะไร? จริง ๆ แล้วมันต้องการอะไรจากเรา? เราจะได้คำตอบที่ชัดเจนจากสิ่งที่ซาตานเสนอให้พระเยซูในการล่อใจครั้งที่ 3
“ก้มกราบผมครั้งหนึ่ง”
8. ในการล่อใจครั้งที่ 3 ซาตานทำให้เห็นประเด็นที่แท้จริงอย่างไร?
8 อ่านมัทธิว 4:8-11 ในการล่อใจครั้งที่ 3 ซาตานไม่ได้ใช้เล่ห์เหลี่ยมแต่ทำให้เห็นชัด ๆ เลยว่ามันต้องการอะไร มันทำให้พระเยซูเห็น “ประเทศทั้งหมดใน โลกและความยิ่งใหญ่ของประเทศเหล่านั้น” (อาจจะใช้ภาพนิมิต) แต่ไม่ได้ให้เห็นความเสื่อมทรามของแต่ละประเทศ แล้วมันก็บอกพระเยซูว่า “ผมจะยกทั้งหมดนี้ให้คุณ ถ้าคุณก้มกราบผมครั้งหนึ่ง” * ที่แท้มันอยากได้การนมัสการ! ซาตานอยากให้พระเยซูทิ้งพ่อของท่านและนมัสการมันเป็นพระเจ้าแทน ซาตานเสนอทางชีวิตที่ดูเหมือนว่าง่ายกว่าให้พระเยซู มันพูดในทำนองว่าพระเยซูจะได้ครอบครองประเทศที่ยิ่งใหญ่และร่ำรวยเหล่านั้นทั้งหมด ไม่ต้องเจอความทุกข์ ไม่ต้องสวมมงกุฎหนาม ไม่ต้องถูกเฆี่ยน และไม่ต้องตายบนเสาทรมาน นี่เป็นการล่อใจจริง ๆ พระเยซูไม่ได้ปฏิเสธเลยว่าประเทศต่าง ๆ ในโลกอยู่ใต้อำนาจซาตาน (ยน. 12:31; 1 ยน. 5:19) ซาตานคงยอมทำทุกอย่างเพื่อให้พระเยซูทิ้งการนมัสการพระยะโฮวาซึ่งเป็นการนมัสการที่บริสุทธิ์
9. (ก) จริง ๆ แล้วซาตานต้องการอะไรจากผู้นมัสการแท้ และมันพยายามล่อใจเราอย่างไร? (ข) การนมัสการของเราเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง? (ดูกรอบ “การนมัสการคืออะไร?”)
9 ทุกวันนี้ก็เหมือนกัน ซาตานอยากให้เรานมัสการมันจริง ๆ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ซาตานเป็น “พระเจ้าของโลกนี้” มันจึงได้รับการนมัสการทางอ้อมอยู่แล้วจากศาสนาเท็จทั้งหมดของบาบิโลนใหญ่ (2 คร. 4:4) แต่ถึงจะมีคนนมัสการเท็จหลายพันล้านคน ซาตานก็ยังไม่พอใจ มันต้องการล่อใจผู้นมัสการแท้ให้ทำสิ่งที่พระเจ้าไม่ชอบ มันพยายามหลอกล่อเราให้มุ่งหาความร่ำรวยและเกียรติยศชื่อเสียงในโลกของมันแทนที่จะใช้ชีวิตแบบคริสเตียนซึ่ง อาจทำให้เราต้องทนทุกข์ “เพราะทำสิ่งที่ถูกต้อง” (1 ปต. 3:14) ถ้าเรายอมแพ้การล่อใจโดยทิ้งการนมัสการที่บริสุทธิ์แล้วเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในโลกของซาตาน ก็เท่ากับว่าเราได้ก้มกราบซาตานและให้มันเป็นพระเจ้าของเรา แต่เราจะต้านทานการล่อใจแบบนี้ได้อย่างไร?
10. พระเยซูรับมือการล่อใจครั้งที่ 3 อย่างไร และทำไมท่านทำอย่างนั้น?
10 ขอสังเกตวิธีที่พระเยซูรับมือกับการล่อใจครั้งที่ 3 พระเยซูทำให้เห็นว่าท่านภักดีต่อพระยะโฮวาสุดหัวใจ ท่านไล่ซาตานทันทีว่า “ไปให้พ้น ซาตาน!” แล้วพระเยซูก็ตอบซาตานแบบเดียวกับตอนที่ถูกล่อใจ 2 ครั้งแรก ท่านยกข้อคัมภีร์จากเฉลยธรรมบัญญัติที่มีชื่อของพระเจ้ามาตอบซาตานว่า “พระคัมภีร์บอกไว้ว่า ‘คุณต้องนมัสการพระยะโฮวาพระเจ้าของคุณ และรับใช้พระองค์ผู้เดียว’ ” (มธ. 4:10; ฉธบ. 6:13) คำตอบของพระเยซูแสดงว่าท่านไม่สนใจฐานะตำแหน่งที่ใหญ่โตในโลกนี้ และไม่คิดที่จะใช้ชีวิตสบาย ๆ โดยไม่ต้องเจอกับความทุกข์ พระเยซูรู้ดีว่าพ่อของท่านเท่านั้นที่สมควรจะได้รับการนมัสการ และถ้าท่าน “ก้มกราบ” ซาตานแม้เพียงครั้งเดียวก็เท่ากับยอมอยู่ใต้อำนาจมัน พระเยซูไม่ยอมให้ซาตานผู้ล่อลวงที่ชั่วร้ายมาเป็นพระเจ้าของท่านเด็ดขาด เมื่อพระเยซูปฏิเสธอย่างหนักแน่น “มารจึงไปจากพระเยซู” *
11. เราจะต้านทานซาตานและการล่อใจของมันได้อย่างไร?
11 เราก็ต้านทานซาตานและการล่อใจจากโลกชั่วของมันได้เพราะเรามีทางเลือกเหมือนกับพระเยซู พระยะโฮวาให้เรามีอิสระในการเลือกซึ่งเป็นของขวัญที่มีค่ามาก จึงไม่มีใครบังคับเราให้ทิ้งการนมัสการที่บริสุทธิ์ได้แม้แต่ซาตานตัวชั่วร้ายที่มีอำนาจมาก ถ้าเราภักดีต่อพระเจ้าโดย “ต่อสู้กับ [ซาตาน] และมีความเชื่อที่มั่นคง” ก็เหมือนเรากำลังพูดว่า “ไปให้พ้น ซาตาน!” (1 ปต. 5:9) ขอจำไว้ว่าหลังจากพระเยซูปฏิเสธซาตานอย่างหนักแน่น มันก็ไปจากท่าน คัมภีร์ไบเบิลรับรองว่าถ้าเรา ‘ต่อสู้กับมาร มันจะหนีไปจากเรา’—ยก. 4:7
ศัตรูของการนมัสการบริสุทธิ์
12. ในสวนเอเดน ซาตานทำอะไรที่แสดงให้เห็นชัดว่ามันเป็นศัตรูของการนมัสการบริสุทธิ์?
12 การล่อใจครั้งสุดท้ายทำให้เห็นชัดว่าซาตานนี่แหละคือศัตรูตัวแรกของการนมัสการบริสุทธิ์ หลายพันปีก่อนหน้านั้น ซาตานทำให้เห็นเป็นครั้งแรกว่ามันเกลียดการนมัสการพระยะโฮวา มันล่อลวงเอวาในสวนเอเดนและเธอก็ชักชวนอาดัมให้ฝ่าฝืนคำสั่งของพระยะโฮวา ซาตานทำให้ทั้งสองคนอยู่ใต้อำนาจและการควบคุมของมัน (อ่านปฐมกาล 3:1-5; 2 คร. 11:3; วว. 12:9) อาดัมกับเอวาอาจไม่รู้ตัวว่ากำลังนมัสการซาตานและมันก็กลายเป็นพระเจ้าของพวกเขาไปแล้ว นอกจากนั้น การที่ซาตานล่อลวงพวกเขาให้ขัดขืนอำนาจพระเจ้าในสวนเอเดน ก็ไม่ใช่แค่ท้าทายสิทธิการปกครองของพระยะโฮวาเท่านั้น แต่ยังโจมตีการนมัสการที่บริสุทธิ์ด้วย เรารู้ได้อย่างไร?
13. ประเด็นเรื่องสิทธิการปกครองกับการนมัสการบริสุทธิ์เกี่ยวข้องกันอย่างไร?
13 ประเด็นเรื่องสิทธิการปกครองเกี่ยวข้องกับการนมัสการบริสุทธิ์ด้วย เพราะมีแต่พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดที่ “สร้างทุกสิ่ง” เท่านั้นที่สมควรได้รับการนมัสการ (วว. 4:11) ตอนพระยะโฮวาสร้างอาดัมกับเอวามนุษย์สมบูรณ์และให้พวกเขาอยู่ในสวนเอเดน พระองค์ตั้งใจว่า ในที่สุด ทั่วทั้งโลกจะเต็มไปด้วยมนุษย์สมบูรณ์ที่เต็มใจนมัสการพระองค์ ซึ่งเป็นการนมัสการบริสุทธิ์จากหัวใจที่บริสุทธิ์ (ปฐก. 1:28) ซาตานท้าทายสิทธิการปกครองของพระยะโฮวา เพราะมันอยากได้การนมัสการที่ควรเป็นของพระยะโฮวาพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดเท่านั้น—ยก. 1:14, 15.
14. ซาตานโจมตีการนมัสการบริสุทธิ์สำเร็จไหม? ขอให้อธิบาย
14 ซาตานโจมตีการนมัสการบริสุทธิ์สำเร็จไหม? มันทำให้อาดัมกับเอวาทิ้งพระเจ้าได้ ตั้งแต่นั้นมามันก็ประกาศสงครามกับการนมัสการแท้ มันพยายามชักจูงทุกคนให้ทิ้งพระยะโฮวาพระเจ้า มันพยายามล่อลวงคนที่นมัสการพระยะโฮวาในช่วงก่อนสมัยคริสเตียน และในศตวรรษแรกมันก็ใช้วิธีที่ชั่วร้ายทำให้คริสเตียนทรยศพระเจ้า ประชาคมคริสเตียนจึงเสื่อมเสียจนดูเหมือนว่าจะไม่มีใครนมัสการบริสุทธิ์แล้ว (มธ. 13:24-30, 36-43; กจ. 20:29, 30) ตั้ง แต่ศตวรรษที่ 2 เป็นต้นมา ผู้นมัสการแท้ก็ตกเป็นเชลยของบาบิโลนใหญ่ซึ่งก็คือกลุ่มศาสนาเท็จทั้งหมดในโลก แม้การเป็นเชลยนี้จะกินเวลานาน แต่ซาตานก็ขัดขวางความประสงค์ของพระเจ้าเกี่ยวกับการนมัสการบริสุทธิ์ไม่สำเร็จ ถ้าพระเจ้าตั้งใจจะทำอะไรแล้ว ก็ไม่มีอะไรจะหยุดพระองค์ได้ (อสย. 46:10; 55:8-11) เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อของพระเจ้า และพระองค์ทำทุกสิ่งสมกับชื่อของพระองค์เสมอ พระยะโฮวาจะทำให้สิ่งที่พระองค์ตั้งใจไว้เกิดขึ้นจริงอย่างแน่นอน!
ผู้ปกป้องการนมัสการบริสุทธิ์
15. พระยะโฮวาทำอะไรบ้างในสวนเอเดนเพื่อจัดการกับพวกกบฏและเพื่อให้แน่ใจว่าความประสงค์ของพระองค์จะเกิดขึ้นจริง?
15 พระยะโฮวาจัดการกับพวกกบฏในสวนเอเดนทันที และทำให้แน่ใจว่าทุกสิ่งจะเกิดขึ้นตามความประสงค์ของพระองค์ (อ่านปฐมกาล 3:14-19) ตั้งแต่ตอนที่อาดัมกับเอวายังอยู่ในสวนเอเดน พระยะโฮวาก็พิพากษาพวกกบฏตามลำดับคือ ซาตานตัวต้นเหตุ เอวา และสุดท้ายก็อาดัม ตอนพระ ยะโฮวาพูดกับซาตาน พระองค์บอกล่วงหน้าว่า “ลูกหลาน” คนหนึ่งจะมาจัดการกับผลที่เกิดจากการกบฏนี้ “ลูกหลาน” ที่พระเจ้าสัญญานี้จะทำให้ความประสงค์ของพระองค์เกี่ยวกับการนมัสการที่บริสุทธิ์เกิดขึ้นจริง
16. หลังจากการกบฏในสวนเอเดน พระยะโฮวาทำอะไรต่อไปเพื่อให้ความประสงค์ของพระองค์เกิดขึ้นจริง?
16 หลังจากการกบฏในสวนเอเดน พระยะโฮวายังทำอีกหลายอย่างเพื่อให้ความประสงค์ของพระองค์เกิดขึ้นจริง พระองค์จัดเตรียมให้มนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์ได้นมัสการพระองค์ในแบบที่พระองค์ยอมรับ เราจะเรียนเรื่องนี้ในบทต่อไป (ฮบ. 11:4-12:1) นอกจากนั้น พระยะโฮวายังดลใจให้ผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิลหลายคน ทั้งอิสยาห์ เยเรมีย์ และเอเสเคียล ให้บันทึกคำพยากรณ์ที่น่าตื่นเต้นเกี่ยวกับการฟื้นฟูการนมัสการบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นเรื่องหลักเรื่องหนึ่งในคัมภีร์ไบเบิลด้วย คำพยากรณ์นี้จะเกิดขึ้นจริงโดย “ลูกหลาน” ที่พระเจ้าสัญญา ซึ่งต่อมาเรารู้ว่าเป็นพระเยซูคริสต์ (กท. 3:16) พระเยซูเป็นผู้ปกป้องการนมัสการบริสุทธิ์คนสำคัญ ซึ่งเห็นได้ชัดจากการที่ท่านตอบการล่อใจครั้งที่ 3 พระเยซูเป็นผู้ที่พระยะโฮวาเลือกมาเพื่อทำให้คำพยากรณ์เรื่องการฟื้นฟูเกิดขึ้นจริง (วว. 19:10) พระเยซูจะปลดปล่อยประชาชนของพระเจ้าจากการเป็นเชลยของศาสนาเท็จและฟื้นฟูการนมัสการที่บริสุทธิ์ให้สูงส่งเหมือนเดิม
คุณจะทำอะไร?
17. ทำไมเราถึงสนใจคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลเรื่องการฟื้นฟู?
17 การพิจารณาคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลเรื่องการฟื้นฟูทำให้เราตื่นเต้นและมีความเชื่อที่เข้มแข็ง เราสนใจคำพยากรณ์เหล่านี้เพราะเรารอคอยวันที่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกและในสวรรค์จะนมัสการพระยะโฮวาพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดอย่างเป็นหนึ่งเดียว คำพยากรณ์เรื่องการฟื้นฟูยังทำให้เรามีความหวังด้วย เพราะมีคำรับรองที่ทำให้มีความสุขและสบายใจ เราอยากเห็นคำสัญญาของพระยะโฮวาเกิดขึ้นจริง อยากเห็นคนที่เรารักฟื้นขึ้นจากตาย และอยากเห็นโลกกลายเป็นสวนอุทยาน นอกจากนั้นเรายังอยากมีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์และมีชีวิตตลอดไป—อสย. 33:24; 35:5, 6; วว. 20:12, 13; 21:3, 4
18. เราจะเรียนอะไรในหนังสือนี้?
18 ในหนังสือนี้เราจะพิจารณาคำพยากรณ์ที่น่าตื่นเต้นในหนังสือเอเสเคียล คำพยากรณ์หลายข้อเน้นว่าการนมัสการที่บริสุทธิ์จะได้รับการฟื้นฟู เราจะได้เข้าใจว่าคำพยากรณ์ของเอเสเคียลเกี่ยวข้องกับคำพยากรณ์อื่น ๆ อย่างไร จะเกิดขึ้นจริงโดยทางพระคริสต์อย่างไร และเกี่ยวข้องกับเราอย่างไร—ดูกรอบ “ภาพรวมของหนังสือเอเสเคียล”
19. คุณตั้งใจจะทำอะไร และทำไมถึงตั้งใจอย่างนั้น?
19 ในที่กันดารยูเดียปี ค.ศ. 29 ซาตานไม่สามารถทำให้พระเยซูทิ้งการนมัสการที่บริสุทธิ์ แล้วเราล่ะ? ตอนนี้ซาตานพยายามมากกว่าเดิมเพื่อจะทำให้เราทิ้งการนมัสการแท้ (วว. 12:12, 17) ขอให้หนังสือนี้ช่วยเราให้ตั้งใจแน่วแน่ที่จะต้านทานผู้ล่อลวงที่ชั่วร้ายนี้ ขอให้คำพูดและการกระทำของเราแสดงว่าเราเห็นด้วยอย่างสุดหัวใจกับคำพูดที่ว่า “คุณต้องนมัสการพระยะโฮวาพระเจ้าของคุณ” แล้วเราจะมีโอกาสได้เห็นความประสงค์ที่ยอดเยี่ยมของพระยะโฮวาเกิดขึ้นจริงในที่สุด นั่นคือ สิ่งมีชีวิตทั้งในสวรรค์และบนโลกให้การนมัสการบริสุทธิ์จากหัวใจที่บริสุทธิ์กับพระยะโฮวาอย่างเป็นหนึ่งเดียว นี่เป็นสิ่งที่พระองค์สมควรได้รับอย่างยิ่ง!
^ ตามที่บางคนเข้าใจ ชื่อยะโฮวาหมายความว่า “พระองค์ทำให้เป็น” ความหมายนี้สอดคล้องกับบทบาทของพระยะโฮวาทั้งในฐานะผู้สร้างและผู้ที่ทำให้ทุกสิ่งเป็นไปตามที่พระองค์ตั้งใจไว้
^ หนังสืออ้างอิงเล่มหนึ่งเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลให้ความเห็นเกี่ยวกับคำพูดของซาตานว่า “อาดัมกับเอวาพ่ายแพ้ต่อการล่อใจครั้งแรกที่เกิดขึ้น . . . สิ่งสำคัญคือเรามีแค่สองทางเลือก เลือกทำตามที่ซาตานต้องการหรือเลือกทำตามความต้องการของพระเจ้า การเลือกนี้บอกเป็นนัย ๆ ว่าเรากำลังนมัสการซาตานหรือไม่ก็พระเจ้า จริง ๆ แล้ว ซาตานกำลังยกตัวขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งที่ควรจะเป็นของพระเจ้าเท่านั้น”
^ หนังสือข่าวดีของลูกาเรียงลำดับการล่อใจของซาตานต่างจากมัทธิว แต่เห็นได้ชัดว่าบันทึกของมัทธิวเป็นไปตามลำดับเวลา ขอพิจารณา 3 เหตุผล (1) มัทธิวเริ่มพูดถึงการล่อใจครั้งที่ 2 ด้วยคำว่า “จากนั้น” ซึ่งทำให้รู้ว่าต้องมีการล่อใจครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้ (2) ดูเหมือนมีเหตุผลที่การล่อใจที่มีเล่ห์เหลี่ยม 2 ครั้งซึ่งขึ้นต้นด้วยวลี “ถ้าคุณเป็นลูกของพระเจ้าจริง ๆ” จะตามมาด้วยการล่อใจที่เปิดเผยชัดเจนว่ามันอยากให้พระเยซูละเมิดกฎหมายข้อแรก (อพย. 20:2, 3) (3) ไม่แปลกที่พระเยซูจะพูดว่า “ไปให้พ้น ซาตาน!” หลังจากการล่อใจครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย—มธ. 4:5, 10, 11