บท 13
พระเจ้าเห็นด้วยกับการฉลองทุกอย่างไหม?
“ตรวจดูจนแน่ใจว่าอะไรคือสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เราทำซึ่งเป็นสิ่งที่ดี สมบูรณ์ และทำให้พระองค์พอใจ”—โรม 12:2
1. เราต้องทำอะไรเพื่อให้แน่ใจว่าพระยะโฮวาจะพอใจการนมัสการของเรา และทำไมเราต้องทำอย่างนั้น?
พระเยซูบอกว่า “คนที่นมัสการพระเจ้าอย่างถูกต้องจะนมัสการโดยให้พลังของพระเจ้าชี้นำและนมัสการอย่างที่สอดคล้องกับความจริง พระเจ้ามองหาคนอย่างนั้นให้มานมัสการพระองค์” (ยอห์น 4:23; 6:44) เราทุกคนต้อง “ตรวจดูจนแน่ใจว่าอะไรคือสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เราทำซึ่งเป็นสิ่งที่ดี สมบูรณ์ และทำให้พระองค์พอใจ” (โรม 12:2) เรื่องนี้ไม่ง่ายเสมอไป เพราะซาตานพยายามหลอกให้เราหลงไปทำสิ่งที่พระยะโฮวาไม่พอใจ—วิวรณ์ 12:9
2. ขออธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นใกล้ภูเขาซีนาย?
2 ซาตานใช้วิธีไหนเพื่อหลอกลวงเรา? วิธีหนึ่งคือ ทำให้เราสับสนว่าอะไรถูกอะไรผิด ลองสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นกับชาติอิสราเอลตอนตั้งค่ายพักใกล้ภูเขาซีนาย ตอนนั้นโมเสสเดินขึ้นไปบนภูเขาและประชาชนกำลังรอเขากลับมาที่ค่ายพัก แต่สุดท้ายพวกเขาก็รอไม่ไหวและขอให้อาโรนสร้างพระให้พวกเขา อาโรนจึงทำรูปเคารพทองคำที่เป็นรูปลูกวัว แล้วประชาชนก็จัดการฉลองขึ้น พวกเขาร้องรำทำเพลงและก้มกราบรูปลูกวัว และเชื่อว่านั่นเป็น การนมัสการพระยะโฮวา แม้คนส่วนใหญ่จะมองว่าการทำแบบนี้เป็น “การเลี้ยงฉลองให้พระยะโฮวา” แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการฉลองนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง พระยะโฮวาถือว่าการทำแบบนี้เป็นการไหว้รูปเคารพและหลายคนถูกลงโทษถึงตาย (อพยพ 32:1-6, 10, 28) เราได้บทเรียนอะไร? อย่าโดนหลอกง่าย ๆ เราต้องทำตามคำสั่งที่ว่า “อย่าแตะต้องสิ่งที่ไม่สะอาด” โดยไม่ทำอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับศาสนาเท็จ และเราต้องยอมให้พระยะโฮวาสอนว่าอะไรถูกอะไรผิด—อิสยาห์ 52:11; เอเสเคียล 44:23; กาลาเทีย 5:9
3, 4. ทำไมเราควรรู้ที่มาของการฉลองต่าง ๆ ที่ผู้คนนิยม?
3 ตอนที่พระเยซูอยู่บนโลก ท่านฝึกพวกอัครสาวกให้เป็นตัวอย่างที่ดีในการนมัสการที่สะอาด หลังจากพระเยซูเสียชีวิต พวกอัครสาวกก็สอนหลักการของพระยะโฮวาให้สาวกใหม่ต่อไป แต่หลังจากพวกอัครสาวกเสียชีวิต พวกผู้สอนเท็จเริ่มเอาคำสอนผิด ๆ ธรรมเนียม และการฉลองนอกรีตเข้ามาในประชาคม พวกเขาถึงกับเปลี่ยนชื่อการฉลองนอกรีตบางอย่างให้ดูเหมือนเป็นของคริสเตียน (2 เธสะโลนิกา 2:7, 10; 2 ยอห์น 6, 7) การฉลองหลายอย่างยังเป็นที่นิยมจนถึงทุกวันนี้ การฉลองเหล่านี้ส่งเสริมความเชื่อผิด ๆ และถึงกับส่งเสริมคำสอนเกี่ยวกับพวกปีศาจด้วย *—วิวรณ์ 18:2-4, 23
4 ทุกวันนี้การฉลองเทศกาลวันหยุดต่าง ๆ กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของผู้คนทั่วโลก แต่ถ้าคุณเข้าใจมุมมองของพระยะโฮวามากขึ้น คุณก็จะเห็นว่าจำเป็นต้องปรับมุมมองของคุณต่อการ ฉลองบางอย่าง เรื่องนี้อาจไม่ง่าย แต่คุณมั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะช่วยคุณ ให้เรามาดูว่าการฉลองบางอย่างที่ผู้คนนิยมกันมีที่มาอย่างไร แล้วเราจะเข้าใจว่าพระยะโฮวารู้สึกอย่างไรกับการฉลองเหล่านั้น
คริสต์มาสมีที่มาอย่างไร?
5. มีหลักฐานอะไรที่บอกให้รู้ว่าพระเยซูไม่ได้เกิดวันที่ 25 ธันวาคม?
5 หลายแห่งในโลกฉลองคริสต์มาสในวันที่ 25 ธันวาคมเพราะเชื่อกันว่าเป็นวันเกิดพระเยซู คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้บอกว่าพระเยซูเกิดวันไหนหรือเดือนอะไร แต่ให้ข้อมูลที่ทำให้รู้ว่าเป็นช่วงไหนของปี ลูกาเขียนว่าพระเยซูเกิดในเมืองเบธเลเฮมตอนที่ “คนเลี้ยงแกะอยู่ในทุ่ง” คอยดูแลฝูงแกะของพวกเขา (ลูกา 2:8-11) เดือนธันวาคมอากาศในเมืองเบธเลเฮมจะหนาว มีฝนและหิมะตก ดังนั้นคนเลี้ยงแกะจะไม่พาฝูงแกะออกไปข้างนอกตอนกลางคืน เราได้เรียนอะไรจากเรื่องนี้? เราได้เรียนว่าพระเยซูไม่ได้เกิดเดือนธันวาคมแต่เกิดในช่วงที่อากาศดีกว่านั้น ทั้งคัมภีร์ไบเบิลและหลักฐานทางประวัติศาสตร์อื่น ๆ บอกให้รู้ว่าท่านเกิดในช่วงใดช่วงหนึ่งระหว่างเดือนกันยายนและตุลาคม
6, 7. (ก) คริสต์มาสมีที่มาอย่างไร? (ข) เราควรให้ของขวัญเพราะอะไร?
6 ถ้าอย่างนั้น คริสต์มาสมีที่มาอย่างไร? คริสต์มาสมาจากเทศกาลนอกรีตหลายอย่าง เช่น เทศกาลแซทเทอร์นาเลียของชาวโรมัน ซึ่งเป็นการให้เกียรติแซทเทิร์นเทพแห่งการเกษตร สารานุกรมอเมริกานา บอกว่า “แซทเทอร์นาเลีย คือเทศกาลเลี้ยงฉลองของชาวโรมันที่จัดขึ้นกลางเดือนธันวาคม เป็นต้นแบบของธรรมเนียมรื่นเริงหลายอย่างในเทศกาลคริสต์มาส เช่น งานเลี้ยงที่มีการประดับ ประดา การให้ของขวัญ และการจุดเทียน ก็มีที่มาจากการฉลองนี้” นอกจากนั้น วันที่ 25 ธันวาคมยังเป็นการฉลองวันเกิดของมิทราสุริยเทพของเปอร์เซียด้วย
7 คนส่วนใหญ่ที่ฉลองคริสต์มาสในทุกวันนี้ไม่ได้คิดว่าวันคริสต์มาสมาจากเทศกาลนอกรีต พวกเขาแค่รอให้ถึงวันคริสต์มาสเพราะเป็นเวลาที่จะได้อยู่กับครอบครัว ได้กินอาหารด้วยกันและให้ของขวัญกัน คุณก็คงรักครอบครัวกับเพื่อน ๆ และพระ ยะโฮวาก็อยากให้ผู้รับใช้ของพระองค์แบ่งปันและให้ของขวัญคนอื่น ข้อคัมภีร์ 2 โครินธ์ 9:7 บอกเราว่า “พระเจ้ารักคนที่มีความสุขกับการให้” พระยะโฮวาไม่อยากให้เราเป็นผู้ให้เฉพาะในเทศกาลหรือโอกาสพิเศษเท่านั้น ประชาชนของพระยะโฮวามีความสุขที่ได้ให้ของขวัญและหาโอกาสใช้เวลากับเพื่อนและครอบครัวได้ตลอดทั้งปี ซึ่งเป็นการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน พวกเขาให้คนอื่นด้วยความรัก—ลูกา 14:12-14
8. พวกโหรให้ของขวัญพระเยซูตอนที่ท่านเป็นทารกแรกเกิดไหม? ขออธิบาย
8 หลายคนสนับสนุนเรื่องการให้ของขวัญวันคริสต์มาส โดยอ้างว่าตอนพระเยซูเป็นทารกแรกเกิดก็มีนักปราชญ์สามคนเอาของขวัญมาให้ท่านที่คอกสัตว์ เป็นเรื่องจริงที่มีผู้ชายกลุ่มหนึ่งเอาของขวัญมาให้พระเยซู ในสมัยคัมภีร์ไบเบิลไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะให้ของขวัญบุคคลสำคัญ (1 พงศ์กษัตริย์ 10:1, 2, 10, 13) แต่คุณรู้ไหม คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าสามคนนั้นเป็นพวกโหรซึ่งใช้เวทมนตร์และไม่ได้นมัสการพระยะโฮวา นอกจากนั้น พวกเขาไม่ได้มาหาพระเยซูตอนเป็นทารกในคอกสัตว์ แต่เป็นตอนที่พระเยซูอยู่ที่บ้าน ที่จริง น่าจะใช้เวลาหลายเดือนกว่าพวกโหรจากทิศตะวันออกจะเดินทางมาถึง ดังนั้น พระเยซูจึงไม่ได้เป็นทารกแรกเกิดแล้ว—มัทธิว 2:1, 2, 11
คัมภีร์ไบเบิลบอกอย่างไรเกี่ยวกับวันเกิด?
9. คัมภีร์ไบเบิลพูดถึงการฉลองวันเกิดของใครบ้าง?
9 วันที่เด็กคนหนึ่งเกิดมาเป็นวันที่น่าดีใจ (สดุดี 127:3) แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราควรฉลองวันเกิด ลองคิดให้ดีในเรื่องนี้ คัมภีร์ไบเบิลพูดถึงการฉลองวันเกิด 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นวันเกิด ของฟาโรห์แห่งอียิปต์ และอีกครั้งเป็นวันเกิดของกษัตริย์เฮโรดอันทีพาส (อ่านปฐมกาล 40:20-22; มาระโก 6:21-29) ผู้ปกครองทั้งสองคนไม่ได้รับใช้พระยะโฮวา ที่จริง ไม่มีที่ไหนในคัมภีร์ไบเบิลบอกว่าผู้รับใช้พระยะโฮวาฉลองวันเกิด
10. คริสเตียนยุคแรกคิดอย่างไรกับการฉลองวันเกิด?
10 สารานุกรม เดอะ เวิลด์ บุ๊ก บอกว่า คริสเตียนยุคแรก “ถือว่าการฉลองวันเกิดเป็นธรรมเนียมนอกรีต” ธรรมเนียมแบบนั้นมีพื้นฐานมาจากคำสอนเท็จ ตัวอย่างเช่น ชาวกรีกโบราณเชื่อว่าตอนที่คนเราเกิดจะมีวิญญาณคอยปกป้อง และเชื่อว่าวิญญาณนี้เกี่ยวข้องกับเทพเจ้าที่เกิดวันเดียวกับคนนั้น การฉลองวันเกิดในแต่ละปีจะทำให้เทพเจ้าช่วยปกป้องคนนั้นต่อไป คำสอนนอกรีตแบบนั้นยังบอกด้วยว่าวันเกิดเกี่ยวข้องกับโหราศาสตร์และการดูดวงชะตาราศี
11. พระยะโฮวาอยากให้เราแสดงความเอื้อเฟื้อในโอกาสไหนบ้าง?
11 หลายคนมองว่าวันเกิดเป็นวันพิเศษที่คนอื่นต้องมาแสดงความรักและความสนใจเขา แต่เราสามารถแสดงความรักต่อครอบครัวและเพื่อน ๆ ได้ตลอดทั้งปี ไม่ใช่แค่วันใดวันหนึ่ง พระยะโฮวาอยากให้เราแสดงความกรุณาและความเอื้อเฟื้อทุก ๆ วัน (อ่านกิจการ 20:35) เราขอบคุณพระยะโฮวาที่เรามีชีวิต ซึ่งเป็นของขวัญที่ยอดเยี่ยมจากพระองค์ เราขอบคุณพระองค์ทุกวันไม่ใช่แค่ในวันเกิดเท่านั้น—สดุดี 8:3, 4; 36:9
12. ทำไมวันตายถึงดีกว่าวันเกิด?
12 ปัญญาจารย์ 7:1 บอกว่า “ชื่อเสียงดีก็ดีกว่าน้ำมันหอมราคาแพง และวันตายดีกว่าวันเกิด” ทำไมวันตายถึงดีกว่าวันเกิด? เพราะตอนเกิดมา เรายังไม่ได้ทำอะไรในชีวิตของเราไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี แต่เมื่อเราใช้ชีวิตเพื่อรับใช้พระยะโฮวาและทำสิ่งดีเพื่อคนอื่น เราก็สร้าง “ชื่อเสียงดี” และพระยะโฮวาจะไม่ลืมแม้เราเสียชีวิตไปแล้ว (โยบ 14:14, 15) ประชาชนของพระยะโฮวาไม่ฉลองวันเกิดของพวกเขาและวันเกิดของพระเยซู ที่จริง การฉลองอย่างเดียวที่พระเยซูสั่งให้พวกเราทำคือ การประชุมอนุสรณ์เพื่อระลึกถึงการเสียชีวิตของท่าน—ลูกา 22:17-20; ฮีบรู 1:3, 4
วันส่งท้ายปีเก่าและวันขึ้นปีใหม่
13, 14. วันส่งท้ายปีเก่าและวันขึ้นปีใหม่มีที่มาอย่างไร?
13 ถึงแม้ว่าแต่ละท้องถิ่นจะมีธรรมเนียมต่างกัน แต่ในหลายประเทศก็มีประเพณีที่ผู้คนจะรอจนถึงเที่ยงคืนวันที่ 31 ธันวาคมเพื่อ “ส่งท้ายปีเก่า” ในคืนนั้นมักมีการให้ของขวัญ มีการสัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองในปีใหม่ที่จะมาถึง มีการดื่มสังสรรค์กันจนเมาและปล่อยเนื้อปล่อยตัว บางอย่างที่คนสมัยนี้ทำกันก็เกี่ยวข้องกับการฉลองแบบนอกรีต เช่น การจุดพลุเพื่อขับไล่ปีศาจ นอกจากนั้น สารานุกรม เดอะ เวิลด์ บุ๊ก บอกว่า “ปี 46 ก่อน ค.ศ. จูเลียส ซีซาร์ ผู้ปกครองชาวโรมันเป็นผู้กำหนดให้วันที่ 1 มกราคมเป็นวันขึ้นปีใหม่ ชาวโรมันได้อุทิศวันนี้ให้แก่ยานุส เทพเจ้าแห่งประตู ทางเข้าออก และการเริ่มต้น มีการตั้งชื่อเดือนมกราคม (January) ตามชื่อของเทพเจ้ายานุสซึ่งมีสองหน้า—หน้าหนึ่งมองไปข้างหน้าและอีกหน้าหนึ่งมองไปข้างหลัง” ดังนั้น การฉลองปีใหม่จึงมีที่มาจากประเพณีนอกรีต
14 เมื่อพระยะโฮวาเห็นคริสเตียนฉลองเทศกาลที่มาจากธรรมเนียมนอกรีต พระองค์จะพอใจไหม? ไม่มีทาง (2 โครินธ์ 6:17, 18) ที่จริงพระยะโฮวาไม่เคยขอให้เราฉลองเทศกาลเหล่านี้
วันฮาโลวีนคืออะไร?
15. วันฮาโลวีนมีที่มาอย่างไร?
15 วันฮาโลวีนหรือเรียกอีกอย่างว่าวันก่อนวันฉลองนักบุญ วันฮาโลวีนเกี่ยวข้องกับแม่มดและผีปีศาจ การฉลองนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะในวันดวงจันทร์เต็มดวงที่ใกล้วันที่ 1 พฤศจิกายนมากที่สุด ชาวเคลต์โบราณในอังกฤษและไอร์แลนด์จะฉลองเทศกาลซาวิน พวกเขาเชื่อว่าในช่วงเทศกาลนี้วิญญาณคนตายจะกลับมาบนโลก ผู้คนจะตั้งอาหารและเครื่องดื่มไว้ให้พวกวิญญาณเพื่อพวกมันจะได้ไม่มาทำร้าย ในทุกวันนี้เด็ก ๆ จะแต่งตัวเป็นผีและไปตามบ้านแล้วพูดว่า “ทริกออร์ทรีต” เพื่อขอขนม แต่พวกเด็ก ๆ ไม่รู้เลยว่าการทำแบบนี้เป็นการเลียนแบบธรรมเนียมที่เกี่ยวกับพวกปีศาจ
งานแต่งงานแบบที่พระเจ้าพอใจ
16, 17. เราควรคิดถึงอะไรเมื่อวางแผนจัดงานแต่งงาน?
16 งานแต่งงานเป็นโอกาสที่มีความสุข คนทั่วโลกมีรูปแบบงานแต่งงานที่แตกต่างกันไป ผู้คนมักไม่ค่อยสนใจว่าธรรมเนียมการแต่งงานของเขามีที่มาอย่างไร พวกเขาจึงอาจไม่รู้ว่าธรรมเนียมบางอย่างมาจากความเชื่อของศาสนานอกรีต แต่คริสเตียนที่กำลังจะแต่งงานต้องทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะจัดงานแต่งงานแบบที่พระยะโฮวาพอใจ พวกเขาจะตัดสินใจได้ดีขึ้นถ้ารู้ที่มาของธรรมเนียมต่าง ๆ เรื่องการแต่งงาน—มาระโก 10:6-9
17 เชื่อกันว่าธรรมเนียมบางอย่างเกี่ยวกับการแต่งงานจะทำให้คู่บ่าวสาวมี “โชคลาภ” (อิสยาห์ 65:11) ตัวอย่างเช่น เชื่อกันว่าการโปรยถั่วงาข้าวตอกดอกไม้ลงบนสินสอด จะทำให้คู่บ่าวสาวมีลูกหลานสืบสกุล มีความสุข มีชีวิตยืนยาว และปลอดภัยจากสิ่งชั่วร้าย แต่คริสเตียนต้องระวังที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับศาสนาเท็จ—อ่าน 2 โครินธ์ 6:14-18
18. คัมภีร์ไบเบิลมีหลักการอะไรอีกที่ใช้ได้กับการจัดงานแต่งงาน?
18 คริสเตียนอยากให้งานแต่งงานของพวกเขาเป็นโอกาสที่น่า ยินดีและมีเกียรติ และทำให้ทุกคนที่มาร่วมงานมีความสุข แขกที่มางานแต่งงานของคริสเตียนจะไม่พูดหยาบคาย ไม่พูดเรื่องลามก และไม่ทำให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวหรือคนอื่นต้องอับอายขายหน้า (สุภาษิต 26:18, 19; ลูกา 6:31; 10:27) งานแต่งงานของคริสเตียนไม่ควรเน้น “การโอ้อวดทรัพย์สมบัติ” (1 ยอห์น 2:16) ถ้าคุณกำลังวางแผนจัดงานแต่งงาน ขอทำให้แน่ใจว่างานแต่งงานของคุณจะมีแต่ความทรงจำที่งดงาม—ดูคำอธิบายเพิ่มเติม 28
ที่มาของการดื่มอวยพร
19, 20. การดื่มอวยพรมีที่มาอย่างไร?
19 การดื่มอวยพรเป็นธรรมเนียมที่นิยมในงานแต่งงานและงานสังคมต่าง ๆ โดยจะมีคนหนึ่งกล่าวคำอวยพรและคนอื่น ๆ ยกแก้วของตัวเองขึ้น แล้วคริสเตียนควรคิดอย่างไรกับการดื่มอวยพร?
20 คู่มือสากลว่าด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และวัฒนธรรม (ภาษาอังกฤษ) บอกว่าการดื่มอวยพรอาจมีที่มาจากธรรมเนียมนอกรีตสมัยโบราณ “ที่มีการถวายเครื่องดื่มศักดิ์สิทธิ์ให้เหล่าเทพเจ้า . . . เพื่อแลกกับคำอวยพร ซึ่งสรุปสั้น ๆ ได้ว่า ‘ขอให้อายุยืน!’ หรือ ‘ขอให้สุขภาพดี!’” ในสมัยโบราณ ผู้คนชูถ้วยของเขาเพื่อขอพรจากเทพเจ้า แต่พระยะโฮวาไม่ได้ให้เราทำแบบนั้นเพื่อจะได้พรจากพระองค์—ยอห์น 14:6; 16:23
“พวกคุณที่รักพระยะโฮวา ขอให้เกลียดสิ่งชั่ว”
21. มีการฉลองแบบไหนอีกที่คริสเตียนควรหลีกเลี่ยง?
21 ก่อนตัดสินใจเข้าร่วมการฉลองอย่างใดอย่างหนึ่ง ขอให้คิดก่อนว่าการฉลองนั้นส่งเสริมความคิดและการกระทำแบบไหน การ ฉลองบางอย่าง เช่น เทศกาลคาร์นิวัล มีการเต้นรำโป๊เปลือยยั่วยวน การดื่มจนเมามาย และการผิดศีลธรรมทางเพศ การฉลองแบบนั้นอาจสนับสนุนแนวทางชีวิตแบบเกย์และเลสเบี้ยน นอกจากนั้น ยังมีการฉลองที่สนับสนุนความคิดที่ว่าชาติตัวเองดีกว่าชาติอื่นด้วย ถ้าเราเข้าร่วมการฉลองแบบนั้น เรากำลังแสดงให้เห็นว่าเราเกลียดสิ่งที่พระยะโฮวาเกลียดจริง ๆ ไหม?—สดุดี 1:1, 2; 97:10; 119:37
22. อะไรช่วยให้คริสเตียนตัดสินใจได้ว่าจะเข้าร่วมกับการฉลองหรือไม่?
22 คริสเตียนต้องระวังที่จะไม่เข้าร่วมการฉลองที่ไม่ให้เกียรติพระเจ้า อัครสาวกเปาโลเขียนว่า “ไม่ว่าคุณจะกิน จะดื่ม หรือจะทำอะไรก็ตาม ให้คุณทำทุกสิ่งแบบที่จะทำให้พระเจ้าได้รับการยกย่องสรรเสริญ” (1 โครินธ์ 10:31; ดูคำอธิบายเพิ่มเติม 29) แน่นอนว่า ไม่ใช่การฉลองทุกอย่างเกี่ยวข้องกับการผิดศีลธรรม ศาสนาเท็จ หรือการยกย่องชาติตัวเอง ถ้าการฉลองนั้นไม่ขัดกับหลักการในคัมภีร์ไบเบิล เราต้องตัดสินใจด้วยตัวเองว่าจะเข้าร่วมหรือไม่ แต่เราต้องคิดด้วยว่าการตัดสินใจนั้นจะมีผลต่อความรู้สึกของคนอื่นอย่างไร
ให้เกียรติพระยะโฮวาด้วยคำพูดและการกระทำ
23, 24. เราจะอธิบายเหตุผลที่เราเลิกฉลองวันหยุดบางอย่างกับญาติที่ไม่ได้เป็นพยานพระยะโฮวาได้อย่างไร?
23 คุณอาจเลิกเข้าร่วมการฉลองที่ไม่ให้เกียรติพระยะโฮวา แต่คนในครอบครัวที่ไม่ได้เป็นพยานพระยะโฮวาอาจคิดว่าคุณไม่เข้าร่วมเพราะไม่รักและไม่สนใจพวกเขาแล้ว พวกเขาอาจรู้สึกว่าวัน หยุดเทศกาลเป็นช่วงเวลาเดียวที่ครอบครัวจะได้อยู่ด้วยกัน ถ้าพวกเขารู้สึกแบบนั้นคุณจะทำอะไรได้บ้าง? มีหลายวิธีที่คุณจะทำให้พวกเขามั่นใจว่าคุณยังรักและให้ความสำคัญคนในครอบครัวเสมอ (สุภาษิต 11:25; ปัญญาจารย์ 3:12, 13) คุณอาจเชิญพวกเขามาหาคุณและใช้เวลาด้วยกันในโอกาสอื่นก็ได้
24 ถ้าญาติ ๆ อยากรู้ว่าทำไมคุณถึงเลิกฉลองวันหยุดบางอย่าง คุณสามารถหาข้อมูลและวิธีอธิบายเหตุผลจากสิ่งพิมพ์ของเราและจากเว็บไซต์ jw.org คุณไม่ควรทำให้พวกเขาคิดว่าคุณอยากจะเอาชนะ หรือกำลังบังคับให้พวกเขาคิดเหมือนคุณ พยายามช่วยให้ครอบครัวเห็นว่าคุณได้คิดอย่างรอบคอบแล้วถึงตัดสินใจแบบนี้ คุณควรใจเย็นและ “ให้คำพูดของพวกคุณเป็นคำพูดที่กรุณาเสมอเหมือนอาหารที่ปรุงด้วยเกลือ”—โคโลสี 4:6
25, 26. พ่อแม่จะช่วยลูกให้รักมาตรฐานของพระยะโฮวาได้อย่างไร?
25 เป็นเรื่องสำคัญที่เราทุกคนต้องรู้เหตุผลชัดเจนว่าทำไมเราถึงไม่เข้าร่วมการฉลองบางอย่าง (ฮีบรู 5:14) เป้าหมายของเราคือการทำให้พระยะโฮวาพอใจ และถ้าเราเป็นพ่อแม่ เราต้องใช้เวลาเพื่อช่วยลูกให้รักและเข้าใจหลักการจากคัมภีร์ไบเบิล ถ้าลูกรู้สึกว่าพระยะโฮวาเป็นห่วงเขาจริง ๆ เขาก็จะอยากทำให้พระองค์พอใจ—อิสยาห์ 48:17, 18; 1 เปโตร 3:15
26 พระยะโฮวามีความสุขที่เห็นเราทำทุกสิ่งที่ทำได้ เพื่อนมัสการพระองค์ในแบบที่สะอาดบริสุทธิ์และซื่อสัตย์ (ยอห์น 4:23) แต่หลายคนคิดว่าคนเราไม่สามารถซื่อสัตย์ได้ในโลกที่ไม่ซื่อสัตย์ นั่นเป็นความจริงไหม? ให้เรามาคุยกันในบทต่อไป
^ คุณสามารถอ่านรายละเอียดของการฉลองบางอย่างได้ในคู่มือค้นคว้าสำหรับพยานพระยะโฮวา และเว็บไซต์ jw.org/th