บท 7
วิธีประกาศ—ใช้ทุกวิธีเพื่อให้ข่าวสารไปถึงผู้คน
1, 2. (ก) พระเยซูทำอย่างไรเพื่อพูดกับผู้ฟังกลุ่มใหญ่? (ข) สาวกที่ซื่อสัตย์ของพระคริสต์เลียนแบบท่านอย่างไร และทำไม?
ผู้คนมากมายพากันมาหาพระเยซูที่ริมทะเลสาบ ท่านลงไปในเรือแล้วให้ลอยอยู่ใกล้ฝั่ง ทำไมท่านทำแบบนั้น? เพราะพระเยซูรู้ว่าเสียงของท่านจะดังขึ้นเมื่อสะท้อนกับผิวน้ำ และคนกลุ่มใหญ่นี้ก็จะได้ยินข่าวสารของท่านชัดเจนขึ้น—อ่านมาระโก 4:1, 2
2 ในช่วงของการก่อตั้งราชอาณาจักร สาวกที่ซื่อสัตย์ทำตามตัวอย่างของพระคริสต์ พวกเขาใช้วิธีใหม่ ๆ เพื่อให้ข่าวดีเรื่องการปกครองของพระเจ้าไปถึงผู้ฟังจำนวนมาก เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปหรือเมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ประชาชนของพระเจ้าก็คิดค้นและปรับเปลี่ยนวิธีประกาศอยู่เรื่อย ๆ ตามการชี้นำของกษัตริย์เยซู พวกเราอยากให้ข่าวสารไปถึงผู้คนจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ก่อนอวสานจะมาถึง (มัด. 24:14) ลองมาดูบางวิธีที่เราเคยใช้เพื่อให้ข่าวสารไปถึงผู้คน ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน และขอให้คิดถึงวิธีที่คุณเองจะเลียนแบบความเชื่อของคนที่เผยแพร่ข่าวดีในยุคแรก ๆ
ให้ข่าวสารไปถึงคนกลุ่มใหญ่
3. ทำไมการใช้หนังสือพิมพ์เพื่อเผยแพร่ข่าวสารของเราจึงทำให้ศัตรูของความจริงไม่พอใจ?
3 หนังสือพิมพ์ พี่น้องรัสเซลล์และเพื่อนร่วมงานของเขาจัดพิมพ์หอสังเกตการณ์ มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1879 ทำให้หลายคนได้รู้ข่าวสารเรื่องราชอาณาจักร แต่ในช่วงสิบปีก่อนถึงปี 1914 ดูเหมือนว่าพระคริสต์ได้ทำอะไรอีกหลายอย่างเพื่อให้ข่าวดีไปถึงผู้คนมากขึ้น เริ่มตั้งแต่ปี 1903 ดร. อี. แอล. อีตัน โฆษกของนักเทศน์นิกายโปรเตสแตนต์ในรัฐเพนซิลเวเนียได้ท้าชาลส์ เทซ รัสเซลล์ให้มาโต้วาทีกับเขาในเรื่องหลักคำสอนของคัมภีร์ไบเบิล อีตันเขียนจดหมายถึงรัสเซลล์ว่า “ผมว่าการโต้วาทีต่อหน้าสาธารณะชนในประเด็นที่เรา 2 คนมีความคิดเห็นต่างกัน . . . คงจะเป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจมาก” รัสเซลล์และเพื่อน ๆ ก็คิดว่าคนทั่วไปน่าจะสนใจเหมือนกัน พวกเขาจึงนำเรื่องที่โต้วาทีไปลงในหนังสือพิมพ์ชั้นนำชื่อเดอะ พิตส์เบิร์ก กาเซท ผู้คนชื่นชอบและประทับใจบทความและคำอธิบายที่ชัดเจนของรัสเซลล์เกี่ยวกับความจริงในคัมภีร์ ไบเบิลถึงขนาดที่หนังสือพิมพ์นี้อยากจะพิมพ์คำบรรยายของรัสเซลล์ทุกสัปดาห์ เรื่องนี้คงทำให้พวกศัตรูของความจริงไม่พอใจมาก!
พอถึงปี 1914 มีหนังสือพิมพ์มากกว่า 2,000 ฉบับที่พิมพ์คำเทศน์ของรัสเซลล์
4, 5. พี่น้องรัสเซลล์แสดงคุณลักษณะอะไร และคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบในองค์การของพระเจ้าจะเลียนแบบเขาได้อย่างไร?
4 ไม่นาน หนังสือพิมพ์ฉบับอื่น ๆ ก็อยากพิมพ์คำบรรยายของรัสเซลล์ด้วย พอถึงปี 1908 หอสังเกตการณ์ รายงานว่า มีการพิมพ์คำเทศน์ต่าง ๆ ของรัสเซลล์ “เป็นประจำในหนังสือพิมพ์ 11 ฉบับ” แต่พี่น้องบางคนที่คุ้นเคยกับงานด้านหนังสือพิมพ์แนะนำรัสเซลล์ว่าน่าจะย้ายสำนักงานของสมาคมจากพิตส์เบิร์กไปยังเมืองที่มีชื่อเสียงมากกว่า เพื่อหนังสือพิมพ์อีกหลายฉบับจะได้ลงบทความเหล่านั้นด้วย หลังจากทบทวนคำแนะนำนั้นและปัจจัยอื่น ๆ รัสเซลล์ได้ย้ายสำนักงานไปที่บรุกลิน นิวยอร์กในปี 1909 ผลเป็นอย่างไร? หลังจากย้ายไปไม่กี่เดือนก็มีหนังสือพิมพ์ประมาณ 400 ฉบับที่พิมพ์คำบรรยายของเขา และต่อมาก็ลงในหนังสือพิมพ์ฉบับอื่น ๆ อีก เมื่อราชอาณาจักรก่อตั้งในปี 1914 มีหนังสือพิมพ์มากกว่า 2,000 ฉบับใน 4 ภาษาที่พิมพ์คำเทศน์และบทความของรัสเซลล์!
5 เรื่องนี้สอนบทเรียนสำคัญอะไรให้เรา? ทุกวันนี้ คนที่มีหน้าที่รับผิดชอบในองค์การของพระเจ้าควรเลียนแบบความถ่อมใจของรัสเซลล์ โดยคิดถึงคำแนะนำที่ได้รับจากคนอื่นก่อนจะตัดสินใจเรื่องสำคัญ—อ่านสุภาษิต 15:22
6. ความจริงที่ลงในหนังสือพิมพ์ส่งผลต่อผู้หญิงคนหนึ่งอย่างไร?
6 ความจริงเรื่องราชอาณาจักรที่ลงในหนังสือพิมพ์เปลี่ยนชีวิตผู้คนได้ (ฮีบรู 4:12) ตัวอย่างเช่น ออร่า เฮทเซล ซึ่งรับบัพติสมาปี 1917 ได้เรียนความจริงครั้งแรกจากบทความเหล่านั้น ออร่าเล่าว่า “หลังแต่งงาน ฉันไปเยี่ยมแม่ที่เมืองโรเชสเตอร์ในรัฐมินนิโซตา พอไปถึง ฉันเห็นแม่กำลังตัดบทความที่เป็นคำเทศน์ของรัสเซลล์จากหนังสือพิมพ์ แม่อธิบายให้ฉันฟังเกี่ยวกับสิ่งที่แม่ได้เรียนจากบทความเหล่านั้น” ออร่าตอบรับความจริง และเป็นผู้ประกาศข่าวสารเรื่องราชอาณาจักรที่ซื่อสัตย์มาตลอด 60 ปี
7. ทำไมคนที่นำหน้าในองค์การต้องคิดทบทวนเรื่องการใช้หนังสือพิมพ์เพื่อเผยแพร่ข่าวดี?
7 ในปี 1916 มีเหตุการณ์สำคัญ 2 อย่างเกิดขึ้น ซึ่งทำให้คนที่นำหน้าในองค์การต้องคิดทบทวนว่าพวกเขายังจะใช้หนังสือพิมพ์เผยแพร่ข่าวดีต่อไปหรือไม่ เหตุการณ์แรกคือ สงครามโลกครั้งที่ 1 ที่กำลังดุเดือดซึ่งทำให้วัสดุที่ใช้ในการพิมพ์หายากขึ้น ในปี 1916 รายงานจากแผนกหนังสือพิมพ์ของเราในอังกฤษพูดถึงปัญหานี้ว่า “มีหนังสือพิมพ์แค่ 30 กว่าฉบับที่พิมพ์คำเทศน์ในช่วงนี้ และไม่นานก็คงจะลดลงอีกมาก เพราะตอนนี้กระดาษแพง” เหตุการณ์ที่ 2 คือพี่น้องรัสเซลล์เสียชีวิตในวันที่ 31 ตุลาคม 1916 ดังนั้น หอสังเกตการณ์ 15 ธันวาคม 1916 จึงมีคำประกาศว่า “เราจะเลิกลงคำเทศน์ [ในหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ] เนื่องจากพี่น้องรัสเซลล์เสียชีวิตแล้ว” ถึงแม้จะยกเลิกวิธีประกาศแบบนี้ แต่ยังมีวิธีอื่นอีกที่ใช้ได้ผล เช่น การฉาย “ภาพยนตร์เรื่องการสร้าง”
8. มีการผลิต “ภาพยนตร์เรื่องการสร้าง” อย่างไร?
8 การบรรยายโดยใช้ภาพประกอบ รัสเซลล์และเพื่อนร่วมงานของเขาทำงานประมาณ 3 ปีเพื่อผลิต “ภาพยนตร์เรื่องการสร้าง” ซึ่งออกฉายครั้งแรกในปี 1914 (สุภา. 21:5) มีการใช้เทคนิคใหม่เพื่อสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้โดยประกอบภาพเคลื่อนไหว แผ่นสไลด์กระจก และเสียงที่บันทึกไว้เข้าด้วยกัน หลายร้อยคนได้ร่วมแสดงในฉากเหตุการณ์ต่าง ๆ จากคัมภีร์ไบเบิลแล้วบันทึกลงบนฟิล์ม และแม้แต่สัตว์หลายชนิดก็ถูกนำมาเข้าฉากด้วย รายงานในปี 1913 บอกว่า “มีการเอาสัตว์จำนวนมากจากสวนสัตว์ใหญ่แห่งหนึ่งมาเข้าฉากเพื่อทำภาพเคลื่อนไหวในเรื่องโนอาห์” นักวาดรูปจากลอนดอน นิวยอร์ก ปารีส และฟีลาเดลเฟีย วาดและระบายสีสไลด์กระจกทีละแผ่นจำนวนหลายร้อยชิ้นเพื่อผลิตภาพยนตร์นี้
9. ทำไมจึงมีการทุ่มเวลาและเงินทุนมากมายเพื่อผลิต “ภาพยนตร์เรื่องการสร้าง”?
9 ทำไมจึงต้องทุ่มเวลาและเงินทุนมากมายเพื่อผลิต “ภาพยนตร์เรื่องการสร้าง”? มติที่มีการยอมรับในการประชุมใหญ่ในปี 1913 อธิบายว่า “หนังสือพิมพ์ในอเมริกาประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เพราะสามารถหล่อหลอมความคิดของคนทั่วไปโดยใช้การ์ตูนหรือภาพประกอบ เรื่องนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่าการใช้ภาพเคลื่อนไหวประกอบภาพยนตร์คุ้มค่ากับเวลาและเงินมากมายที่ใช้ไป เนื่องจากเราเป็นผู้ประกาศที่ก้าวหน้าและครูสอนในชั้นเรียนพระคัมภีร์ เราเชื่อว่ามีเหตุผลเพียงพอที่จะสนับสนุนวิธีประกาศโดยใช้ภาพเคลื่อนไหวและแผ่นสไลด์อย่างเต็มที่ และนี่ก็เป็นวิธีสอนที่มีประสิทธิภาพและน่าดึงดูดใจ”
10. “ภาพยนตร์เรื่องการสร้าง” ถูกนำไปฉายกว้างไกลขนาดไหน?
10 ช่วงปี 1914 มีการฉาย “ภาพยนตร์เรื่องการสร้าง” ทุกวันใน 80 เมือง ผู้คนในสหรัฐและแคนาดาเกือบ 8 ล้านคนได้ดูภาพยนตร์นี้ ปีเดียวกันนั้นก็มีการฉาย “ภาพยนตร์เรื่องการสร้าง” ที่เดนมาร์ก นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ ฟินแลนด์ เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ สวีเดน ออสเตรเลีย และอังกฤษ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมีแบบที่ไม่มีภาพเคลื่อนไหวเรียกว่า “ยูเรกา ดรามา” ซึ่งสามารถนำไปฉายตามเมืองเล็ก ๆ ได้เพราะใช้ต้นทุนต่ำกว่าและขนย้ายง่ายกว่า พอถึงปี 1916 มีการแปล “ภาพยนตร์เรื่องการสร้าง” หรือไม่ก็ “ยูเรกา ดรามา” เป็นภาษากรีก ดาโน-นอร์เวย์ โปแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมัน สวีเดน สเปน อาร์เมเนีย อิตาลี
ในช่วงปี 1914 มีคนไปดู “ภาพยนตร์เรื่องการสร้าง” จนเต็มห้องประชุม
11, 12. “ภาพยนตร์เรื่องการสร้าง” ส่งผลต่อเด็กหนุ่มคนหนึ่งอย่างไร และเขาเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องอะไร?
11 “ภาพยนตร์เรื่องการสร้าง” ที่แปลเป็นภาษาฝรั่งเศสส่งผลอย่างมากต่อเด็กหนุ่มอายุ 18 ปีที่ชื่อชาลส์ โรเนร์ เขาเล่าว่า “ภาพยนตร์เรื่องนี้มาฉายในเมืองของผมคือ เมืองโกลมาร์ แคว้นอัลซาส ประเทศฝรั่งเศส ตั้งแต่ฉากแรก ๆ ผมก็ประทับใจมากที่มีการสอนความจริงในคัมภีร์ไบเบิลชัดเจนขนาดนั้น”
12 ภาพยนตร์เรื่องนี้กระตุ้นชาลส์ให้รับบัพติสมาและเริ่มรับใช้เต็มเวลาในปี 1922 งานอย่างหนึ่งที่เขาได้รับมอบหมายในช่วงแรก ๆ ก็คือช่วยฉาย “ภาพยนตร์เรื่องการสร้าง” ในฝรั่งเศส ชาลส์เล่าว่า “ผมมีหน้าที่หลายอย่าง ทั้งเล่นไวโอลิน ทำบัญชี รับผิดชอบเรื่องหนังสือ และก่อนจะเริ่มฉายภาพยนตร์ผมยังขอให้ผู้ชมนั่งเงียบ ๆ ด้วย ระหว่างช่วงพัก เราก็เสนอหนังสือให้ผู้ชม เรามอบหมายให้พี่น้องชายหญิงแต่ละคนดูแลบริเวณหนึ่งในโรงฉายภาพยนตร์ พวกเขาจะหอบหนังสือไป และถามทุกคนที่นั่งอยู่บริเวณนั้นว่ามีใครอยากได้หนังสือไหม เราตั้งโต๊ะที่มีหนังสือมากมายเอาไว้ตรงทางเข้าด้วย” ในปี 1925 ชาลส์ได้รับเชิญให้ไปรับใช้ที่เบเธลบรุกลิน นิวยอร์ก เขาได้เป็นวาทยากรของวงออร์เคสตราสำหรับสถานีวิทยุที่ตั้งขึ้นใหม่ชื่อ ดับเบิลยูบีบีอาร์ (WBBR) หลังจากได้อ่านเรื่องของพี่น้องโรเนร์ เราน่าจะถามตัวเองว่า ‘ฉันเต็มใจทำงานทุกอย่าง ที่ได้รับมอบหมายไหมเพื่อช่วยเผยแพร่ข่าวเรื่องราชอาณาจักร?’—อ่านยะซายา 6:8
13, 14. มีการใช้วิทยุเพื่อเผยแพร่ข่าวดีอย่างไร? (ดูกรอบ “ รายการทางสถานีวิทยุดับเบิลยูบีบีอาร์” และ “ การประชุมใหญ่ครั้งสำคัญ”)
13 วิทยุ ในทศวรรษ 1920 การฉาย “ภาพยนตร์เรื่องการสร้าง” เริ่มลดลง แต่วิทยุได้กลายเป็นวิธีสำคัญในการเผยแพร่ข่าวดีเรื่องราชอาณาจักร วันที่ 16 เมษายน 1922 คำบรรยายของพี่น้องรัทเทอร์ฟอร์ดออกอากาศทางวิทยุจากโรงละครเมโทรโพลิแทน โอเปร่าเฮาส์ เมืองฟีลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย มีประมาณ 50,000 คนได้ฟังคำบรรยายที่ชื่อว่า “หลายล้านคนที่มีชีวิตอยู่ในเวลานี้จะไม่ตายเลย” ต่อมาในปี 1923 ก็เริ่มออกอากาศคำบรรยายการประชุมใหญ่เป็นครั้งแรก ผู้ที่นำหน้าในองค์การคิดว่านอกจากจะใช้สถานีวิทยุของเอกชนแล้ว นับว่าดีที่เราจะตั้งสถานีวิทยุของเราเองด้วย เราจึงสร้างสถานีวิทยุที่เกาะสแตเทน นิวยอร์ก และจดทะเบียนโดยใช้ชื่อดับเบิลยูบีบีอาร์ซึ่งออกอากาศครั้งแรกในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 1924
ในปี 1922 มีประมาณ 50,000 คนได้ฟังคำบรรยายทางวิทยุเรื่อง “หลายล้านคนที่มีชีวิตอยู่ในเวลานี้จะไม่ตายเลย”
14 หอสังเกตการณ์ 1 ธันวาคม 1924 อธิบายจุดประสงค์ของการตั้งสถานีวิทยุดับเบิลยูบีบีอาร์ว่า “เราเชื่อว่าการกระจายเสียงทางวิทยุเป็นวิธีใหม่ที่ประหยัดที่สุดและได้ผลดีที่สุดในการเผยแพร่ความจริง” และบอกด้วยว่า “ถ้าพระเจ้าเห็นว่าเราควรตั้งสถานีวิทยุเพิ่มเพื่อเผยแพร่ความจริง พระองค์ก็จะจัดหาเงินทุนให้เรา ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง” (เพลง. 127:1) พอถึงปี 1926 ประชาชนของพระยะโฮวาเป็นเจ้าของสถานีวิทยุ 6 แห่ง โดยมี 2 แห่งอยู่ในสหรัฐ คือ สถานีดับเบิลยูบีบีอาร์ในนิวยอร์กและสถานีเวิร์ด (WORD) อยู่ใกล้ ๆ เมืองชิคาโก ส่วนอีก 4 แห่งตั้งอยู่ในแคนาดา ที่รัฐแอลเบอร์ตา บริติชโคลัมเบีย ออนแทรีโอ และซัสแคตเชวัน
15, 16. (ก) พวกนักเทศน์นักบวชในแคนาดาทำอะไรเมื่อรู้ว่าพี่น้องของเราใช้วิทยุกระจายเสียง? (ข) คำบรรยายทางวิทยุและการประกาศตามบ้านช่วยส่งเสริมกันอย่างไร?
15 เมื่อความจริงในคัมภีร์ไบเบิลแพร่กระจายออกไปอย่างกว้างขวาง เรื่องนี้ก็ไปถึงหูพวกนักเทศน์นักบวชของคริสต์ศาสนจักรด้วย อัลเบิร์ต ฮอฟฟ์มัน ที่คุ้นเคยกับการทำงานในสถานีวิทยุที่รัฐซัสแคตเชวันในแคนาดา กล่าวว่า “มีคนเริ่มรู้จักนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิล [ชื่อเรียกพยานพระยะโฮวาในสมัยนั้น] มากขึ้นเรื่อย ๆ การเผยแพร่ความจริงด้วยวิธีนี้เกิดผลดีเยี่ยมมาตลอด แต่พอถึงปี 1928 พวกนักเทศน์นักบวชได้กดดันเจ้าหน้าที่รัฐบาล และหลังจากนั้นสถานีวิทยุของนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลทุกแห่งในแคนาดาก็ถูกยกเลิกใบอนุญาต”
16 แม้ว่าสถานีวิทยุต่าง ๆ ในแคนาดาจะถูกปิด แต่ยังมีการกระจายเสียงคำบรรยายที่มีเนื้อหาจากคัมภีร์ไบเบิลทางคลื่นวิทยุอื่น ๆ ของเอกชน (มัด. 10:23) เพื่อช่วยให้มีคนฟังรายการวิทยุมากขึ้นวารสารหอสังเกตการณ์ และเดอะ โกลเดน เอจ (ตอนนี้คือ ตื่นเถิด! ) ได้ลงรายชื่อสถานีวิทยุที่ออกอากาศความ จริงจากคัมภีร์ไบเบิลไว้ด้วย ดังนั้น เมื่อผู้ประกาศไปตามบ้าน พวกเขาก็ชวนผู้คนให้ฟังคำบรรยายจากสถานีวิทยุท้องถิ่นได้ ผลเป็นอย่างไร? จดหมายข่าว ฉบับมกราคม 1931 บอกว่า “รายการวิทยุทำให้พี่น้องอยากไปประกาศตามบ้านมากขึ้น เมื่อสำนักงานใหญ่ได้รับรายงานมากมาย เราจึงรู้ว่าผู้คนได้ฟังคำบรรยายของพี่น้องรัทเทอร์ฟอร์ดทางวิทยุ เขาก็เลยอยากรับหนังสือที่ผู้ประกาศเสนอให้” จดหมายข่าว บอกว่าการออกอากาศทางวิทยุและการประกาศตามบ้านเป็น “วิธีการประกาศที่ยอดเยี่ยม 2 วิธีในองค์การของพระเจ้า”
17, 18. แม้สภาพการณ์จะเปลี่ยนไป วิทยุยังคงมีบทบาทอะไรในการเผยแพร่ข่าวดี?
17 ในช่วงทศวรรษ 1930 แม้แต่การใช้สถานีวิทยุเอกชนอื่น ๆ ก็ถูกต่อต้านอย่างหนัก ดังนั้น ปลายปี 1937 ประชาชนของพระยะโฮวาก็ปรับตัวให้เข้ากับสภาพการณ์ที่เปลี่ยนไป พวกเขาเลิกใช้สถานีวิทยุเอกชน แล้วเน้นงานประกาศตามบ้านมากกว่าเดิม a แต่วิทยุก็ยังคงเป็นช่องทางหนึ่งที่สำคัญในการเผยแพร่ข่าวสารเรื่องราชอาณาจักรในดินแดนที่ห่างไกลหรือเขตที่ทำงานประกาศได้ยาก ตัวอย่างเช่น ตั้งแต่ปี 1951-1991 สถานีวิทยุหนึ่งในเมืองเบอร์ลินตะวันตก เยอรมนี ได้ออกอากาศคำบรรยายที่มีเนื้อหาจากคัมภีร์ไบเบิลเป็นประจำ คนที่อยู่ในเขตต่าง ๆ ของเยอรมนีตะวันออกในสมัยนั้นจึงฟังข่าวสารเรื่องราชอาณาจักรได้ เริ่มตั้งแต่ปี 1961 สถานีวิทยุแห่งหนึ่งในประเทศซูรินาเม ทวีปอเมริกาใต้ได้ออกอากาศรายการวิทยุ สัปดาห์ละ 15 นาทีตลอดช่วงเวลาสามสิบกว่าปี เพื่อเผยแพร่ความจริงจากคัมภีร์ไบเบิล แล้วตั้งแต่ปี 1969-1977 องค์การได้บันทึกเสียงคำบรรยายเพื่อออกอากาศมากกว่า 350 เรื่องในชุดที่ชื่อว่า “พระคัมภีร์ทุกตอนมีประโยชน์” ในสหรัฐ มีสถานีวิทยุ 291 สถานีใน 48 รัฐที่ออกอากาศรายการชุดนี้ ในปี 1996 สถานีวิทยุในเมืองอาปีอาซึ่งเป็นเมืองหลวงของซามัวในหมู่เกาะแปซิฟิกใต้ ได้ออกอากาศรายการที่ชื่อว่า “คำตอบสำหรับเรื่องที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิล” เป็นประจำทุกสัปดาห์
18 เมื่อศตวรรษที่ 20 ใกล้สิ้นสุดลง วิทยุก็ไม่ได้เป็นช่องทางหลักในการเผยแพร่ข่าวดีอีกต่อไป แต่ก็มีเทคโนโลยีใหม่ที่ทำให้ข่าวสารไปถึงผู้คนจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
19, 20. ทำไมประชาชนของพระยะโฮวาจึงจัดทำเว็บไซต์ jw.org และเว็บไซต์นี้ได้ผลดีขนาดไหน? (ดูกรอบ “ JW.ORG”)
19 อินเทอร์เน็ต จากข้อมูลปี 2013 มีมากกว่า 2,700 ล้านคนหรือเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลกที่ใช้อินเทอร์เน็ต และคนที่ใช้อินเทอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ เช่น สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ก็มีประมาณ 2 พันล้านและยังจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะที่แอฟริกามีอัตราเพิ่มขึ้นเร็วที่สุด ตอนนี้มีคนลงทะเบียนใช้อินเทอร์เน็ตที่นั่นมากกว่า 90 ล้านคนแล้ว ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้วิธีที่ผู้คนรับข้อมูลข่าวสารเปลี่ยนไปมาก
20 ตั้งแต่ปี 1997 ประชาชนของพระยะโฮวาเริ่มใช้วิธีติดต่อสื่อสารนี้ ในปี 2013 เว็บไซต์ jw.org มีให้อ่านได้ประมาณ 300 ภาษา และข้อมูลต่าง ๆ ที่มาจากคัมภีร์ไบเบิลมีให้ดาวน์โหลดได้มากกว่า 520 ภาษา ในแต่ละวัน มีมากกว่า 750,000 คนเข้าไปดูเว็บไซต์ นอกจากนั้น ทุกเดือนยังมีคนเข้าไปดูวีดีโอ และดาวน์โหลดหนังสือมากกว่า 3 ล้านเล่ม วารสาร 4 ล้านเล่ม รวมทั้งไฟล์เสียง 22 ล้านไฟล์
21. คุณได้เรียนอะไรจากประสบการณ์ของซีนา?
21 เว็บไซต์กลายเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเผยแพร่ข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า แม้แต่ในประเทศที่งานประกาศของเราถูกสั่งห้าม ตัวอย่างเช่น ตอนต้นปี 2013 ผู้ชายชื่อซีนาเห็นเว็บไซต์ jw.org ของเรา และได้โทรไปที่สำนักงานใหญ่ในสหรัฐ เพื่อขอความรู้มากขึ้นเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิล ทำไมเรื่องนี้ถึงน่าสนใจเป็นพิเศษ? ซีนาเป็นคนมุสลิมและอยู่ในหมู่บ้านที่ห่างไกลในประเทศที่งานของพยานพระยะโฮวาถูกสั่งห้ามอย่างเด็ดขาด หลังจากคุยโทรศัพท์ครั้งนั้น ซีนาก็ได้เรียนคัมภีร์ไบเบิลสัปดาห์ละ 2 ครั้งกับพี่น้องคนหนึ่งในสหรัฐโดยคุยแบบวีดีโอผ่านอินเทอร์เน็ต
สอนเป็นรายบุคคล
22, 23. (ก) วิธีต่าง ๆ ที่ทำให้ข่าวสารไปถึงคนจำนวนมากนำมาใช้แทนการประกาศตามบ้านได้ไหม? (ข) กษัตริย์เยซูอวยพรความพยายามของเราอย่างไร?
22 เราใช้หลายวิธีเพื่อให้ข่าวสารไปถึงคนจำนวนมาก เช่น ลงหนังสือพิมพ์ ฉาย “ภาพยนตร์เรื่องการสร้าง” ออกอากาศทางสถานีวิทยุ และทำเว็บไซต์ แต่ไม่มีวิธีไหนจะมาทดแทนการประกาศตามบ้าน ทำไม? เพราะประชาชนของ พระยะโฮวาเรียนจากตัวอย่างของพระเยซู ท่านไม่เพียงประกาศกับคนจำนวนมาก ๆ แต่ท่านเน้นการช่วยเหลือเป็นรายบุคคล (ลูกา 19:1-5) พระเยซูฝึกสอนสาวกของท่านให้ทำเหมือนกัน ท่านให้พวกเขานำข่าวสารไปบอกคนอื่น (อ่านลูกา 10:1, 8-11) อย่างที่เราได้เรียนในบท 6 คนที่นำหน้าในองค์การสนับสนุนผู้รับใช้ของพระยะโฮวามาตลอดว่า ทุกคนควรไปหาและพูดคุยกับผู้คนโดยตรง—กิจ. 5:42; 20:20
23 หลังจากราชอาณาจักรก่อตั้งได้ 100 ปี ตอนนี้มีผู้ประกาศเกือบ 8 ล้านคนที่ทำงานอย่างกระตือรือร้น และสอนคนอื่นเกี่ยวกับสิ่งที่พระยะโฮวาตั้งใจจะทำ กษัตริย์เยซูได้อวยพรให้วิธีต่าง ๆ ที่เราใช้ในการโฆษณาราชอาณาจักรเกิดผลดี ในบทต่อไป เราจะได้เห็นว่าท่านเตรียมเครื่องมือที่เราจำเป็นต้องใช้ด้วย เพื่อเผยแพร่ข่าวดีไปให้คนทุกประเทศ ทุกตระกูล และทุกภาษา—วิ. 14:6
a ในปี 1957 กลุ่มคนที่นำหน้าในองค์การตัดสินใจปิดสถานีวิทยุดับเบิลยูบีบีอาร์ในนิวยอร์ก ซึ่งเป็นสถานีวิทยุแห่งสุดท้ายของเรา