คู่มือที่ทำให้มวลมนุษย์มีความสุข
1-3. คัมภีร์ไบเบิลเป็นหนังสือแบบไหน และหนังสือนี้ได้รับความสนใจแค่ไหน?
แม้จะมีหนังสือมากมายที่ให้แนวความคิดหลากหลาย แต่คัมภีร์ไบเบิลเป็นหนังสือที่โดดเด่นที่สุด. สารานุกรมบริแทนนิกาฉบับใหม่ กล่าวถึงคัมภีร์ไบเบิลว่า “น่าจะเป็นหนังสือที่มีอิทธิพลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์.” นี่ไม่ใช่การพูดเกินจริงอย่างแน่นอน. ให้เรามาดูกันว่า เหตุใดคัมภีร์ไบเบิลจึงเป็นหนังสือที่โดดเด่นเช่นนั้น.
เก่าแก่ แต่ยังมีการแจกจ่ายแพร่หลายที่สุด
2 คัมภีร์ไบเบิลเป็นหนังสือทางศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดเล่มหนึ่งซึ่งอยู่รอดมาจนถึงสมัยของเรา. ส่วนแรกของคัมภีร์ไบเบิลถูกเขียนเป็นภาษาฮีบรูโบราณเมื่อประมาณ 3,500 ปีมาแล้ว (ซึ่งตรงกับสมัยราชวงศ์ซางของจีน) โดยชาวอิสราเอลคนหนึ่งที่ชื่อโมเสส. หนังสือเล่มแรกในคัมภีร์ไบเบิลคือเยเนซิศ ซึ่งอธิบายลำดับการสร้างสิ่งต่าง ๆ และการเริ่มต้นของครอบครัวมนุษย์. ในช่วง 1,600 ปีต่อมา มีประมาณ 40 คนที่มีส่วนร่วมในการเขียนคัมภีร์ไบเบิลจนครบถ้วน. คัมภีร์ไบเบิลประกอบด้วยหนังสือเล่มเล็ก ๆ 66 เล่ม ซึ่งมีทั้งกฎหมาย คำพยากรณ์ ประวัติศาสตร์ บทกวี จดหมาย คำแนะนำ และอื่น ๆ อีก.
3 แม้คัมภีร์ไบเบิลจะเป็นหนังสือที่เก่าแก่และถูกต่อต้านและเกลียดชังอย่างรุนแรง แต่กลับกลายเป็นหนังสือที่มีการจ่ายแจกอย่างแพร่หลายที่สุดในประวัติศาสตร์. ปัจจุบันมีการแปลคัมภีร์ไบเบิลราว ๆ 2,500 ภาษา และแจกจ่ายออกไปแล้วประมาณ 3,000 ล้านเล่มทั้งแบบครบชุดหรือเฉพาะบางส่วน! กล่าวกันว่า 98 เปอร์เซ็นต์ของผู้คนบนโลกสามารถหาคัมภีร์ไบเบิลอ่านได้ในภาษาของตนเอง. ถ้าพระเจ้าทรงตั้งใจจะติดต่อสื่อสารกับมนุษย์โดยทางหนังสือเล่มหนึ่ง หนังสือนั้นก็น่าจะเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายและหาได้ง่าย เพื่อผู้คนจากทุกชาติทุกเผ่าพันธุ์จะสามารถอ่านและรับประโยชน์ได้ไม่ใช่หรือ? (1 ติโมเธียว 2:4) คัมภีร์ไบเบิลก็เป็นหนังสือแบบนั้นแหละ.
เนื้อหาเชื่อถือได้
4-8. คัมภีร์ไบเบิลเป็นอย่างไรในเรื่องความถูกต้องทางวิทยาศาสตร์และประวัติศาสตร์?
4 ถ้าคัมภีร์ไบเบิลมาจากพระเจ้าจริง ๆ เนื้อหาในหนังสือนี้ย่อมถูกต้องแม่นยำ
และเชื่อถือได้อย่างแน่นอน. คัมภีร์ไบเบิลเป็นอย่างนั้นไหม? คัมภีร์ไบเบิลเป็นอย่างไรในเรื่องความถูกต้องทางวิทยาศาสตร์และประวัติศาสตร์?5 แม้ว่าคัมภีร์ไบเบิลไม่ใช่ตำราวิทยาศาสตร์ แต่เมื่อพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ คัมภีร์ไบเบิลก็สอดคล้องกับวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว และไม่มีแง่คิดที่ผิด ๆ รวมทั้งทฤษฎีที่เหลวไหลต่าง ๆ ซึ่งมีอยู่อย่างแพร่หลายในสมัยที่มีการเขียนคัมภีร์ไบเบิล. ตัวอย่างเช่น ในสมัยโบราณ บางคนเชื่อว่าโลกตั้งอยู่บนช้างสี่ตัวซึ่งยืนอยู่บนหลังเต่าทะเลยักษ์. แต่คัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า “[พระเจ้า] ทรงกางแผ่นฟ้าเหนือออกไปยังที่เวิ้งว้าง. และทรงให้โลกห้อยอยู่โดยมิได้ติดกับอะไร.” (โยบ 26:7, เขียนประมาณปี 1473 ก่อน ส.ศ.) ราว ๆ 2,700 ปีมาแล้ว คัมภีร์ไบเบิลกล่าวไว้อย่างถูกต้องเกี่ยวกับรูปทรงของโลก โดยบอกว่ามี “องค์ที่ประทับเบื้องสูงบนขอบจักรวาล [“เหนือวงกลม,” ล.ม.] แห่งพิภพ.” (ยะซายา 40:22) ถ้าผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิลไม่ได้รับการดลใจจากพระเจ้าพวกเขาจะรู้ข้อเท็จจริงเหล่านั้นได้อย่างไร?
6 ข้อเท็จจริงที่มีกล่าวในคัมภีร์ไบเบิล บางเรื่องผู้คนเพิ่งจะรู้และได้รับการพิสูจน์ยืนยันทางวิทยาศาสตร์เมื่อไม่นานมานี้เอง. ตัวอย่างเช่น คัมภีร์ไบเบิลบอกไว้นานมาแล้วเรื่องการกำเนิดของเอกภพ (เยเนซิศ 1:1) สิ่งมีชีวิตทั้งสิ้นเกิดขึ้นตามลำดับที่ถูกต้อง (เยเนซิศ บท 1) และผลที่เกิดจากพันธุกรรม. (บทเพลงสรรเสริญ 139:16). นานก่อนที่ผู้คนจะเข้าใจเรื่องเชื้อโรคและสุขอนามัย ชาวอิสราเอลได้รับคำสั่งจากคัมภีร์ไบเบิลว่า ใครก็ตามที่แตะต้องศพ (หรืออุจจาระ) จะเป็นมลทินและเขาต้องชำระล้างร่างกายและเสื้อผ้าของตนให้สะอาด.—อาฤธโม 19:11-22; พระบัญญัติ 23:12-14
7 ผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิลรู้เรื่องที่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ได้อย่างไร? พวกเขาไม่อาจจะเขียนตามความคิดของตนได้ เพราะผู้คนในสมัยคัมภีร์ไบเบิลไม่มีความรู้เช่นนั้น. มีแต่พระผู้สร้างผู้มีฤทธิ์อำนาจและสติปัญญาเท่านั้นที่สามารถให้ข้อมูลเหล่านั้นได้. ดังนั้น จึงมีเหตุผลหนักแน่นที่จะเชื่อว่าคัมภีร์ไบเบิลมาจากพระเจ้าจริง ๆ.
8 จะว่าอย่างไรเรื่องประวัติศาสตร์? งานเขียนทางประวัติศาสตร์ในยุคโบราณส่วนใหญ่เต็มไปด้วยตำนานและเทพนิยายต่าง ๆ และมักจะยกย่องความสำเร็จตลอดจนชัยชนะของกษัตริย์หรือคนกลุ่มหนึ่ง ขณะที่ไม่ยอมเอ่ยถึงความล้มเหลวและความพ่ายแพ้ของพวกเขา. คัมภีร์ไบเบิลต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง บันทึกในคัมภีร์ไบเบิลถูกต้องแม่นยำและซื่อตรงอย่างแท้จริง. ชื่อ สถานที่ วันเวลา และยุคสมัยที่กล่าวถึงในคัมภีร์ไบเบิลสามารถพิสูจน์ได้. ตัวอย่างเช่น เมื่อพูดถึงช่วงเวลาที่พระเยซูเริ่มทำงานสั่งสอน บันทึกของคัมภีร์ไบเบิลบอกชื่อกษัตริย์และผู้นำเจ็ดคนที่ปกครองในช่วงเวลานั้น ด้วยเหตุนี้ ผู้อ่านสามารถสืบค้นหาปีที่แน่นอนลูกา 3:1, 2) ถ้าหนังสือเล่มหนึ่งถูกเขียนขึ้นโดยได้รับการชี้นำจากพระเจ้า หนังสือนั้นต้องเป็นความจริงและถูกต้องแม่นยำ เช่นเดียวกับคัมภีร์ไบเบิล.
ได้โดยเปรียบเทียบบันทึกของคัมภีร์ไบเบิลกับประวัติศาสตร์ที่เชื่อถือได้. (คำพยากรณ์แม่นยำ
9-12. (ก) คัมภีร์ไบเบิลพยากรณ์เรื่องอะไรบ้าง? (ข) คำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลที่สำเร็จเป็นจริงเป็นข้อพิสูจน์ในเรื่องใด?
9 มนุษย์ไม่สามารถบอกล่วงหน้าเกี่ยวกับอนาคตได้อย่างแม่นยำ. ถ้าหนังสือเล่มหนึ่งมีคำพยากรณ์ที่ถูกต้องแม่นยำทุกเรื่อง หนังสือนั้นจะมาจากความสามารถหรือสติปัญญาของมนุษย์ย่อมไม่ได้. คัมภีร์ไบเบิลมีคำพยากรณ์หลายร้อยข้อ ซึ่งส่วนใหญ่ได้สำเร็จเป็นจริงไปแล้ว. ตัวอย่างเช่น คัมภีร์ไบเบิลได้พยากรณ์ล่วงหน้าหลายร้อยปีเกี่ยวกับการล่มสลายของบาบิโลน เรื่องจักรวรรดิต่าง ๆ ที่จะปกครองโลกเรียงตามลำดับ การทำลายล้างกรุงเยรูซาเลม และการเนรเทศชาวยิวไปบาบิโลน.—ยะซายา 13:17-19; 44:26; ยิระมะยา 25:8-12; ดานิเอล 8:5-8, 20-22
10 คำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลที่เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์นั้นน่าทึ่งเป็นพิเศษ. พระเยซูมีชีวิตอยู่ในศตวรรษแรก. หลายร้อยปีก่อนการประสูติของพระเยซู มีคำพยากรณ์เกี่ยวกับพระองค์มากมายที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู (เรียกกันโดยทั่วไปว่า พันธสัญญาเดิม). คำพยากรณ์เหล่านี้ทั้งหมดสำเร็จเป็นจริงกับบุคคลคนเดียวคือพระเยซู ซึ่งหลายข้อสำเร็จเป็นจริงในวิธีที่พระองค์ไม่สามารถควบคุมได้. ตัวอย่างเช่น พระองค์ไม่สามารถกำหนดได้ว่าพระองค์จะประสูติเมื่อไรและที่ไหน ในตระกูลใด หรือจะถูกทรยศ ดูหมิ่น ทรมาน ประหาร สิ้นพระชนม์ และฝังในรูปแบบใด. (มีคา 5:2; ดานิเอล 9:25; เยเนซิศ 49:10; ซะคาระยา 11:12; ยะซายา 50:6; เพลงสรรเสริญ 22:7, 8; 34:20) ความสำเร็จเป็นจริงของคำพยากรณ์เหล่านี้และคำพยากรณ์อื่น ๆ พิสูจน์ว่าพระเยซูเป็นผู้ช่วยให้รอดที่พระเจ้าส่งมา.
11 คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้พยากรณ์เฉพาะเรื่องในสมัยโบราณเท่านั้น. แต่ยังบอก2 ติโมเธียว 3:1-5, และวิวรณ์ 6:3-8 คุณก็จะเห็นว่าคัมภีร์ไบเบิลพรรณนาสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้แม่นยำเพียงไร. ที่น่าสังเกตคือ หลังจากที่สงครามโลกครั้งที่หนึ่งสิ้นสุดลงและมีการก่อตั้งองค์การสันนิบาตชาติขึ้น บรรดาผู้นำของโลกได้กล่าวอย่างหนักแน่นว่า มนุษย์ได้รับบทเรียนอันขมขื่นแล้วและสงครามโลกจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก. แต่คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า ความทุกข์แสนสาหัสที่เกิดจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่งนั้นเป็นเพียง “การเริ่มต้นของความทุกข์ปวดร้าวเหมือนตอนเจ็บท้องคลอด.” (มัดธาย 24:8) ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์ว่าคัมภีร์ไบเบิลพยากรณ์ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ และความคิดของมนุษย์มักผิดพลาด.
ล่วงหน้าอย่างแม่นยำถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในสมัยของเราด้วย. ตัวอย่างเช่น แค่อ่านมัดธายบท 24, ลูกาบท 21,12 เนื่องจากคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลสำเร็จเป็นจริงอย่างแม่นยำ นี่จึงเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนมิใช่หรือว่าคัมภีร์ไบเบิลเป็นพระคำของพระเจ้าจริง ๆ? มีแต่พระเจ้าองค์ทรงฤทธิ์ใหญ่ยิ่งเท่านั้นที่สามารถให้ข้อมูลได้อย่างแม่นยำนานก่อนที่เหตุการณ์เหล่านั้นจะเกิดขึ้น.—2 เปโตร 1:21
คำแนะนำใช้ได้จริง
13-15. คำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับชีวิตประจำวันแสดงให้เห็นอย่างไรถึงสติปัญญาที่เหนือกว่าและใช้ได้จริง?
13 ชีวิตในโลกที่เห็นแก่ตัวทุกวันนี้เต็มไปด้วยปัญหา. หลายคนเดือดร้อนเพราะปัญหาเรื่องเงิน. ปัญหาร้ายแรงในชีวิตสมรสทำให้ครอบครัวพังทลาย. คนหนุ่มสาวก็ต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องเพื่อน เพศ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาเสพติด และอื่น ๆ. ถ้าคัมภีร์ไบเบิลเป็นคู่มือที่พระเจ้าจัดเตรียมเพื่อมนุษย์ทุกคนจริง ๆ หนังสือนี้ก็น่าจะช่วยผู้คนให้แก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้. คัมภีร์ไบเบิลช่วยได้จริงไหม?
14 แม้ว่าคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิลจะต่างไปจากแนวคิดของผู้คนทั่วไป แต่ก็ใช้ได้จริงและเกิดผลดี. ตัวอย่างเช่น เมื่อเกิดปัญหาในชีวิตสมรส บ่อยครั้งผู้ให้คำปรึกษาด้านชีวิตสมรสจะแนะนำให้แก้ปัญหาด้วยการแยกกันอยู่หรือหย่าร้าง. แต่คัมภีร์ไบเบิลชี้ให้เห็นว่าควรรักษาชีวิตสมรสไว้. นอกจากนี้ คัมภีร์ไบเบิลยังแนะนำทั้งสามีและภรรยาให้แสดงความรักและความนับถืออย่างสุดซึ้งต่อกัน ซึ่งจะป้องกันไม่ให้ปัญหาร้ายแรงก่อตัวขึ้น. (เอเฟโซส์ 5:22-28) ส่วนปัญหาเรื่องเงิน คัมภีร์ไบเบิลเตือนเราไม่ให้โลภและให้รู้จักพอ. คัมภีร์ไบเบิลยังสนับสนุนเราให้เลิกนิสัยที่ไม่ดีซึ่งทำให้สิ้นเปลืองเงินทอง เช่น ดื่มจัด, สูบบุหรี่, ใช้ยาเสพติด, และเล่นการพนัน. (1 ติโมเธียว 6:7-10) เรื่องมนุษยสัมพันธ์ คัมภีร์ไบเบิลแนะนำว่า “ด้วยเหตุนั้น สารพัดสิ่งที่เจ้าทั้งหลายต้องการให้คนอื่นทำต่อเจ้า จงทำอย่างนั้นต่อเขา.” (มัดธาย 7:12) ถ้าคุณทำทุกสิ่งด้วยความรัก คุณจะได้รับมิตรภาพและความนับถือจากคนอื่น ๆ และผลที่ได้รับก็คือ ความเครียดและความขัดแย้งก็จะลดลง.
15 จากไม่กี่ตัวอย่างนี้ คุณเห็นด้วยใช่ไหมว่าคำแนะนำของคัมภีร์ไบเบิลใช้ได้จริง และยังเหนือกว่าสติปัญญาของมนุษย์ด้วย? ที่จริง ทุกวันนี้มีหลายล้านคนตลอดทั่วโลกได้นำคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิลไปใช้ในชีวิตและจัดการกับปัญหาของตนได้. การทำตามคำแนะนำที่ใช้ได้จริงของคัมภีร์ไบเบิลย่อมทำให้มีความสงบและความสุขที่ยั่งยืน.
คำแนะนำที่ทำให้มนุษย์มีความสุข
16-18. (ก) คำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิลเหมาะสำหรับชาวจีนไหม? (ข) ตอนนี้คุณเชื่อไหมว่าคัมภีร์ไบเบิลเป็นหนังสือที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ทุกคน? โปรดอธิบาย.
16 หลายคนทางตะวันออกคิดว่า คัมภีร์ไบเบิลเป็นหนังสือของทางตะวันตก และคำแนะนำสั่งสอนในนั้นอาจจะไม่เหมาะกับคนทางตะวันออก. นั่นเป็นความจริงไหม? เนื่องจากพระผู้สร้างทรงเข้าใจความต้องการของมนุษย์ดียิ่งกว่าใคร ๆ พระองค์ทรงจัดเตรียมคัมภีร์ไบเบิลไว้เพื่อมนุษย์ทุกคนจะได้รับประโยชน์จากคำสอนในคัมภีร์ไบเบิล. ตัวอย่างเช่น บรรดานักปราชญ์และอาจารย์ชาวจีนตลอดทุกยุคทุกสมัยได้แต่งคติสอนใจและภาษิตเอาไว้มากมาย ซึ่งแน่นอนว่าบางข้อมีประโยชน์มากเมื่อนำไปใช้. แต่หลายข้อในภาษิตเหล่านั้นเพียงแต่สอนสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลสอน. นี่คือบางตัวอย่าง:
-
จงนับถือผู้อาวุโส: จงคำนับคนผมหงอกและนับถือคนแก่ (เลวีติโก 19:32)
-
จงนับถือพ่อแม่: จงนับถือบิดามารดาของเจ้า (เอ็กโซโด 20:12)
-
เมื่อดื่มน้ำ จงคิดถึงต้นน้ำ: ในปฐมวัยของเจ้าจงระลึกถึงพระองค์ผู้ได้ทรงสร้างตัวเจ้านั้น (ท่านผู้ประกาศ 12:1)
-
ใกล้แดงย่อมเปื้อนแดง ใกล้หมึกย่อมเปื้อนหมึก: จงดำเนินกับคนมีปัญญา; แต่การคบค้ากับคนโฉดเขลาจะได้รับความเจ็บแสบ (สุภาษิต 13:20)
17 พึงสังเกตว่า คำสอนดังกล่าวในคัมภีร์ไบเบิลถูกเขียนไว้นานก่อนที่จะมีปรัชญาต่าง ๆ ในจีน. จริง ๆ แล้ว คัมภีร์ไบเบิลเป็นประโยชน์อย่างมากมายต่อมนุษย์ทุกคน. คัมภีร์ไบเบิลช่วยเราให้พบจุดมุ่งหมายและความหมายที่แท้จริงของชีวิตได้. อาหารที่เรากินในแต่ละวันสนองความต้องการด้านร่างกายของเราฉันใด คัมภีร์ไบเบิลก็สนองความต้องการด้านจิตใจของเราฉันนั้น. (มัดธาย 5:3; โยฮัน 4:34) นอกจากนี้ คัมภีร์ไบเบิลยังช่วยให้เราใกล้ชิดพระเจ้าด้วย. ยิ่งเราใกล้ชิดพระผู้สร้างมากเท่าไร เราก็จะมีความสุขและความอิ่มใจพอใจมากเท่านั้น.
18 อย่างไรก็ตาม คัมภีร์ไบเบิลมีประโยชน์ไม่เพียงแต่ในชีวิตปัจจุบันนี้เท่านั้น. คัมภีร์ไบเบิลยังบอกว่า อีกไม่นานพระเจ้าจะกำจัดความชั่วช้าและความไม่ยุติธรรมทั้งสิ้นโดยรัฐบาลอันชอบธรรมของพระองค์. แผ่นดินโลกทั้งสิ้นจะกลายเป็นอุทยาน. แต่เราต้องทำอะไรเพื่อจะชื่นชมกับพระพรอันยอดเยี่ยมเช่นนั้น? เชิญอ่านในบทถัดไป.