หนังสือที่ยอดเยี่ยม
เมื่อสนั่นกลับบ้านหลังเลิกงานในเย็นวันนั้น วาสนาก็เล่าให้เขาฟังหมดว่าอนุสราได้ให้เธอดูอะไรบ้าง. สนั่นคิดว่านั่นเป็นเรื่องที่น่าสนใจ แต่เขาเคยได้ยินคนอื่น ๆ คุยกันถึงเรื่องเส้นทางต่าง ๆ ที่นำไปสู่ความสงบและความสุข. ดังนั้น เขาจึงไม่ค่อยอยากเชื่อ. แต่เขาก็ตัดสินใจว่าจะคุยเรื่องนี้กับบวร-ศักดิ์. วันเสาร์ถัดมา เขาก็ไปคุยกับบวรศักดิ์.
บวรศักดิ์บอกสนั่นว่า “ใช่แล้วครับ หนังสือนี้มีชื่อว่าคัมภีร์ไบเบิล. ผมได้อ่านหนังสือเล่มนี้ และผมมั่นใจเต็มที่ว่าหนังสือนี้ถูกต้องและเชื่อถือได้.”
สนั่นบอกเรื่องที่เขาสงสัยให้บวรศักดิ์ฟัง. สนั่นสังเกตว่า “เราทุกคนเห็นได้ว่า ความยากจนและความทุกข์เข็ญรอบ ๆ ตัวเรามีไม่รู้จักจบสิ้น และผู้คนทุกชาติทุกเผ่าพันธุ์ล้วนแต่ประสบความทุกข์ยาก. ยิ่งกว่านั้น มีศาสนาและปรัชญาต่าง ๆ มากมายเหลือเกินที่อ้างว่าเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง แต่ก็ไม่มีศาสนาและปรัชญาใด ๆ เลยที่ได้แก้ปัญหาเรื่องสงคราม, รัฐบาลที่ไม่ดี, ความเกลียดชังระหว่างเชื้อชาติ, และความยากจน. ทำไมสิ่งที่หนังสือเล่มนี้พูดจึงต่างไปจากศาสนาและปรัชญาทั้งหมดนั้นล่ะ?”
บวรศักดิ์ให้สนั่นดูอะไรบางอย่างจากคัมภีร์ไบเบิลซึ่งทำให้สนั่นแปลกใจมาก. บวรศักดิ์ให้เขาดูคัมภีร์ไบเบิลที่บอกว่า “มนุษย์ใช้อำนาจเหนือมนุษย์อย่างที่ก่อผลเสียหายแก่เขา” และ “ไม่ใช่ที่มนุษย์ซึ่งดำเนินนั้นจะได้กำหนดก้าวของตัวได้.” สนั่นยอมรับว่า คงจะไม่มีใครปฏิเสธความจริงของถ้อยคำเหล่านี้. นี่คือความเป็นจริงของชีวิตในประเทศของสนั่นเอง และในประเทศทางแถบตะวันตกด้วย.
บวรศักดิ์อธิบายให้สนั่นฟังต่อไปว่า เขายังเชื่อถือคัมภีร์ไบเบิลได้ด้วยเหตุผลอื่น ๆ อีกหลายอย่าง. บวรศักดิ์กล่าวว่า “คัมภีร์ไบเบิลไม่เพียงให้คำแนะ
นำที่ดีสำหรับชีวิตประจำวัน อย่างเช่น เรื่องต่าง ๆ ที่อนุสราได้ให้วาสนาดูไปแล้ว แต่คัมภีร์ไบเบิลยังชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนถึงสาเหตุของปัญหาต่าง ๆ ที่มนุษยชาติกำลังเผชิญอยู่.” เขาเพิ่มเติมว่า “สนั่น คุณรู้ไหมคัมภีร์ไบเบิลยังมีความถูกต้องแม่นยำทางวิทยาศาสตร์ด้วย.”แต่สนั่นก็ยังไม่หายข้องใจ. เขาถามว่า “หนังสือที่เก่าแก่อย่างคัมภีร์ไบเบิลจะแก้ปัญหาในสมัยปัจจุบันและมีความถูกต้องแม่นยำทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างไร?” สนั่นยังอยากรู้ด้วยว่าใครเป็นผู้เขียนหนังสือเล่มนี้.
บวรศักดิ์อธิบายว่า “คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้เขียนโดยคน ๆ เดียว. ที่จริงแล้ว คัมภีร์ไบเบิลประกอบด้วยหนังสือเล่มเล็ก ๆ รวมกัน 66 เล่มที่มีผู้เขียนมากกว่า 40 คนตลอดช่วงเวลาราว ๆ 1,600 ปี หนังสือนี้เขียนเสร็จประมาณ 1,900 ปีมาแล้ว. ถึงแม้ว่าผู้เขียนเหล่านี้แทบไม่มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ แต่พวกเขาก็เขียนเกี่ยวกับข้อเท็จจริงต่าง ๆ ซึ่งไม่เป็นที่รู้จักกันจนกระทั่งอีกหลายพันปีต่อมา. ยกตัวอย่าง ผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิลคนหนึ่งได้กล่าวว่า โลก ‘ห้อยอยู่โดยไม่ได้ติดกับอะไร’ และผู้เขียนอีกคนหนึ่งพรรณนาถึงโลกว่า เป็นวงกลมหรือทรงกลม. ข้อเท็จจริงเหล่านี้ไม่เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปในสมัยที่มีการเขียนคัมภีร์ไบเบิล แต่นักวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์ว่าเรื่องนั้นเป็นความจริงก็เมื่อไม่นานมานี้เอง.”
“น่าทึ่งจริง ๆ” สนั่นพูด. บวรศักดิ์อยากให้สนั่นดูเรื่องที่น่าทึ่งพอ ๆ กันอีกเรื่องหนึ่ง.
บวรศักดิ์พูดว่า “คัมภีร์ไบเบิลได้พยากรณ์ล่วงหน้าราว ๆ 200 ปีถึงการล่มจมของมหาอำนาจโลกที่เกรียงไกรซึ่งมีชื่อว่าบาบิโลน. คัมภีร์ไบเบิลพรรณนาถึงวิธีที่จะมีการพิชิตเมืองบาบิโลน และที่น่าทึ่งก็คือ มีการกล่าวถึงชื่อของกษัตริย์ผู้พิชิตองค์นั้นนานล่วงหน้าก่อนที่ท่านจะเกิดด้วยซ้ำ! จริง ๆ แล้ว มีคำพยากรณ์หลายร้อยข้อในคัมภีร์ไบเบิล.”
ขณะที่สนั่นกำลังครุ่นคิดเรื่องทั้งหมดนี้ บวรศักดิ์ได้พูดอะไรบางอย่างที่ทำให้สนั่นยิ่งรู้สึกทึ่ง. “คุณรู้ไหมว่าความทุกข์ยากที่คุณกับผมและคนอื่น ๆ กำลังประสบอยู่ในทุกวันนี้ได้มีการพยากรณ์ไว้เมื่อ 1,900 ปีมาแล้วในคัมภีร์ไบเบิล?” เขาอ่านข้อความต่อไปนี้จากคัมภีร์ไบเบิลให้สนั่นฟัง:
-
“แต่จงรู้ว่าในสมัยสุดท้ายจะเกิดวิกฤตกาลซึ่งยากจะรับมือได้. เพราะว่าคนจะรักตัวเอง รักเงิน อวดดี เย่อหยิ่ง หมิ่นประมาท ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ อกตัญญู ไม่ภักดี ไม่มีความรักใคร่ตามธรรมชาติ ไม่ยอมประนีประนอม เป็นคนใส่ร้าย ไม่มีการควบคุมตนเอง ดุร้าย ไม่รักความดี เป็นคนทรยศ หัวดื้อ ทะนงตัว เป็นคนรักการสนุกสนานแทนที่จะรักพระเจ้า เลื่อมใสพระเจ้าแต่เปลือกนอกแต่ไม่ดำเนินชีวิตอย่างคนที่ถูกกระตุ้นจากพลังของความเลื่อมใสพระเจ้า.”
บวรศักดิ์บอกสนั่นว่า ส่วนอื่น ๆ ของคัมภีร์ไบเบิลได้บอกล่วงหน้าว่าจะมีความยุ่งยากตลอดทั่วโลก รวมทั้งสงคราม, โรคภัยไข้เจ็บ, การขาดแคลนอาหาร, แผ่นดินไหว, และการละเลยกฎหมาย.
สนั่นแปลกใจมากที่เห็นว่า ปัญหาหลายอย่างที่เขาและวาสนากำลังประสบอยู่นี้ มีการพรรณนาไว้อย่างแม่นยำนานมาแล้วในคัมภีร์ไบเบิล.
สนั่นพูดด้วยความประทับใจว่า “นี่เป็นหนังสือที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ!”