ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

บทสิบเก้า

จงรักษาตัวให้อยู่ในความรักของพระเจ้า

จงรักษาตัวให้อยู่ในความรักของพระเจ้า
  • การรักพระเจ้าหมายความว่าอย่างไร?

  • เราจะรักษาตัวให้อยู่ในความรักของพระเจ้าได้โดยวิธีใด?

  • พระยะโฮวาจะประทานบำเหน็จเช่นไรแก่คนเหล่านั้นที่รักษาตัวให้อยู่ในความรักของพระองค์?

คุณจะทำให้พระยะโฮวาเป็นที่พึ่งพำนักของคุณระหว่างสมัยที่สับสนวุ่นวายนี้ไหม?

1, 2. เราจะพบที่พึ่งพิงอันปลอดภัยได้ที่ไหนในทุกวันนี้?

ขอให้นึกภาพว่าคุณกำลังเดินอยู่บนถนนในวันที่มีพายุฝน. ท้องฟ้ามืดครึ้ม เริ่มมีฟ้าแลบแปลบปลาบและมีเสียงฟ้าคะนอง แล้วฝนก็ตกลงมาห่าใหญ่. คุณรีบวิ่งไปข้างหน้ามองหาที่หลบฝน. คุณเห็นศาลาหลังหนึ่งอยู่ข้างถนน. ศาลานั้นดูแข็งแรง คุ้มฝนได้ น่าเข้าไปหลบฝน. คุณคงเห็นว่าที่กำบังนั้นช่างมีค่าสักเพียงไร!

2 เรากำลังมีชีวิตอยู่ในสมัยที่สับสนวุ่นวาย. สภาพการณ์ของโลกกำลังแย่ลงเรื่อย ๆ. แต่มีที่พึ่งพิงอันปลอดภัย ซึ่งสามารถป้องกันเราให้พ้นจากอันตรายถาวรได้. ที่พึ่งพิงนั้นคืออะไร? โปรดสังเกตสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลสอน: “ข้าพเจ้าจะกล่าวถึงพระยะโฮวาว่า, ‘พระองค์เป็นที่พึ่งพำนักและเป็นป้อมของข้าพเจ้า; พระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า ๆ วางใจในพระองค์.’ ”—บทเพลงสรรเสริญ 91:2.

3. เราจะทำให้พระยะโฮวาเป็นที่พึ่งพำนักของเราได้โดยวิธีใด?

3 คิดดูก็แล้วกัน! พระยะโฮวา พระผู้สร้างและองค์บรมมหิศรแห่งเอกภพสามารถเป็นที่พึ่งพำนักที่ปกป้องคุ้มครองเราได้. พระองค์สามารถคุ้มครองเราให้ปลอดภัย เพราะพระองค์ทรงมีอำนาจยิ่งกว่าใคร ๆ หรือสิ่งใด ๆ ที่อาจก่อความเสียหายแก่เรา. ถึงแม้เราได้รับความเสียหาย พระยะโฮวาก็สามารถแก้ไขผลพวงที่เลวร้ายทั้งหมดได้. เราจะทำให้พระยะโฮวาเป็นที่พึ่งพำนักของเราได้โดยวิธีใด? เราต้องไว้วางใจในพระองค์. นอกจากนี้ พระคำของพระเจ้ากระตุ้นเราว่า ‘จงทำตัวให้เป็นที่รักของพระเจ้าเสมอ.’ (ยูดา 21) ใช่แล้ว เราต้องทำตัวให้เป็นที่รักของพระเจ้าเสมอหรือรักษาตัวให้อยู่ในความรักของพระเจ้า โดยรักษาความผูกพันด้วยความรักกับพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์. แล้วเราก็จะมั่นใจได้ว่าพระองค์ทรงเป็นที่พึ่งพำนักของเรา. แต่เราจะสร้างความผูกพันเช่นนั้นได้โดยวิธีใด?

เข้าใจและตอบรับความรักของพระเจ้า

4, 5. พระยะโฮวาได้สำแดงความรักต่อเราโดยวิธีใดบ้าง?

4 เพื่อจะรักษาตัวให้อยู่ในความรักของพระเจ้า เราต้องเข้าใจว่าพระยะโฮวาทรงสำแดงความรักต่อเราโดยวิธีใด. ขอให้คิดถึงคำสอนบางเรื่องในคัมภีร์ไบเบิลที่คุณได้เรียนรู้จากหนังสือคู่มือเล่มนี้. ในฐานะพระผู้สร้าง พระยะโฮวาได้ประทานแผ่นดินโลกให้เป็นบ้านที่ทำให้เราเบิกบานยินดี. พระองค์ทรงทำให้โลกบริบูรณ์ไปด้วยอาหารและน้ำ, ทรัพยากรธรรมชาติ, ชีวิตสัตว์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ, และภาพภูมิประเทศที่สวยงาม. ในฐานะผู้ประพันธ์คัมภีร์ไบเบิล พระเจ้าทรงเปิดเผยให้เราได้รู้จักพระนามและคุณลักษณะต่าง ๆ ของพระองค์. นอกจากนี้ พระคำของพระองค์ยังเปิดเผยว่า พระองค์ได้ส่งพระบุตรที่รักของพระองค์มายังแผ่นดินโลก ทรงยอมให้พระเยซูทนทุกข์ทรมานและสิ้นพระชนม์เพื่อเรา. (โยฮัน 3:16) และของประทานนั้นมีความหมายต่อเราอย่างไร? ของประทานนั้นทำให้เรามีความหวังในเรื่องอนาคตอันยอดเยี่ยม.

5 ความหวังสำหรับอนาคตของเรายังขึ้นอยู่กับอีกสิ่งหนึ่งที่พระเจ้าได้ทำด้วย. พระยะโฮวาทรงตั้งรัฐบาลขึ้นในสวรรค์ ซึ่งก็คือราชอาณาจักรมาซีฮา. ราชอาณาจักรนี้จะทำให้ความทุกข์ยากทั้งสิ้นหมดไปในไม่ช้าและจะทำให้แผ่นดินโลกเป็นอุทยาน. ลองคิดดูสิ! เราจะอยู่ที่นั่นด้วยความสงบและมีความสุขตลอดไป. (บทเพลงสรรเสริญ 37:29) ในระหว่างนี้ พระเจ้าทรงให้การชี้นำแก่เราเกี่ยวกับวิธีดำเนินชีวิตอย่างดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ในขณะนี้. พระองค์ยังให้ของประทานเกี่ยวกับการอธิษฐานแก่เรา ซึ่งเป็นวิธีที่เราสามารถติดต่อกับพระองค์ได้ทุกเวลา. นี่เป็นเพียงไม่กี่วิธีที่พระยะโฮวาได้สำแดงความรักต่อมวลมนุษย์โดยทั่วไปและต่อคุณเป็นส่วนตัว.

6. คุณอาจจะตอบสนองความรักที่พระยะโฮวาได้ทรงสำแดงต่อคุณโดยวิธีใด?

6 คำถามสำคัญที่คุณควรพิจารณาคือ ฉันจะตอบสนองความรักของพระยะโฮวาโดยวิธีใด? หลายคนจะบอกว่า “ฉันต้องรักพระยะโฮวาเป็นการตอบแทน.” คุณรู้สึกอย่างนั้นไหม? พระเยซูตรัสว่านี่เป็นบัญญัติข้อสำคัญที่สุดในบรรดาบัญญัติทั้งสิ้นคือ “จงรักพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าด้วยสุดหัวใจของเจ้า ด้วยสุดชีวิตของเจ้า และด้วยสุดความคิดของเจ้า.” (มัดธาย 22:37) แน่นอนว่าคุณมีเหตุผลหลายประการที่จะรักพระยะโฮวาพระเจ้า. แต่การที่คุณรู้สึก รักพระยะโฮวานั้นเพียงพอแล้วไหมที่จะบอกว่าคุณรักพระองค์ด้วยสุดหัวใจ, สุดชีวิต, และสุดความคิด?

7. การรักพระเจ้าเป็นเพียงความรู้สึกเท่านั้นไหม? จงอธิบาย.

7 ดังที่คัมภีร์ไบเบิลชี้แจงไว้ ความรักที่เรามีต่อพระเจ้าไม่ใช่เป็นเพียงความรู้สึกเท่านั้น. ที่จริง ถึงแม้การมีความรู้สึกรักพระยะโฮวานับว่าสำคัญ แต่ความรู้สึกนี้ก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการมีความรักแท้ต่อพระองค์. เมล็ดแอปเปิลนับว่าจำเป็นเพื่อจะเติบโตเป็นต้นแอปเปิลที่ให้ผล. แต่ถ้าคุณต้องการแอปเปิลผลหนึ่ง คุณจะพอใจไหมหากมีคนหยิบแค่เมล็ดแอปเปิลให้คุณ? ไม่อย่างแน่นอน! คล้ายกัน การที่เรารู้สึกรักพระยะโฮวาพระเจ้านั้นเป็นเพียงการเริ่มต้น. คัมภีร์ไบเบิลสอนว่า “การรักพระเจ้าหมายถึงการทำตามพระบัญญัติของพระองค์ และพระบัญญัติของพระองค์ไม่เป็นภาระหนัก.” (1 โยฮัน 5:3) เพื่อจะเป็นความรักแท้ ความรักที่เรามีต่อพระเจ้าต้องเกิดผลที่ดี. ความรักนั้นต้องแสดงออกด้วยการกระทำ.—มัดธาย 7:16-20.

8, 9. เราจะแสดงความรักและความสำนึกบุญคุณต่อพระเจ้าได้โดยวิธีใด?

8 เราแสดงความรักต่อพระเจ้าเมื่อเราปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์และนำหลักการต่าง ๆ ของพระองค์มาใช้. การทำเช่นนั้นไม่ใช่เรื่องยากเกินไป. แทนที่จะเป็นภาระหนัก กฎหมายของพระยะโฮวาถูกเตรียมไว้เพื่อช่วยให้เรามีชีวิตที่ดี, มีความสุข, และน่าพอใจ. (ยะซายา 48:17, 18) โดยการดำเนินชีวิตตามการชี้นำของพระยะโฮวา เราแสดงให้พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์เห็นว่า เราสำนึกบุญคุณของพระองค์อย่างแท้จริงสำหรับทุกสิ่งที่พระองค์ทรงทำเพื่อเรา. น่าเศร้า มีน้อยคนเหลือเกินในโลกทุกวันนี้ที่แสดงความสำนึกบุญคุณเช่นนั้น. เราไม่อยากเป็นคนที่ไม่สำนึกบุญคุณ เหมือนกับบางคนซึ่งมีชีวิตอยู่ในสมัยที่พระเยซูอยู่บนแผ่นดินโลก. พระเยซูรักษาคนที่เป็นโรคเรื้อนสิบคนให้หาย แต่มีเพียงคนเดียว กลับมาขอบคุณพระองค์. (ลูกา 17:12-17) แน่นอนเราอยากเป็นเหมือนคนที่สำนึกบุญคุณ ไม่ใช่เหมือนคนที่ไม่สำนึกบุญคุณเก้าคนนั้น!

9 แล้วเราต้องปฏิบัติตามพระบัญญัติอะไรบ้างของพระยะโฮวา? เราได้พิจารณาไปหลายข้อแล้วในหนังสือนี้ แต่ขอให้เราทบทวนบางข้อ. การปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้าจะช่วยเรารักษาตัวอยู่ในความรักของพระเจ้า.

จงเข้าใกล้พระยะโฮวามากขึ้น

10. จงอธิบายว่าทำไมจึงสำคัญที่จะต้องรับเอาความรู้เกี่ยวกับพระยะโฮวาพระเจ้าต่อ ๆ ไป.

10 การเรียนรู้เกี่ยวกับพระยะโฮวาเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะทำให้คุณเข้าใกล้พระองค์มากขึ้น. นี่เป็นขั้นตอนที่ควรดำเนินต่อ ๆ ไป. หากคุณนั่งผิงไฟอยู่นอกบ้านในคืนที่หนาวจัด คุณจะปล่อยให้ไฟมอดลงจนดับไปไหม? ไม่. คุณคงจะคอยเติมฟืนเพื่อให้ไฟลุกโชนและร้อนอยู่ตลอดเวลา. ชีวิตของคุณอาจขึ้นอยู่กับการทำเช่นนั้น! ฟืนเป็นเชื้อเพลิงทำให้ไฟลุกฉันใด “ความรู้ของพระเจ้า” ก็ทำให้ความรักที่เรามีต่อพระยะโฮวาแรงกล้าอยู่ต่อไปฉันนั้น.—สุภาษิต 2:1-5.

เช่นเดียวกับไฟ ความรักที่คุณมีต่อพระยะโฮวาต้องได้รับเชื้อเพลิงเพื่อจะลุกโชนอยู่ตลอดเวลา

11. คำสอนของพระเยซูก่อผลเช่นไรต่อสาวกของพระองค์?

11 พระเยซูทรงต้องการให้เหล่าผู้ติดตามพระองค์รักษาความรักที่พวกเขามีต่อพระยะโฮวาและต่อพระคำแห่งความจริงอันล้ำค่าในคัมภีร์ไบเบิลให้คงอยู่และมีพลังแรงกล้าต่อ ๆ ไป. หลังจากการคืนพระชนม์ พระเยซูได้สอนสาวกสองคนของพระองค์เกี่ยวกับคำพยากรณ์บางข้อในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูซึ่งได้สำเร็จเป็นจริงในตัวพระองค์. ผลเป็นเช่นไร? เขาทั้งสองได้กล่าวในภายหลังว่า “ใจของพวกเราเร่าร้อนไม่ใช่หรือตอนที่พระองค์ตรัสกับพวกเราตามทาง และตอนที่พระองค์ทรงชี้แจงให้พวกเราเข้าใจพระคัมภีร์อย่างถี่ถ้วน?”—ลูกา 24:32.

12, 13. (ก) ท่ามกลางมนุษย์ส่วนใหญ่ในทุกวันนี้ ความรักที่มีต่อพระเจ้าและต่อคัมภีร์ไบเบิลเป็นเช่นไร? (ข) เราจะป้องกันไม่ให้ความรักของเราเย็นลงได้อย่างไร?

12 ตอนแรกที่คุณได้เรียนว่าคัมภีร์ไบเบิลสอนอะไรจริง ๆ คุณได้สังเกตไหมว่าหัวใจคุณเริ่มเร่าร้อนด้วยความยินดี, ความกระตือรือร้น, และความรักที่มีต่อพระเจ้า? คุณคงเป็นเช่นนั้นแน่ ๆ. หลายคนรู้สึกอย่างเดียวกัน. สิ่งที่ยากในตอนนี้คือการรักษาความรักอันแรงกล้านั้นให้คงอยู่และช่วยให้ความรักนั้นเจริญงอกงามขึ้น. เราไม่ต้องการติดตามกระแสของโลกในทุกวันนี้. พระเยซูได้ทรงบอกล่วงหน้าไว้ว่า “ความรักของคนส่วนใหญ่จะลดน้อยลง.” (มัดธาย 24:12) คุณจะป้องกันไม่ให้ความรักที่คุณมีต่อพระยะโฮวาและต่อความจริงในคัมภีร์ไบเบิลลดน้อยลงได้อย่างไร?

13 จงรับเอาความรู้ต่อ ๆ ไปเกี่ยวกับพระยะโฮวาพระเจ้าและพระเยซูคริสต์. (โยฮัน 17:3) คิดรำพึง หรือใคร่ครวญในสิ่งที่คุณเรียนจากพระคำของพระเจ้า แล้วถามตัวเองว่า ‘เรื่องนี้สอนอะไรฉันเกี่ยวกับพระยะโฮวาพระเจ้า? มีเหตุผลอะไรอีกที่จะทำให้ฉันรักพระองค์ด้วยสุดหัวใจ, สุดชีวิต, และสุดความคิดของฉัน?’ (1 ติโมเธียว 4:15) การคิดรำพึงเช่นนั้นจะช่วยให้คุณมีความรักอย่างแรงกล้าต่อพระยะโฮวาอยู่เสมอ.

14. การอธิษฐานจะช่วยเรารักษาความรักที่มีต่อพระยะโฮวาไว้ต่อไปได้อย่างไร?

14 อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้คุณมีความรักอย่างแรงกล้าต่อพระยะโฮวาอยู่เสมอก็คือการอธิษฐานเป็นประจำ. (1 เทสซาโลนิเก 5:17) ในบท 17 ของหนังสือนี้ เราได้เรียนว่าการอธิษฐานเป็นของประทานอันล้ำค่าจากพระเจ้า. เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ของมนุษย์ที่งอกงามขึ้นได้ด้วยการติดต่อพูดจากันเป็นประจำโดยไม่มีขีดจำกัด ความสัมพันธ์ที่เรามีกับพระยะโฮวาก็จะแนบแน่นและคงอยู่ต่อไปเมื่อเราอธิษฐานถึงพระองค์เป็นประจำ. นับว่าสำคัญที่เราจะไม่อธิษฐานแบบที่ไร้ชีวิตจิตใจ คือเป็นเพียงคำพูดซ้ำซากเหมือนกันทุกวันโดยไม่มีความรู้สึกหรือไม่มีความหมายอะไรจริง ๆ. เราต้องพูดกับพระยะโฮวาเหมือนที่ลูกพูดกับพ่อผู้เป็นที่รัก. แน่นอน เราอยากจะพูดด้วยความนับถือ แต่ก็พูดอย่างเปิดอก, จริงใจ, และพูดจากหัวใจ. (บทเพลงสรรเสริญ 62:8) ใช่แล้ว การศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเป็นส่วนตัวและการอธิษฐานด้วยความรู้สึกที่ออกมาจากหัวใจเป็นสิ่งสำคัญในการนมัสการของเรา และช่วยเราให้รักษาตัวอยู่ในความรักของพระเจ้า.

พบความยินดีในการนมัสการของคุณ

15, 16. ทำไมจึงถูกต้องที่เราจะมองว่างานประกาศราชอาณาจักรเป็นสิทธิพิเศษและเป็นทรัพย์?

15 การศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเป็นส่วนตัวและการอธิษฐานเป็นวิธีนมัสการที่เราอาจทำได้ด้วยตนเอง. แต่ตอนนี้ขอให้เราพิจารณาการนมัสการในแบบที่เราทำอย่างเปิดเผย คือการพูดเรื่องความเชื่อของเรากับคนอื่น. คุณได้แบ่งปันความจริงในคัมภีร์ไบเบิลให้แก่คนอื่นบ้างไหม? ถ้าเช่นนั้น คุณก็มีสิทธิพิเศษอันยอดเยี่ยม. (ลูกา 1:74) เมื่อเราแบ่งปันความจริงที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับพระยะโฮวาพระเจ้า เราก็กำลังทำหน้าที่มอบหมายที่สำคัญจริง ๆ ซึ่งได้มอบไว้แก่คริสเตียนแท้ทุกคน นั่นคืองานประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า.—มัดธาย 24:14; 28:19, 20.

16 อัครสาวกเปาโลถือว่างานรับใช้ของท่านเป็นสิ่งที่มีค่า โดยเรียกงานนี้ว่าทรัพย์. (2 โครินท์ 4:7) การพูดกับผู้คนถึงเรื่องพระยะโฮวาพระเจ้าและพระประสงค์ของพระองค์เป็นงานที่ดีที่สุดซึ่งคุณจะทำได้. นี่เป็นการรับใช้นายที่ดีที่สุดและงานนี้ให้ผลตอบแทนดียิ่งกว่างานอื่นใด. โดยเข้าร่วมในงานนี้ คุณกำลังช่วยคนที่มีหัวใจสุจริตให้เข้าใกล้พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์และเริ่มเดินบนเส้นทางที่นำไปสู่ชีวิตนิรันดร์! มีงานอะไรหรือที่จะน่าพอใจยิ่งกว่านี้? นอกจากนี้ การให้คำพยานเกี่ยวกับพระยะโฮวาและพระคำของพระองค์ทำให้ตัวคุณเองมีความเชื่อเพิ่มขึ้นและทำให้ความรักที่คุณมีต่อพระองค์แรงกล้ายิ่งขึ้น. และพระยะโฮวาทรงถือว่าความพยายามของคุณมีค่าอย่างยิ่ง. (ฮีบรู 6:10) การทำงานด้วยความขยันขันแข็งเช่นนี้จะช่วยคุณให้อยู่ในความรักของพระเจ้าต่อ ๆ ไป.—1 โครินท์ 15:58.

17. ทำไมงานประกาศของคริสเตียนจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนในทุกวันนี้?

17 นับว่าสำคัญที่พึงจำไว้ว่างานประกาศราชอาณาจักรเป็นเรื่องเร่งด่วน. คัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า “จงประกาศพระคำ จงประกาศอย่างรีบด่วน.” (2 ติโมเธียว 4:2) ทำไมการทำงานนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนจริง ๆ ในทุกวันนี้? พระคำของพระเจ้าบอกเราว่า “วันสำคัญของพระเจ้า [“พระยะโฮวา,” ล.ม.] ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาและเร่งมาก.” (ซะฟันยา 1:14, ฉบับ R73 ) ใช่แล้ว เวลาจะมาเร็วมากเมื่อพระยะโฮวาจะนำระบบทั้งสิ้นนี้ไปถึงจุดจบ. ผู้คนต้องได้รับคำเตือน! พวกเขาต้องทราบว่าบัดนี้เป็นเวลาที่จะต้องเลือกพระยะโฮวาเป็นผู้ปกครององค์สูงสุดของพวกเขา. อวสาน “[จะ] ไม่เนิ่นช้า.”—ฮะบาฆูค 2:3.

18. ทำไมเราควรนมัสการพระยะโฮวาอย่างเปิดเผยร่วมกันกับเหล่าคริสเตียนแท้?

18 พระยะโฮวาทรงประสงค์ให้เรานมัสการพระองค์อย่างเปิดเผยร่วมกันกับเหล่าคริสเตียนแท้. เพราะเหตุนั้นพระคำของพระองค์กล่าวว่า “ให้เราพิจารณากันและกันเพื่อเร้าใจให้เกิดความรักและการดี อย่าขาดการประชุมกันอย่างที่บางคนทำเป็นนิสัย แต่ให้ชูใจกัน และทำอย่างนั้นให้มากขึ้นเมื่อพวกท่านเห็นวันนั้นใกล้เข้ามา.” (ฮีบรู 10:24, 25) เมื่อเราชุมนุมกับเพื่อนร่วมความเชื่อ ณ การประชุมคริสเตียน เรามีโอกาสอันดีเยี่ยมในการสรรเสริญและนมัสการพระเจ้าผู้เป็นที่รักของเรา. นอกจากนี้ยังเป็นการเสริมสร้างและหนุนกำลังใจกันและกันด้วย.

19. เราจะสร้างความรักความผูกพันในประชาคมคริสเตียนให้แน่นแฟ้นขึ้นได้โดยวิธีใด?

19 ขณะที่เราคบหากับคนอื่นที่นมัสการพระยะโฮวา เราสร้างความรักความผูกพันและมิตรภาพในประชาคมให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น. นับว่าสำคัญที่เรามองหาคุณลักษณะที่ดีของกันและกัน เช่นเดียวกับที่พระยะโฮวาทรงมองหาคุณลักษณะที่ดีในตัวเรา. อย่าคาดหมายความสมบูรณ์จากเพื่อนร่วมความเชื่อ. จงระลึกเสมอว่า เราแต่ละคนพัฒนาความเชื่อไม่เท่ากันและเราทุกคนต่างก็ผิดพลาดได้. (โกโลซาย 3:13) จงพยายามคบหาเป็นเพื่อนกับคนเหล่านั้นที่รักพระยะโฮวาอย่างแรงกล้า แล้วคุณจะพบว่าตัวเองมีความเชื่อและความเข้าใจมากขึ้น. ใช่แล้ว การนมัสการพระยะโฮวาร่วมกับพี่น้องชายหญิงที่มีความเชื่ออย่างเดียวกันจะช่วยให้คุณรักษาตัวอยู่ในความรักของพระเจ้า. พระยะโฮวาประทานบำเหน็จเช่นไรแก่คนเหล่านั้นที่นมัสการพระองค์อย่างซื่อสัตย์และด้วยเหตุนี้เขาจึงยังอยู่ในความรักของพระองค์ต่อ ๆ ไป?

บากบั่นเพื่อจะได้ “ชีวิตแท้”

20, 21. “ชีวิตแท้” คืออะไร และทำไมจึงเป็นความหวังอันยอดเยี่ยม?

20 พระยะโฮวาทรงประทานชีวิตเป็นรางวัลแก่ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ แต่เป็นชีวิตแบบใดล่ะ? ขณะนี้คุณมีชีวิตอยู่จริง ๆ ไหม? เราส่วนใหญ่คงจะตอบว่าใช่. ที่จริง เราหายใจ, กินอาหารและดื่มน้ำ. เราคงมีชีวิตอยู่แน่นอน. และตอนที่เรามีความสุขมาก ๆ เราอาจถึงกับพูดว่า “นี่แหละคือชีวิตแท้!” แต่คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าในแง่หนึ่งที่สำคัญ ไม่มีมนุษย์คนใดในทุกวันนี้มีชีวิตแท้.

พระยะโฮวาทรงประสงค์ให้คุณได้รับ “ชีวิตแท้.” คุณล่ะต้องการไหม?

21 พระคำของพระเจ้ากระตุ้นเตือนเราให้ “ยึดชีวิตแท้ไว้ให้มั่น.” (1 ติโมเธียว 6:19) ถ้อยคำดังกล่าวบ่งชี้ว่า “ชีวิตแท้” เป็นสิ่งที่เราหวังว่าจะได้รับในอนาคต. ใช่แล้ว เมื่อเราเป็นมนุษย์สมบูรณ์ เราจะมีชีวิตในความหมายครบถ้วนที่สุดของคำนี้ เพราะเราจะมีชีวิตอยู่อย่างที่พระเจ้าทรงมุ่งหมายไว้ตั้งแต่แรก. เมื่อเรามีชีวิตอยู่บนแผ่นดินโลกที่เป็นอุทยานพร้อมทั้งมีสุขภาพสมบูรณ์, มีสันติภาพ, และความสุข เราจะมี “ชีวิตแท้” ซึ่งก็คือชีวิตนิรันดร์นั่นเอง. (1 ติโมเธียว 6:12) นั่นเป็นความหวังอันยอดเยี่ยมมิใช่หรือ?

22. คุณจะ “ยึดชีวิตแท้ไว้ให้มั่น” ได้โดยวิธีใด?

22 เราจะ “ยึดชีวิตแท้ไว้ให้มั่น” ได้โดยวิธีใด? จากข้อความในพระคัมภีร์บทเดียวกันนี้ เปาโลกระตุ้นคริสเตียน “ให้ทำการดี และทำให้มาก ๆ.” (1 ติโมเธียว 6:18) ดังนั้น ปรากฏชัดว่าส่วนใหญ่แล้วเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับวิธีที่เรานำความจริงที่ได้เรียนจากคัมภีร์ไบเบิลมาใช้. แต่เปาโลหมายความว่า เราได้ “ชีวิตแท้” เป็นเสมือนค่าจ้าง สำหรับการทำดีไหม? ไม่ใช่ เพราะจริง ๆ แล้วความหวังอันยอดเยี่ยมดังกล่าวขึ้นอยู่กับการที่เราได้รับ “พระกรุณาอันใหญ่หลวง” จากพระเจ้า. (โรม 5:15) อย่างไรก็ตาม พระยะโฮวาทรงยินดีที่จะประทานรางวัลแก่คนที่รับใช้พระองค์อย่างซื่อสัตย์. พระองค์ทรงประสงค์ที่จะเห็นคุณมี “ชีวิตแท้.” ชีวิตนิรันดร์ที่มีความสุขสงบเช่นนั้นรออยู่เบื้องหน้าคนเหล่านั้นที่รักษาตัวให้อยู่ในความรักของพระเจ้า.

23. ทำไมจึงสำคัญที่จะรักษาตัวให้อยู่ในความรักของพระเจ้า?

23 เราแต่ละคนสมควรถามตัวเองว่า ‘ฉันกำลังนมัสการพระเจ้าอย่างที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ในคัมภีร์ไบเบิลไหม?’ หากแต่ละวันเราแน่ใจว่า เรากำลังนมัสการพระเจ้าอย่างที่กล่าวมาแล้วนั้น เราก็อยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง. เรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาทรงเป็นที่พึ่งพำนักของเรา. พระองค์จะปกป้องคุ้มครองผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ให้รอดผ่านสมัยสุดท้ายที่ยุ่งยากของระบบเก่านี้. อีกทั้งพระยะโฮวาจะนำเราเข้าสู่ระบบใหม่ที่รุ่งเรืองซึ่งบัดนี้ใกล้เข้ามาแล้ว. เราจะตื่นเต้นสักเพียงไรเมื่อเรามีชีวิตอยู่ในตอนนั้น! และเราจะรู้สึกยินดีสักเพียงไรที่ได้เลือกอย่างถูกต้องระหว่างสมัยสุดท้ายนี้! หากคุณเลือกเช่นนั้นเสียแต่บัดนี้ คุณก็จะมี “ชีวิตแท้” ซึ่งเป็นชีวิตอย่างที่พระยะโฮวาพระเจ้าทรงมุ่งหมายไว้ตลอดไปเป็นนิตย์!