ศาสนาสนองความต้องการของมนุษย์ไหม?
1-6. ศาสนาใหญ่ ๆ ทางตะวันตกมีประวัติที่น่าอับอายอะไรบ้าง?
ศาสนาใหญ่ ๆ ของโลกมีผู้นับถือจำนวนมาก มีโบสถ์วิหารและสถานนมัสการที่สง่างามหลายแห่ง. แต่ศาสนาเหล่านี้สอนความจริงเกี่ยวกับพระเจ้าไหม? ศาสนาช่วยผู้คนให้มีความสุขและมีชีวิตที่มีความหมายมากขึ้นไหม? ผู้สอนศาสนาปฏิบัติตามสิ่งที่พวกเขาสอนไหม?
2 มีหลักฐานมากมายพิสูจน์ว่าศาสนาทางตะวันตกไม่ได้เป็นอย่างนั้น. ตัวอย่างเช่น การสู้รบและการสังหารหมู่ที่เหี้ยมโหดที่สุดในประวัติศาสตร์เกิดขึ้นในดินแดนที่อ้างว่าถือศาสนาคริสต์. หนึ่งในนั้นได้แก่สงครามครูเสด (สงครามระหว่างคาทอลิกกับมุสลิม) ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 11 จนถึงศตวรรษที่ 13 โดยโบสถ์ต่าง ๆ ของศาสนาคริสต์เป็นฝ่ายเริ่มต้น. สงครามนั้นได้ทำให้ผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมากเสียชีวิต.
3 ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 คริสตจักรได้สนับสนุนประเทศทางตะวันตกในการแผ่อำนาจปกครองประเทศด้อยพัฒนา และฉวยประโยชน์จากทรัพยากรในดินแดนเหล่านั้น. คริสตจักรและรัฐได้สมรู้ร่วมคิดกัน. การร่วมมือกันเช่นนี้ทำให้ผู้คนในหลายดินแดนเดือดร้อนและทุกข์ทรมาน.
4 ในศตวรรษที่ 20 มีสงครามโลกเกิดขึ้นสองครั้ง และประเทศส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมในการสู้รบครั้งนั้นเป็นประเทศที่นับถือคาทอลิกหรือไม่ก็
โปรเตสแตนต์. ทั้งสองฝ่ายต่างสู้รบกันโดยไม่สนใจว่าฝ่ายตรงข้ามจะนับถือศาสนาใด. ดังนั้น ชาวคาทอลิกจึงฆ่าชาวคาทอลิก และชาวโปรเตสแตนต์ก็ฆ่าชาวโปรเตสแตนต์ โดยได้รับความเห็นชอบจากพวกผู้นำศาสนา. ในช่วงไม่กี่สิบปีก่อน ความขัดแย้งระหว่างโรมันคาทอลิกกับโปรเตสแตนต์ในไอร์แลนด์เหนือทำให้ผู้คนล้มตายจำนวนมาก. ผู้นำศาสนาเหล่านี้ชอบพูดถึงสันติภาพและเอกภาพ และทุกคนบอกว่านับถือพระเจ้าองค์เดียวกัน. แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่พวกเขาทำ เราต้องถามว่า พวกเขารักความสงบและรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเองจริง ๆ ไหม?5 นอกจากนั้น พวกผู้นำศาสนาและสมาชิกของพวกเขาทำตามมาตรฐานอันสูงส่งด้านศีลธรรมไหม? เราได้ยินบ่อย ๆ มิใช่หรือที่สื่อออกมาเปิดโปงและรายงานข่าวเกี่ยวกับคดีที่พวกนักเทศน์นักบวชแห่งคริสต์ศาสนจักรทำร้ายเด็กทางเพศและทำสิ่งไม่ดีต่าง ๆ? นักเทศน์บางคนเห็นดีเห็นชอบกับการรักร่วมเพศ การมีเพศสัมพันธ์ก่อนการสมรส และการเล่นชู้. บางคนก็สนับสนุนให้ใช้ความรุนแรงเพื่อล้มล้างระบบการเมืองและสังคมที่ไม่เป็นธรรม นักบวชบางคนถึงกับมีส่วนร่วมในสงครามแบบกองโจรและการจลาจลด้วยซ้ำ.
6 ศาสนาใหญ่ ๆ ทางตะวันตกไม่ได้ช่วยผู้คนให้ได้รับความรู้ถ่องแท้เกี่ยวกับพระเจ้าเลย. หลักคำสอนของศาสนาเหล่านั้นส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากคัมภีร์ไบเบิลแต่เป็นความเชื่อตามประเพณี. ตัวอย่างเช่น พวกเขาเชื่อว่ามนุษย์มีวิญญาณอมตะและคนที่ไม่ได้รับใช้พระเจ้าจะถูกทรมานในไฟนรกตลอดไป. คุณอยากจะนมัสการพระเจ้าที่เหี้ยมโหดและใจร้ายอย่างนี้ไหม?—ดูกรอบหน้า 25
7-10. ชาวจีนเชื่อและนับถือศาสนาอะไรบ้าง และความเชื่อเหล่านั้นก่อผลเช่นไรต่อชีวิตพวกเขา?
7 เห็นได้ชัดว่า ศาสนาต่าง ๆ ทางตะวันตกไม่ได้ช่วยให้โลกมีความสงบและความสุขที่ยั่งยืน อีกทั้งไม่ได้สนองความต้องการด้านจิตใจของผู้คน. แล้วศาสนาทางตะวันออกล่ะเป็นอย่างไร? ตัวอย่างเช่น ผู้คนในประเทศจีนนับถือสามศาสนาใหญ่ ๆ คือ ลัทธิเต๋า ลัทธิขงจื๊อ และศาสนาพุทธ. ศาสนาเหล่านี้ได้ช่วยชาวจีนให้พบความสงบและมีความสุขที่ยั่งยืนไหม?
8 ทีแรก ลัทธิเต๋าไม่ใช่ศาสนา เป็นแค่หลักปรัชญา. เล่าจื๊อ ผู้ก่อตั้งหลักปรัชญานี้รู้สึกไม่พอใจกับความสับสนวุ่นวายที่เกิดขึ้นในสมัยนั้น เขาจึงปลีกตัวออกจากสังคมและหันเข้าหาธรรมชาติ. แต่เมื่อเวลาผ่านไป ลัทธิเต๋าก็กลายเป็นศาสนาหนึ่ง มีการกราบไหว้เทพเจ้าและเทพธิดามากมาย. ผู้ที่นับถือลัทธิเต๋าชอบการเสี่ยงทาย ดูฮวงจุ้ย ทำพิธีรีตอง. ดูเหมือนว่าลัทธิเต๋าไม่ได้ให้คำ
ตอบที่น่าพอใจเกี่ยวกับความหมายของชีวิตหรือสนองความต้องการด้านจิตใจของผู้คน.9 ในตอนแรก ลัทธิขงจื๊อเป็นปรัชญาที่สอนเรื่องศีลธรรมและจริยธรรมตามคำสอนของขงจื๊อผู้ก่อตั้งลัทธินี้. เมื่อเวลาผ่านไปหลายศตวรรษ ชาวจีนก็ซึมซับเอาแนวคิดตามลัทธิขงจื๊อเข้าไปในวัฒนธรรมและวิธีคิดของตน. แต่เนื่องจากลัทธิขงจื๊อเป็นแค่ปรัชญาชีวิต ลัทธินี้จึงไม่ได้ช่วยชาวจีนให้รู้จักพระผู้สร้าง และไม่ได้ช่วยพวกเขาให้สร้างสายสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับพระองค์. แม้ว่าการปฏิบัติตามหลักคำสอนของขงจื๊อจะมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่ลัทธินี้ก็ไม่ได้สนองความต้องการด้านจิตใจ และไม่ได้ทำให้ผู้คนมีความสงบและความสุขที่ยั่งยืน.
10 ประเทศจีนได้รับเอาศาสนาพุทธจากประเทศอินเดีย. ศาสนานี้สอนให้มีความเมตตาและอดกลั้น หลักปรัชญาที่ซับซ้อนของศาสนานี้ดึงดูดใจผู้คนมากมาย. แต่ศาสนานี้ช่วยผู้คนให้รู้จักผู้ทรงฤทธิ์ใหญ่ยิ่งแห่งเอกภพไหม? คำสอนของพระพุทธเจ้าสนองความต้องการด้านจิตใจของมนุษย์ไหม? หนังสือคำสอนของพุทธศาสนา (ภาษาอังกฤษ) กล่าวว่า “พุทธศาสนาไม่เชื่อว่ามีพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ใหญ่ยิ่งในเอกภพ”; “ทุกคนสามารถบรรลุโสดาบันได้”; “ทุกคนต้องพยายามด้วยตนเองเพื่อจะบรรลุโสดาบันและหลุดพ้นจากความทุกข์.” ศาสนาพุทธไม่ได้สอนให้เชื่อพระเจ้า แต่สอนให้พึ่งตัวเอง.
11. เพื่อจะสนองความต้องการด้านจิตใจ เราต้องรู้คำตอบในเรื่องใดบ้าง?
11 ถ้าคนเราเชื่ออย่างผิด ๆ เขาจะพบความจริงที่ช่วยเขาให้มีความสุขแท้ได้ไหม? ตลอดหลายยุคหลายสมัย ชาวจีนได้ปฏิบัติตามประเพณีที่สืบทอดกันมาในเรื่องการนมัสการบรรพบุรุษ รูปเคารพ และวิญญาณต่าง ๆ ที่สิงสถิตในธรรมชาติ พวกเขาหมกมุ่นกับการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้. ดังนั้น แนวคิดเรื่องพระเจ้าที่สนใจมนุษย์หรือพระผู้สร้างจึงเป็นเรื่องแปลกสำหรับชาวจีนส่วนใหญ่. แต่ดังที่ได้พิจารณาในตอนต้น เพื่อจะสนอง
ความต้องการด้านจิตใจ เราต้องรู้จักพระเจ้าองค์ใหญ่ยิ่งสูงสุด และเรียนรู้พระประสงค์ของพระองค์สำหรับมนุษย์. ความรู้เช่นนั้นจะช่วยเราให้ประพฤติสอดคล้องกับพระประสงค์ของพระองค์และมีความสุขที่ยั่งยืน. เราขอเชิญคุณตรวจสอบและหาคำตอบมีเหตุผลและน่าพอใจด้วยตัวคุณเองสำหรับคำถามต่อไปนี้: พระผู้สร้างมีอยู่จริงไหม? พระองค์รักและห่วงใยมนุษย์ไหม? พระองค์จะช่วยมนุษย์ให้หลุดพ้นจากปัญหาต่าง ๆ และพบความสงบและความสุขที่ยั่งยืนได้จริง ๆ ไหม?