บท 12
จัดระเบียบเพื่อรับใช้ “พระเจ้าแห่งสันติสุข”
1, 2. ตั้งแต่มกราคม 1895 หอสังเกตการณ์ มีการเปลี่ยนแปลงอะไร และพี่น้องรู้สึกอย่างไรกับการเปลี่ยนแปลงนี้?
เมื่อนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลที่กระตือรือร้นชื่อจอห์น เอ. โบเนต ได้รับหอสังเกตการณ์ มกราคม 1895 เขารู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อเห็นภาพใหม่ที่เด่นชัดบนหน้าปกวารสารฉบับนี้ ภาพนี้ก็คือหอประภาคารที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเลที่ปั่นป่วนด้วยพายุ และแสงที่เจิดจ้าจากประภาคารก็สาดส่องไปทั่วท้องฟ้าที่มืดมิด คำประกาศที่ลงในวารสารฉบับนี้เรียกภาพหน้าปกว่า “โฉมใหม่ของเรา”
2 เนื่องจากพี่น้องโบเนตชอบภาพนี้มาก เขาจึงเขียนจดหมายถึงพี่น้องรัสเซลล์ว่า “ดีใจมากครับที่เห็นปกใหม่ของหอสังเกตการณ์ มันดูดีมาก” นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลที่ซื่อสัตย์อีกคนหนึ่งชื่อจอห์น เอช. บราวน์ เขียนเกี่ยวกับปกใหม่นี้ว่า “มันเด่นจริง ๆ ฐานรากที่แข็งแรงทำให้หอประภาคารต้านทานแรงปะทะของคลื่นลมได้” ปกใหม่นี้ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงเพียงอย่างเดียวในปีนั้น พี่น้องได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกอย่างหนึ่งในเดือนพฤศจิกายน ที่น่าสนใจก็คือ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับปัญหาที่ถาโถมเข้ามาเหมือนพายุ
3, 4. (ก) หอสังเกตการณ์ 15 พฤศจิกายน 1895 พูดถึงปัญหาอะไร? (ข) มีคำประกาศอะไรที่ส่งผลกระทบอย่างกว้างไกล?
3 บทความที่ลงในหอสังเกตการณ์ 15 พฤศจิกายน 1895 ได้พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า องค์การของนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเจอปัญหาที่เหมือนกับพายุ ซึ่งอาจทำให้พี่น้องแตกแยก มีการถกเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าใครควรนำหน้าในประชาคมท้องถิ่น เพื่อช่วยพี่น้องให้มองเห็นว่ามีอะไรบ้างที่เราต้องแก้ไขเพื่อขจัดความแตกแยกและการแข่งขันชิงดี บทความนั้นจึงเปรียบองค์การเหมือนกับเรือลำหนึ่ง และยอมรับอย่างจริงใจว่าคนที่นำหน้ายังไม่ได้เตรียมเรือให้พร้อมที่จะฝ่าพายุ แล้วต้องทำอย่างไรล่ะ?
4 บทความนั้นพูดต่อไปว่า กัปตันที่ฉลาดจะตรวจดูให้แน่ใจว่าบนเรือมีห่วงชูชีพไว้พร้อมไหม และเมื่อเกิดพายุ ลูกเรือทุกคนพร้อมจะไปปิดประตูเรือทันทีไหม คนที่นำหน้าในองค์การก็เหมือนกัปตันคนนั้นที่ต้องมั่นใจว่ามีการเตรียมพี่น้องทุกประชาคมให้พร้อมเผชิญปัญหาที่ถาโถมเข้ามาเหมือนพายุ เพื่อช่วยพี่น้องให้เตรียมพร้อม บทความนั้นประกาศว่า ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป “ทุกประชาคมจะต้องมีการเลือกผู้ปกครองเพื่อ ‘บำรุงเลี้ยง’ ฝูงแกะ” (กิจ. 20:28) คำประกาศนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบอย่างกว้างไกลทีเดียว
5. (ก) ทำไมการจัดให้มีผู้ปกครองเป็นครั้งแรกถือเป็นความก้าวหน้าที่เหมาะกับเวลา? (ข) มีคำถามอะไรที่เราจะได้คำตอบจากบทนี้?
5 การจัดให้มีผู้ปกครองเป็นครั้งแรกถือเป็นความก้าวหน้าที่เหมาะกับเวลาซึ่งช่วยประชาคมให้มีโครงสร้างที่แข็งแรง และช่วยพี่น้องให้ฝ่าฟันความยากลำบากที่เป็นเหมือนพายุระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ไปได้อย่างปลอดภัย หลายสิบปีต่อมา การปรับโครงสร้างในองค์การก็ช่วยให้ประชาชนของพระเจ้ารับใช้พระยะโฮวาได้ดีขึ้น คำพยากรณ์เรื่องไหนในพระคัมภีร์ที่พูดถึงความก้าวหน้านี้? คุณเห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างในองค์การของพระเจ้า? และคุณได้รับประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้?
“เราจะทำให้สันติภาพเป็นผู้ปกครองของเจ้า”
6, 7. (ก) คำพยากรณ์ในยะซายา 60:17 มีความหมายว่าอย่างไร? (ข) คำว่า “ผู้ปกครอง” และ “นายงาน” เกี่ยวข้องกับอะไร?
6 ตามที่ได้เรียนไปแล้วในบท 9 ยะซายาห์พยากรณ์ว่า พระยะโฮวาจะอวยพรประชาชนของพระองค์ให้เป็นชนชาติใหญ่ (ยซา. 60:22) แต่พระยะโฮวายังสัญญาว่าจะทำมากกว่านั้นอีก ในคำพยากรณ์ข้อเดียวกันนี้ พระองค์บอกว่า “เราจะนำทองคำมาแทนทองสัมฤทธิ์ จะนำเงินมาแทนเหล็ก นำทองสัมฤทธิ์มาแทนไม้ นำเหล็กมาแทนหิน เราจะทำให้สันติภาพเป็นผู้ปกครองของเจ้า ทำให้ความชอบธรรมเป็นนายงานของเจ้า” (ยซา. 60:17, พระคัมภีร์ โดยคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์ ) คำพยากรณ์นี้หมายถึงอะไร? และเกี่ยวข้องกับเราในทุกวันนี้อย่างไร?
นี่ไม่ใช่การเอาวัสดุที่ดีมาแทนวัสดุที่ไม่ดี แต่เป็นการเปลี่ยนวัสดุที่ดีอยู่แล้วให้ดีกว่าเดิม
7 คำพยากรณ์ของยะซายาห์บอกว่าจะมีการเอาวัสดุชนิดหนึ่งมาแทนอีกชนิดหนึ่ง ขอให้สังเกตว่า นี่ไม่ใช่การเอาวัสดุที่ดีมาแทนวัสดุที่ไม่ดี แต่เป็นการเปลี่ยนวัสดุที่ดีอยู่แล้วให้ดีกว่าเดิม การเอาทองคำมาแทนทองสัมฤทธิ์ (ทองเหลือง) แสดงถึงความก้าวหน้า และการเปลี่ยนวัสดุอื่น ๆ ที่พูดถึงในข้อนี้ก็มีความหมายแบบเดียวกัน พระยะโฮวาบอกล่วงหน้าด้วยถ้อยคำที่ชัดเจนว่าประชาชนของพระองค์จะก้าวหน้าเป็นขั้น ๆ แล้วคำพยากรณ์ข้อนี้พูดถึงความก้าวหน้าในด้านไหนล่ะ? เมื่อพระยะโฮวาพูดถึง “ผู้ปกครอง” และ “นายงาน” พระองค์ชี้ว่า สิ่งที่ก้าวหน้าแบบค่อยเป็นค่อยไปนี้ก็คือวิธีที่พระองค์จัดระเบียบและเอาใจใส่ดูแลประชาชนของพระองค์
8. (ก) ใครทำให้องค์การก้าวหน้า ตามที่ยะซายาห์ได้บอกไว้? (ข) เราได้รับประโยชน์อะไรจากความก้าวหน้านี้? (ดูกรอบ “ เขายอมรับการแก้ไขด้วยความถ่อมใจ”)
8 ใครทำให้องค์การก้าวหน้า? พระยะโฮวาบอกว่า “เรา จะนำทองคำมา . . . [เรา] จะนำเงินมา . . . เรา จะทำให้สันติภาพเป็นผู้ปกครองของเจ้า” ที่จริง ความก้าวหน้าในด้านการจัดระเบียบประชาคมไม่ได้เกิดจากความพยายามของมนุษย์ แต่เกิดจากพระยะโฮวาเอง และตั้งแต่ที่พระเยซูได้รับการแต่งตั้งเป็นกษัตริย์ พระยะโฮวาก็ให้ลูกของพระองค์ดูแลงานนี้ แล้วเราได้รับประโยชน์อย่างไรจากความก้าวหน้าที่เกิดขึ้น? ข้อคัมภีร์เดียวกันนั้นบอกว่า ความก้าวหน้าเหล่านี้ทำให้เกิด “สันติภาพ” และ “ความชอบธรรม” ถ้าเรายอมรับการชี้นำจากพระเจ้าและทำตาม สันติสุขก็จะมีอยู่ท่ามกลางพวกเรา และเมื่อ เรารักสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม เราก็รู้สึกอยากรับใช้พระยะโฮวา ผู้ที่เปาโลเรียกว่า “พระเจ้าแห่งสันติสุข”—ฟิลิป. 4:9
9. ความเป็นระเบียบและความสามัคคีในประชาคมจะเกิดขึ้นได้ต้องมีอะไรเป็นพื้นฐาน? และทำไม?
9 เมื่อพูดถึงพระยะโฮวา เปาโลเขียนว่า “พระเจ้าไม่ใช่ พระเจ้าแห่งความยุ่งเหยิง แต่ ทรงเป็นพระเจ้าแห่งสันติสุข” (1 โค. 14:33) สังเกตว่าเปาโลไม่ได้เทียบความยุ่งเหยิงกับความเป็นระเบียบซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกัน แต่เทียบความยุ่งเหยิงกับสันติสุข ทำไม? ลองดูตัวอย่างนี้สิ ทหารหน่วยหนึ่งอาจเดินอย่างเป็นระเบียบไปที่แนวรบ แต่ก็ไปเพื่อทำสงครามไม่ใช่เพื่อสันติภาพ ความเป็นระเบียบโดยตัวมันเองไม่ได้ทำให้เกิดสันติสุข ดังนั้น พวกเราที่เป็นคริสเตียนต้องไม่ลืมความจริงที่สำคัญข้อหนึ่งคือ ความเป็นระเบียบไม่ว่าแบบใดก็อาจพังทลายได้ถ้าไม่มีสันติสุขเป็นพื้นฐาน แต่สันติสุขที่มาจากพระเจ้าสามารถรักษาความเป็นระเบียบให้ยั่งยืนได้ เราจึงรู้สึกขอบคุณจริง ๆ ที่มี “พระเจ้าผู้ทรงประทานสันติสุข” คอยชี้นำและชำระองค์การให้สะอาด! (โรม 15:33) สันติสุขที่มาจากพระเจ้าทำให้เกิดระเบียบที่ดีงามและความสามัคคีจากใจจริงในประชาคมคริสเตียนทั่วโลก ซึ่งเราถือว่ามีค่ามาก—เพลง. 29:11
10. (ก) ในช่วงต้น ๆ องค์การของเราได้ปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง? (ดูกรอบ “ ปรับวิธีดูแลประชาคมให้ดีขึ้น”) (ข) มีคำถามอะไรบ้างที่เราน่าจะพิจารณาด้วยกัน?
10 กรอบ “ ปรับวิธีดูแลประชาคมให้ดีขึ้น” แสดงให้เห็นคร่าว ๆ ว่าในช่วงแรก ๆ องค์การของเรามีการปรับเปลี่ยนที่เป็นประโยชน์และเป็นระเบียบอย่างไรบ้าง แต่เมื่อไม่นานมานี้ พระยะโฮวาได้ใช้กษัตริย์ของเราให้นำ “ทองคำมาแทนทองสัมฤทธิ์” อย่างไร? การปรับวิธีดูแลประชาคมส่งเสริมสันติสุขและเอกภาพของพี่น้องทั่วโลกอย่างไร? การปรับเปลี่ยนนี้ช่วยคุณรับใช้ “พระเจ้าแห่งสันติสุข” อย่างไร?
พระคริสต์นำหน้าประชาคมอย่างไร?
11. (ก) จากการศึกษาพระคัมภีร์ทำให้คณะกรรมการปกครองเข้าใจเรื่องอะไรชัดเจนขึ้น? (ข) พวกเขาตัดสินใจทำอะไร?
11 ตั้งแต่ปี 1964-1971 คณะกรรมการปกครองจัดให้มีการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลครั้งใหญ่ เพื่อตรวจสอบเรื่องต่าง ๆ อย่างละเอียด ซึ่งรวมถึงวิธีที่พี่น้องในศตวรรษแรกดูแลประชาคมคริสเตียน a เมื่อศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้างขององค์การ พวกเขาพบว่าผู้ทำหน้าที่ดูแลงานในประชาคมสมัยศตวรรษแรกก็คือ คณะผู้ปกครอง ไม่ใช่ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเพียงคนเดียว (อ่านฟิลิปปอย 1:1; 1 ติโมเธียว 4:14) เมื่อเข้าใจเรื่องนี้ชัดเจนขึ้น คณะกรรมการปกครองจึงรู้ว่ากษัตริย์เยซูกำลังชี้นำพวกเขาให้ปรับปรุงโครงสร้างภายในองค์การของพระเจ้า และพี่น้องในคณะกรรมการปกครองก็ยอมรับการชี้นำของท่าน พวกเขาลงมือปรับโครงสร้างหลายอย่างทันที เพื่อทำให้การแต่งตั้งผู้ปกครองเป็นไปตามหลักพระคัมภีร์ แล้วในช่วงต้นทศวรรษ 1970 พวกเขาปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง?
12. (ก) มีการปรับเปลี่ยนอะไรเกี่ยวกับคณะกรรมการปกครอง? (ข) ขอให้อธิบายว่าตอนนี้คณะกรรมการปกครองจัดระบบการทำงานอย่างไร (ดูกรอบ “ วิธีที่คณะกรรมการปกครองดูแลงานของราชอาณาจักร”)
12 สิ่งแรกที่ปรับเปลี่ยนคือคณะกรรมการปกครอง จนถึงตอนนั้นกลุ่มผู้ถูกเจิม 7 คนที่เป็นคณะกรรมการปกครองยังทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการบริหาร ของสมาคมว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์ แห่งเพนซิลเวเนียด้วย แต่ในปี 1971 สมาชิกคณะกรรมการปกครองเพิ่มจาก 7 คนเป็น 11 คน และตั้งแต่นั้นพวกเขาก็แยกเป็นคนละกลุ่มกับคณะกรรมการบริหารของสมาคม สมาชิกทุกคนในคณะกรรมการปกครองเสมอภาคกัน พวกเขาจึงหมุนเวียนกันทำหน้าที่ประธานปีละครั้ง โดยเรียงชื่อตามลำดับอักษร
13. (ก) มีการปรับเปลี่ยนอะไรในประชาคมเมื่อ 40 ปีที่แล้ว? (ข) คณะกรรมการปกครองทำอะไรในปี 1972?
13 การปรับเปลี่ยนอย่างที่สองคือประชาคม ตั้งแต่ปี 1932-1972 มีการแต่งตั้งพี่น้องชายคนหนึ่งให้ทำหน้าที่ดูแลประชาคมซึ่งเรียกว่าผู้อำนวยการรับใช้ และใช้ชื่อนี้จนถึงปี 1936 หลังจากนั้นก็เปลี่ยนชื่อเป็นผู้รับใช้ประชาคม และต่อมาเรียกว่าผู้ดูแลประชาคม คนที่ได้รับการแต่งตั้งเหล่านี้เอาใจใส่อย่างจริงจังเพื่อช่วยพี่น้องให้มีความเชื่อที่เข้มแข็ง ส่วนใหญ่แล้วผู้ดูแลประชาคมจะตัดสินใจเรื่องที่เกี่ยวกับประชาคมโดยไม่ได้ปรึกษาผู้รับใช้คนอื่น แต่ในช่วงปี 1972 คณะกรรมการปกครองได้ทำการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ การปรับเปลี่ยนนี้คืออะไร?
14. (ก) การจัดเตรียมใหม่ที่เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 1972 คืออะไร? (ข) ผู้ประสานงานคณะผู้ปกครองทำตามคำแนะนำในฟิลิปปอย 2:3 อย่างไร?
14 แทนที่จะมีพี่น้องชายคนเดียวทำหน้าที่ผู้ดูแลในแต่ละประชาคม พี่น้องคนอื่น ๆ ที่มีคุณสมบัติตามหลักพระคัมภีร์ก็ได้รับการแต่งตั้งจากสำนักงานใหญ่ที่บรุกลินให้ทำหน้าที่คริสเตียนผู้ปกครองด้วย พวกเขาจะเป็นคณะผู้ปกครองที่ ดูแลประชาคมท้องถิ่น การแต่งตั้งผู้ปกครองตามการจัดเตรียมใหม่นี้เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 1972 ในทุกวันนี้ คนที่ทำหน้าที่ผู้ประสานงานในคณะผู้ปกครองไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นหัวหน้าของผู้ปกครองคนอื่น ๆ แต่เป็น “ผู้เล็กน้อย” (ลูกา 9:48) พี่น้องที่ถ่อมใจเหล่านี้เป็นประโยชน์มากจริง ๆ สำหรับสังคมพี่น้องทั่วโลก—ฟิลิป. 2:3
เห็นได้ชัดว่า กษัตริย์ที่มีสายตาเฉียบคมของเราได้เตรียมผู้บำรุงเลี้ยงไว้เพื่อดูแลผู้ติดตามท่านได้ทันกับเวลาและความต้องการจริง ๆ
15. (ก) การปรับเปลี่ยนให้คณะผู้ปกครองแบ่งหน้าที่กันทำงานเกิดผลดีอย่างไร? (ข) อะไรแสดงว่ากษัตริย์เยซูมีสายตาเฉียบคม?
15 การปรับเปลี่ยนให้คณะผู้ปกครองแบ่งหน้าที่กันทำงานเกิดผลดีอย่างเห็นได้ชัด ลองคิดถึงผลดีสามข้อนี้สิ ข้อแรกและเป็นข้อสำคัญที่สุดคือ การจัดเตรียมนี้ช่วยผู้ปกครองทุกคนให้ระลึกเสมอว่า ไม่ว่าเขาจะแบกความรับผิดชอบมากขนาดไหน ผู้นำประชาคมจริง ๆ ก็คือพระเยซู (เอเฟ. 5:23) ข้อสอง ตามที่สุภาษิต 15:22 กล่าวไว้ “เมื่อมีที่ปรึกษาหลายคนก็ความมุ่งหมายสมบูรณ์” เมื่อผู้ปกครองปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อของพี่น้องในประชาคม และฟังความเห็นของกันและกัน พวกเขาก็สามารถช่วยกันตัดสินใจตามหลักพระคัมภีร์ได้ (สุภา. 27:17) เมื่อทำแบบนี้พระยะโฮวาก็อวยพรให้ประสบความสำเร็จ ข้อสาม เนื่องจากพี่น้องชายที่มีคุณสมบัติเป็นผู้ปกครองมีจำนวนมากขึ้น องค์การก็สามารถเอาใจใส่และบำรุงเลี้ยงพี่น้องในประชาคมต่าง ๆ ได้ทันกับความต้องการที่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ (ยซา. 60:) ลองคิดดูสิ ประชาคมทั่วโลกเพิ่มจาก 27,000 กว่าประชาคมในปี 1971 เป็นมากกว่า 113,000 ประชาคมในปี 2013! เห็นได้ชัดว่า กษัตริย์ที่มีสายตาเฉียบคมของเราได้เตรียมผู้บำรุงเลี้ยงไว้เพื่อดูแลผู้ติดตามท่านได้ทันกับเวลาและความต้องการจริง ๆ— 3-5มีคา 5:5
“เป็นแบบอย่างให้ฝูงแกะ”
16. (ก) ผู้ปกครองมีหน้าที่รับผิดชอบอะไร? (ข) นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลรู้สึกอย่างไรกับคำแนะนำของพระเยซูที่ให้ “เลี้ยงฝูงแกะ”?
16 ย้อนกลับไปในสมัยแรก ๆ ของนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิล ผู้ปกครองเข้าใจดีอยู่แล้วว่าพวกเขามีหน้าที่ต้องช่วยเหลือเพื่อนร่วมความเชื่อให้รับใช้พระเจ้าต่อ ๆ ไป (อ่านกาลาเทีย 6:10) บทความหนึ่งในหอสังเกตการณ์ ปี 1908 พูดถึงคำเตือนของพระเยซูว่า “จงเลี้ยงแกะเล็ก ๆ ของเรา” (โย. 21:15-17) บทความนั้นบอกพวกผู้ปกครองว่า “งานที่นายของเราสั่งให้ดูแลฝูงแกะเป็นงานที่สำคัญมาก พวกเขาต้องอยู่ในใจเราเสมอ และเราควรถือว่าการที่ได้เลี้ยงและเอาใจใส่ดูแลผู้ติดตามองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นงานที่มีเกียรติจริง ๆ” หอสังเกตการณ์ ปี 1925 เน้นถึงความสำคัญของการทำหน้าที่ผู้เลี้ยงแกะ โดยเตือนผู้ปกครองว่า “ประชาคมของพระเจ้าเป็นของพระองค์เอง . . . และทุกคนที่มีสิทธิพิเศษในการรับใช้พี่น้องจะต้องให้การต่อพระองค์”
17. องค์การช่วยผู้ปกครองให้พัฒนาความสามารถในการบำรุงเลี้ยงอย่างไร?
17 องค์การของพระยะโฮวาช่วยผู้ปกครองให้พัฒนาความสามารถในการบำรุงเลี้ยงเหมือนนำ ‘เงินมาแทนเหล็ก’ อย่างไร? ในปี 1959 มีการจัดโรงเรียนพระราชกิจสำหรับผู้ดูแลขึ้นเป็นครั้งแรก ในหลักสูตรนี้มีส่วนหนึ่งที่เน้นเรื่อง “การเอาใจใส่ดูแลพี่น้องแต่ละคน” ซึ่งสนับสนุนให้พี่น้องที่มีหน้าที่รับผิดชอบ “ทำตารางเวลาเพื่อไปเยี่ยมผู้ประกาศที่บ้าน” และยังสอนวิธีบำรุงเลี้ยงแบบที่เสริมสร้างพี่น้องด้วย ในปี 1966 โรงเรียนพระราชกิจมีการปรับปรุง หลักสูตรให้ทันสมัยขึ้น ซึ่งมีส่วนหนึ่งที่เน้นเรื่อง “ความสำคัญของงานบำรุงเลี้ยง” เป้าหมายคืออะไร? คนที่นำหน้า “ควรดูแลแกะของพระเจ้าด้วยความรัก แต่ก็ไม่ควรละเลยครอบครัวของตัวเองและงานประกาศ” เมื่อไม่กี่ปีมานี้ก็มีอีกหลายโรงเรียนที่จัดขึ้นเพื่อผู้ปกครอง การฝึกอบรมที่องค์การของพระยะโฮวาจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้เกิดผลอย่างไร? ทุกวันนี้ ประชาคมคริสเตียนมีพี่น้องชายหลายหมื่นคนที่มีคุณสมบัติเป็นผู้บำรุงเลี้ยงแกะของพระเจ้า
18. (ก) งานที่ผู้ปกครองต้องรับผิดชอบคืออะไร? (ข) ทำไมพระยะโฮวาและพระเยซูรักผู้ปกครองที่ทำงานหนัก?
18 โดยทางพระเยซูกษัตริย์ของเรา พระยะโฮวาให้คริสเตียนผู้ปกครองทำงานที่สำคัญมาก งานนั้นคืออะไร? คือการนำแกะของพระเจ้าให้รอดผ่านยุคที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ (เอเฟ. 4:11, 12; 2 ติโม. 3:1) พระยะโฮวาและพระเยซูรักผู้ปกครองที่ทำงานหนัก เพราะพวกเขาเชื่อฟังคำแนะนำในพระคัมภีร์ที่ว่า “จงบำรุงเลี้ยงฝูงแกะของพระเจ้าซึ่งอยู่ในความดูแลของท่าน . . . ด้วยความเต็มใจ . . . ด้วยความกระตือรือร้น . . . เป็นแบบอย่างให้ฝูงแกะ” (1 เป. 5:2, 3) ให้เรามาดูสัก 2 วิธีที่ผู้ปกครองได้วางแบบอย่างให้ฝูงแกะ ทั้งยังส่งเสริมประชาคมให้มีสันติสุขและความยินดี
ผู้ปกครองในทุกวันนี้บำรุงเลี้ยงฝูงแกะของพระเจ้าอย่างไร?
19. เรารู้สึกอย่างไรเมื่อผู้ปกครองไปประกาศกับเรา?
19 วิธีแรกคือ ผู้ปกครองทำงานร่วมกับสมาชิกของประชาคม ลูกาผู้เขียนหนังสือกิตติคุณพูดถึงพระเยซูว่า ท่านเดินทางไปตามเมืองและตามหมู่บ้านเพื่อประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า และ “สาวกสิบสองคนอยู่กับ [พระเยซู]” (ลูกา 8:1) เหมือนที่พระเยซูได้ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับสาวก ผู้ปกครองที่เป็นแบบอย่างที่ดีในทุกวันนี้ก็ออกประกาศกับพี่น้อง พวกเขารู้ดีว่าการทำอย่างนี้จะช่วยส่งเสริมน้ำใจที่ดีงามให้ประชาคมได้มาก พี่น้องใน ประชาคมรู้สึกอย่างไรกับผู้ปกครองที่ทำตามแบบอย่างของพระเยซู? คุณยายชานีนวัย 80 ปีเล่าว่า “เวลาออกประกาศกับผู้ปกครอง ทำให้ยายได้คุยกับเขาอย่างเป็นกันเองและได้รู้จักเขาดีขึ้น” พี่น้องชายชื่อสตีเวน อายุ 30 กว่าปีก็บอกว่า “ตอนที่ไปประกาศตามบ้านกับผู้ปกครอง ผมมีความสุขมากเพราะรู้สึกได้ว่าเขาอยากช่วยผม”
20, 21. ผู้ปกครองจะเลียนแบบคนเลี้ยงแกะตามตัวอย่างเปรียบเทียบของพระเยซูได้อย่างไร? ขอให้ยกตัวอย่าง (ดูกรอบ “ การเยี่ยมทุกสัปดาห์เกิดผลดี”)
20 วิธีที่สองคือ องค์การของพระยะโฮวาได้ฝึกอบรมผู้ปกครองให้แสดงความห่วงใยคนที่เลิกติดต่อกับประชาคม (ฮีบรู 12:12) ทำไมผู้ปกครองควรช่วยคนที่อ่อนแอในความเชื่อเหล่านี้ และจะช่วยพวกเขาได้อย่างไร? ให้เรามาดูตัวอย่างเปรียบเทียบของพระเยซูเรื่องแกะที่หลงหายจากฝูง (อ่านลูกา 15:4-7) จากตัวอย่างนี้ เมื่อคนเลี้ยงแกะเห็นว่าแกะตัวหนึ่งหายไป เขาก็รีบออกตามหาราวกับว่ามันเป็นทรัพย์สมบัติเพียงชิ้นเดียวที่เขามีอยู่ ผู้ปกครองคริสเตียนในทุกวันนี้จะเลียนแบบคนเลี้ยงแกะตามตัวอย่างนี้ได้อย่างไร? คนที่เลิกติดต่อกับประชาชนของพระเจ้าก็มีค่าในสายตาของผู้ปกครอง เหมือนที่คนเลี้ยงแกะมองว่าแกะตัวนั้นมีค่ามากสำหรับเขา ผู้ปกครองก็มองคนที่อ่อนแอเหมือนแกะที่หายไป และการตามหาแกะก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่า คนเลี้ยงแกะยังตัดสินใจจะ “ตามหาตัวที่หายไปจนกว่าจะพบ” ผู้ปกครองก็ต้องเป็นฝ่ายออกตามหาคนที่อ่อนแอ เมื่อพบแล้วก็ช่วยเขา
21 ในตัวอย่างเปรียบเทียบนี้ เมื่อคนเลี้ยงแกะเจอแกะตัวนั้นแล้ว เขาทำอย่างไร? เขาค่อย ๆ อุ้มมันขึ้นมาวาง “พาดคอ” แล้วพามันกลับไปที่ฝูง ดังนั้น ผู้ปกครองที่แสดงความห่วงใยจากใจจริงก็อาจช่วยเหลือคนที่อ่อนแอและพาเขากลับมาที่ประชาคมเหมือนที่ผู้เลี้ยงแกะทำ วิกเตอร์พี่น้องคนหนึ่งในแอฟริกาซึ่งเคยเลิกคบหากับพี่น้องในประชาคม ก็ได้รับความช่วยเหลือแบบนี้มาแล้ว วิกเตอร์เล่าว่า “ช่วง 8 ปีที่ผมเลิกไปประชุม เลิกไปประกาศ ผู้ปกครองยังพยายามช่วยเหลือผมเสมอ” อะไรทำให้เขาประทับใจมากเป็นพิเศษ? เขาบอกว่า “วันหนึ่ง ผู้ปกครองชื่อจอห์น มาหาผมที่บ้าน เขาให้ผมดูภาพที่เราเคยถ่ายด้วยกันตอนเข้าโรงเรียนไพโอเนียร์ แล้วความทรงจำดี ๆ ก็กลับคืนมา และผมเริ่มนึกถึงความสุขในสมัยที่เคยรับใช้พระยะโฮวา” ไม่นานหลังจากที่จอห์นไปเยี่ยม วิกเตอร์ก็กลับเข้ามาสมทบกับประชาคม ตอนนี้เขาเป็นไพโอเนียร์อีกครั้ง คริสเตียนผู้ปกครองที่เอาใจใส่พี่น้องด้วยความรักทำให้เรามีความสุขมากจริง ๆ—2 โค. 1:24 b
การปรับปรุงวิธีดูแลประชาชนของพระเจ้าให้มีเอกภาพมากขึ้น
22. ความถูกต้องชอบธรรมและสันติสุขส่งเสริมประชาคมให้มีเอกภาพอย่างไร? (ดูกรอบ “ เราทึ่งจริง ๆ”)
22 ดังที่กล่าวในข้อต้น ๆ พระยะโฮวาบอกล่วงหน้าว่าประชาชนของพระองค์จะรักสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรมและจะมีสันติสุขเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ (ยซา. 60:17) ทั้งสองสิ่งนี้ช่วยส่งเสริมประชาคมให้มีเอกภาพมากขึ้น โดยวิธีใด? ให้เรามาพิจารณาเรื่องความถูกต้องชอบธรรมก่อน เนื่องจาก “พระเจ้าของเราเป็นเอก พระยะโฮวา” มาตรฐานที่ถูกต้องของพระองค์จึงไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา (บัญ. 6:4) ไม่ว่าจะอยู่ในประชาคมไหนหรือในประเทศใด มาตรฐานที่ถูกต้องของพระเจ้าก็ไม่ต่างกัน เพราะมาตรฐานในเรื่องที่ว่าอะไรถูกอะไรผิดมีมาตรฐานเดียว สำหรับ “ประชาคมทั้งหลายของเหล่าผู้บริสุทธิ์” (1 โค. 14:33) ประชาคมจะเติบโตได้ก็ต่อเมื่อทุกคนทำตามมาตรฐานของพระเจ้า ส่วนเรื่องสันติสุข กษัตริย์ของเราไม่ได้อยากให้เรามีเพียงสันติสุขในประชาคม แต่อยากให้เราเป็น “ผู้ที่สร้างสันติ” ด้วย (มัด. 5:9) เราจึงต้อง “มุ่งทำสิ่งที่สร้างสันติสุข” เราควรเป็นฝ่ายริเริ่มแก้ปัญหาซึ่งอาจเกิดขึ้นเพราะความไม่เข้าใจกัน (โรม 14:19) เมื่อทำอย่างนี้ เราก็จะช่วยประชาคมของเราให้มีทั้งเอกภาพและสันติสุข—ยซา. 60:18
23. เราที่เป็นผู้รับใช้ของพระยะโฮวามีความยินดีในเรื่องอะไร?
23 เมื่อหอสังเกตการณ์ พฤศจิกายน 1895 ได้ประกาศเรื่องการจัดให้มีผู้ปกครองเป็นครั้งแรก พี่น้องที่มีความรับผิดชอบในองค์การตอบรับอย่างไร? พวกเขาอธิษฐานจากใจและขอให้การจัดเตรียมใหม่นี้ช่วย “ฟื้นฟูเอกภาพ ในหมู่ประชาชนของพระเจ้าให้กลับคืนมาโดยเร็ว” เมื่อมองย้อนไปในช่วงหลายสิบปีก่อน เรารู้สึกขอบคุณพระยะโฮวาที่มอบหมายให้กษัตริย์เยซูปรับปรุงวิธีดูแลพี่น้องในประชาคมอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อเราจะนมัสการอย่างมีเอกภาพได้ (เพลง. 99:4) ผลคือ ทุกวันนี้ประชาชนของพระยะโฮวาทั่วโลกมีความยินดีในขณะที่เรารับใช้ด้วย “น้ำใจเดียวกัน” ทำตาม “แนวทางเดียวกัน” และ “พร้อมใจกัน” รับใช้ “พระเจ้าแห่งสันติสุข”—2 โค. 12:18; อ่านซะฟันยา 3:9
a ผลจากการศึกษาค้นคว้าอย่างจริงจังในครั้งนั้นได้พิมพ์ลงในคู่มือที่ช่วยให้เข้าใจคัมภีร์ไบเบิล (ภาษาอังกฤษ)
b ดูบทความ “คริสเตียนผู้ปกครอง ‘เพื่อนร่วมงานที่ทำให้เรายินดี’” ในหอสังเกตการณ์ 15 มกราคม 2013