มาลาคี 3:1-18

  • ผู้​เป็น​นาย​องค์​สูง​สุด​จะ​มา​ชำระ​วิหาร​ของ​พระองค์ (1-5)

    • ทูต​ตาม​สัญญา (1)

  • กระตุ้น​ให้​กลับ​มา​หา​พระ​ยะโฮวา (6-12)

    • พระ​ยะโฮวา​ไม่​เปลี่ยน​แปลง (6)

    • “กลับ​มา​หา​เรา แล้ว​เรา​จะ​กลับ​มา​สนใจ​พวก​เจ้า” (7)

    • ‘เอา​ส่วน 1 ใน 10 มา และ​พระ​ยะโฮวา​จะ​เท​พร​ให้’ (10)

  • คน​ดี​และ​คน​ชั่ว (13-18)

    • หนังสือ​ที่​บันทึก​ชื่อ​คน​ที่​พระเจ้า​จด​จำ (16)

    • ความ​แตกต่าง​ระหว่าง​คน​ดี​และ​คน​ชั่ว (18)

3  พระ​ยะโฮวา​ผู้​เป็น​จอม​ทัพ​พูด​ว่า “คอย​ดู​นะ เรา​จะ​ส่ง​ทูต​ของ​เรา​ไป​และ​เขา​จะ​เตรียม​ทาง​ไว้​สำหรับ​เรา+ แล้ว​ตอน​ที่​ไม่​มี​ใคร​คาด​คิด ผู้​เป็น​นาย​องค์​สูง​สุด​ที่​พวก​เจ้า​เสาะ​หา​อยู่​นั้น​จะ​มา​ที่​วิหาร​ของ​พระองค์+ และ​ทูต​ตาม​สัญญา​ที่​เจ้า​รอ​คอย​ด้วย​ความ​ยินดี​จะ​มา​ด้วย คอย​ดู​นะ เขา​จะ​มา​แน่ ๆ”  “แต่​ใคร​จะ​ทน​ได้​ใน​วัน​ที่​เขา​มา? และ​ใคร​จะ​ทน​ได้​เมื่อ​เขา​มา​ปรากฏ​ตัว? เพราะ​เขา​จะ​เป็น​เหมือน​ไฟ​ที่​ช่าง​ถลุง​ใช้​และ​เป็น​เหมือน​สบู่+ของ​คน​ซัก​ผ้า  เขา​จะ​นั่ง​ลง​อย่าง​ช่าง​ถลุง​ที่​ทำ​ให้​เงิน​บริสุทธิ์​ขึ้น+ เขา​จะ​ถลุง​ลูก​หลาน​เลวี​เหมือน​ถลุง​ทอง​และ​เงิน​เพื่อ​ให้​พวก​เขา​บริสุทธิ์​ขึ้น และ​พวก​เขา​จะ​เป็น​ประชาชน​ของ​พระ​ยะโฮวา​ที่​ถวาย​เครื่อง​บูชา​อย่าง​ที่​พระองค์​ยอม​รับ*  พระ​ยะโฮวา​จะ​ชอบ​ใจ​ของ​ถวาย​ที่​ยูดาห์​และ​เยรูซาเล็ม​ให้ เหมือน​กับ​ที่​พระองค์​เคย​ชอบ​ใน​สมัย​ก่อน”+  พระ​ยะโฮวา​ผู้​เป็น​จอม​ทัพ​พูด​ว่า “เรา​จะ​มา​พิพากษา​พวก​เจ้า เรา​จะ​รีบ​จัด​การ​พวก​พ่อมด+ พวก​เล่นชู้ คน​ที่​สาบาน​เท็จ+ พวก​เจ้านาย​ที่​โกง​ลูกจ้าง+ คน​ที่​ข่มเหง​แม่​ม่าย​กับ​ลูก​กำพร้า​พ่อ*+ และ​คน​ที่​ไม่​ยอม​ช่วย​คน​ต่าง​ชาติ*+ คน​พวก​นี้​ทั้ง​หมด​ไม่​ได้​เกรง​กลัว​อะไร​เรา​เลย”  พระเจ้า​พูด​ว่า “เรา​ยะโฮวา​ไม่​เปลี่ยน​แปลง+ พวก​เจ้า​ที่​เป็น​ลูก​หลาน​ของ​ยาโคบ​ก็​เลย​ยัง​ไม่​ถูก​ทำลาย  พวก​เจ้า​ไม่​ได้​เชื่อ​ฟัง​กฎหมาย​ของ​เรา​มา​ตั้ง​แต่​สมัย​ปู่​ย่า​ตา​ยาย​แล้ว+ ตอน​นี้ ให้​หัน​กลับ​มา​หา​เรา แล้ว​เรา​จะ​กลับ​มา​สนใจ​พวก​เจ้า”+ พระ​ยะโฮวา​ผู้​เป็น​จอม​ทัพ​บอก​ไว้​อย่าง​นั้น แต่​พวก​เจ้า​บอก​ว่า “แล้ว​เรา​จะ​กลับ​ไป​หา​พระองค์​ยัง​ไง​ดี?”  พระเจ้า​พูด​ว่า “ควร​หรือ​ที่​มนุษย์​จะ​ปล้น​พระเจ้า? แต่​พวก​เจ้า​กลับ​มา​ปล้น​เรา “และ​มา​ถาม​ว่า ‘พวก​เรา​ปล้น​พระองค์​ยัง​ไง?’ “ก็​พวก​เจ้า​ไม่​เอา​ส่วน 1 ใน 10 และ​ของ​ถวาย​มา​ให้​เรา  พวก​เจ้า​จะ​ต้อง​ถูก​สาป​แช่ง​แน่ ๆ* เพราะ​พวก​เจ้า​ทั้ง​ชาติ​ปล้น​เรา 10  ตอน​นี้​ลอง​เอา​ส่วน 1 ใน 10 ของ​ทุก​สิ่ง​ที่​พวก​เจ้า​ได้​มา+ เอา​มา​ไว้​ที่​คลัง​ใน​วิหาร​ของ​เรา​เพื่อ​ที่​จะ​มี​อาหาร​ใน​วิหาร+ แล้ว​เรา​จะ​เปิด​ประตู​ท้องฟ้า+และ​เท​พร​ให้​จน​ไม่​ขาด​อะไร​เลย+ แล้ว​ดู​สิ​ว่า​เรา​ทำ​อย่าง​ที่​พูด​จริง ๆ ไหม” พระ​ยะโฮวา​ผู้​เป็น​จอม​ทัพ​พูด​ไว้​อย่าง​นั้น 11  พระ​ยะโฮวา​ผู้​เป็น​จอม​ทัพ​พูด​ว่า “เรา​จะ​ไม่​ให้​พวก​แมลง​มา​ทำลาย​พืช​ผล​ใน​แผ่นดิน​ของ​พวก​เจ้า และ​ต้น​องุ่น​ใน​สวน​จะ​ไม่​ไร้​ผล​อีก​ต่อ​ไป”+ 12  พระ​ยะโฮวา​ผู้​เป็น​จอม​ทัพ​พูด​ว่า “ชน​ชาติ​อื่น ๆ จะ​บอก​ว่า ‘พวก​คุณ​ดู​มี​ความ​สุข​จัง+และ​แผ่นดิน​ก็​น่า​อยู่​จริง ๆ’” 13  พระ​ยะโฮวา​พูด​ว่า “ที่​ผ่าน​มา​พวก​เจ้า​มา​ว่า​เรา​อย่าง​หน้า​ไม่​อาย “พวก​เจ้า​บอก​ว่า ‘เรา​ไป​ว่า​พระองค์​ตอน​ไหน?’+ 14  “ก็​พวก​เจ้า​บอก​ว่า ‘รับใช้​พระเจ้า​ไป​ก็​ไม่​เห็น​จะ​มี​ประโยชน์​อะไร+ ทำ​ตาม​ที่​พระองค์​สั่ง​ไป​ก็​ไม่​เห็น​จะ​ดี​ตรง​ไหน และ​ก็​ไม่​เห็น​จะ​ได้​อะไร​เลย​เมื่อ​เรา​พยายาม​ทำ​ให้​พระ​ยะโฮวา​ผู้​เป็น​จอม​ทัพ​เห็น​ว่า​เรา​สำนึก​ผิด 15  ดัง​นั้น ถึง​จะ​เป็น​คน​อวดดี​ก็​ยัง​มี​ความ​สุข​ได้ ถึง​จะ​ทำ​ชั่ว​ก็​ยัง​ได้​ดิบ​ได้​ดี+ กล้า​ลอง​ดี​พระเจ้า​ก็​ไม่​เห็น​จะ​มี​อะไร​เกิด​ขึ้น’” 16  เมื่อ​เป็น​อย่าง​นี้ คน​ที่​เกรง​กลัว​พระ​ยะโฮวา​ก็​เลย​พูด​คุย​กัน และ​พระ​ยะโฮวา​สนใจ​ฟัง​สิ่ง​ที่​พวก​เขา​พูด พระองค์​สั่ง​ให้​เขียน​หนังสือ​ที่​บันทึก​ชื่อ​คน​ที่​พระองค์​จด​จำ+ คือ​คน​ที่​เกรง​กลัว​พระ​ยะโฮวา​และ​ระลึก​ถึง*ชื่อ​ของ​พระองค์+ 17  พระ​ยะโฮวา​ผู้​เป็น​จอม​ทัพ​พูด​ว่า “เรา​จะ​ให้​เขา​เป็น​ประชาชน​ของ​เรา+ และ​ใน​วัน​นั้น​พวก​เขา​จะ​เป็น​ชน​ชาติ​พิเศษ*+ และ​เรา​จะ​แสดง​ความ​รัก​ความ​เมตตา​ต่อ​พวก​เขา​เหมือน​พ่อ​แสดง​ต่อ​ลูก​ที่​เชื่อ​ฟัง+ 18  และ​พวก​เจ้า​จะ​เห็น​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​ถึง​ความ​แตกต่าง​ระหว่าง​คน​ดี​และ​คน​ชั่ว+ ระหว่าง​คน​ที่​รับใช้​พระเจ้า​และ​คน​ที่​ไม่​ได้​รับใช้​พระองค์”

เชิงอรรถ

หรือ “อย่าง​ถูก​ต้อง​ชอบธรรม”
หรือ “ลูก​กำพร้า”
หรือ “คน​ที่​ละเมิด​สิทธิ์​คน​ต่าง​ชาติ”
หรือ​อาจ​แปล​ได้​ว่า “พวก​เจ้า​กำลัง​สาป​แช่ง​เรา”
หรือ​อาจ​แปล​ได้​ว่า “เทิดทูน”
หรือ “ของ​มี​ค่า”