เขียนโดยลูกา 8:1-56
-
พวกผู้หญิงที่ติดตามพระเยซู (1-3)
-
ตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องคนที่หว่านเมล็ดพืช (4-8)
-
ทำไมพระเยซูใช้ตัวอย่างเปรียบเทียบ? (9, 10)
-
อธิบายเรื่องคนที่หว่านเมล็ดพืช (11-15)
-
อย่าเอาอะไรมาครอบตะเกียง (16-18)
-
แม่และพี่น้องของพระเยซู (19-21)
-
พระเยซูทำให้พายุสงบ (22-25)
-
พระเยซูไล่ปีศาจให้ไปเข้าสิงในหมู (26-39)
-
ลูกสาวของไยรอส และผู้หญิงที่แตะเสื้อชั้นนอกของพระเยซู (40-56)
8 ต่อมาไม่นาน พระเยซูเดินทางไปตามเมืองและตามหมู่บ้านเพื่อประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาล*ของพระเจ้า+ และอัครสาวก 12 คนก็อยู่กับท่านด้วย
2 ผู้หญิงบางคนที่พระเยซูเคยขับไล่ปีศาจและรักษาโรคให้ก็อยู่ด้วย คือ มารีย์ที่เรียกกันว่ามักดาลาซึ่งท่านขับไล่ปีศาจ 7 ตนออกจากเธอ
3 แล้วก็มีโยอันนา+ภรรยาของคูซาผู้ดูแลวังของเฮโรด รวมถึงสุสันนากับผู้หญิงอีกหลายคนที่ใช้ทรัพย์สินของตัวเองเพื่อรับใช้พระเยซูกับอัครสาวก+
4 เมื่อพระเยซูเห็นประชาชนมากมายมาชุมนุมกันและมีผู้คนจากเมืองต่าง ๆ มาหาท่าน ท่านจึงยกตัวอย่างเปรียบเทียบให้พวกเขาฟังว่า+
5 “มีคนหนึ่งออกไปหว่านเมล็ดพืช ตอนที่เขาหว่านนั้น เมล็ดพืชบางส่วนตกตามทางเดินและถูกเหยียบย่ำ แล้วนกก็มาจิกกินหมด+
6 บางส่วนตกบนพื้นหินที่มีหน้าดินอยู่เล็กน้อย เมื่องอกขึ้นแล้วก็เหี่ยวแห้งไปเพราะขาดความชุ่มชื้น+
7 เมล็ดพืชบางส่วนตกกลางพุ่มไม้มีหนาม พุ่มไม้นั้นงอกพร้อมกับต้นอ่อนและปกคลุมต้นอ่อนจนมิด+
8 แต่ก็มีบางส่วนตกบนดินดี เมื่องอกขึ้นแล้วก็ออกผล 100 เท่า”+ เมื่อเล่าจบ ท่านก็พูดว่า “ให้ทุกคนที่ได้ยินจำใส่ใจไว้ให้ดี”+
9 พวกสาวกมาถามพระเยซูว่าตัวอย่างเปรียบเทียบนั้นหมายถึงอะไร+
10 ท่านตอบว่า “พระเจ้าให้พวกคุณรู้และเข้าใจความลับ*เกี่ยวกับรัฐบาลของพระองค์ แต่คนอื่นได้ยินแค่ตัวอย่างเปรียบเทียบ+ ดังนั้น พวกเขาจะมองดูแต่ก็ไม่เห็น พวกเขาจะได้ยินแต่ไม่เข้าใจ+
11 นี่คือความหมายของตัวอย่างเปรียบเทียบนั้น เมล็ดพืชคือคำสอนของพระเจ้า+
12 สำหรับบางคน คำสอนของพระเจ้าเปรียบได้กับเมล็ดพืชที่ตกตามทางเดิน เมื่อพวกเขาได้ยินคำสอนนั้นแล้ว มารก็มาฉกฉวยเอาคำสอนนั้นไปจากใจพวกเขา ทำให้พวกเขาไม่เชื่อ ก็เลยไม่รอด+
13 สำหรับบางคน คำสอนของพระเจ้าเปรียบได้กับเมล็ดพืชที่ตกลงบนพื้นหินที่มีหน้าดินอยู่เล็กน้อย เมื่อพวกเขาได้ยินคำสอนนั้นแล้วก็ชอบ แต่คำสอนนั้นไม่ได้ฝังลึกเข้าไปในใจ พวกเขาจึงเชื่อได้ไม่นาน พอเจอการทดสอบก็เลิกเชื่อ+
14 สำหรับบางคน คำสอนของพระเจ้าเปรียบได้กับเมล็ดพืชที่ตกกลางพุ่มไม้มีหนาม พวกเขาได้ยินคำสอนนั้น แต่ความกังวลกับชีวิต ทรัพย์สมบัติ+ และความสนุกสนานมาครอบงำพวกเขา+ จึงไม่เกิดผลในชีวิต+
15 และสำหรับบางคนที่มีหัวใจดีและซื่อสัตย์+ คำสอนของพระเจ้าเปรียบได้กับเมล็ดพืชที่ตกบนดินดี พวกเขาได้ยินคำสอนนั้นแล้วก็ยึดถือไว้ และเกิดผลด้วยความอดทน+
16 “ไม่มีใครจุดตะเกียงแล้วเอาอะไรมาครอบไว้หรือวางไว้ใต้เตียง แต่เขาจะตั้งไว้บนเชิงตะเกียง เพื่อคนที่เข้ามาในห้องจะได้เห็นแสงสว่าง+
17 ทุกสิ่งที่ซ่อนไว้จะถูกเปิดเผยให้เห็น และทุกสิ่งที่ปกปิดไว้อย่างมิดชิดจะต้องมีคนรู้และจะถูกเปิดโปงแน่นอน+
18 ดังนั้น ขอให้ตั้งใจฟังให้ดี เพราะคนที่มีความเข้าใจจะเข้าใจมากขึ้น+ แต่คนที่ไม่ยอมเข้าใจอะไร แม้แต่ความเข้าใจเล็กน้อยที่เขาคิดว่ามี ก็จะไร้ประโยชน์ในที่สุด”+
19 เมื่อแม่กับพวกน้องชายของพระเยซูมาหา+ พวกเขาเข้าไปไม่ถึงตัวพระเยซูเพราะมีคนมาก+
20 มีคนมาบอกท่านว่า “แม่กับน้องชายของท่านยืนอยู่ด้านนอก รอเจอท่านอยู่”
21 ท่านบอกพวกเขาว่า “คนที่ฟังคำสอนของพระเจ้าและทำตามนั่นแหละ คือแม่และพี่น้องของผม”+
22 วันหนึ่ง พระเยซูลงเรือกับพวกสาวก ท่านบอกพวกเขาว่า “พวกเราข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งของทะเลสาบกันเถอะ” พวกเขาก็ออกเรือไป+
23 ตอนที่เรือกำลังแล่นอยู่ พระเยซูก็หลับไป แล้วเกิดลมพายุรุนแรงพัดมาที่ทะเลสาบ คลื่นซัดเข้าเรือจนเรือแทบจะจม+
24 พวกสาวกจึงปลุกท่านและบอกว่า “อาจารย์ อาจารย์ พวกเรากำลังจะตายกันอยู่แล้ว!” พระเยซูก็ลุกขึ้นแล้วสั่งคลื่นลมให้สงบ ลมพายุก็หยุดและทุกอย่างก็สงบนิ่ง+
25 แล้วท่านพูดกับพวกเขาว่า “ความเชื่อของพวกคุณหายไปไหนหมด?” แต่พวกสาวกทั้งกลัวทั้งประหลาดใจและพูดกันว่า “ท่านเป็นใครกันแน่? สั่งได้แม้แต่ลมและทะเล”+
26 พระเยซูกับพวกสาวกขึ้นฝั่งในเขตแดนของชาวเกราซา+ ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับแคว้นกาลิลี
27 ตอนที่พระเยซูขึ้นมาบนฝั่ง ผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นชาวเมืองนั้นมาเจอท่าน เขาถูกปีศาจสิง ไม่ใส่เสื้อผ้า และไม่ได้อยู่บ้านมานานแล้ว อยู่แต่ในสุสาน+
28 พอเขาเห็นพระเยซู ก็หมอบตรงหน้าท่านและร้องเสียงดังว่า “เยซู ลูกของพระเจ้าองค์สูงสุด มายุ่งกับผมทำไม? ขออย่าทรมานผมเลย”+
29 (ที่ปีศาจพูดอย่างนั้นก็เพราะพระเยซูสั่งให้มันออกจากผู้ชายคนนั้น มันเข้าสิงเขาบ่อย ๆ*+ หลายครั้งแล้วที่เขาถูกล่ามโซ่และตรวน แถมมีคนเฝ้าด้วย แต่เขาก็ดึงโซ่และตรวนจนขาดทุกครั้ง และปีศาจจะพาเขาไปในที่ห่างไกลผู้คน)
30 พระเยซูถามผู้ชายคนนั้นว่า “ชื่ออะไร?” เขาตอบว่า “ชื่อกองพัน” ที่ตอบอย่างนี้เพราะมีปีศาจหลายตนสิงอยู่ในตัวเขา
31 ปีศาจพวกนั้นขอร้องพระเยซูหลายครั้งไม่ให้ส่งพวกมันไปขุมลึก+
32 ตอนนั้น มีหมู+ฝูงใหญ่กำลังหากินอยู่ที่ภูเขา พวกปีศาจจึงขอร้องพระเยซูให้พวกมันไปเข้าสิงในหมูฝูงนั้นแทน ท่านก็อนุญาต+
33 พวกปีศาจจึงออกจากผู้ชายคนนั้น แล้วไปเข้าสิงในหมูพวกนั้น หมูทั้งฝูงก็กระโดดจากหน้าผาลงไปในทะเลสาบและจมน้ำตาย
34 เมื่อคนเลี้ยงหมูเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็วิ่งหนีไปและเล่าเรื่องนั้นให้คนในเมืองและในชนบทฟัง
35 ผู้คนจึงแห่กันมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขามาหาพระเยซูและเห็นผู้ชายที่ปีศาจออกจากตัวแล้วนั่งอยู่แทบเท้าพระเยซู เขาใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยและมีสติดี พอพวกเขาเห็นอย่างนั้นก็กลัวมาก
36 คนที่เห็นเหตุการณ์เล่าให้พวกเขาฟังว่าคนที่ถูกปีศาจสิงหายเป็นปกติได้อย่างไร
37 คนมากมายในแถบนั้นขอร้องพระเยซูให้ออกไปจากเขตแดนของชาวเกราซา เพราะพวกเขากลัวกันมาก ท่านจึงลงเรือเพื่อจะไปจากที่นั่น
38 ผู้ชายที่เคยถูกปีศาจสิงรบเร้าขอตามไปด้วย แต่พระเยซูสั่งให้เขากลับไป ท่านบอกว่า+
39 “กลับบ้านไปเถอะ ไปเล่าให้คนอื่นฟังว่าพระเจ้าช่วยคุณยังไง” เขาจึงไปประกาศทั่วเมืองนั้นว่าพระเยซูได้ทำอะไรเพื่อเขาบ้าง
40 เมื่อพระเยซูกลับมาถึงแคว้นกาลิลี มีคนมากมายมาต้อนรับท่านอย่างอบอุ่นเพราะพวกเขารอคอยท่านอยู่+
41 และมีผู้ชายคนหนึ่งชื่อไยรอสมาหาพระเยซู เขาเป็นหัวหน้าที่ประชุมของชาวยิว เขาหมอบลงแทบเท้าท่านและขอร้องท่านให้ไปที่บ้านเขา+
42 เพราะลูกสาวคนเดียวของเขาซึ่งอายุ 12 ขวบกำลังจะตาย
ตอนที่พระเยซูกำลังไปที่นั่น ฝูงชนเบียดเสียดท่าน
43 ตอนนั้น มีผู้หญิงคนหนึ่งที่มีอาการตกเลือด+มา 12 ปีแล้ว และไม่มีใครรักษาเธอได้+
44 เธอแอบเข้ามาข้างหลังแล้วแตะชายเสื้อชั้นนอกของพระเยซู+ ทันใดนั้นเลือดก็หยุดไหล
45 พระเยซูถามว่า “ใครมาถูกตัวผม?” เมื่อทุกคนปฏิเสธ เปโตรจึงบอกว่า “อาจารย์ มีคนมากมายเบียดเสียดท่านอยู่ไม่ใช่หรือครับ?”+
46 แต่พระเยซูพูดว่า “มีคนถูกตัวผมแน่ ๆ เพราะผมรู้สึกได้ว่าพลัง+ออกจากตัว”
47 พอผู้หญิงคนนั้นเห็นว่าหลบไม่พ้นแน่ ก็กลัวจนตัวสั่นและหมอบลงต่อหน้าท่าน แล้วเธอก็บอกทุกคนให้รู้ว่าทำไมเธอถึงได้ถูกตัวพระเยซูและเธอหายโรคทันทีได้อย่างไร
48 พระเยซูก็พูดกับเธอว่า “ความเชื่อของลูกทำให้ลูกหายโรคแล้ว ขอให้สบายใจเถอะ”+
49 พระเยซูพูดยังไม่ทันขาดคำ ก็มีคนจากบ้านของไยรอสมาบอกเขาว่า “ลูกสาวคุณตายแล้ว คงไม่ต้องรบกวนอาจารย์แล้วล่ะ”+
50 เมื่อพระเยซูได้ยินอย่างนั้น จึงบอกไยรอสว่า “ไม่ต้องกลัว ขอให้เชื่อเถอะ ลูกสาวคุณจะไม่เป็นอะไร”+
51 เมื่อไปถึงบ้านของเขา พระเยซูไม่ให้ใครตามเข้าไปด้วยนอกจากเปโตร ยอห์น ยากอบ และพ่อแม่ของเด็ก
52 ตอนนั้น ผู้คนพากันร้องไห้คร่ำครวญที่เด็กตาย พระเยซูจึงพูดว่า “หยุดร้องไห้เถอะ+ เด็กคนนี้ไม่ได้ตาย แต่นอนหลับอยู่”+
53 พวกเขาก็หัวเราะเยาะเพราะรู้ว่าเด็กตายแล้วจริง ๆ
54 พระเยซูจับมือเด็กและพูดว่า “หนูน้อย ลุกขึ้นมาเถอะ”+
55 เด็กคนนั้นก็กลับมีชีวิตอีก*+และลุกขึ้นมาทันที+ แล้วพระเยซูก็บอกให้พวกเขาเอาอาหารมาให้เธอกิน
56 พ่อแม่ของเด็กดีใจมาก แต่พระเยซูสั่งพวกเขาไม่ให้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง+
เชิงอรรถ
^ หรือ “ราชอาณาจักร”
^ หรือ “ความลับศักดิ์สิทธิ์”
^ หรืออาจแปลได้ว่า “มันเข้าสิงเขามานานแล้ว”
^ หรือ “เธอกลับมีพลังชีวิตอีก”