เขียนโดยยอห์น 17:1-26
เชิงอรรถ
ข้อมูลสำหรับศึกษา
มนุษย์ทุกคน: มีการใช้คำนี้ที่ ลก 3:6 ด้วย ข้อนั้นยกมาจาก อสย 40:5 ซึ่งมีคำฮีบรูที่แปลว่ามนุษย์ทุกคนเหมือนกัน—เทียบกับข้อมูลสำหรับศึกษาที่ ยน 1:14
ถ้าพวกเขามารู้จักพระองค์: หรือ “ถ้าพวกเขารับความรู้ต่อ ๆ ไปเกี่ยวกับพระองค์, ถ้าพวกเขารู้จักพระองค์ต่อ ๆ ไป” คำกริยากรีก กิโนสโค มีความหมายหลักว่า “รู้จัก” และในข้อนี้คำกริยานี้อยู่ในรูปของการกระทำที่ต่อเนื่อง คำนี้อาจหมายถึงขั้นตอนที่ต้องทำเพื่อจะ “รู้เกี่ยวกับใครคนหนึ่ง ทำความรู้จักคนนั้น หรือคุ้นเคยกับเขามากขึ้น” และยังอาจหมายถึงการพยายามต่อ ๆ ไปที่จะคุ้นเคยกับคนที่เรารู้จักเขาอยู่แล้ว ในท้องเรื่องนี้คำนี้หมายถึงการสนิทกับพระเจ้ามากขึ้นโดยมีความรู้เกี่ยวกับพระองค์และพระคริสต์มากขึ้นเรื่อย ๆ รวมทั้งไว้วางใจพระองค์ทั้งสองมากขึ้น แสดงว่าคำนี้ไม่ใช่แค่การรู้จักคนหนึ่งอย่างผิวเผินว่าเขาเป็นใครหรือรู้ว่าเขาชื่ออะไร แต่ยังหมายถึงการรู้ว่าเขาชอบและไม่ชอบอะไร เขาเห็นว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญ และมาตรฐานของเขาคืออะไร—1ยน 2:3; 4:8
โลก: คำกรีก คอสม็อส ในข้อนี้น่าจะหมายถึงมนุษย์บนโลก—เทียบกับข้อมูลสำหรับศึกษาที่ ยน 17:24
โลก: ในท้องเรื่องนี้ คำกรีก คอสม็อส น่าจะหมายถึงสังคมมนุษย์ที่ไม่นมัสการพระเจ้า และไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของประชาคมคริสเตียนซึ่งเป็นสาวกแท้ของพระคริสต์—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ ยน 15:19
ผมช่วยพวกเขาให้รู้จักชื่อของพระองค์แล้ว: สาวกของพระเยซูรู้จักและใช้ชื่อของพระเจ้าอยู่แล้ว พวกเขาได้เห็นและอ่านชื่อนี้จากม้วนหนังสือพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูซึ่งอยู่ในที่ประชุมของชาวยิว และพวกเขายังได้เห็นชื่อของพระเจ้าในฉบับเซปตัวจินต์ ซึ่งเป็นพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูที่แปลเป็นภาษากรีกและเป็นฉบับที่ใช้ในการสอนในสมัยนั้น (ดูภาคผนวก ก5) ในคัมภีร์ไบเบิล บางครั้งคำว่า “ชื่อ” ยังหมายถึงตัวคนที่เป็นเจ้าของชื่อ ชื่อเสียงของเขา และทุกสิ่งที่เขาเปิดเผยเกี่ยวกับตัวเองด้วย (ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 6:9) พระเยซูไม่ได้ทำให้พวกสาวกรู้จักชื่อพระเจ้าโดยการใช้ชื่อของพระองค์เท่านั้น แต่ท่านยังช่วยให้พวกเขารู้ว่าพระเจ้ามีคุณลักษณะแบบไหน มีความประสงค์อะไร และทำอะไรบ้าง เนื่องจากพระเยซู “อยู่เคียงข้างพระเจ้าผู้เป็นพ่อ” ท่านจึงสามารถช่วยคนอื่นให้รู้จักพ่อของท่านได้ดีที่สุด (ยน 1:18; มธ 11:27) ดังนั้น สาวกรุ่นแรกของพระเยซูจึงได้รู้จักพระเจ้ามากกว่าแค่ได้รู้ “ชื่อ” ของพระองค์
ทำตาม: หรือ “เชื่อฟัง, รักษา” อย่างที่เห็นในท้องเรื่องนี้ คำกรีก เทะเระโอ ยังอาจหมายถึง “เชื่อฟังเสมอ, ใส่ใจ”
โลก: ในท้องเรื่องนี้ คำกรีก คอสม็อส หมายถึงสังคมมนุษย์ที่ไม่นมัสการพระเจ้าและไม่มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระองค์—เทียบกับข้อมูลสำหรับศึกษาที่ ยน 15:19
พ่อผู้บริสุทธิ์: ในคัมภีร์ไบเบิล มีการใช้คำนี้แค่ครั้งเดียวคือในข้อนี้ และเป็นคำเรียกที่ใช้กับพระยะโฮวาเท่านั้น ไม่เคยใช้กับมนุษย์เลย—เทียบกับ มธ 23:9
ชื่อของพระองค์ที่ให้ผมไว้: ชื่อพระเยซูตรงกับชื่อฮีบรู เยชูอา ซึ่งเป็นชื่อสั้นของ เยโฮชูวา ที่แปลว่า “พระยะโฮวาเป็นความรอด” พระเยซูพูดถึง 2 ครั้งในบทนี้ว่าท่านทำให้ผู้คนรู้จักชื่อพระยะโฮวา (ยน 17:6, 26) ในคัมภีร์ไบเบิล บางครั้งคำว่า “ชื่อ” ยังหมายถึงตัวคนที่เป็นเจ้าของชื่อ ชื่อเสียงของเขา ลักษณะนิสัยของเขา และทุกสิ่งที่เขาเปิดเผยเกี่ยวกับตัวเองด้วย (ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 6:9; ยน 17:6) ดังนั้น การที่พระเยซูบอกว่าพระยะโฮวาให้ชื่อของพระองค์กับท่านไม่ได้หมายความว่ามีชื่อพระยะโฮวารวมอยู่ในชื่อของพระเยซูเท่านั้น แต่ยังหมายถึงอย่างอื่นด้วย เช่น พระเยซูแสดงบุคลิกลักษณะแบบพ่อของท่านอย่างสมบูรณ์แบบ (ยน 14:9) นอกจากนั้น พระเยซูยังมาในนามพ่อของท่านและทำการอัศจรรย์ในนามพ่อของท่านด้วย—ยน 5:43; 10:25
เป็นหนึ่งเดียวกัน: พระเยซูอธิษฐานขอให้สาวกแท้ของท่าน “เป็นหนึ่งเดียวกัน” โดยให้พวกเขาทำงานด้วยกันและมีเป้าหมายเดียวกัน เหมือนที่ท่านและพ่อของท่าน “เป็นหนึ่งเดียวกัน” โดยร่วมมือและคิดอย่างเดียวกัน คำอธิษฐานของพระเยซูในข้อนี้เน้นเรื่องเดียวกับคำพูดของท่านที่อยู่ใน ยน 10:30 ซึ่งในข้อนั้นพระเยซูบอกว่าท่านกับพ่อของท่าน “เป็นหนึ่งเดียวกัน” ในการปกป้องสาวกที่เป็นเหมือน “แกะ” ซึ่งพ่อของท่านได้ให้ท่านดูแล (ยน 10:25-30; 17:2, 9) คำกรีกในข้อนี้ที่แปลว่า “หนึ่งเดียวกัน” ไม่ใช่คำเพศชาย (ที่ใช้กับบุคคล) แต่เป็นคำที่ไม่มีเพศ—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ ยน 10:30
คนนั้นที่จะต้องพินาศ: แปลตรงตัวว่า “ลูกของความพินาศ” ในท้องเรื่องนี้พระเยซูใช้คำนี้เพื่อหมายถึงยูดาสอิสคาริโอท การทรยศลูกของพระเจ้าทำให้เขาถูกทำลายตลอดไปและไม่คู่ควรที่จะถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตาย มีการใช้คำเดียวกันนี้ที่ 2ธส 2:3 เมื่อพูดถึง “ผู้ฝ่าฝืนกฎหมายของพระเจ้า” ในคัมภีร์ไบเบิลบางครั้งมีการใช้คำว่า “ลูกของ” ในความหมายเป็นนัยเพื่อหมายถึงคนที่พยายามทำอะไรบางอย่างหรือแสดงนิสัยบางอย่างออกมา เช่น มีสำนวนว่า “ลูกของพระเจ้าองค์สูงสุด” “ลูกของรัฐบาลสวรรค์” “ลูก ๆ ของตัวชั่วร้าย” และ “ลูกมาร” (ลก 6:35; มธ 13:38, เชิงอรรถ; กจ 13:10) นอกจากนั้น อาจมีการใช้คำว่า “ลูกของ” เพื่อหมายถึงการพิพากษาหรือหมายถึงผลของการกระทำหรือผลของการแสดงนิสัยบางอย่าง ที่ 2ซม 12:5 คำที่แปลว่า “ต้องตาย” แปลตรงตัวว่า “เป็นลูกของความตาย” และที่ มธ 23:15 คำว่า “รับโทษในเกเฮนนา” แปลตรงตัวว่า “เป็นลูกชายของเกเฮนนา” ซึ่งหมายถึงคนที่สมควรถูกทำลายตลอดไป—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 23:15 และส่วนอธิบายศัพท์คำว่า “เกเฮนนา”
โลก: ในท้องเรื่องนี้ คำกรีก คอสม็อส หมายถึงสังคมมนุษย์ที่ไม่นมัสการพระเจ้าและไม่มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระองค์ ยอห์นเป็นผู้เขียนหนังสือข่าวดีเพียงคนเดียวที่บันทึกว่าพระเยซูบอกว่าสาวกของท่านไม่ได้เป็นคนของโลกหรือไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลก และยังมีคำพูดคล้ายกันอีก 2 ครั้งในคำอธิษฐานสุดท้ายของพระเยซูที่อธิษฐานกับอัครสาวกที่ซื่อสัตย์—ยน 15:19; 17:16
ถ้อยคำของพระองค์เป็นความจริง: ถ้อยคำของพระยะโฮวาบอกเรื่องที่เป็นความจริง คือเปิดเผยคุณลักษณะต่าง ๆ ของพระองค์ ความประสงค์และคำสั่งของพระองค์ รวมทั้งบอกเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสังคมมนุษย์ด้วย ในคำอธิษฐานของพระเยซูที่อยู่ในข้อนี้ท่านกำลังบอกว่าถ้อยคำของพระเจ้าที่เป็นความจริงจะช่วยคนเราให้บริสุทธิ์หรือช่วยแยกเขาไว้ต่างหากเพื่อทำงานรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์ให้พระยะโฮวา และถ้อยคำนี้ยังช่วยให้เห็นวิธีรักษาตัวให้บริสุทธิ์อยู่เสมอ
ทำให้พวกเขาบริสุทธิ์: หรือ “แยกพวกเขาไว้ต่างหาก” คือ แยกไว้ต่างหากเพื่อทำงานรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์ให้พระเจ้า ถ้าสาวกของพระเยซูเชื่อฟังความจริงที่อยู่ในถ้อยคำของพระเจ้า พวกเขาก็จะบริสุทธิ์หรือสะอาด (1ปต 1:22) และถ้าทำอย่างนั้น พวกเขาก็จะ “ไม่ได้เป็นคนของโลก” ที่ไม่ยึดมั่นกับความจริงของพระเจ้า—ยน 17:16
รักษาตัวเองให้บริสุทธิ์: หรือ “แยกตัวไว้ต่างหาก” ตั้งแต่เกิดเป็นมนุษย์ พระเยซูก็เป็นคนบริสุทธิ์ (ลก 1:35) และท่านก็รักษาความบริสุทธิ์ตลอดเวลาที่มีชีวิตอยู่บนโลก (กจ 4:27; ฮบ 7:26) ชีวิตที่ไม่มีตำหนิของพระเยซูที่ท่านสละเป็นค่าไถ่ทำให้เป็นไปได้ที่สาวกของท่านจะเป็นคนบริสุทธิ์หรือถูกแยกไว้ต่างหากเพื่อทำงานรับใช้พระเจ้า ดังนั้น ในคำอธิษฐานถึงพระยะโฮวา พระเยซูจึงบอกได้ว่าท่านรักษาตัวเองให้บริสุทธิ์เพื่อประโยชน์ของพวกเขา สาวกของพระเยซูจะเป็นคนบริสุทธิ์ได้ด้วยความจริงถ้าพวกเขาเลียนแบบพระเยซูอย่างใกล้ชิด และใช้ชีวิตตามความจริงที่ท่านสอนและตามความจริงที่อยู่ในคัมภีร์ไบเบิล (ยน 17:17; 2ทธ 2:20, 21; ฮบ 12:14) ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น พวกสาวกก็ไม่ได้เป็นคนบริสุทธิ์ได้โดยความพยายามของตัวเอง แต่พวกเขาบริสุทธิ์ได้เพราะพระเยซูคริสต์—รม 3:23-26; ฮบ 10:10
เป็นหนึ่งเดียวกัน: หรือ “มีเอกภาพ” พระเยซูอธิษฐานขอให้สาวกแท้ของท่าน “เป็นหนึ่งเดียวกัน” โดยให้พวกเขาทำงานด้วยกันและมีเป้าหมายเดียวกัน เหมือนที่ท่านและพ่อของท่าน “เป็นหนึ่งเดียวกัน” โดยร่วมมือและคิดอย่างเดียวกัน (ยน 17:22) ที่ 1คร 3:6-9 เปาโลอธิบายว่าเอกภาพแบบนี้มีอยู่ท่ามกลางผู้รับใช้ของพระเจ้า เพราะพวกเขาทำงานด้วยกัน และทำงานกับพระเจ้า—ดู 1คร 3:8 และข้อมูลสำหรับศึกษาที่ ยน 10:30; 17:11
เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแท้จริง: หรือ “เป็นเอกภาพในทุกด้าน” ในข้อนี้พระเยซูเชื่อมโยงความเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแท้จริงกับการเป็นที่รักของพระเจ้าผู้เป็นพ่อ นี่สอดคล้องกับ คส 3:14 ที่บอกว่า “ความรักผูกพันผู้คนให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างแท้จริง” นี่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องเหมือนกันทุกเรื่อง เช่น มีความสามารถเหมือนกัน มีนิสัยใจคอและความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเหมือนกัน แต่หมายความว่าสาวกของพระเยซูเป็นหนึ่งเดียวกันในการกระทำ ความเชื่อ และการสอน—รม 15:5, 6; 1คร 1:10; อฟ 4:3; ฟป 1:27
มีโลกนี้: คำกรีกที่แปลว่า “มี” ในข้อนี้ ที่ ฮบ 11:11 แปลอีกอย่างหนึ่งว่า “ตั้งท้อง” เมื่อพูดถึงการมีลูก ดังนั้น สำนวน “มีโลก” ในข้อนี้น่าจะหมายถึงการที่อาดัมกับเอวาเริ่มมีลูก พระเยซูแสดงให้เห็นว่าการ “มีโลก” เกี่ยวข้องกับอาเบลซึ่งดูเหมือนเป็นมนุษย์คนแรกที่สามารถได้รับประโยชน์จากค่าไถ่ และเป็นคนแรกที่ “มีชื่ออยู่ในม้วนหนังสือรายชื่อคนที่จะได้ชีวิตตั้งแต่เริ่มมีโลก” (ลก 11:50, 51; วว 17:8) คำอธิษฐานของพระเยซูในข้อนี้ยืนยันให้เห็นว่าพระเจ้ารักพระเยซูลูกคนเดียวของพระองค์นานมาแล้วก่อนที่อาดัมและเอวาจะมีลูก
ผมทำให้พวกเขารู้จักชื่อของพระองค์แล้ว: ในตอนท้ายของคำอธิษฐาน พระเยซูพูดเหมือนกับที่บันทึกไว้ใน ยน 17:6 (ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ ยน 17:6) ใน ยน 17:26 ยอห์นใช้คำกริยากรีกอีกคำหนึ่งคือ กะโนริโศ (“ทำให้รู้จัก”) แต่คำกริยากรีกนี้ก็มีความหมายคล้ายกับคำที่ใช้ใน ยน 17:6 (ฟาเนะรอโอ “แสดงให้เห็น, เปิดเผย”) ซึ่งก็อาจแปลได้ว่า “ช่วยให้รู้จัก” (ยน 17:6) ในคัมภีร์ไบเบิล การทำให้คนอื่นรู้จักชื่อใครสักคนอาจหมายถึงการบอกชื่อของเขา รวมถึงชื่อเสียงของเขา และทุกสิ่งที่เขาเปิดเผยเกี่ยวกับตัวเองด้วย (ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 6:9) พระเยซูไม่ได้ทำให้พวกสาวกรู้จักชื่อพระเจ้าโดยการใช้ชื่อของพระองค์เท่านั้น แต่ท่านยังช่วยให้พวกเขารู้ว่าพระเจ้ามีคุณลักษณะแบบไหน มีความประสงค์อะไร และทำอะไรบ้าง ในข้อนี้พระเยซูยังบอกด้วยว่าท่านจะทำให้พวกเขารู้จักดีขึ้นอีก ซึ่งก็อาจแปลได้ด้วยว่า “จะทำให้พวกเขารู้จักต่อ ๆ ไป” ดังนั้น สาวกรุ่นแรกของพระเยซูจะได้รู้จักพระเจ้าต่อ ๆ ไป พวกเขาจะรู้จักพระองค์มากกว่าแค่ได้รู้ “ชื่อ” ของพระองค์