ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

บทสิบเอ็ด

ทำไมพระเจ้าทรงยอมให้มีความทุกข์?

ทำไมพระเจ้าทรงยอมให้มีความทุกข์?
  • พระเจ้าเป็นต้นเหตุของความทุกข์ในโลกไหม?

  • มีการยกประเด็นอะไรขึ้นมาในสวนเอเดน?

  • พระเจ้าจะทรงทำเช่นไรกับสิ่งที่ก่อความทุกข์ให้กับมนุษย์?

1, 2. ผู้คนประสบความทุกข์เช่นไรในทุกวันนี้ นั่นทำให้หลายคนถามคำถามอะไร?

ในประเทศหนึ่งซึ่งเสียหายย่อยยับเนื่องจากสงคราม หลังจากการสู้รบที่รุนแรง พลเรือนทั้งผู้หญิงและเด็กหลายพันคนซึ่งถูกฆ่าได้ถูกฝังรวมกันในหลุมใหญ่ที่มีหลักปักไว้เป็นเครื่องหมายรอบหลุมนั้น. หลักแต่ละอันมีคำจารึกว่า “ทำไม?” บางครั้ง นี่เป็นคำถามที่แสดงถึงความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างที่สุด. ผู้คนถามเช่นนั้นด้วยความเศร้าใจ เมื่อสงคราม, ภัยพิบัติ, หรืออาชญากรรมทำให้คนที่เขารักเสียชีวิตไปโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่, ทำลายบ้านเรือนของเขา, หรือนำความทุกข์อันสุดจะพรรณนามาให้เขาในวิธีอื่น ๆ. พวกเขาต้องการรู้ว่าทำไมเรื่องน่าเศร้าเช่นนั้นจึงเกิดขึ้นกับเขา.

2 ทำไมพระเจ้ายอมให้มีความทุกข์? หากพระยะโฮวาพระเจ้าทรงมีอำนาจบริบูรณ์, มีความรัก, สติปัญญา, และยุติธรรม ทำไมโลกจึงเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความอยุติธรรม? คุณเองเคยสงสัยในเรื่องเหล่านี้ไหม?

3, 4. (ก) อะไรแสดงว่าไม่ผิดที่จะถามว่าทำไมพระเจ้ายอมให้มีความทุกข์? (ข) พระยะโฮวาทรงรู้สึกอย่างไรกับความชั่วและความทุกข์?

3 ผิดไหมที่จะถามว่า ทำไมพระเจ้ายอมให้มีความทุกข์? บางคนเป็นห่วงว่าการถามเช่นนั้นแสดงว่าเขายังไม่มีความเชื่อพอ หรือแสดงว่าพวกเขาไม่นับถือพระเจ้า. อย่างไรก็ดี เมื่ออ่านคัมภีร์ไบเบิล คุณจะพบว่าเหล่าผู้ซื่อสัตย์และเกรงกลัวพระเจ้าเคยถามคล้าย ๆ กันนั้น. ตัวอย่างเช่น ผู้พยากรณ์ฮะบาฆูคทูลถามพระยะโฮวาว่า “เหตุใดพระองค์ให้ข้าพเจ้าเห็นความชั่ว, แลให้ข้าพเจ้าแลดูความทุกข์ยาก, เพราะความฉิบหายแลความอันตรายอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า, แลมีผู้วิวาทแลกล่าวแก่งแย่งยกย่องตนขึ้น.”—ฮะบาฆูค 1:3.

พระยะโฮวาจะทำให้ความทุกข์ทั้งหมดสิ้นสุดลง

4 พระยะโฮวาทรงดุว่าฮะบาฆูคผู้พยากรณ์ที่ซื่อสัตย์ไหม เมื่อท่านถามเช่นนั้น? ไม่. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พระเจ้าได้เอาคำพูดที่จริงใจของฮะบาฆูครวมไว้ในบันทึกของคัมภีร์ไบเบิลที่มีขึ้นโดยการดลใจ. พระเจ้ายังช่วยท่านให้มีความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ ชัดเจนยิ่งขึ้นและมีความเชื่อมากขึ้นด้วย. พระยะโฮวาทรงต้องการทำอย่างเดียวกันนั้นกับคุณด้วย. อย่าลืมที่คัมภีร์ไบเบิลสอนว่า “พระองค์ทรงใฝ่พระทัยท่านทั้งหลาย.” (1 เปโตร 5:7) พระเจ้าทรงเกลียดชังความชั่วและความทุกข์ที่เกิดจากความชั่วนั้นมากยิ่งกว่ามนุษย์คนใด ๆ. (ยะซายา 55:8, 9) ถ้าเช่นนั้น ทำไมโลกนี้จึงมีความทุกข์มากจริง ๆ?

ทำไมจึงมีความทุกข์มากจริง ๆ?

5. บางครั้งมีการให้เหตุผลเช่นไรเพื่ออธิบายเรื่องความทุกข์ของมนุษย์ แต่คัมภีร์ไบเบิลสอนอย่างไร?

5 ผู้คนในศาสนาต่าง ๆ ได้ถามผู้นำและผู้สอนศาสนาของตนว่าทำไมจึงมีความทุกข์มากจริง ๆ? คำตอบที่ได้ยินบ่อย ๆ คือ พระเจ้าทรงประสงค์ให้มีความทุกข์และพระองค์ได้กำหนดไว้นานมาแล้วว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น รวมทั้งเหตุการณ์ที่น่าเศร้า. หลายคนเคยได้ยินว่า แนวทางของพระเจ้าเป็นเรื่องเข้าใจยาก หรือบอกว่าพระองค์ทำให้คนตาย แม้กระทั่งเด็ก ๆ ด้วย เพื่อจะรับพวกเขาไปอยู่ในสวรรค์กับพระองค์. แต่ดังที่คุณได้เรียนมาแล้ว พระยะโฮวาพระเจ้าไม่เคยทำให้เกิดสิ่งเลวร้าย. คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “พระเจ้าจะทรงกระทำการชั่วนั้นเป็นไปไม่ได้; และท่านผู้ทรงฤทธิ์จะทรงกระทำผิดก็เป็นไปไม่ได้เลย.”—โยบ 34:10.

6. ทำไมหลายคนจึงกล่าวโทษพระเจ้าอย่างผิด ๆ ว่าพระองค์เป็นต้นเหตุของความทุกข์บนโลกนี้?

6 คุณรู้ไหมว่าทำไมผู้คนจึงกล่าวโทษพระเจ้าอย่างผิด ๆ ว่าพระองค์เป็นต้นเหตุของความทุกข์ทั้งสิ้นในโลกนี้? ในหลายกรณี พวกเขาโทษพระเจ้าองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการเพราะเขาคิดว่า แท้จริงแล้วพระองค์เป็นผู้ปกครองโลกนี้. พวกเขาไม่ทราบความจริงที่คัมภีร์ไบเบิลสอนซึ่งเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่ก็สำคัญ. คุณได้เรียนความจริงนั้นแล้วในบท 3 ของหนังสือนี้. ผู้ปกครองโลกนี้ที่แท้ก็คือซาตานพญามาร.

7, 8. (ก) โลกสะท้อนบุคลิกลักษณะของผู้ปกครองโลกนี้อย่างไร? (ข) ความไม่สมบูรณ์ของมนุษย์และ “วาระกับโอกาส” ทำให้เกิดความทุกข์ได้อย่างไร?

7 คัมภีร์ไบเบิลกล่าวอย่างชัดเจนว่า “โลกทั้งโลกอยู่ในอำนาจตัวชั่วร้าย.” (1 โยฮัน 5:19) เมื่อคุณคิดถึงเรื่องนี้ นั่นนับว่ามีเหตุผลมิใช่หรือ? โลกนี้สะท้อนบุคลิกลักษณะของกายวิญญาณที่เรามองไม่เห็นผู้ซึ่ง “ชักนำทั้งโลกให้หลงผิด.” (วิวรณ์ 12:9) ซาตานจงเกลียดจงชัง, หลอกลวง, และโหดร้าย. ดังนั้น โลกที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของมันจึงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง, การหลอกลวง, และความโหดร้าย. นั่นคือเหตุผลประการหนึ่งที่ทำให้มีความทุกข์มากจริง ๆ.

8 ดังที่มีการพิจารณาในบท 3 เหตุผลประการที่สองที่ทำให้มีความทุกข์มากจริง ๆ คือ มนุษย์ทุกคนไม่สมบูรณ์และมีบาปตั้งแต่การกบฏในสวนเอเดนเป็นต้นมา. มนุษย์ผิดบาปมักจะต่อสู้แย่งชิงอำนาจ และนี่ทำให้เกิดสงคราม, การกดขี่, และความทุกข์. (ท่านผู้ประกาศ 4:1; 8:9) เหตุผลประการที่สามสำหรับความทุกข์คือ “วาระกับโอกาส [“เหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดล่วงหน้า,” ล.ม.].” (ท่านผู้ประกาศ 9:11) ในโลกที่พระยะโฮวาไม่ได้เป็นผู้ปกครองซึ่งให้การปกป้อง ผู้คนอาจประสบความทุกข์เนื่องจากเขาบังเอิญไปอยู่ผิดที่ผิดเวลา.

9. ทำไมเราแน่ใจได้ว่าพระยะโฮวามีเหตุผลอันควรที่ยอมให้ความทุกข์มีอยู่ต่อไป?

9 เป็นการปลอบประโลมใจเราที่รู้ว่าพระเจ้าไม่ได้ทำให้เกิดความทุกข์. พระองค์ไม่ได้เป็นต้นเหตุของสงคราม, อาชญากรรม, การกดขี่, หรือแม้แต่ภัยธรรมชาติซึ่งทำให้ผู้คนทุกข์ทรมาน. กระนั้น เราจำเป็นต้องรู้ว่า ทำไมพระยะโฮวาทรงยอมให้ความทุกข์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้น? หากพระองค์เป็นพระเจ้าที่มีฤทธานุภาพทุกประการ พระองค์ย่อมมีอำนาจที่จะทำให้ความทุกข์ยุติลง. ถ้าเช่นนั้น ทำไมพระองค์จึงไม่ได้ใช้อำนาจดังกล่าว? พระเจ้าที่เปี่ยมด้วยความรักซึ่งเราได้มารู้จักนี้ต้องมีเหตุผลอันควร.—1 โยฮัน 4:8.

เกิดประเด็นสำคัญขึ้น

10. ซาตานได้ตั้งข้อสงสัยอะไร และโดยวิธีใด?

10 เพื่อจะรู้ว่าทำไมพระเจ้าทรงยอมให้มีความทุกข์ เราต้องนึกย้อนไปถึงสมัยที่ความทุกข์เริ่มต้น. เมื่อซาตานชักนำให้อาดามและฮาวาไม่เชื่อฟังพระยะโฮวา ทำให้เกิดคำถามสำคัญขึ้นมา. ซาตานไม่ได้ตั้งข้อสงสัยในเรื่องพลังอำนาจ ของพระยะโฮวา. แม้แต่ซาตานก็รู้ว่าพระยะโฮวามีพลังอำนาจที่ไม่มีขีดจำกัด. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ซาตานสงสัยสิทธิในการปกครอง ของพระยะโฮวา. โดยการเรียกพระเจ้าว่าเป็นผู้มุสา ซึ่งกีดกันผู้ที่อยู่ใต้การปกครองของพระองค์ไม่ให้ได้รับสิ่งดี ๆ ซาตานก็ได้กล่าวหาว่าพระยะโฮวาเป็นผู้ปกครองที่ไม่ดี. (เยเนซิศ 3:2-5) ซาตานพูดเป็นนัยว่ามนุษย์คงจะมีชีวิตที่ดีกว่าถ้าไม่มีการปกครองของพระเจ้า. นี่เป็นการโจมตีพระบรมเดชานุภาพ ของพระยะโฮวา หรือสิทธิในการปกครองของพระองค์.

11. ทำไมพระยะโฮวาไม่ได้เพียงแค่ทำลายพวกกบฏในสวนเอเดน?

11 อาดามและฮาวาได้กบฏต่อพระยะโฮวา. ที่แท้แล้ว เขาทั้งสองพูดว่า ‘เราไม่จำเป็นต้องให้พระยะโฮวาเป็นผู้ปกครองของเรา. เราสามารถตัดสินใจได้เองว่าอะไรถูกอะไรผิด.’ พระยะโฮวาจะจัดการกับปัญหานั้นได้อย่างไร? พระองค์จะสอนสิ่งทรงสร้างทั้งสิ้นที่มีเชาวน์ปัญญาได้อย่างไรว่าพวกกบฏเป็นฝ่ายผิดและแนวทางของพระองค์ดีที่สุดจริง ๆ? บางคนอาจบอกว่า พระเจ้าน่าจะทำลายพวกกบฏแล้วสร้างมนุษย์ขึ้นมาใหม่. แต่พระยะโฮวาได้ชี้แจงว่าพระองค์ทรงประสงค์ที่จะทำให้แผ่นดินโลกเต็มไปด้วยลูกหลานของอาดามและฮาวา และพระองค์ต้องการให้พวกเขามีชีวิตอยู่ในอุทยานบนแผ่นดินโลก. (เยเนซิศ 1:28) พระยะโฮวาทรงทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จเป็นจริงเสมอ. (ยะซายา 55:10, 11) นอกจากนี้ การกำจัดพวกกบฏในสวนเอเดนคงจะไม่ได้ตอบคำถามซึ่งมีการยกขึ้นมาเกี่ยวกับสิทธิในการปกครองของพระยะโฮวา.

12, 13. จงยกตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าทำไมพระยะโฮวาได้ทรงยอมให้ซาตานเป็นผู้ปกครองโลกนี้ และทำไมพระเจ้าอนุญาตให้มนุษย์ปกครองตัวเอง.

12 ขอให้เราพิจารณาตัวอย่างหนึ่ง. สมมุติว่าครูคนหนึ่งกำลังบอกวิธีแก้โจทย์เลขที่ยากให้แก่นักเรียน. นักเรียนคนหนึ่งที่ฉลาดแต่ดื้อรั้นอ้างว่าวิธีแก้โจทย์เลขของครูผิด. เขาบอกว่าครูไม่มีความสามารถ นักเรียนที่ดื้อรั้นคนนี้ยืนยันว่าตัวเองรู้วิธีแก้โจทย์เลขที่ดีกว่ามาก. นักเรียนบางคนคิดว่าเพื่อนที่ดื้อรั้นนั้นเป็นฝ่ายถูก และพวกเขาจึงดื้อรั้นต่อครูไปด้วย. ครูควรทำอย่างไร? หากครูไล่พวกเด็กหัวดื้อออกจากห้องเรียน จะมีผลเช่นไรต่อนักเรียนคนอื่น ๆ? พวกเขาจะไม่คิดหรือว่าเพื่อนนักเรียนคนนั้นและเด็กอื่น ๆ ที่เข้าร่วมกับเขาเป็นฝ่ายถูก? นักเรียนคนอื่นทั้งหมดในชั้นอาจหมดความนับถือครู คิดว่าครูกลัวจะถูกพิสูจน์ว่าเป็นฝ่ายผิด. แต่สมมุติว่าครูยอมให้เด็กดื้อคนนั้นแสดงวิธีแก้โจทย์เลขด้วยตัวเขาเอง ล่ะ.

นักเรียนมีความสามารถมากกว่าครูไหม?

13 พระยะโฮวาได้ทรงทำสิ่งที่คล้ายกับครูคนนั้นทำ. จำไว้ว่า ไม่ได้มีแต่พวกกบฏในสวนเอเดนเท่านั้นที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย. ทูตสวรรค์นับล้าน ๆ เฝ้าดูอยู่. (โยบ 38:7; ดานิเอล 7:10) วิธีที่พระยะโฮวาจัดการกับการกบฏขัดขืนจะมีผลกระทบอย่างมากต่อบรรดาทูตสวรรค์เหล่านั้นและในที่สุดต่อสิ่งทรงสร้างที่มีเชาวน์ปัญญาทั้งสิ้น. ดังนั้น พระยะโฮวาทรงทำอย่างไร? พระองค์ได้ยอมให้ซาตานแสดงวิธีที่มันจะปกครองมวลมนุษย์. พระเจ้ายังยอมให้มนุษย์ปกครองตัวเองภายใต้การชี้นำของซาตาน.

14. การที่พระยะโฮวาตัดสินพระทัยยอมให้มนุษย์ปกครองตัวเองจะเกิดประโยชน์เช่นไร?

14 ครูในตัวอย่างของเรารู้ว่าเด็กที่ดื้อรั้นกับพวกนักเรียนที่เข้าข้างเด็กนั้นเป็นฝ่ายผิด. แต่ครูก็รู้ด้วยว่าการยอมให้เด็กเหล่านั้นมีโอกาสจะพยายามพิสูจน์ข้อโต้แย้งของตนจะเป็นประโยชน์แก่นักเรียนทั้งชั้น. เมื่อเด็กที่ดื้อรั้นแก้โจทย์เลขไม่ได้ นักเรียนที่สุจริตใจทั้งหมดจะเห็นว่าครูเป็นคนเดียวเท่านั้นที่สามารถสอนนักเรียนในชั้นได้. พวกเขาจะเข้าใจว่าทำไมทีหลังครูจึงไล่พวกนักเรียนที่ดื้อ ๆ ออกจากชั้น. คล้ายกัน พระยะโฮวาทรงทราบว่ามนุษย์และทูตสวรรค์ที่สุจริตใจทั้งสิ้นจะได้รับประโยชน์หากเห็นว่าซาตานและผู้ร่วมกบฏกับมันเป็นฝ่ายล้มเหลว และมนุษย์ไม่สามารถปกครองตัวเองได้. เช่นเดียวกับยิระมะยาห์ในสมัยก่อนโน้น พวกเขาจะเรียนรู้ความจริงสำคัญข้อนี้ที่ว่า “โอ้พระยะโฮวา, ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่าทางที่มนุษย์จะไปนั้นไม่ได้อยู่ในตัวของตัว, ไม่ใช่ที่มนุษย์ซึ่งดำเนินนั้นจะได้กำหนดก้าวของตัวได้.”—ยิระมะยา 10:23.

ทำไมจึงนานเหลือเกิน?

15, 16. (ก) ทำไมพระยะโฮวายอมให้ความทุกข์มีอยู่นานเหลือเกิน? (ข) ทำไมพระยะโฮวาไม่ป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างเช่น อาชญากรรมที่น่าสยดสยอง?

15 แต่ทำไมพระยะโฮวาจึงยอมให้ความทุกข์มีอยู่นานเหลือเกิน? และทำไมพระองค์ไม่ป้องกันเพื่อไม่ให้สิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น? ขอพิจารณาสองสิ่งที่ครูในตัวอย่างของเราจะไม่ ทำ. ประการแรก ครูจะไม่บอกนักเรียนที่ดื้อรั้นคนนั้นให้หยุดขณะที่เขาเพิ่งเริ่มอธิบายวิธีแก้โจทย์เลข. ประการที่สอง ครูจะไม่ช่วยเด็กดื้อรั้นคนนั้นแสดงวิธีของเขา. คล้ายกัน ขอพิจารณาสองสิ่งที่พระยะโฮวาได้ตัดสินพระทัยไม่ ทำ. ประการแรก พระองค์ไม่ได้ห้ามซาตานกับคนเหล่านั้นที่อยู่ฝ่ายมันไว้จากการพยายามพิสูจน์ว่าพวกเขาเป็นฝ่ายถูก. ด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นต้องปล่อยให้เวลาผ่านไป. ตลอดประวัติศาสตร์หลายพันปี มนุษย์สามารถทดลองระบอบการปกครองตัวเอง หรือรัฐบาลของมนุษย์ทุกรูปแบบ. มนุษย์ได้ก้าวหน้าไปบ้างในด้านวิทยาศาสตร์และด้านอื่น ๆ แต่ความไม่ยุติธรรม, ความยากจน, อาชญากรรม, และสงครามยิ่งรุนแรงขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา. ตอนนี้การปกครองของมนุษย์แสดงให้เห็น แล้วว่าล้มเหลว.

16 ประการที่สอง พระยะโฮวาไม่ได้ช่วยซาตานให้ปกครองโลกนี้. ตัวอย่างเช่น หากพระเจ้าป้องกันไม่ให้เกิดอาชญากรรมที่น่าสยดสยอง ที่แท้แล้ว นั่นเป็นการให้หลักฐานว่าพวกกบฏเป็นฝ่ายถูกมิใช่หรือ? พระเจ้าจะไม่ทำให้ผู้คนคิดหรือว่า มนุษย์สามารถ ปกครองตัวเองได้ โดยไม่เกิดผลเสียหาย? หากพระยะโฮวาทำเช่นนั้น พระองค์ก็จะเป็นผู้ที่เข้าร่วมกับฝ่ายที่พูดมุสา. แต่ “เป็นไปไม่ได้ที่พระเจ้าจะตรัสมุสา.”—ฮีบรู 6:18.

17, 18. พระยะโฮวาจะทำประการใดกับผลเสียหายทั้งหมดที่เกิดจากการปกครองของมนุษย์และอิทธิพลของซาตาน?

17 แต่จะว่าอย่างไรกับผลเสียหายทั้งหมดที่ได้เกิดขึ้นระหว่างช่วงที่มีการกบฏต่อพระเจ้าเป็นเวลานาน? เราควรจำไว้ว่าพระยะโฮวาทรงมีฤทธานุภาพทุกประการ. ฉะนั้น พระองค์สามารถจะแก้ไขผลกระทบต่าง ๆ ที่เกิดจากความทุกข์ของมวลมนุษย์ได้และพระองค์จะทำเช่นนั้น. ดังที่เราได้เรียนแล้ว การก่อความเสียหายแก่ลูกโลกของเราจะได้รับการแก้ไขโดยการเปลี่ยนแผ่นดินโลกให้เป็นอุทยาน. ผลกระทบจากบาปจะถูกกำจัดออกไปโดยทางความเชื่อในเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซู และผลกระทบจากความตายจะเปลี่ยนไปโดยการกลับเป็นขึ้นจากตาย. โดยวิธีนี้พระเจ้าจะใช้พระเยซูให้ “ทำลายการงานของ [พญามาร] เสีย.” (1 โยฮัน 3:8) พระยะโฮวาจะทรงทำให้เรื่องทั้งหมดนี้สำเร็จในเวลาที่เหมาะสม. เราสามารถยินดีได้ที่พระองค์ไม่ได้ลงมือจัดการเร็วกว่านี้ เพราะความอดทนของพระองค์ทำให้เรามีโอกาสเรียนความจริงและรับใช้พระองค์. (2 เปโตร 3:9, 10) ในระหว่างนี้ พระเจ้าทรงเร่งเสาะหาผู้นมัสการที่จริงใจและช่วยพวกเขาให้อดทนกับความทุกข์ใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับเขาในโลกที่ยุ่งยากนี้.—โยฮัน 4:23; 1 โครินท์ 10:13.

18 บางคนอาจสงสัยว่า หากพระเจ้าสร้างอาดามและฮาวาในแบบที่เขาไม่สามารถ กบฏขัดขืนพระองค์ นั่นอาจช่วยป้องกันไม่ให้ความทุกข์ยากทั้งปวงเกิดขึ้นไหม? เพื่อตอบคำถามนี้ คุณต้องระลึกถึงของประทานอันล้ำค่าที่พระยะโฮวาทรงให้คุณ.

คุณจะใช้ของประทานจากพระเจ้าอย่างไร?

พระเจ้าจะช่วยคุณให้อดทนกับความทุกข์

19. พระยะโฮวาทรงให้ของประทานอันล้ำค่าอะไรแก่เรา และทำไมเราควรถือว่าของประทานนี้มีค่า?

19 ดังที่บอกไว้ในบท 5 มนุษย์ถูกสร้างให้มีอิสระที่จะเลือกหรือที่เรียกว่าเจตจำนงเสรี. คุณรู้ไหมว่าของประทานนั้นล้ำค่าขนาดไหน? พระเจ้าสร้างสัตว์จำนวนนับไม่ถ้วน และสัตว์เหล่านี้ทำสิ่งต่าง ๆ โดยอาศัยสัญชาตญาณเป็นส่วนใหญ่. (สุภาษิต 30:24, ล.ม.) มนุษย์ได้สร้างหุ่นยนต์บางชนิดซึ่งอาจมีการกำหนดให้มันทำตามคำสั่งทุกอย่าง. เราจะมีความสุขไหมหากพระเจ้าสร้างเราแบบนั้น? ไม่ เรายินดีที่มีอิสระในการเลือกว่าจะเป็นคนแบบไหน, จะดำเนินชีวิตเช่นไร, จะคบหากับใคร, และอื่น ๆ. เราชอบที่จะมีอิสระในระดับหนึ่ง และพระเจ้าทรงต้องการให้เรามีสิ่งนี้.

20, 21. เราอาจใช้ของประทานเกี่ยวกับเจตจำนงเสรีอย่างดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้โดยวิธีใด และทำไมเราควรต้องการจะทำเช่นนั้น?

20 พระยะโฮวาไม่พอพระทัยกับการรับใช้ที่ทำอย่างฝืนใจ. (2 โครินท์ 9:7) เพื่อเป็นตัวอย่าง: อะไรจะทำให้พ่อแม่พอใจมากกว่ากัน ระหว่างการที่ลูกบอกว่า “หนูรักแม่” เพราะมีคนบอกให้พูด กับการที่ลูกพูดออกมาเองจากหัวใจ? ดังนั้น สิ่งสำคัญที่พึงพิจารณาคือ คุณ จะใช้เจตจำนงเสรีที่พระยะโฮวาประทานให้คุณนั้นอย่างไร? ซาตาน อาดามกับฮาวาใช้เจตจำนงเสรีอย่างที่ผิดมหันต์. พวกเขาปฏิเสธพระยะโฮวาพระเจ้า. แล้วตัวคุณล่ะ คุณจะทำประการใด?

21 คุณมีโอกาสที่จะใช้ของประทานอันยอดเยี่ยมเกี่ยวกับเจตจำนงเสรีอย่างดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้. คุณสามารถเข้าร่วมกับบรรดาผู้ที่อยู่ฝ่ายพระยะโฮวา. พวกเขาทำให้พระเจ้าชื่นชมยินดีเพราะเขามีส่วนอย่างขันแข็งในการพิสูจน์ว่าซาตานเป็นตัวมุสาและเป็นผู้ปกครองที่ล้มเหลวอย่างน่าสังเวช. (สุภาษิต 27:11) คุณก็ทำเช่นนั้นได้ด้วย หากคุณเลือกแนวทางชีวิตที่ถูกต้อง. จะมีการอธิบายเรื่องนี้ในบทถัดไป.