แหล่งอ้างอิงสำหรับ “ชีวิตและงานรับใช้—คู่มือประชุม”
แหล่งอ้างอิงสำหรับชีวิตและงานรับใช้—คู่มือประชุม
© 2024 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
วันที่ 6-12 พฤษภาคม
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล สดุดี 36-37
“อย่าเดือดร้อนเพราะคนทำชั่ว”
ห17.04 น. 10 ว. 4
อะไรจะหมดไปตอนที่รัฐบาลของพระเจ้ามา?
4 คนชั่วมีผลกระทบกับเราในตอนนี้อย่างไร? อัครสาวกเปาโลบอกว่าในสมัยสุดท้ายจะมี “ช่วงเวลาวิกฤติที่มีแต่ความยุ่งยากลำบาก” เขายังบอกอีกว่า “คนชั่วและนักต้มตุ๋นจะยิ่งชั่วร้ายขึ้นเรื่อย ๆ” (2 ทธ. 3:1-5, 13) คุณเคยได้รับผลกระทบจากคนชั่วไหม? พวกเราหลายคนเคยตกเป็นเหยื่อของคนที่ชอบใช้ความรุนแรงทำร้ายคนอื่น พวกเหยียดสีผิว และอาชญากรที่ชั่วร้าย พวกเขาบางคนทำชั่วอย่างโจ่งแจ้ง ส่วนบางคนก็แกล้งทำเป็นคนดีชอบช่วยเหลือคนอื่น แต่จริง ๆ แล้วพวกเขาก็เป็นคนชั่วเหมือนกัน และถึงแม้พวกเราบางคนอาจยังไม่เคยตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมแต่เราก็ยังได้รับผลกระทบจากคนชั่วอยู่ดี เรารู้สึกแย่มากตอนที่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับการปฏิบัติอย่างโหดร้ายกับเด็ก คนแก่ และคนไม่มีทางสู้ คนชั่วพวกนี้เป็นเหมือนสัตว์ป่าหรือปีศาจ (ยก. 3:15) น่าดีใจที่คัมภีร์ไบเบิลมีความหวังที่ดีสำหรับพวกเรา
ห03 1/12 น. 13 ว. 20
“จงปีติยินดีอย่างยิ่งในพระยะโฮวา”
20 ในเวลานั้น “คนทั้งหลายที่มีใจถ่อมลงจะได้แผ่นดินเป็นมฤดก.” (บทเพลงสรรเสริญ 37:11ก) ‘คนใจถ่อม’ ในที่นี้หมายถึงคนที่ถ่อมใจรอคอยให้พระยะโฮวามาแก้ไขความอยุติธรรมทุกอย่างที่ก่อความทุกข์แก่พวกเขา. “เขาจะชื่นชมยินดีด้วยความสงบสุขอันบริบูรณ์.” (บทเพลงสรรเสริญ 37:11ข) แม้แต่ในปัจจุบัน เราพบสันติสุขอันบริบูรณ์ในอุทยานฝ่ายวิญญาณภายในประชาคมคริสเตียนแท้
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
it-2-E น. 445
เขา, ภูเขา
มั่นคง ถาวร หรือสูงส่ง มีการใช้ภูเขาเพื่อทำให้เห็นถึงความมั่นคงและถาวร (อสย 54:10; ฮบก 3:6; เทียบกับ สด 46:2) ดังนั้น เมื่อผู้เขียนสดุดีบอกว่าความยุติธรรมของพระยะโฮวาเป็นเหมือน “ภูเขาที่ยิ่งใหญ่” (สด 36:6) เขาอาจกำลังบอกว่าพระยะโฮวายุติธรรมแบบเสมอต้นเสมอปลาย ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา และเนื่องจากภูเขาเป็นอะไรที่สูงมาก ผู้เขียนสดุดีอาจอยากเน้นว่าความยุติธรรมของพระยะโฮวาเหนือกว่าความยุติธรรมของมนุษย์มาก ๆ (เทียบกับ อสย 55:8, 9) นอกจากนั้น วิวรณ์ 16:20 บอกว่าหลังจากมีการเทขันใบที่ 7 ซึ่งใส่ความโกรธของพระเจ้า “ภูเขาต่าง ๆ ก็ไม่มีเหลือเลย” นี่แสดงว่าไม่มีอะไรจะหนีพ้นความโกรธของพระเจ้าได้แม้แต่สิ่งที่สูงส่งหรือสูงมากเหมือนกับภูเขา—เทียบกับ ยรม 4:23-26
วันที่ 13-19 พฤษภาคม
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล สดุดี 38-39
อย่าแบกความรู้สึกผิดมากเกินไปเอาไว้
ห02 15/11 น. 20 ว. 1-2
เราจะทำให้วันคืนของเรามีค่าจำเพาะพระยะโฮวาได้อย่างไร?
วันคืนในชีวิตเราดูเหมือนมีน้อยและผ่านไปเร็วเหมือนติดปีกบิน. ดาวิดผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญได้ไตร่ตรองดูช่วงชีวิตที่สั้นและได้รับการกระตุ้นให้อธิษฐานว่า “ข้าแต่พระยะโฮวา, ขอโปรดให้ข้าพเจ้ารู้ที่สุดปลายอายุของข้าพเจ้า, วันปีของข้าพเจ้าจะนานสักเท่าใด; ขอให้รู้ว่ากำลังของข้าพเจ้าอ่อนเพลียเพียงไร. ดูเถิด, พระองค์ทรงบันดาลให้วันคืนทั้งหลายของข้าพเจ้าสั้นเข้าเท่าฝ่ามือ; และชั่วอายุของข้าพเจ้าไม่เท่าไรเลยเฉพาะพระองค์.” ดาวิดเป็นห่วงเรื่องการดำเนินชีวิตในวิธีที่จะทำให้พระเจ้าพอพระทัย ทั้งโดยคำพูดและการกระทำของท่าน. โดยแสดงให้เห็นการพึ่งอาศัยในพระเจ้า ท่านกล่าวว่า “ความหวังใจของข้าพเจ้าก็อยู่ในพระองค์.” (บทเพลงสรรเสริญ 39:4, 5, 7) พระยะโฮวาทรงสดับฟัง. พระองค์ทรงพิจารณาดูการกระทำของดาวิดจริง ๆ และประทานบำเหน็จให้แก่ท่านตามนั้น
เป็นเรื่องง่ายที่จะมีธุระยุ่งต่อเนื่องทั้งวันและติดกับอยู่ในชีวิตที่รีบเร่งและเต็มไปด้วยกิจการงาน. นี่อาจทำให้เราเกิดความเป็นห่วงกังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีมากมายหลายสิ่งที่จะทำและประสบ แต่มีเวลาน้อยเหลือเกินที่จะทำสิ่งเหล่านั้น. เรามีความเป็นห่วงเหมือนดาวิดไหม คือดำเนินชีวิตอย่างที่จะได้รับความพอพระทัยจากพระเจ้า? แน่นอน พระยะโฮวาทรงสังเกตและพิจารณาดูเราแต่ละคนอย่างถี่ถ้วน. โยบ บุรุษผู้เกรงกลัวพระเจ้าได้ยอมรับราว ๆ 3,600 ปีมาแล้วว่า พระยะโฮวาทรงเห็นแนวทางของท่านและทรงพิจารณาดูการกระทำทั้งสิ้นของท่าน. โยบได้ถามโดยไม่ต้องการคำตอบว่า “เมื่อพระองค์ทรงสอบถาม ข้าจะทูลตอบพระองค์อย่างไร?” (โยบ 31:4-6, 14, ฉบับแปลใหม่) เป็นไปได้ที่จะทำให้วันคืนของเรามีค่าจำเพาะพระเจ้าโดยการจัดเอาสิ่งฝ่ายวิญญาณไว้เป็นอันดับแรก, เชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์, และใช้เวลาของเราอย่างฉลาด. ขอเราพิจารณาเรื่องเหล่านี้อย่างถี่ถ้วนยิ่งขึ้น.
ห21.10 น. 15 ว. 4
กลับมาสนิทกับพระยะโฮวาอีกครั้ง
คุยกับพระยะโฮวาบ่อย ๆ พระยะโฮวาพ่อของคุณรู้ดีว่าคุณอาจรู้สึกผิดมากจนไม่กล้าอธิษฐานถึงพระองค์ (รม. 8:26) ถึงจะเป็นอย่างนั้น ขอคุณ “อธิษฐานบ่อย ๆ” และบอกพระองค์ว่าคุณอยากเป็นเพื่อนกับพระองค์มากขนาดไหน (รม. 12:12) อันเดรเล่าว่า “ก่อนหน้านี้ผมรู้สึกผิดและอายมาก แต่ทุกครั้งที่ผมอธิษฐาน ความรู้สึกแบบนั้นก็น้อยลงเรื่อย ๆ และผมสงบใจมากขึ้น” ถ้าคุณไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับพระยะโฮวา ลองดูคำอธิษฐานของกษัตริย์ดาวิดที่อยู่ในสดุดีบท 51 และบท 65
วันที่ 20-26 พฤษภาคม
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล สดุดี 40-41
ทำไมเราควรช่วยคนอื่น?
ห18.08 น. 22 ว. 16-18
คนที่ให้อย่างใจกว้างก็มีความสุข
16 คนที่เป็นคนใจกว้างจริง ๆ จะไม่ทำเพราะหวังสิ่งตอบแทน พระเยซูบอกว่า “เมื่อคุณจัดงานเลี้ยง ให้เชิญคนจน คนพิการ คนง่อย คนตาบอด แล้วคุณจะมีความสุขเพราะพวกเขาไม่มีอะไรจะตอบแทน” (ลูกา 14:13, 14) คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ใคร ๆ ก็อวยพรคนที่โอบอ้อมอารี” และยังบอกอีกว่า “คนที่เห็นใจคนต่ำต้อยก็มีความสุข” (สุภาษิต 22:9; สดุดี 41:1) เราควรใจกว้างเพราะใจเราอยากช่วยคนอื่นจริง ๆ
17 ตอนที่เปาโลยกคำพูดของพระเยซูที่บอกว่า “การให้ทำให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ” เขาไม่ได้พูดถึงการให้แค่สิ่งของหรือเงินทอง เราสามารถให้กำลังใจ ให้คำแนะนำจากคัมภีร์ไบเบิล และให้ความช่วยเหลือคนอื่นได้ (กิจการ 20:31-35) ตัวอย่างของเปาโลและสิ่งที่เขาพูดสอนเราว่าเราต้องเป็นคนใจกว้างโดยให้เวลา กำลัง การเอาใจใส่ และความรัก
18 นักวิจัยที่ศึกษาพฤติกรรมมนุษย์ค้นพบด้วยว่าการให้ทำให้มีความสุข งานวิจัยชิ้นหนึ่งบอกว่าผู้คนมีความสุขเพิ่มขึ้นอีกเยอะเมื่อได้ทำสิ่งดี ๆ ให้คนอื่น นักวิจัยหลายคนบอกว่าเมื่อเราช่วยคนอื่นเราจะรู้สึกว่าชีวิตมีความหมายและมีเป้าหมาย ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญบางคนสนับสนุนให้ทำงานจิตอาสาเพื่อจะมีสุขภาพดีขึ้นและมีความสุขมากขึ้น จริง ๆ แล้วสิ่งที่พวกเขาค้นพบไม่ทำให้เราแปลกใจ เพราะพระยะโฮวาผู้สร้างที่รักเราบอกเสมอว่า การให้ทำให้เรามีความสุข—2 ทิโมธี 3:16, 17
ห15 15/12 น. 24 ว. 7
พระยะโฮวาจะคอยดูแลคุณ
7 แต่ถ้าคุณเจ็บป่วย พระยะโฮวาจะคอยให้กำลังใจและช่วยเหลือคุณ เหมือนกับที่พระองค์เคยทำกับผู้รับใช้ในสมัยก่อน กษัตริย์ดาวิดเขียนไว้ว่า “คนที่เห็นใจคนต่ำต้อยก็มีความสุข พระยะโฮวาจะช่วยเขาในวันที่เขาเจอหายนะ พระยะโฮวาจะปกป้องเขาและช่วยเขาให้รอดชีวิต” (เพลง. 41:1, 2, ล.ม.) แน่นอน ดาวิดไม่ได้หมายความว่าคนดีที่มีชีวิตอยู่ในตอนนั้นซึ่งเห็นใจคนต่ำต้อยจะไม่มีวันตาย แล้วพระยะโฮวาช่วยคนดีอย่างไร? ดาวิดอธิบายว่า “พระยะโฮวาจะดูแลเมื่อเขานอนป่วยอยู่บนเตียง เมื่อเขาไม่สบาย พระองค์จะเปลี่ยนเตียงนอนให้เขา” (เพลง. 41:3, ล.ม.) พระยะโฮวารู้ดีว่าผู้รับใช้ของพระองค์เจอกับความทุกข์อะไรอยู่ และพระองค์จะไม่มีวันลืมพวกเขา พระองค์สามารถให้ความเข้มแข็งและสติปัญญากับพวกเขา นอกจากนั้น พระยะโฮวายังสร้างร่างกายมนุษย์ให้สามารถรักษาตัวเองเมื่อเจ็บป่วยได้ด้วย
ห17.09 น. 12 ว. 17
เลียนแบบพระยะโฮวาพระเจ้าที่มีความสงสาร
17 ถึงแม้ว่าการแสดงความสงสารเป็นประโยชน์กับตัวเรา แต่เหตุผลหลักที่เราแสดงความสงสารก็คือเราอยากเลียนแบบพระยะโฮวาและทำให้พระองค์ได้รับการยกย่อง พระยะโฮวาเป็นแหล่งของความรักและความเมตตาสงสาร (สภษ. 14:31) พระองค์วางตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบให้กับเรา ดังนั้น ขอเราทำทุกสิ่งที่ทำได้เพื่อเลียนแบบพระเจ้าในการแสดงความเมตตาสงสาร ถ้าเราทำอย่างนั้น เราก็จะสนิทกับพี่น้องมากขึ้นและมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับคนรอบข้างด้วย—กท. 6:10; 1 ยน. 4:16
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
it-2-E น. 16
พระยะโฮวา
เรื่องหลักในคัมภีร์ไบเบิลทั้งเล่มคือเรื่องสิทธิการปกครองของพระยะโฮวา และนี่ทำให้เห็นความประสงค์ที่สำคัญที่สุดของพระยะโฮวาคือ การทำให้ชื่อของพระองค์เป็นที่เคารพนับถืออยู่เสมอ และเพื่อชื่อของพระยะโฮวาจะเป็นที่เคารพนับถืออยู่เสมอต้องมีการทำให้ชื่อของพระองค์พ้นจากคำตำหนิทั้งหมด แต่ไม่ใช่แค่นั้น ทูตสวรรค์และมนุษย์ทั้งหมดต้องยกย่องชื่อของพระองค์ ซึ่งนี่หมายถึงการยอมรับตำแหน่งของพระยะโฮวาว่าเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดด้วยความเต็มใจ พวกเขาอยากรับใช้พระองค์ มีความสุขทีได้ทำสิ่งที่พระองค์บอก และทำทั้งหมดนี้เพราะรักพระองค์ คำอธิษฐานของดาวิดที่สดุดี 40:5-10 แสดงให้เห็นความรู้สึกเหล่านี้ และแสดงว่าการเคารพนับถือชื่อของพระยะโฮวาเป็นยังไงจริง ๆ (สังเกตว่าที่ ฮบ 10:5-10 เปาโลยกบางส่วนจากสดุดีส่วนนี้เพื่อใช้กับพระเยซูคริสต์)
วันที่ 27 พฤษภาคม–2 มิถุนายน
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล สดุดี 42-44
ได้ประโยชน์เต็มที่จากการสอนที่มาจากพระยะโฮวา
ห06 1/6 น. 9 ว. 5
จุดเด่นจากภาคที่สองของพระธรรมบทเพลงสรรเสริญ
42:4, 5, 11; 43:3-5. หากด้วยเหตุผลบางประการซึ่งเกินที่เราจะควบคุมได้เป็นเหตุให้เราไม่ได้อยู่ร่วมคบหากับพี่น้องในประชาคมคริสเตียนชั่วคราว การระลึกถึงความยินดีที่เราได้ร่วมคบหากับพี่น้องในอดีตจะค้ำจุนเรา. แม้การระลึกถึงเช่นนี้ในตอนแรกอาจทำให้ความรู้สึกเศร้าใจเนื่องจากความโดดเดี่ยวมีมากขึ้น แต่ก็เตือนใจเราด้วยว่าพระเจ้าทรงเป็นที่พึ่งของเราและเราจำเป็นต้องคอยท่าการบรรเทาทุกข์จากพระองค์.
ห16.09 น. 5 ว. 11-12
อย่าให้มือของคุณอ่อนแรง
11 พระยะโฮวายังให้กำลังเราโดยทางคำแนะนำต่าง ๆ จากการประชุมประชาคม การประชุมหมวด และการประชุมภูมิภาค นอกจากนั้น เรายังได้ประโยชน์จากโรงเรียนต่าง ๆ ที่ทางองค์การจัดขึ้นด้วย คำแนะนำเหล่านี้ช่วยเราให้รับใช้พระยะโฮวาด้วยแรงกระตุ้นที่ถูกต้อง ช่วยเราให้ตั้งเป้าหมาย และเป็นคริสเตียนที่เอาใจใส่หน้าที่รับผิดชอบอย่างดี (สด. 119:32) คุณกระตือรือร้นที่จะได้รับประโยชน์จากคำแนะนำของพระยะโฮวาซึ่งช่วยคุณให้มีกำลังขึ้นไหม?
12 พระยะโฮวาได้ช่วยประชาชนของพระองค์ให้รบชนะพวกอามาเลขกับเอธิโอเปีย และให้พลังเนหะมีย์กับชาวยิวในการสร้างกำแพงกรุงเยรูซาเล็มจนเสร็จ คล้ายกัน พระเจ้าจะให้เรามีกำลังเพื่อจะประกาศต่อ ๆ ไปได้ทั้ง ๆ ที่เรามีเรื่องกังวล ถูกต่อต้าน หรือไม่ค่อยเจอคนสนใจ (1 ปต. 5:10) พระยะโฮวาจะไม่ทำการอัศจรรย์ให้ปัญหาของเราอยู่ ๆ ก็หายไป แต่เราต้องทำส่วนของเรา เราต้องอ่านคัมภีร์ไบเบิลทุกวัน เตรียมตัวและไปประชุมทุกอาทิตย์ จัดเวลาเป็นประจำที่จะศึกษาส่วนตัวและนมัสการประจำครอบครัว นอกจากนั้น เราต้องพึ่งพระยะโฮวาโดยการอธิษฐานบ่อย ๆ พระยะโฮวาให้สิ่งต่าง ๆ มากมายกับเราที่ช่วยเราให้มีพลังและกำลังใจมากขึ้น เราเองต้องไม่ยอมให้กิจกรรมอื่น ๆ หรืออะไรก็ตามมาทำให้เราเขวหรือดึงเราไม่ให้ใส่ใจกับสิ่งที่พระองค์จัดเตรียม ถ้าเมื่อไรคุณรู้สึกว่า ‘มือของคุณเริ่มอ่อนแรง’ หรือรู้สึกหมดแรงที่จะทำกิจกรรมเหล่านี้ของคริสเตียน คุณต้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า แล้วคุณจะเห็นว่าพลังของพระเจ้าสามารถ “กระตุ้นพวกคุณให้มีทั้งความต้องการและกำลังเพื่อจะทำสิ่งที่พระองค์พอใจ” (ฟป. 2:13) แล้วพี่น้องคนอื่น ๆ ล่ะ? คุณจะช่วยให้มือของพวกเขามีกำลังขึ้น และให้กำลังใจพวกเขาได้ด้วยไหม?
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
ห95 15/1 น. 19 ว. 12
จงรับใช้พระยะโฮวาด้วยใจยินดี
12 เราสามารถรับมือกับการทดลองความเชื่อด้วยความยินดีเพราะพระเจ้าทรงเป็นที่คุ้มภัยของเรา. เพลงสรรเสริญบท 42 และ 43 ทำให้เห็นชัดถึงเรื่องนี้. เนื่องด้วยสาเหตุบางประการ ชาวเลวีคนหนึ่งเป็นเชลยในต่างแดน. เขาคิดถึงการนมัสการ ณ สถานศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้ามากจนเขารู้สึกเสมือนกวางตัวเมียที่กระหายน้ำในเขตแห้งแล้งกันดาร. เขา “กระหาย” หรือใฝ่หาพระยะโฮวาและสิทธิพิเศษแห่งการนมัสการพระเจ้า ณ สถานศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์. (บทเพลงสรรเสริญ 42:1, 2) ประสบการณ์ของชาวเลวีคนนี้น่าจะกระตุ้นเราให้แสดงความขอบคุณต่อการคบหาที่เรามีกับไพร่พลของพระยะโฮวา. ถ้าสภาพการณ์เช่นการถูกจำกัดเนื่องจากการกดขี่ข่มเหงชั่วคราวเช่นนั้นกีดกันไม่ให้เราอยู่กับพวกเขา ก็ให้เราใคร่ครวญถึงความยินดีที่เคยมีร่วมกันในอดีตในงานรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์และอธิษฐานขอความเพียรอดทนในขณะที่เรา “คอยท่าพระเจ้า” ให้ทรงนำเรากลับคืนสู่กิจกรรมที่ทำเป็นประจำกับเหล่าผู้นมัสการพระองค์อีก.—บทเพลงสรรเสริญ 42:4, 5, 11; 43:3-5.
วันที่ 3-9 มิถุนายน
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล สดุดี 45-47
เพลงที่เกี่ยวกับการแต่งงานของกษัตริย์องค์หนึ่ง
ห14 15/2 น. 10 ว. 8-9
จงปีติยินดี พระเมษโปดกจะสมรสแล้ว!
8 อ่านบทเพลงสรรเสริญ 45:13, 14ก หลังจากชำระตัวแล้ว เจ้าสาวก็ “มีสง่าราศี” พร้อมสำหรับการสมรส วิวรณ์ 21:2 เปรียบเจ้าสาวของพระคริสต์เป็น “เยรูซาเลมใหม่” ซึ่ง “แต่งตัวไว้สำหรับเจ้าบ่าว” เมืองนี้ “รุ่งโรจน์ด้วยรัศมีของพระเจ้า ความรุ่งโรจน์ของเมืองนี้ดุจอัญมณีล้ำค่า เหมือนแจสเพอร์ที่ส่องแสงสุกใสดังผลึก” (วิ. 21:10, 11) หนังสือวิวรณ์พรรณนาอย่างละเอียดถึงความรุ่งโรจน์งดงามของเยรูซาเลมใหม่ (วิ. 21:18-21) เธอเป็นเจ้าสาวที่งามสง่า เหมาะจะเป็นคู่อภิเษกของกษัตริย์แห่งสวรรค์จริง ๆ
9 เจ้าสาวถูกนำตัวมาเข้าเฝ้ากษัตริย์มาซีฮาเจ้าบ่าวของเธอ เนื่องจากกษัตริย์ได้เตรียมเธอไว้แล้ว โดยชำระ ‘ด้วยน้ำ คือพระคำ’ เธอจึง “บริสุทธิ์ปราศจากตำหนิ” (เอเฟ. 5:26, 27) เจ้าสาวแต่งตัวอย่างไรเมื่อมาเข้าเฝ้า? ผู้เขียนเพลงสรรเสริญบอกว่า “พระภูษาเครื่องทรงล้วนแล้วด้วยทองคำ” และ “ทรงเครื่องลูกไม้ถักเข้าเฝ้าพระบรมมหากษัตริย์” และเมื่อเข้าไปในงานสมรสกับพระเมษโปดก “นางได้รับอนุญาตให้แต่งตัวด้วยผ้าลินินเนื้อดีที่สะอาดสดใส เพราะผ้าลินินเนื้อดีหมายถึงการกระทำอันชอบธรรมของเหล่าผู้บริสุทธิ์”—วิ. 19:8
it-2-E น. 1169
สงคราม
สงครามนี้จะทำให้โลกสงบสุขเป็นเวลา 1,000 ปี หนังสือสดุดีบอกว่า “[พระยะโฮวา] จะทำให้ทั่วโลกไม่มีสงครามอีกเลย พระองค์หักคันธนูกับหอก และเผารถรบด้วยไฟ” ข้อคัมภีร์นี้เกิดขึ้นจริงครั้งแรกตอนที่พระเจ้าช่วยให้แผ่นดินอิสราเอลมีความสงบสุขโดยทำลายอาวุธสงครามของพวกศัตรู แต่ในอาร์มาเกดโดน เมื่อพระเยซูจัดการกับพวกที่สนับสนุนสงครามแล้ว ทั่วโลกก็จะสงบสุขและมีสันติสุขอย่างแท้จริงแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน (สด 46:8-10) คนที่จะได้ชีวิตตลอดไปจะเป็นคนที่ “เอาดาบตีเป็นผาลไถนา และเอาหอกตีเป็นมีดตัดแต่งกิ่ง” พวกเขา “ไม่เรียนทำสงครามอีกต่อไป” “พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพบอกว่าจะเป็นอย่างนั้น”—อสย 2:4; มคา 4:3, 4
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
ห17.04 น. 11 ว. 9
อะไรจะหมดไปตอนที่รัฐบาลของพระเจ้ามา?
9 อะไรจะมาแทนที่องค์กรที่ทุจริตและหลอกลวง? จะมีองค์กรอะไรเหลืออยู่ไหมหลังอาร์มาเกดโดน? คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “มีฟ้าสวรรค์ใหม่และโลกใหม่ที่เราเฝ้าคอยอยู่ตามที่พระองค์สัญญาไว้ และที่นั่นจะมีความยุติธรรมตลอดไป” (2 ปต. 3:13) ฟ้าสวรรค์เก่าและโลกเก่าคือรัฐบาลที่ทุจริตและหลอกลวงกับผู้คนที่อยู่ใต้อำนาจพวกเขา หลังจากที่สิ่งเหล่านี้หมดไปจะมี “ฟ้าสวรรค์ใหม่และโลกใหม่” มาแทนที่ ฟ้าสวรรค์ใหม่หมายถึงรัฐบาลใหม่ ซึ่งก็คือรัฐบาลของพระเจ้าที่มีพระเยซูปกครองร่วมกับคน 144,000 คน ส่วนโลกใหม่หมายถึงผู้คนที่อยู่ใต้การดูแลจากรัฐบาลนั้น พระเยซูและคนที่ร่วมปกครองกับท่านจะเลียนแบบพระยะโฮวาได้อย่างสมบูรณ์แบบ พระองค์เป็นพระเจ้าที่มีระเบียบ (1 คร. 14:33) ดังนั้น ใน “โลกใหม่” จะมีการจัดระบบสิ่งต่าง ๆ เป็นอย่างดี โดยให้ผู้ชายที่มีคุณสมบัติที่ดีทำหน้าที่ดูแลสิ่งต่าง ๆ ผู้ชายเหล่านี้จะได้รับการชี้นำจากพระเยซูและคน 144,000 คน (สด. 45:16) ลองนึกภาพช่วงเวลาที่จะไม่มีองค์กรที่ทุจริตและหลอกลวงอีกเลย และมีแค่องค์กรเดียวซึ่งเป็นองค์กรที่มีเอกภาพและไม่มีทางทุจริตหลอกลวง
วันที่ 10-16 มิถุนายน
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล สดุดี 48-50
พ่อแม่ ขอคุณช่วยครอบครัวให้มั่นใจในองค์การของพระยะโฮวา
ห11 15/3 น. 19 ว. 5-7
คุณมีเหตุผลที่จะยินดี
“จงเดินดูเมืองซีโอน, จงเดินไปให้รอบเมือง; แล้วนับดูป้อมของเมืองนั้น; จงสังเกตดูกำแพงทั้งหลายไว้ให้ดี; จงพิจารณาดูพระราชวังทั้งหลาย เพื่อจะบอกเล่าให้ลูกหลานเหลนรุ่นหลังฟังได้.” (เพลง. 48:12, 13) ในที่นี้ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญกระตุ้นชาวอิสราเอลให้พิจารณาดูกรุงเยรูซาเลมอย่างใกล้ชิด. คุณนึกภาพออกไหมว่าครอบครัวชาวอิสราเอลที่เดินทางไปยังกรุงบริสุทธิ์นี้เพื่อเข้าร่วมเทศกาลประจำปีและได้เห็นพระวิหารอันสง่างามของกรุงนี้คงจะมีความทรงจำที่มีค่าสักเพียงไร? พวกเขาคงถูกกระตุ้นให้ “บอกเล่าให้ลูกหลานเหลนรุ่นหลังฟัง.”
ขอให้นึกถึงราชินีแห่งชีบา ซึ่งตอนแรกสงสัยในคำร่ำลือเกี่ยวกับการปกครองอันยอดเยี่ยมและสติปัญญาอันล้ำเลิศของโซโลมอน. อะไรทำให้พระนางเชื่อมั่นว่าเรื่องที่ได้ยินมาเป็นความจริง? พระนางกล่าวว่า “เราหาได้เชื่อข่าวนั้นไม่, จนได้มาเห็นกับตาของตน.” (2 โคร. 9:6) ใช่แล้ว สิ่งที่เราเห็นด้วย “ตาของตน” อาจมีผลกระทบต่อเราได้อย่างลึกซึ้ง.
คุณจะช่วยลูกให้เห็นองค์การของพระยะโฮวาด้วย “ตาของตน” ได้อย่างไร? ถ้าสำนักงานสาขาของพยานพระยะโฮวาอยู่ใกล้บ้านคุณ คุณน่าจะพยายามจัดเวลาไปเยี่ยมชม. ตัวอย่างเช่น แมนดีและเบทานีเติบโตขึ้นในเมืองหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากเบเธลในประเทศของพวกเขาประมาณ 1,500 กิโลเมตร. ถึงกระนั้น บิดามารดาของทั้งสองได้วางแผนเดินทางไปเยี่ยมสำนักงานสาขาหลายครั้ง โดยเฉพาะในช่วงที่ลูกสาวทั้งสองกำลังเติบโต. ทั้งสองบอกว่า “ก่อนเราจะไปเยี่ยมชมเบเธล เราคิดว่าที่นั่นคงเป็นสถานที่ที่เข้มงวดและเคร่งเครียดซึ่งเหมาะสำหรับคนแก่เท่านั้น. แต่เราพบคนหนุ่มสาวที่ทำงานหนักเพื่อพระยะโฮวาและมีความสุขกับงาน! เราได้เห็นว่าองค์การของพระยะโฮวาเป็นมากกว่าที่เล็ก ๆ ที่เราอยู่ และการไปเยี่ยมชมเบเธลแต่ละครั้งทำให้เราได้รับกำลังเสริมทางฝ่ายวิญญาณ.” การได้เห็นองค์การของพระเจ้าอย่างใกล้ชิดกระตุ้นให้แมนดีและเบทานีเริ่มรับใช้เป็นไพโอเนียร์ และทั้งสองยังได้รับเชิญให้รับใช้ที่เบเธลในฐานะอาสาสมัครชั่วคราวด้วย.
ห12 15/8 น. 12 ว. 5
จงดำเนินต่อ ๆ ไปในฐานะพลเมืองของราชอาณาจักร!
5 ศึกษาประวัติ. คนที่ปรารถนาจะเป็นพลเมืองของรัฐบาลมนุษย์อาจต้องเรียนบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของรัฐบาลประเทศนั้น. ในทำนองเดียวกัน คนที่ปรารถนาจะเป็นพลเมืองของราชอาณาจักรควรเรียนรู้ทุกสิ่งที่จะเรียนได้เกี่ยวกับราชอาณาจักรของพระเจ้า. ขอพิจารณาตัวอย่างของเหล่าบุตรของโคราซึ่งรับใช้พระเจ้าในชาติอิสราเอลโบราณ. พวกเขารักกรุงเยรูซาเลมและสถานนมัสการและชอบบอกเล่าเกี่ยวกับประวัติของกรุงนี้. สิ่งที่ทำให้พวกเขาประทับใจที่สุดไม่ใช่ความงดงามของกรุงเยรูซาเลมและสถานนมัสการ. แต่เพราะกรุงนี้เป็น “เมืองของพระบรมมหากษัตริย์” ซึ่งก็คือพระยะโฮวา และเพราะกรุงนี้เป็นศูนย์กลางการนมัสการบริสุทธิ์. มีการสอนพระบัญญัติของพระยะโฮวาที่นั่น. พระยะโฮวาทรงแสดงพระกรุณารักใคร่ต่อประชาชนที่อยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์แห่งกรุงเยรูซาเลม. (อ่าน บทเพลงสรรเสริญ 48:1, 2, 9, 12, 13) เช่นเดียวกับพวกเขา คุณอยากเรียนรู้และบอกเล่าประวัติขององค์การของพระยะโฮวาที่อยู่บนแผ่นดินโลกไหม? ยิ่งคุณเรียนรู้เกี่ยวกับองค์การของพระยะโฮวาและวิธีที่พระองค์ทรงสนับสนุนประชาชนของพระองค์มากเท่าไร คุณก็จะยิ่งเชื่อมั่นราชอาณาจักรของพระเจ้ามากเท่านั้น. และนั่นย่อมทำให้คุณมีความปรารถนามากยิ่งขึ้นที่จะประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักร.—ยิระ. 9:24; ลูกา 4:43
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
it-2-E น. 805
ร่ำรวย
ชาติอิสราเอลเป็นชาติที่เจริญรุ่งเรือง พวกเขาเลยมีความสุขกับการกินการดื่ม (1พก 4:20; ปญจ 5:18, 19) และทรัพย์สมบัติของพวกเขาก็เป็นเหมือนกับสิ่งที่ป้องกันพวกเขาเอาไว้ ทำให้พวกเขาไม่ต้องเจอกับปัญหาเรื่องความยากจน (สภษ 10:15; ปญจ 7:12) ถึงแม้ไม่ผิดที่พวกเขาจะมีความสุขกับทรัพย์สมบัติที่ได้จากการขยันทำงาน (เทียบกับ สภษ 6:6-11; 20:13; 24:33, 34) แต่พระยะโฮวาก็เตือนพวกเขาไม่ให้ลืมว่าที่พวกเขาร่ำรวยและมีทรัพย์สมบัติได้ก็เพราะพระองค์ ซึ่งถ้าพวกเขาลืมเมื่อไหร่ พวกเขาก็จะไปพึ่งทรัพย์สินเงินทองแทนที่จะพึ่งพระองค์ (ฉธบ 8:7-17; สด 49:6-9; สภษ 11:4; 18:10, 11; ยรม 9:23, 24) นอกจากนั้น พระยะโฮวายังเตือนพวกเขาว่าความร่ำรวยนั้นไม่ยั่งยืน (สภษ 23:4, 5) มันไม่สามารถไถ่ชีวิตของคนที่ตายไปแล้วได้ (สด 49:6, 7) และเมื่อตายไป ทรัพย์สมบัติก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย (สด 49:16, 17; ปญจ 5:15) และถ้าพวกเขาให้ความสำคัญกับทรัพย์สมบัติและความร่ำรวยมากเกินไป พวกเขาอาจไปโกงคนอื่น และทำสิ่งที่พระยะโฮวาไม่พอใจ (สภษ 28:20; เทียบกับ ยรม 5:26-28; 17:9-11) สิ่งที่พวกเขาควรทำก็คือ “ให้ยกย่องพระยะโฮวาโดยเอาของมีค่ามาถวายพระองค์”—สภษ 3:9
วันที่ 17-23 มิถุนายน
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล สดุดี 51-53
สิ่งที่คุณต้องทำเพื่อจะไม่ทำผิดพลาดร้ายแรง
ห15 15/6 น. 14 ว. 5-6
คุณจะปกป้องหัวใจของคุณได้อย่างไร?
5 พระยะโฮวาจะช่วยเราให้ต่อสู้กับความคิดที่ผิดศีลธรรมเมื่อเราอธิษฐานขอความช่วยเหลือต่อ ๆ ไป พระองค์จะให้พระวิญญาณบริสุทธิ์แก่เราเพื่อเราจะมีกำลังที่จะรักษาตัวให้บริสุทธิ์ เราบอกพระยะโฮวาในคำอธิษฐานได้ว่า เราอยากให้พระองค์พอใจในสิ่งที่เราคิด (เพลง. 19:14) เราขอพระองค์อย่างถ่อมตัวให้ช่วยดูว่า ในหัวใจเรามีความปรารถนาผิด ๆ อะไรไหมที่อาจทำให้เราทำบาปได้ (เพลง. 139:23, 24) นอกจากนั้น เรายังขอพระยะโฮวาต่อ ๆ ไปได้ให้ช่วยเราปฏิเสธการทำผิดศีลธรรมและพยายามทำสิ่งที่ถูกต้องแม้ว่าเป็นเรื่องยากก็ตาม—มัด. 6:13
6 ก่อนเรียนรู้เกี่ยวกับพระยะโฮวา เราอาจชอบทำสิ่งที่พระองค์ไม่ชอบ และอาจกำลังต่อสู้กับความปรารถนาที่ผิดนั้นอยู่ แต่พระยะโฮวาช่วยเราให้เปลี่ยนแปลงและทำสิ่งที่พระองค์พอใจได้ เช่น หลังจากที่กษัตริย์ดาวิดมีเพศสัมพันธ์กับบัธเซบะ เขากลับใจและอ้อนวอนขอพระยะโฮวาให้ช่วยเขามี “ใจสะอาด” และช่วยเขาให้เป็นคนเชื่อฟัง (เพลง. 51:10, 12) ดังนั้น แม้ในอดีตเรามีความปรารถนาที่จะทำผิดศีลธรรมอย่างมากและกำลังต่อสู้กับเรื่องนั้นอยู่ แต่พระยะโฮวาจะช่วยเราให้มีความปรารถนาที่จะเชื่อฟังพระองค์มากกว่าและทำสิ่งที่ถูกต้อง พระองค์สามารถช่วยเราให้ควบคุมความคิดผิด ๆ ได้—เพลง. 119:133
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
it-1-E น. 644
โดเอก
โดเอกเป็นชาวเอโดม เขาเป็นหัวหน้าคนรับใช้และเป็นหัวหน้าคนเลี้ยงแกะของซาอูล (1ซม 21:7; 22:9) เขาน่าจะเป็นคนต่างชาติที่มาอยู่ในอิสราเอล โดเอก “ถูกกักตัวไว้ต่อหน้าพระยะโฮวาที่เต็นท์ศักดิ์สิทธิ์” ที่เมืองโนบ ซึ่งอาจเป็นเพราะเขาปฏิญาณบางอย่างไว้ หรือไม่สะอาดเพราะสาเหตุบางอย่าง หรือถูกสงสัยว่าเป็นโรคเรื้อน เพราะเขาอยู่ที่นั่น เขาเลยได้เห็นมหาปุโรหิตอาหิเมเลคเอาขนมปังถวายกับดาบของโกลิอัทให้ดาวิด ต่อมา ซาอูลต่อว่าพวกคนรับใช้ว่าคบคิดกันต่อสู้เขา โดเอกก็เลยเล่าให้ซาอูลฟังว่าเขาได้เห็นอะไรบ้างที่เมืองโนบ พอซาอูลได้ยินอย่างนั้น ก็เรียกอาหิเมเลคกับปุโรหิตทุกคนจากเมืองโนบมา และหลังจากที่ซาอูลถามอาหิเมเลคเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซาอูลก็สั่งให้พวกทหารยามฆ่าปุโรหิตทั้งหมด แต่พวกเขาไม่ยอมทำ ซาอูลเลยสั่งโดเอกแทน โดเอกก็ทำทันทีโดยไม่ลังเล เขาฆ่าปุโรหิตไป 85 คน หลังจากนั้น โดเอกก็ไปที่เมืองโนบ และฆ่าชาวเมืองทั้งหมดทั้งเด็กและผู้ใหญ่ รวมทั้งฝูงสัตว์ด้วย—1ซม 22:6-20
อย่างที่เราเห็นในหัวบทของสดุดีบท 52 ดาวิดเขียนถึงโดเอกว่า “ลิ้นของคุณคมเหมือนมีดโกน คุณคิดแผนชั่วและหลอกลวงคนอื่น คุณชอบความชั่วมากกว่าความดี คุณชอบโกหกมากกว่าพูดความจริง จอมหลอกลวง! คุณใช้คำพูดทำร้ายคนอื่น”—สด 52:2-4
วันที่ 24-30 มิถุนายน
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล สดุดี 54-56
พระเจ้าอยู่เคียงข้างคุณเสมอ
ห06 1/8 น. 22-23 ว. 10-11
จงฉลาด—อย่าขาดความเกรงกลัวพระเจ้า!
10 ในโอกาสหนึ่ง ดาวิดหนีไปลี้ภัยอยู่กับอาคิศ กษัตริย์เมืองกาท (ฆัธ) แห่งฟิลิสติน บ้านเกิดของฆาละยัธ. (1 ซามูเอล 21:10-15) พวกผู้รับใช้ของกษัตริย์กล่าวโจมตีดาวิดว่าเป็นศัตรูของชาติ. ดาวิดทำอย่างไรในสถานการณ์อันตรายเช่นนั้น? ท่านอธิษฐานถึงพระยะโฮวาอย่างสุดหัวใจ. (บทเพลงสรรเสริญ 56:1-4, 11-13) แม้ว่าต้องแสร้งทำเป็นบ้าเพื่อเอาตัวรอด แต่ดาวิดทราบว่าจริง ๆ แล้วเป็นเพราะพระยะโฮวาความพยายามของท่านจึงประสบผล. การไว้วางใจพระยะโฮวาอย่างสุดหัวใจและความเชื่อมั่นในพระองค์ของดาวิดแสดงว่าท่านเกรงกลัวพระเจ้าอย่างแท้จริง.—บทเพลงสรรเสริญ 34:4-6, 9-11.
11 เช่นเดียวกับดาวิด เราสามารถแสดงความเกรงกลัวพระเจ้าโดยไว้วางใจในคำสัญญาของพระองค์ที่จะช่วยเรารับมือปัญหาต่าง ๆ. ดาวิดกล่าวว่า “จงมอบทางประพฤติของตนไว้กับพระยะโฮวา; แถมจงวางใจในพระองค์ด้วย, และพระองค์จะทรงกระทำให้สำเร็จดังประสงค์.” (บทเพลงสรรเสริญ 37:5) นี่ไม่ได้หมายความว่าเราเพียงแต่ทิ้งปัญหาไว้กับพระยะโฮวาโดยไม่ต้องทำอะไรที่เราทำได้แล้วก็คาดหมายว่าพระองค์จะทรงจัดการให้เรา. ดาวิดไม่ได้อธิษฐานขอให้พระเจ้าช่วยแล้วก็ทิ้งเรื่องนั้นไว้เลย. ท่านใช้ความสามารถทางกายและสติปัญญาที่พระยะโฮวาประทานให้เพื่อจัดการปัญหาของท่าน. ถึงกระนั้น ดาวิดทราบว่าอาศัยเพียงความพยายามของมนุษย์อย่างเดียวไม่อาจนำไปสู่ความสำเร็จได้. ควรเป็นเช่นนั้นกับเราด้วย. เมื่อได้ทำทุกสิ่งที่เราทำได้แล้ว เราก็ต้องปล่อยเรื่องนั้นไว้กับพระยะโฮวา. ที่จริง บ่อยครั้งเราทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากไว้วางใจพระยะโฮวา. ในช่วงเวลาอย่างนี้แหละที่ความเกรงกลัวพระเจ้าของเราเองจะปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีมากน้อยเพียงไร. เราสามารถรู้สึกสบายใจเมื่ออ่านถ้อยคำซึ่งแสดงความรู้สึกจากหัวใจของดาวิดที่ว่า “พระยะโฮวาทรงเป็นไมตรีกับผู้ที่เกรงกลัวพระองค์.”—บทเพลงสรรเสริญ 25:14.
ขก น. 243 ว. 9
ไม่มีอะไรจะ “ขัดขวางความรักที่พระเจ้าแสดงต่อเรา” ได้
9 พระยะโฮวามองว่าความอดทนของเรามีค่าด้วย (มัทธิว 24:13) อย่าลืมว่าซาตานอยากให้เราเลิกรับใช้พระยะโฮวา ทุกวันที่เราภักดีต่อพระยะโฮวาเราก็ทำให้เห็นว่าซาตานโกหก (สุภาษิต 27:11) บางครั้งการอดทนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ปัญหาสุขภาพ ปัญหาเศรษฐกิจ ความเครียด และปัญหาอื่น ๆ อาจทำให้การใช้ชีวิตในแต่ละวันลำบากมากขึ้น นอกจากนั้น เราอาจรู้สึกท้อเมื่อสิ่งที่เราหวังไว้ไม่ได้เกิดขึ้นจริง (สุภาษิต 13:12) พระยะโฮวามองว่าการอดทนกับปัญหาเหล่านั้นมีค่ามากสำหรับพระองค์ กษัตริย์ดาวิดเข้าใจเรื่องนี้ เขาขอพระยะโฮวาให้เก็บน้ำตาของเขาไว้ใน “ถุงหนัง” ของพระองค์ และพูดด้วยความมั่นใจว่า “พระองค์นับหยดน้ำตาของผมแล้วเขียนไว้ในสมุดของพระองค์” (สดุดี 56:8) ดังนั้น เมื่อเรารักษาความซื่อสัตย์ภักดีต่อพระยะโฮวา พระองค์ก็เห็นค่าที่เราอดทนและไม่ลืมน้ำตาทุกหยดของเรา สิ่งเหล่านี้มีค่ามากจริง ๆ สำหรับพระยะโฮวา
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
it-1-E น. 857-858
การรู้ล่วงหน้า, การกำหนดไว้ล่วงหน้า
การทรยศของยูดาสอิสคาริโอททำให้คำพยากรณ์ของพระเจ้าเป็นจริง และแสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวารู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของพระองค์ (สด 41:9; 55:12, 13; 109:8; กจ 1:16-20) แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าพระเจ้ากำหนดล่วงหน้าหรือลิขิตไว้ล่วงหน้าว่ายูดาสจะทำแบบนี้ คำพยากรณ์บอกไว้ว่าเพื่อนบางคนของพระเยซูจะทรยศท่าน แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร หลักการหลายข้อในคัมภีร์ไบเบิลไม่ได้สนับสนุนว่าพระเจ้ากำหนดการกระทำของยูดาสไว้ล่วงหน้า มาตรฐานของพระเจ้าเห็นได้จากคำพูดของอัครสาวกว่า “อย่ารีบวางมือแต่งตั้งใคร และอย่ามีส่วนร่วมในการทำบาปของคนอื่น ให้รักษาตัวเองให้บริสุทธิ์” (1ทธ 5:22; เทียบกับ 3:6) ตอนที่พระเยซูเป็นห่วงว่าการเลือกอัครสาวก 12 คนจะเป็นการเลือกที่สุขุมและถูกต้องหรือไม่ ท่านได้อธิษฐานถึงพ่อของท่านในสวรรค์ทั้งคืนก่อนจะประกาศการเลือกอัครสาวก (ลก 6:12-16) ถ้ายูดาสถูกพระเจ้ากำหนดไว้ล่วงหน้าว่าจะเป็นผู้ทรยศ ก็แสดงว่าการชี้นำและคำแนะนำจากพระเจ้าไม่ถูกต้อง และอาจกลายเป็นว่าพระเจ้ามีส่วนร่วมในการทำบาป
ดังนั้น ดูเหมือนว่าตอนที่พระเยซูเลือกอัครสาวก หัวใจของยูดาสไม่ได้ทรยศ แต่เขาปล่อยให้ “รากที่เป็นพิษงอกขึ้นมา” ซึ่งทำให้เขาหลงผิด ผลคือเขามีความคิดที่เปลี่ยนไปและยอมให้มารชักนำเขาให้ขโมยและทรยศ ซึ่งนี่ไม่ใช่การชี้นำจากพระเจ้า (ฮบ 12:14, 15; ยน 13:2; กจ 1:24, 25; ยก 1:14, 15) เมื่อเขาเปลี่ยนไปจนถึงจุดหนึ่ง พระเยซูก็รู้ เพราะท่านอ่านหัวใจยูดาสได้ และบอกว่าเขาจะทรยศ—ยน 13:10, 11