แหล่งอ้างอิงสำหรับ “ชีวิตและงานรับใช้—คู่มือประชุม”
แหล่งอ้างอิงสำหรับชีวิตและงานรับใช้—คู่มือประชุม
© 2023 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
วันที่ 1-7 มกราคม
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล | โยบ 32-33
ปลอบโยนคนที่กำลังกังวล
it-1-E น. 710
เอลีฮู
เอลีฮูไม่เข้าข้างใคร เขาไม่ประจบเอาใจใครทั้งนั้น เขารู้ว่าทั้งตัวเขาเองก็โยบถูกสร้างมาจากดิน และพระเจ้าผู้มีพลังอำนาจสูงสุดเป็นผู้ที่สร้างพวกเขาขึ้นมา เอลีฮูไม่ได้ตั้งใจทำให้โยบกลัว เขาเรียกชื่อโยบเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นเพื่อนแท้ ซึ่งเอลีฟัส บิลดัด หรือโศฟาร์ไม่ได้ทำอย่างนั้น—โยบ 32:21, 22; 33:1, 6
ห14 15/6 น. 25 ว. 8-10
8 อะไรจะช่วยเราให้เข้าใจสภาพการณ์ของคนที่ต้องการความช่วยเหลือมากขึ้น? เราต้องจำไว้เสมอว่า มีหลายคนในตอนนี้กำลังทนทุกข์จากปัญหาสุขภาพ เขาอาจซึมเศร้าเรื้อรัง หรือถูกกดดันจากครอบครัวที่ไม่ได้เป็นพยานพระยะโฮวา ถ้าเราต้องตกอยู่ในสภาพการณ์แบบนี้เราคงอยากให้คนอื่นเห็นอกเห็นใจเรา ลองคิดถึงตัวอย่างของชาวอิสราเอลก่อนเข้าแผ่นดินที่พระเจ้าสัญญา พวกเขาเคยทนทุกข์อย่างมากในอียิปต์ พระยะโฮวาเลยเตือนพวกเขาไม่ให้เป็นคนใจแข็ง แต่ให้พร้อมที่จะช่วยเหลือพี่น้องที่ยากจนและอ่อนแอ—เลวี. 25:35-38; บัญ. 15:7, 11
9 ถ้าพี่น้องมีปัญหา เราต้องไม่บ่นต่อว่าเขาทันทีหรือคิดว่าตัวเราดีกว่าเขา แทนที่จะคิดอย่างนั้น เราอยากช่วยพี่น้องในเวลาที่เขาอ่อนแอ (โยบ 33:6, 7; มัด. 7:1) ลองคิดถึงตัวอย่างนี้ ถ้าคนหนึ่งได้รับอุบัติเหตุจากการขี่มอเตอร์ไซค์ เขาถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล พอถึงที่นั่นหมอและพยาบาลคงไม่เสียเวลามาซักไซ้ไล่เลียงว่าใครถูกใครผิด แต่พวกเขาคงพยายามรักษาคนเจ็บก่อน พวกเราก็เหมือนกัน เมื่อพี่น้องของเรารู้สึกอ่อนแอ แทนที่จะบ่นว่าเขา สิ่งแรกที่เราควรทำก็คือช่วยเขาให้กลับมาใกล้ชิดพระเจ้าเหมือนเมื่อก่อน—อ่าน 1 เทสซาโลนิเก 5:14
10 บางคนในประชาคมอาจดูอ่อนแอในความเชื่อแต่เมื่อเราคิดถึงสภาพการณ์ในชีวิตของเขา พวกเขาอาจไม่ได้อ่อนแออย่างที่เราคิด ตัวอย่างเช่น ลองคิดดูว่ามันยากแค่ไหนที่พี่น้องหญิงบางคนต้องอยู่กับสามีที่ไม่ได้เป็นพยานฯหรือแม่ม่ายที่ต้องเลี้ยงลูกตามลำพังแต่ยังพยายามมาประชุมสม่ำเสมอ นอกจากนั้น ยังมีพี่น้องวัยรุ่นหลายคนที่เจอความกดดันในโรงเรียนให้ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง พี่น้องเหล่านี้ทั้งหมดภักดีและมีรักแท้ต่อพระยะโฮวา ดังนั้น ถ้าเราคิดถึงทุกสิ่งที่พวกเขาได้ทำเพื่อรับใช้พระยะโฮวาจะช่วยเราให้มองพวกเขาว่า “มั่งมีเพราะความเชื่อ” แม้พวกเขาดูเหมือนอ่อนแอก็ตาม—ยโก. 2:5
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
ห13 15/1 น. 19 ว. 10
10 ในทำนองเดียวกัน เป็นเรื่องเหมาะสมที่จะเป็นห่วงเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของเรา. แต่เราไม่จำเป็นต้องพยายามมากเกินไปที่จะขจัดร่องรอยทุกอย่างที่มาพร้อมกับวัย. ร่องรอยเหล่านั้นเป็นสิ่งที่แสดงถึงความเป็นผู้ใหญ่ ความสง่าผ่าเผย และความงามภายใน. คัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า “ผมหงอกบนศีรษะเป็นเหมือนมงกุฎแห่งสง่าราศีถ้าใจอยู่ในที่ชอบธรรม.” (สุภา. 16:31) พระยะโฮวาทรงมองว่าสิ่งที่อยู่ในภายในเป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่ารูปร่างหน้าตา และเราควรมองอย่างนั้นด้วย. (อ่าน 1 เปโตร 3:3, 4) ดังนั้น การเสี่ยงที่จะเสียสุขภาพหรือเสียชีวิตด้วยการทำศัลยกรรมตกแต่งหรือรับการรักษาบางอย่างเพียงเพื่อให้ตัวเองดูดีขึ้นเป็นเรื่องฉลาดไหม? ไม่ว่าเราอายุเท่าไรหรือสุขภาพเป็นอย่างไร ความงามที่แท้จริงมาจากการมี “ความโสมนัสยินดีแห่งพระยะโฮวา.” (นเฮม. 8:10) ในโลกใหม่ เราจะมีสุขภาพที่สมบูรณ์และดูเป็นหนุ่มเป็นสาวอีกครั้งหนึ่ง. (โยบ 33:25; ยซา. 33:24) จนกว่าจะถึงตอนนั้น เราต้องเลือกอย่างฉลาดสุขุมและเชื่อในคำสัญญาของพระยะโฮวา. นั่นจะช่วยเราให้มีความสุขกับชีวิตในเวลานี้และไม่เป็นห่วงมากเกินไปในเรื่องสุขภาพของเรา.—1 ติโม. 4:8
วันที่ 8-14 มกราคม
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล| โยบ 32-33
เมื่อชีวิตเจอกับความไม่ยุติธรรม
ห17.04 น. 10 ว. 5
5 พระยะโฮวาจะทำอะไร? ตอนนี้พระยะโฮวาให้โอกาสคนชั่วเปลี่ยนแปลงตัวเอง (อสย. 55:7) ถึงแม้โลกชั่วจะถูกทำลายเร็ว ๆ นี้ แต่ตอนนี้พวกคนชั่วก็ยังไม่ได้ถูกพิพากษา จะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงและยังสนับสนุนโลกชั่วนี้ต่อไปจนถึงความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่? พระยะโฮวาสัญญาว่าพระองค์จะกำจัดคนชั่วทั้งหมดออกไปจากโลกนี้ (อ่านสดุดี 37:10) ในทุกวันนี้หลายคนเรียนรู้วิธีต่าง ๆ ที่จะปกปิดความผิดที่ทำ และหลายครั้งพวกเขาก็ไม่ถูกลงโทษ (โยบ 21:7, 9) แต่คัมภีร์ไบเบิลเตือนเราว่า “พระเจ้าจับตาดูมนุษย์ พระองค์เห็นทุกย่างก้าวของเขา ไม่มีความมืดมัวหรือเงามืดทึบที่คนชั่วจะซ่อนตัวได้” (โยบ 34:21, 22) ไม่มีทางที่เราจะซ่อนอะไรจากพระยะโฮวาได้ พระองค์เห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่คนชั่วทำ หลังจากอาร์มาเกดโดนถึงเราจะมองหาคนชั่วในที่ที่พวกเขาเคยอยู่ เราก็จะไม่เจอพวกเขาอีกเลย—สด. 37:12-15
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
ห17.04 น. 29 ว. 3
3 เอลีฮูชายหนุ่มคนหนึ่งฟังโยบกับผู้ชาย 3 คนนั้นคุยกัน เมื่อพวกเขาพูดจบ เอลีฮูถามโยบว่า “ถ้าท่านทำดี ท่านให้อะไรพระองค์ หรือพระองค์ได้อะไรจากท่าน?” (โยบ 35:7) เอลีฮูกำลังบอกไหมว่าที่มนุษย์เราพยายามรับใช้พระเจ้าไม่มีค่าอะไรสำหรับพระองค์เลย? ไม่ใช่ ที่เราบอกอย่างนั้นได้เพราะพระยะโฮวาไม่ได้ตำหนิเอลีฮูเหมือนที่ตำหนิผู้ชาย 3 คนนั้น ที่จริง เอลีฮูกำลังหมายความว่าพระยะโฮวาไม่จำเป็นต้องได้รับการนมัสการจากเรา พระยะโฮวามีทุกอย่างอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่เราจะทำได้เพื่อให้พระองค์ร่ำรวยขึ้น หรือมีอำนาจมากขึ้น จะว่าไปแล้วคุณลักษณะและความสามารถที่ดีทุกอย่างที่เรามีก็มาจากพระเจ้าทั้งนั้น จริง ๆ แล้วพระองค์คอยสังเกตด้วยว่าเราจะใช้คุณลักษณะเหล่านั้นอย่างไร
วันที่15-21 มกราคม
สิ่งที่คุณจะนำไปใช้ในงานประกาศ
วซคพบ 57 ว. 5-15
1. รักษาความเป็นกลางทางการเมือง พยานพระยะโฮวาสมัยนาซีรักษาความเป็นกลางทางการเมืองเหมือนพยานฯทั่วโลกในทุกวันนี้ (ยอห์น 18:36) ดังนั้น พวกเขาไม่ยอม
2.ปฏิบัติตามความเชื่อทางศาสนา แม้จะถูกสั่งห้าม แต่พยานพระยะโฮวาก็ยังไม่เลิก
● เคารพเครื่องหมายสวัสดิกะ หรือพูดว่า “ไฮล์ ฮิตเลอร์”—มัทธิว 23:10; 1 โครินธ์ 10:14
● ทำดีกับทุกคน รวมทั้งคนยิว—มาระโก 12:31
ทำไมพวกเขาถูกข่มเหง?
● ประกาศข่าวสารจากคัมภีร์ไบเบิลและแจกจ่ายหนังสืออธิบายคัมภีร์ไบเบิล—มัทธิว 28:19, 20
● ประชุมกันเพื่ออธิษฐานและนมัสการ—ฮีบรู 10:24, 25
● เป็นทหารหรือสนับสนุนสงครามไม่ว่าด้วยวิธีใด—อิสยาห์ 2:4; มัทธิว 26:52
พยานพระยะโฮวาถูกข่มเหงเพราะพวกเขายึดมั่นกับคำสอนในคัมภีร์ไบเบิล เมื่อรัฐบาลนาซีสั่งให้พวกเขาทำสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลห้าม พยานฯไม่ยอมทำตาม พวกเขาเลือกที่จะ “เชื่อฟังพระเจ้ามากกว่ามนุษย์” (กิจการ 5:29) พวกเขาเชื่อฟังพระเจ้าในสองเรื่องคือ
● ยึดมั่นกับความเชื่อ ไม่ยอมเซ็นชื่อในเอกสารละทิ้งความเชื่อ—มาระโก 12:30
● ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งหรือเข้าร่วมกับองค์กรต่าง ๆ ของนาซี—อิสยาห์ 2:4; มัทธิว 26:52
ศาสตราจารย์โรบาร์ท เกร์วาร์ท ลงความเห็นว่า พยานพระยะโฮวาเป็น “กลุ่มเดียวในจักรวรรดิไรซ์ที่สามที่ถูกข่มเหงเพราะความเชื่อทางศาสนา” เพื่อนนักโทษในค่ายกักกันชื่นชมพยานพระยะโฮวาเพราะพวกเขายืนหยัดเพื่อความเชื่อ นักโทษชาวออสเตรียคนหนึ่งสังเกตว่า “พวกพยานฯไม่สู้รบในสงคราม พวกเขายอมถูกฆ่าแทนที่จะฆ่าคนอื่น”
หนังสือ Hitler’s Hangman: The Life of Heydrich หน้า 105
วันที่ 22-28 มกราคม
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล | โยบ 38-39
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
it-2-E น. 222
ผู้ตั้งกฎ
พระยะโฮวาเป็นผู้ตั้งกฎต่าง ๆ พระยะโฮวาเป็นผู้เดียวที่มีอำนาจสูงสุดในการตั้งกฎต่าง ๆ พระองค์ตั้งกฎธรรมชาติที่คอยควบคุมสิ่งที่ไม่มีชีวิต (โยบ 38:4-38; สด 104:5-19) และสัตว์ชนิดต่าง ๆ (โยบ 39:1-30) นอกจากนั้น มนุษย์ที่พระยะโฮวาสร้างก็ต้องอยู่ภายใต้กฎธรรมชาติด้วย และเนื่องจากพระเจ้าสร้างมนุษย์ให้มีศีลธรรม สามารถคิดหาเหตุผล และสามารถนมัสการพระองค์ มนุษย์ก็ต้องเชื่อฟังกฎด้านศีลธรรมของพระเจ้าเช่นกัน (รม 12:1; 1คร 2:14-16) พระยะโฮวายังตั้งกฎที่ควบคุมทูตสวรรค์ที่พระองค์สร้างด้วย—สด 103:20; 2ปต 2:4, 11
ไม่มีใครหรืออะไรที่จะฝ่าฝืนกฎทางธรรมชาติที่พระยะโฮวาตั้งขึ้นได้ (ยรม 33:20, 21) กฎต่าง ๆ ในจักรวาลที่พระยะโฮวาตั้งขึ้นมีความเสถียรและเชื่อถือได้ถึงขนาดที่นักวิทยาศาสตร์ที่เรียนรู้กฎต่าง ๆ เหล่านี้สามารถคำนวณการโคจรของดวงจันทร์ ดาวเคราะห์ และสิ่งต่าง ๆ ในอวกาศได้อย่างแม่นยำในระดับวินาทีเลยทีเดียว และถ้ามีใครฝ่าฝืนกฎธรรมชาติ เขาก็จะได้รับผลเสียทันที คล้ายกัน ไม่มีใครเปลี่ยนกฎด้านศีลธรรมที่พระเจ้าตั้งขึ้นได้ และคนที่ฝ่าฝืนกฎเหล่านี้ก็จะได้รับผลเสียด้วย ถึงจะไม่เห็นผลในทันที แต่เขาก็จะได้รับผลเสียแน่นอน เหมือนกับที่คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ไม่มีใครหลอกพระเจ้าได้ ใครหว่านอะไรไปก็ต้องเก็บเกี่ยวผลจากสิ่งนั้น”—กท 6:7; 1ทธ 5:24
วันที่ 29 มกราคม–4 กุมภาพันธ์
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล | โยบ 40-42
เราเรียนอะไรได้จากสิ่งที่เกิดขึ้นกับโยบ?
ห10 15/10 น. 3-4 ว. 4-6
4 เมื่อเราใคร่ครวญพระราชกิจของพระยะโฮวา เราต้องหลีกเลี่ยงแนวโน้มที่จะตัดสินพระเจ้าโดยอาศัยมาตรฐานของมนุษย์. มีการพาดพิงถึงแนวโน้มนี้ในคำตรัสของพระยะโฮวาที่บทเพลงสรรเสริญ 50:21 ดังนี้: “เจ้าคิดในใจว่าเราเป็นเหมือนตัวเจ้าเอง.” ผู้คงแก่เรียนด้านคัมภีร์ไบเบิลคนหนึ่งกล่าวไว้เมื่อประมาณ 175 ปีที่แล้วว่า “คนเรามักตัดสินพระเจ้าตามความคิดของตัวเอง และทึกทักเอาว่าพระองค์ก็ถูกจำกัดด้วยกฎเกณฑ์เดียวกันกับที่พวกเขาต้องปฏิบัติตาม.”
5 เราต้องระวังอย่าใช้มาตรฐานและความปรารถนาของเราเองตัดสินว่าพระยะโฮวาทรงเป็นเช่นไร. ทำไมเรื่องนี้จึงสำคัญ? เมื่อเราศึกษาพระคัมภีร์ บางสิ่งที่พระยะโฮวาทรงทำอาจดูเหมือนไม่ค่อยถูกต้องเมื่อมองจากทัศนะที่จำกัดและไม่สมบูรณ์ของเรา. ชาวอิสราเอลโบราณเริ่มคิดแบบนั้นและสรุปอย่างผิด ๆ เกี่ยวกับวิธีที่พระยะโฮวาปฏิบัติต่อพวกเขา. ขอให้สังเกตถ้อยคำที่พระยะโฮวาตรัสกับพวกเขาที่ว่า “เจ้าทั้งหลายมักกล่าวว่า ‘ทางของพระเจ้าไม่เสมอซื่อตรง.’ แน่ะโอ้เรือนยิศราเอล, จงฟัง, ทางของเราเป็นเสมอซื่อตรงมิใช่หรือ?”—ยเอศ. 18:25
6 ปัจจัยอย่างหนึ่งที่ช่วยหลีกเลี่ยงการตัดสินพระยะโฮวาตามมาตรฐานของเราเองก็คือการยอมรับว่าทัศนะของเรานั้นจำกัดและบางครั้งก็บกพร่องอย่างร้ายแรง. โยบต้องได้บทเรียนในเรื่องนี้. ในช่วงที่โยบประสบความทุกข์ ท่านต้องดิ้นรนต่อสู้กับความท้อแท้และค่อนข้างคิดถึงแต่ตัวเอง. ท่านมองไม่เห็นประเด็นที่ใหญ่กว่า. แต่พระยะโฮวาทรงช่วยท่านด้วยความรักให้ขยายมุมมองของท่านให้กว้างขึ้น. โดยถามโยบด้วยคำถามต่าง ๆ มากกว่า 70 คำถาม ซึ่งไม่มีคำถามใดที่โยบตอบได้ พระยะโฮวาทรงเน้นให้เห็นขีดจำกัดของโยบในด้านความเข้าใจ. โยบตอบรับด้วยความถ่อมใจโดยปรับทัศนะของท่าน.—อ่านโยบ 42:1-6
ห17.06 น. 25 ว. 12
12 พระยะโฮวาใจร้ายไหมที่พูดกับโยบแบบนั้นทั้ง ๆ ที่เขาต้องเจอกับความทุกข์มากมาย? ไม่เลย และโยบก็ไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นด้วย โยบเข้าใจและเห็นค่าคำแนะนำของพระยะโฮวา เขาถึงกับบอกว่า “ผมขอถอนคำพูด และขอนั่งสำนึกผิดอยู่บนดินและในกองขี้เถ้า” (โยบ 42:1-6) ก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มที่ชื่อเอลีฮูได้ช่วยปรับความคิดของโยบ (โยบ 32:5-10) หลังจากโยบได้ฟังคำแนะนำของพระยะโฮวาและเปลี่ยนมุมมองของเขาแล้ว พระองค์ก็ทำให้คนอื่นรู้ว่าพระองค์พอใจที่โยบซื่อสัตย์—โยบ 42:7, 8
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
it-2-E น. 808
การเยาะเย้ย
โยบซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าต่อ ๆ ไปแม้จะถูกเยาะเย้ย แต่เขาก็ต้องได้รับคำแนะนำเพราะมีความคิดผิด ๆ และทำผิดพลาด เอลีฮูพูดถึงเขาว่า “ใครจะเป็นเหมือนโยบที่ดื่มการเยาะเย้ยเหมือนดื่มน้ำ?” (โยบ 34:7) แทนที่โยบจะเป็นห่วงเรื่องชื่อเสียงของพระเจ้า เขาเอาแต่คิดว่าจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง และแถมยังยกย่องว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกมากกว่าพระองค์ (โยบ 35:2; 36:24) ตอนที่โยบถูก “เพื่อน” สามคนเยาะเย้ย แทนที่เขาจะคิดว่าคนพวกนั้นเยาะเย้ยพระเจ้า เขาเอาแต่คิดว่าเป็นตัวเขาเองที่ถูกเยาะเย้ย อย่างกับว่าเขาชอบที่ถูกเยาะเย้ยและโดนดูถูก เหมือนคนที่ได้ดื่มน้ำแล้วรู้สึกสดชื่น แต่ตอนหลัง พระเจ้าอธิบายให้โยบฟังว่า จริง ๆ แล้วการเยาะเย้ยเหล่านั้นเป็นการพูดไม่จริงเกี่ยวกับพระเจ้า (โยบ 42:7) คล้ายกัน ตอนที่ชาวอิสราเอลอยากได้กษัตริย์ พระยะโฮวาก็บอกกับซามูเอลว่า “พวกเขาไม่ได้ปฏิเสธเจ้า แต่พวกเขาไม่ยอมให้เราเป็นกษัตริย์” (1ซม 8:7) และพระเยซูก็บอกสาวกของท่านว่า “ทุกประเทศจะเกลียดชังคุณ [ไม่ใช่เพราะตัวคุณเอง แต่] เพราะคุณเป็นสาวกของผม” (มธ 24:9) ถ้าคริสเตียนจำเรื่องนี้ไว้เสมอ เขาก็จะอดทนกับการเยาะเย้ยได้โดยมีความคิดที่ถูกต้อง และเขาจะได้รับรางวัลเพราะเขาอดทน—ลก 6:22, 23
วันที่ 5-11 กุมภาพันธ์
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล | สดุดี 1-4
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล
ห16.04 น. 29 ว. 11
11 การรักเงินและสิ่งของ ถ้าเงินและสิ่งของต่าง ๆ ที่เรามีสำคัญมากสำหรับเรา เราก็อาจรักษาความเป็นกลางได้ยากขึ้นด้วย หลังจากปี 1970 มีพยานฯมากมายในมาลาวีต้องทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขามีเพราะเขาไม่ยอมเข้าร่วมกับกลุ่มการเมือง น่าเศร้าที่บางคนไม่ยอมทิ้งชีวิตที่สะดวกสบายของพวกเขา พี่น้องผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อรูธจำได้ดีว่า “มีบางคนยอมลี้ภัยไปกับพวกเรา แต่หลังจากนั้นก็ไปเข้าร่วมกับพรรคการเมืองและได้กลับบ้าน พวกเขาทำอย่างนี้เพราะไม่อยากมีชีวิตที่ลำบากในค่ายผู้ลี้ภัย” แต่ประชาชนของพระเจ้าส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นแบบนั้น พวกเขารักษาความเป็นกลาง ถึงแม้การทำอย่างนั้นจะทำให้พวกเขามีเงินน้อยลงหรือต้องสูญเสียทุกอย่างที่พวกเขามีก็ตาม—ฮบ. 10:34
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
it-1-E น. 425
แกลบ
เปลือกบาง ๆ ที่อยู่ด้านนอกของธัญพืช เช่น ข้าวสาลีหรือข้าวบาร์เลย์ ถึงคัมภีร์ไบเบิลจะใช้แกลบเป็นตัวอย่างเปรียบเทียบ แต่มันก็ทำให้เห็นภาพการนวดข้าวซึ่งเห็นได้ทั่วไปในสมัยนั้น แกลบจะไร้ประโยชน์ทันทีหลังจากที่เก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว มันเลยเป็นตัวอย่างที่เหมาะมากสำหรับสิ่งที่เบา ไร้ค่า ไม่เป็นที่ต้องการ และต้องถูกแยกออกจากส่วนที่ดี แล้วเอาไปทิ้ง
ในขั้นตอนแรก ชาวนาจะนวดข้าว ทำให้แกลบหลุดออกจากเมล็ด จากนั้นชาวนาก็จะฝัดข้าว ซึ่งทำให้แกลบถูกลมพัดปลิวไป ตัวอย่างนี้เปรียบเทียบได้ดีมากกับวิธีที่พระยะโฮวากำจัดพวกที่ทรยศออกไปจากประชาชนของพระองค์และจัดการคนชั่วและชาติต่าง ๆ ที่ต่อต้านพระองค์ด้วย (โยบ 21:18; สด 1:4; 35:5; อสย 17:13; 29:5; 41:15; ฮชย 13:3) พระองค์จะทำอย่างนั้นโดยใช้รัฐบาลของพระองค์ทำลายพวกศัตรูให้แตกละเอียด แล้วพวกเขาก็จะหายไปอย่างง่ายดายเหมือนกับแกลบที่ถูกพัดปลิวไป—ดนล 2:35
ปกติแล้ว จะมีการเก็บรวบรวมแกลบมาไว้ด้วยกันและเผาทิ้งเพื่อไม่ให้มันปลิวกลับมารวมกับกองข้าว คล้ายกัน ยอห์นผู้ให้บัพติศมาได้พยากรณ์ล่วงหน้าเกี่ยวกับช่วงที่คนที่นับถือศาสนาเท็จจะถูกทำลายว่า พระเยซูจะรวบรวมข้าวสาลี “ส่วนแกลบนั้นเขาจะเผาด้วยไฟที่ไม่มีวันดับ”—มธ 3:7-12; ลก 3:17
วันที่ 12-18 กุมภาพันธ์
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล | สดุดี 5-7
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
it-1-E น. 995
หลุมศพ
ตอนที่เปาโลเขียนโรม 3:13 เขายกข้อความจากสดุดี 5:9 ที่บอกว่า ลำคอของพวกคนชั่วและคนหลอกลวงเป็นเหมือน “หลุมศพที่เปิดอยู่” เหมือนกับหลุมศพที่เต็มไปด้วยศพและของเน่าเสีย คนชั่วก็พูดแต่สิ่งที่เสื่อมทรามและทำให้ถึงตาย—เทียบกับ มธ 15:18-20
วันที่ 19-25 กุมภาพันธ์
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล | สดุดี 8-10
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
it-1-E น. 832
นิ้วมือ
มีการใช้ภาพเปรียบเทียบว่าพระยะโฮวาทำสิ่งต่าง ๆ โดยใช้ “นิ้วมือ” ของพระองค์ เช่น การเขียนบัญญัติ 10 ประการลงบนแผ่นหิน (อพย 31:18, เชิงอรรถ; ฉธบ 9:10, เชิงอรรถ) ทำสิ่งอัศจรรย์ (อพย 8:18, 19, เชิงอรรถ) และสร้างสวรรค์ (สด 8:3, เชิงอรรถ) “นิ้วมือ” ของพระเจ้าที่ใช้สร้างสิ่งต่าง ๆ เกี่ยวข้องกับพลังบริสุทธิ์หรือพลังที่พระเจ้าใช้ในการทำงาน เราเห็นเรื่องนี้ในหนังสือปฐมกาลที่บอกว่า พลังของพระเจ้า (รูอาค, “พลัง”) เคลื่อนไปมาอยู่เหนือน้ำ (ปฐก 1:2) พระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกช่วยทำให้มั่นใจว่าความเข้าใจนี้ถูกต้อง หนังสือมัทธิวบอกว่า พระเยซูขับไล่ปีศาจด้วย ‘พลังบริสุทธิ์ของพระเจ้า’ และหนังสือลูกาก็บอกว่าท่านทำอย่างนั้นด้วย “นิ้วของพระเจ้า”—มธ 12:28; ลก 11:20, เชิงอรรถ
วันที่ 26 กุมภาพันธ์–3 มีนาคม
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล | สดุดี 11-15
นึกภาพว่าตัวเองอยู่ในโลกใหม่ที่สงบสุข
ห06 15/5 น. 18 ว. 4
11:3—อะไรคือรากที่ต้องรื้อลง? รากนี้คือรากฐานที่สังคมมนุษย์ตั้งอยู่ เช่น กฎหมาย, ความเป็นระเบียบ, และความยุติธรรม. เมื่อรากฐานเหล่านี้เกิดความยุ่งเหยิง สังคมก็จะไม่มีระเบียบและไม่มีความยุติธรรม. เมื่อเป็นเช่นนี้ “คนชอบธรรม” ต้องวางใจเต็มที่ในพระเจ้า.—บทเพลงสรรเสริญ 11:4-7.
ห17.08 น. 7 ว. 15
15 ทำไมดาวิดเต็มใจอดทนรอ? เขาให้คำตอบในสดุดีบท 13 ซึ่งเป็นบทเดียวกับที่เขาถามคล้าย ๆ กัน 4 ครั้งว่าอีกนานแค่ไหน ดาวิดบอกว่า “แต่ผมมั่นใจว่าพระองค์มีความรักที่มั่นคง ผมจะดีใจที่พระองค์ช่วยให้รอด ผมจะร้องเพลงสรรเสริญพระยะโฮวา เพราะพระองค์ให้รางวัลผมมากมาย” (สด. 13:5, 6) ดาวิดมั่นใจว่าพระยะโฮวารักเขาและจะรักอย่างมั่นคงเสมอ เขาคิดถึงตอนที่พระองค์เคยช่วยเขา และเขารอคอยให้พระองค์จัดการกับปัญหาต่าง ๆ ที่เขาต้องเจอ ดาวิดรู้ดีว่าคุ้มค่าที่จะรอคอยพรต่าง ๆ จากพระยะโฮวา
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
ห13 15/9 น. 19 ว. 12
12 น่าเสียดาย หลายคนในโลกที่อยู่รอบตัวเรามีความคิดแบบที่เปาโลพรรณนา. พวกเขาคิดว่าเป็นเรื่องล้าสมัยที่จะดำเนินชีวิตตามมาตรฐานและหลักการและไม่ควรมีใครบังคับคนอื่นให้ทำอย่างนั้น. ครูและพ่อแม่หลายคนปล่อยให้เด็ก ๆ ทำตามอำเภอใจ. พวกเขาถึงกับสอนเด็ก ๆ ว่าทุกคนมีสิทธิเสรีภาพที่จะตัดสินด้วยตัวเองว่าอะไรถูกอะไรผิด. คนเหล่านี้เชื่อว่าไม่มีทางที่เราจะรู้ได้จริง ๆ ว่าอะไรถูกอะไรผิด. แม้แต่คนที่บอกว่าพวกเขาเชื่อพระเจ้าก็คิดว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องทำสิ่งที่พระเจ้าบอกว่าถูกต้อง. (เพลง. 14:1) ทัศนคติแบบนี้เป็นอันตรายสำหรับคริสเตียน. ถ้าเราไม่ระวัง เราอาจเลิกทำตามคำแนะนำที่เราได้รับจากองค์การของพระเจ้าและอาจเริ่มบ่นในเรื่องที่เราไม่ชอบด้วยซ้ำ. หรือเราอาจไม่เห็นด้วยอย่างเต็มที่กับคำแนะนำตามหลักพระคัมภีร์เกี่ยวกับความบันเทิง การใช้อินเทอร์เน็ต และการเรียนสูง.