มัทธิวบท 5-7
5 เมื่อพระเยซูเห็นคนมากมาย ท่านก็เดินขึ้นภูเขาและนั่งลง พวกสาวกเข้ามาหาท่าน 2 แล้วพระเยซูเริ่มสอนพวกเขาว่า
3 “คนที่รู้ตัวว่าจำเป็นต้องพึ่งพระเจ้าก็มีความสุขเพราะรัฐบาล aสวรรค์เป็นของเขา
4 “คนที่โศกเศร้าก็มีความสุข เพราะเขาจะได้รับการปลอบใจ
5 “คนที่จิตใจอ่อนโยนก็มีความสุข เพราะเขาจะได้รับโลกเป็นรางวัล b
6 “คนที่กระหายอยากเห็นความยุติธรรม cก็มีความสุข เพราะเขาจะอิ่มใจที่ได้รับความยุติธรรม
7 “คนที่เมตตาก็มีความสุข เพราะเขาจะได้รับความเมตตา
8 “คนที่ใจบริสุทธิ์ก็มีความสุข เพราะเขาจะเห็นพระเจ้า
9 “คนที่สร้างสันติก็มีความสุข เพราะเขาจะได้ชื่อว่าเป็นลูกของพระเจ้า
10 “คนที่ถูกข่มเหงเพราะทำสิ่งที่ถูกต้อง dก็มีความสุข เพราะรัฐบาลสวรรค์เป็นของเขา
11 “เมื่อคุณโดนคนอื่นข่มเหง ด่าว่า e และใส่ร้ายเพราะติดตามผม คุณก็มีความสุข 12 ดีใจได้เลย เพราะคุณจะได้รางวัลที่มีค่ามากในสวรรค์ พวกผู้พยากรณ์ในสมัยก่อนก็โดนข่มเหงเหมือนคุณนี่แหละ
13 “คุณเป็นเหมือนเกลือในโลกนี้ แต่ถ้าเกลือไม่เค็มแล้ว จะทำให้กลับมาเค็มอีกได้อย่างไร? จะเอาไปทำอะไรก็ไม่ได้ มีแต่จะเอาไปทิ้งให้คนเหยียบย่ำเท่านั้น
14 “คุณเป็นเหมือนแสงสว่างของโลก เมืองที่ตั้งอยู่บนภูเขาจะซ่อนจากสายตาคนไม่ได้ 15 เมื่อคนเราจุดตะเกียงแล้วจะไม่เอาถังครอบไว้ แต่ตั้งไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างให้กับทุกคนในบ้าน 16 คล้ายกัน ให้คุณส่องแสงสว่างให้คนอื่นเห็นด้วยการทำดี พอเขาเห็นความดีของคุณ เขาก็จะยกย่องสรรเสริญพระเจ้าผู้เป็นพ่อของคุณในสวรรค์
17 “อย่าคิดว่าผมมายกเลิกกฎหมายของโมเสสหรือคำสอนของพวกผู้พยากรณ์ ผมไม่ได้มายกเลิก แต่มาทำตามให้ครบถ้วน 18 ผมจะบอกให้รู้ว่า ฟ้ากับดินจะหายไปก็ยังง่ายกว่าที่ตัวหนังสือที่เล็กที่สุดหรือขีดสักขีดหนึ่งของตัวหนังสือในกฎหมายนั้นจะหายไป ทุกอย่างที่เขียนไว้จะต้องเป็นไปตามนั้นแน่นอน 19 ดังนั้น คนที่ไม่ทำตามกฎหมายเล็ก ๆ น้อย ๆ เพียงข้อหนึ่ง แถมยังสอนคนอื่นไม่ให้ทำด้วย เขาก็ไม่เหมาะสมกับรัฐบาลสวรรค์ f ส่วนคนที่ทำตามและสอนให้คนอื่นทำด้วย คนนั้นก็เหมาะสมกับ รัฐบาลสวรรค์ g 20 และผมจะบอกให้รู้ว่า ถ้าคุณไม่ทำดีให้มากกว่าพวกครูสอนศาสนาและพวกฟาริสี คุณจะไม่มีทางเข้ารัฐบาลสวรรค์ได้เลย
21 “คุณเคยได้ยินที่คนสมัยก่อนสอนกันว่า ‘อย่าฆ่าคน ถ้าใครฆ่าคน เขาจะต้องถูกศาลตัดสิน’ 22 แต่ผมจะบอกคุณว่าทุกคนที่โกรธคนอื่น hไม่หายจะต้องถูกศาลตัดสิน และใครก็ตามที่เรียกคนอื่น iแบบดูถูกเหยียดหยามจะต้องถูกศาลสูงตัดสิน และถ้าใครพูดว่า ‘แกมันโง่จริง ๆ!’ จะต้องรับโทษที่เกเฮนนาซึ่งมีไฟร้อนแรง
23 “ดังนั้น ถ้าคุณเอาของถวายมาที่แท่นบูชาและนึกขึ้นได้ว่ามีคนโกรธคุณอยู่ 24 ให้วางของถวายไว้หน้าแท่นบูชาก่อนและไปคืนดีกับเขา แล้วค่อยกลับมาถวายของนั้น
25 “ถ้ามีใครฟ้องร้องคุณ ให้รีบตกลงกับเขาตอนที่กำลังไปศาล ไม่อย่างนั้นเขาจะส่งคุณให้ผู้พิพากษาตัดสิน และผู้พิพากษาจะส่งคุณให้ผู้คุม แล้วคุณจะถูกขังคุก 26 ผมจะบอกให้รู้ว่า คุณจะไม่ได้ออกจากคุกแน่ ๆ จนกว่าคุณจะใช้หนี้ให้หมดทุกบาททุกสตางค์
27 “คุณเคยได้ยินคำพูดที่ว่า ‘อย่าเล่นชู้’ 28 แต่ผมจะบอกคุณว่าทุกคนที่จ้องมองผู้หญิงจนเกิดความใคร่ ก็เป็นชู้ในใจกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว 29 ถ้าตาขวาของคุณทำให้คุณหลงทำผิด ควักมันทิ้งไปเลย เพราะว่าเสียอวัยวะอย่างหนึ่งไปก็ดีกว่าทั้งตัวถูกโยนลงในเกเฮนนา 30 และถ้ามือขวาของคุณทำให้คุณหลงทำผิด ตัดมันทิ้งไปเลย เพราะว่าเสียอวัยวะอย่างหนึ่งไปก็ดีกว่าทั้งตัวถูกทิ้งลงในเกเฮนนา
31 “ยังมีคำพูดอีกว่า ‘ถ้าใครหย่ากับภรรยา ก็ให้เขาทำหนังสือหย่าให้เธอด้วย’ 32 แต่ผมจะบอกคุณว่า ผู้ชายที่หย่ากับภรรยาทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้ทำผิดศีลธรรมทางเพศ jก็เป็นต้นเหตุให้เธอมีชู้เมื่อเธอไปมีคนใหม่ และคนที่แต่งงานกับผู้หญิงที่หย่าแบบนี้ก็เป็นชู้กับเธอด้วย
33 “และคุณเคยได้ยินที่คนสมัยก่อนถูกสอนว่า ‘อย่าผิดคำสาบาน เมื่อปฏิญาณไว้กับพระยะโฮวาแล้วต้องทำตามนั้น’ 34 แต่ผมจะบอกคุณว่าอย่าสาบานเลย อย่าสาบานโดยอ้างสวรรค์ เพราะสวรรค์เป็นบัลลังก์ของพระเจ้า 35 อย่าสาบานโดยอ้างโลก เพราะโลกนี้เป็นที่วางเท้าของพระองค์ และอย่าอ้างเยรูซาเล็มด้วย เพราะเยรูซาเล็มเป็นเมืองของมหากษัตริย์ 36 และอย่าสาบานโดยเอาหัวของตัวเองเป็นประกัน เพราะคุณควบคุมผมสักเส้นหนึ่งให้ขาวหรือดำก็ไม่ได้ 37 ให้คำพูดของคุณที่ว่า “ใช่” หมายความว่าใช่ ที่ว่า “ไม่” หมายความว่าไม่ ถ้าพูดมากกว่านี้ก็มาจากซาตานตัวชั่วร้าย k
38 “คุณเคยได้ยินคำพูดที่ว่า ‘ตาแทนตา ฟันแทนฟัน’ 39 แต่ผมจะบอกคุณว่า อย่าต่อสู้กับคนที่ทำชั่วกับคุณ ถ้าใครตบแก้มขวาของคุณ ก็หันแก้มซ้ายให้เขาด้วย 40 และถ้าใครฟ้องร้องจะเอาเสื้อตัวในของคุณ ก็เอาเสื้อตัวนอกให้เขาไปด้วย 41 และถ้าใครเกณฑ์คุณให้ไปกับเขา 1 กิโลเมตร ก็ไปกับเขา 2 กิโลเมตรเลย 42 ถ้าใครขออะไรจากคุณก็ให้เขาไป ใครมายืมอะไรจากคุณก็ให้เขายืม
43 “คุณเคยได้ยินคำพูดที่ว่า ‘ให้รักเพื่อนบ้าน และเกลียดชังศัตรู’ 44 แต่ผมจะบอกคุณว่า ให้รักศัตรูของคุณและอธิษฐานเผื่อคนที่ข่มเหงคุณ 45 ถ้าทำอย่างนั้น คุณก็จะเป็นลูกแท้ ๆ ของพระเจ้าผู้เป็นพ่อในสวรรค์ เพราะพระองค์ให้ดวงอาทิตย์ส่องแสงแก่ทั้งคนดีและคนชั่ว และให้ฝนตกแก่ทั้งคนทำดี lและคนทำชั่ว 46 ถ้าคุณรักคนที่รักคุณ พระเจ้าจะมองคุณว่าพิเศษกว่าคนอื่นตรงไหน? พวกคนเก็บภาษีก็ทำอย่างนั้นเหมือนกัน 47 และถ้าคุณทักทายแต่เพื่อนของคุณ คุณทำอะไรพิเศษกว่าคนอื่น ๆ หรือ? คนที่ไม่รู้จักพระเจ้าก็ทำอย่างนั้นเหมือนกัน 48 ดังนั้น คุณต้องเป็นคนดีพร้อมเหมือนพระเจ้าผู้เป็นพ่อในสวรรค์
6 “ระวัง อย่าทำดีเพื่ออวดคนอื่น ไม่อย่างนั้น คุณจะไม่ได้รับรางวัลจากพระเจ้าผู้เป็นพ่อในสวรรค์ 2 เวลาที่คุณช่วยเหลือคนจน อย่าเป็นเหมือนคนทำดีเอาหน้าซึ่งชอบโฆษณาความดีของตัวเองในที่ประชุมและตามถนนเพื่อให้คนมายกย่อง ผมจะบอกให้รู้ว่า พวกเขาได้รางวัลแค่นั้นแหละ 3 เมื่อคุณช่วยเหลือคนจน อย่าให้มือซ้ายรู้ว่ามือขวาทำอะไร 4 ให้ทำเป็นความลับ แล้วพ่อของคุณผู้เห็นทุกสิ่งที่คุณทำจะให้รางวัลกับคุณ
5 “ตอนที่คุณอธิษฐาน อย่าทำเหมือนคนเสแสร้งที่ยืนในที่ประชุมและตามมุมถนนใหญ่เพื่ออวดคนอื่น ผมจะบอกให้รู้ว่า พวกเขาได้รางวัลแค่นั้นแหละ 6 แต่เมื่ออธิษฐาน ให้เข้าไปอยู่ในห้องส่วนตัว ปิดประตูและอธิษฐานถึงพระเจ้าผู้เป็นพ่อที่คุณมองไม่เห็น แล้วพระองค์ผู้เห็นทุกสิ่งที่คุณทำจะให้รางวัลกับคุณ 7 ตอนที่คุณอธิษฐาน อย่าพูดซ้ำซากเหมือนคนที่ไม่รู้จักพระเจ้าทำกัน เพราะพวกเขาคิดว่า พูดมาก ๆ ถึงจะได้รับคำตอบ 8 อย่าทำเหมือนพวกเขา เพราะพระเจ้าผู้เป็นพ่อของคุณรู้ว่าคุณต้องการอะไรก่อนที่คุณจะขอด้วยซ้ำ
9 “คุณควรจะอธิษฐานตามแบบนี้ว่า
“‘พระเจ้า พ่อของพวกเราในสวรรค์ ขอให้ชื่อของพระองค์เป็นที่เคารพนับถืออยู่เสมอ 10 ขอให้รัฐบาล aของพระองค์มาปกครอง และขอให้ทุกอย่างบนโลกและบนสวรรค์เป็นอย่างที่พระองค์อยากให้เป็น 11 ขอให้พวกเรามีอาหารกินในวันนี้ 12 ขอพระองค์ยกโทษให้พวกเรา อย่างที่พวกเรายกโทษให้คนที่ทำผิดต่อพวกเรา 13 ขอพระองค์ช่วยปกป้องพวกเราไว้ bจากซาตานตัวชั่วร้าย c และช่วยให้เอาชนะการล่อใจได้’
14 “ถ้าคุณให้อภัยคนที่ทำผิดต่อคุณ พระเจ้าผู้เป็นพ่อในสวรรค์ก็จะให้อภัยคุณด้วย 15 แต่ถ้าคุณไม่ให้อภัยคนอื่น พระองค์ก็จะไม่ให้อภัยคุณเหมือนกัน
16 “เวลาคุณถือศีลอดอาหาร อย่าทำหน้าเศร้าหมองเหมือนคนเสแสร้งว่าเลื่อมใสพระเจ้า เพราะคนพวกนั้นปล่อยให้หน้าโทรมเพื่อให้คนเห็นว่าอดอาหาร ผมจะบอกให้รู้ว่า พวกเขาได้รางวัลแค่นั้นแหละ 17 แต่เมื่อถือศีลอดอาหาร ให้ล้างหน้าและเอาน้ำมันใส่ผม d 18 จะได้ไม่มีใครรู้ว่าคุณกำลังถือศีลอดอาหารอยู่ ยกเว้นพระเจ้าผู้เป็นพ่อของคุณเท่านั้นที่รู้ แล้วพระองค์ผู้เห็นทุกสิ่งที่คุณทำจะให้รางวัลกับคุณ
19 “เลิกสะสมทรัพย์สมบัติให้ตัวเองบนโลกได้แล้ว เพราะของพวกนี้ถูกมอดและสนิมกินได้ และถูกคนมาขโมยไปได้ 20 แต่ให้สะสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์ เพราะที่นั่นไม่มีมอดและสนิมมากิน และไม่มีคนมาขโมยไปได้ 21 ทรัพย์สมบัติของคุณอยู่ที่ไหน ใจของคุณก็อยู่ที่นั่นด้วย
22 “ตาเป็นเหมือนแสงสว่างสำหรับร่างกาย ถ้า ตาของคุณมองที่สิ่งเดียว ทั้งตัวคุณก็จะสว่าง 23 แต่ถ้าตาของคุณมองคนอื่นด้วยความอิจฉา ทั้งตัวคุณก็จะมืดไป ถ้าแสงสว่างในตัวคุณกลายเป็นความมืด ตัวคุณจะมืดทึบขนาดไหน
24 “ไม่มีใครเป็นทาสนาย 2 คนได้ เพราะเขาจะเกลียดนายคนหนึ่งและรักนายอีกคนหนึ่ง หรือจะภักดีต่อนายคนหนึ่งและดูถูกนายอีกคนหนึ่ง คุณจะเป็นทั้งทาสพระเจ้าและทาสทรัพย์สมบัติด้วยไม่ได้
25 “ดังนั้น ผมจะบอกคุณว่า เลิกกังวลได้แล้วกับเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ว่าจะมีกินมีดื่มไหม หรือกังวลว่าจะมีเสื้อผ้าใส่หรือเปล่า ชีวิตสำคัญกว่าอาหารและร่างกายสำคัญกว่าเสื้อผ้าไม่ใช่หรือ? 26 ดูนกที่บินบนฟ้าสิ พวกมันไม่ได้หว่านหรือเก็บเกี่ยวหรือสะสมเมล็ดพืชไว้ในยุ้งฉาง แต่พระเจ้าผู้เป็นพ่อของคุณในสวรรค์เลี้ยงดูพวกมันอยู่ คุณมีค่ามากกว่านกไม่ใช่หรือ? 27 พวกคุณมีใครไหมที่กังวลแล้วจะต่อชีวิตได้อีกสักนิดหนึ่ง? 28 จะกังวลกับเรื่องเสื้อผ้าไปทำไม? ดูดอกไม้ในทุ่งสิ มันงอกงามขึ้นได้อย่างไร มันไม่ต้องตรากตรำทำงานและไม่ต้องทอผ้า 29 แต่รู้ไหมว่า แม้แต่กษัตริย์โซโลมอนตอนที่แต่งตัวเต็มยศก็ยังไม่งามเท่ากับดอกไม้ดอกหนึ่งที่อยู่ในทุ่งเลย 30 ถ้าพระเจ้าตกแต่งดอกไม้ใบหญ้าในทุ่งซึ่งอยู่แค่วันนี้ และพรุ่งนี้ก็จะถูกเผาทิ้ง พระองค์จะไม่ตกแต่งคุณมากกว่านั้นหรือ พวกคุณมีความเชื่อน้อยจริง ๆ 31 ดังนั้น อย่ากังวลว่าจะมีกินมีดื่มไหม หรือจะมีเสื้อผ้าใส่หรือเปล่า 32 คนที่ไม่รู้จักพระเจ้าเสาะแสวงหาของพวกนี้ แต่พระเจ้าผู้เป็นพ่อของคุณในสวรรค์รู้อยู่แล้วว่าคุณต้องมีของทั้งหมดนี้
33 “ดังนั้น คุณต้องทำให้การปกครอง eของพระเจ้าและความถูกต้องชอบธรรมของพระองค์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต แล้วพระองค์จะให้คุณมีสิ่งจำเป็นทั้งหมดนี้ 34 ไม่ต้องกังวลถึงวันพรุ่งนี้ เพราะพรุ่งนี้ก็จะมีเรื่องของพรุ่งนี้ให้กังวลอีก แต่ละวันมีปัญหามากพออยู่แล้ว
7 “คุณต้องเลิกตัดสินคนอื่น พระเจ้าจะได้ไม่ตัดสินคุณ 2 เพราะคุณตัดสินคนอื่นอย่างไร พระเจ้าก็จะตัดสินคุณอย่างนั้น และคุณทำกับคนอื่นอย่างไร เขาก็จะทำกับคุณอย่างนั้นด้วย f 3 แล้วทำไมคุณถึงไปจ้องดูเศษผงในตาของคนอื่น แต่ไม่เห็นท่อนไม้ในตาของตัวเอง? 4 คุณบอกคนอื่นได้อย่างไรว่า ‘ผมจะเขี่ยเศษผงออกจากตาของคุณให้’ ทั้ง ๆ ที่ไม้ทั้งท่อนยังอยู่ในตาของคุณเอง? 5 คนอวดดี เอาท่อนไม้ออกจากตาของตัวเองก่อนสิ คุณจะได้เห็นชัด ๆ แล้วคุณถึงจะเขี่ยเศษผงออกจากตาของคนอื่นได้
6 “อย่าเอาของที่ควรถวายพระเจ้าไปให้หมา และอย่าโยนไข่มุกให้หมู เพราะมันจะเหยียบย่ำเสียเปล่า ๆ แถมยังหันมาทำร้ายคุณอีก
7 “ขอต่อไปเรื่อย ๆ แล้วจะได้รับ หาต่อไปเรื่อย ๆ แล้วจะพบ เคาะต่อไปเรื่อย ๆ แล้วจะเปิดให้ 8 เพราะทุกคนที่ขอจะได้รับ ทุกคนที่หาก็จะพบ และทุกคนที่เคาะก็จะเปิดให้ 9 ถ้าลูกขอขนมปัง จะมีพ่อคนไหนให้ก้อนหินหรือ? 10 และถ้าลูกขอปลา พ่อจะยื่นงูพิษให้ไหม? 11 ในเมื่อคุณที่เป็นคนบาปยังรู้จักให้ของดีกับลูก แล้วพระเจ้าผู้เป็นพ่อของคุณในสวรรค์จะไม่ยิ่งให้สิ่งดี ๆ กับคนที่ขอพระองค์หรือ?
12 “ดังนั้น ให้คุณทำกับคนอื่นเหมือนที่อยากให้คนอื่นทำกับคุณ g ที่จริง นี่เป็นใจความสำคัญในกฎหมายของโมเสสและคำสอนของพวกผู้พยากรณ์
13 “ให้คุณเข้าไปทางประตูแคบ เพราะประตูที่เปิดกว้างและทางที่กว้างใหญ่นั้นนำไปถึงความพินาศ และมีคนมากมายเข้าไปทางนั้น 14 แต่ประตูแคบและทางแคบที่เดินลำบากจะนำไปถึงชีวิต และมีไม่กี่คนพบทางนี้
15 “ให้ระวังพวกผู้พยากรณ์เท็จ พวกนั้นปลอมตัวมาหาคุณในคราบของแกะ แต่จริง ๆ แล้วพวกเขาเป็นหมาป่าที่ตะกละตะกลาม 16 คุณจะรู้จักพวกเขาได้จากการกระทำของเขา คนเราจะเก็บองุ่นหรือมะเดื่อจากต้นหนามได้หรือ? 17 คล้ายกัน ต้นไม้ดีก็ออกผลดี และต้นไม้ไม่ดีก็ออกผลที่ไม่ดี 18 ต้นไม้ดีจะออกผลที่ไม่ดีก็ไม่ได้ และต้นไม้ไม่ดีจะออกผลดีก็ไม่ได้เหมือนกัน 19 ต้นไม้ทุกต้นที่ไม่ออกผลดีต้องถูกโค่นแล้วเอาไปเผาไฟทิ้ง 20 ดังนั้น คุณจะรู้ได้ว่าพวกเขาเป็นอย่างไร ก็ดูจากการกระทำของเขา
21 “คนที่เรียกผมว่า ‘นายท่าน นายท่าน’ ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เข้ารัฐบาล hสวรรค์ แต่คนที่ทำสิ่งที่พ่อของผมในสวรรค์อยากให้ทำต่างหากถึงจะได้เข้า 22 ในวันนั้นคนมากมายจะบอกผมว่า ‘นายท่าน นายท่าน พวกเราได้พยากรณ์และขับไล่ปีศาจในนามของท่าน และทำการอัศจรรย์หลายอย่างในนามของท่านไม่ใช่หรือ?’ 23 แต่ผมจะบอกพวกเขาว่า ‘ผมไม่เคยรู้จักพวกคุณเลย i ไปให้พ้น พวกคนชั่ว’
24 “ดังนั้น ทุกคนที่ฟังคำสอนของผมและทำตาม ก็เหมือนคนฉลาดที่สร้างบ้านบนพื้นหิน 25 ถึงแม้ฝนตกหนัก น้ำมาท่วม และลมพัดกระหน่ำ แต่บ้านนั้นก็ไม่พังเพราะมีฐานรากอยู่บนหินที่มั่นคง 26 ส่วนทุกคนที่ฟังคำสอนของผมแต่ไม่ทำตาม ก็เหมือนกับคนโง่ที่สร้างบ้านอยู่บนทราย 27 เมื่อฝนตกหนัก น้ำมาท่วม และลมพัดปะทะบ้านนั้น บ้านก็พังพินาศ”
28 เมื่อพระเยซูพูดจบแล้ว คนที่มาฟังก็รู้สึกทึ่งกับวิธีสอนของท่าน 29 เพราะท่านไม่ได้สอนเหมือนพวกครูสอนศาสนาของเขา แต่สอนแบบคนที่ได้รับอำนาจจากพระเจ้า
a หรือ “ราชอาณาจักร”
b แปลตรงตัวว่า “เป็นมรดก”
c ในพระคัมภีร์ หมายถึงสิ่งที่ถูกต้องตามมาตรฐานของพระเจ้า คำนี้ในภาษาฮีบรูและกรีกยังถูกแปลด้วยว่า ถูกต้อง ยุติธรรม เที่ยงธรรม ดี ซื่อสัตย์ นอกจากนั้น พระคัมภีร์ยังพูดถึงคนที่พระเจ้าถือว่าเป็นที่ยอมรับของพระองค์หรือมีความถูกต้องชอบธรรมด้วย ในกรณีนี้ พระองค์ถือว่าเขาไม่มีความผิดจึงรับเขาเป็นเพื่อนของพระองค์ได้ หรือถึงกับตัดสินว่าเขาคู่ควรกับสิทธิที่จะได้ชีวิตตลอดไป ที่พระเจ้าทำอย่างนี้ ไม่ใช่เพราะความดีความชอบของคนนั้น แต่เพราะเขามีความเชื่อในพระเยซูคริสต์
d ดูคำอธิบายในเชิงอรรถข้อ 6
e หรือ “ดูถูก”
f แปลตรงตัวว่า “จะถูกเรียกว่าคนเล็กน้อยที่สุดในราชอาณาจักรสวรรค์”
g แปลตรงตัวว่า “จะถูกเรียกว่าคนยิ่งใหญ่ในราชอาณาจักรสวรรค์”
h แปลตรงตัวว่า “พี่น้อง” ซึ่งหมายถึงเพื่อนร่วมความเชื่อ
i แปลตรงตัวว่า “พี่น้อง” ซึ่งหมายถึงเพื่อนร่วมความเชื่อ
j ผิดศีลธรรมทางเพศ: คำกรีก พอร์เน่อา เป็นคำกว้าง ๆ ที่หมายถึงการมีเพศสัมพันธ์ทุกรูปแบบที่คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าผิด ซึ่งรวมถึงการเล่นชู้ การเป็นโสเภณี การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างคนที่ยังไม่แต่งงาน การรักร่วมเพศ และการร่วมเพศกับสัตว์
k หรืออาจแปลได้ว่า “จากสิ่งชั่วร้าย”
l ดูเชิงอรรถของ 5:6, 10
a หรือ “ราชอาณาจักร”
b หรือ “ช่วยพวกเราให้รอด”
c หรืออาจแปลได้ว่า “จากสิ่งชั่วร้าย”
d เพื่อให้ดูเรียบร้อย
e หรือ “รัฐบาล”
f แปลตรงตัวว่า “คุณจะตวงให้เขาด้วยเครื่องตวงอันไหน เขาก็จะตวงให้คุณด้วยเครื่องตวงอันนั้น”
g แปลตรงตัวว่า “ทุกสิ่งที่คุณอยากให้คนอื่นทำกับคุณ ให้คุณทำอย่างนั้นกับเขา”
h หรือ “ราชอาณาจักร”
i หรือ “ผมจำพวกคุณไม่ได้เลย”