แหล่งอ้างอิงสำหรับชีวิตและงานรับใช้—คู่มือประชุม
แหล่งอ้างอิงสำหรับชีวิตและงานรับใช้—คู่มือประชุม
© 2024 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
วันที่ 13-19 มกราคม
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล สดุดี 135-137
“ผู้เป็นนายของพวกเรายิ่งใหญ่กว่าพระอื่น ๆ ทั้งหมด”
it-2-E น. 661 ว. 4-5
พลัง, การอัศจรรย์
การที่พระเจ้าสามารถควบคุมธรรมชาติทำให้พระองค์แตกต่าง เพื่อพระยะโฮวาจะพิสูจน์ว่าพระองค์เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ พระองค์ก็น่าจะต้องแสดงให้เห็นว่าสามารถควบคุมธรรมชาติที่พระองค์สร้างขึ้นมาได้ และทำอย่างที่สอดคล้องกับความหมายของชื่อพระองค์ (สด 135:5, 6) แต่เนื่องจากสิ่งต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาสร้างเป็นไปตามธรรมชาติอยู่แล้ว เช่น ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาวฤกษ์ และดาวเคราะห์โคจรตามวิถีของมัน ส่วนสภาพอากาศต่าง ๆ ในโลกก็เป็นไปตามกฎธรรมชาติทำให้เกิดลมและฝน หรือตั๊กแตนก็ไปกันเป็นฝูงและนกอพยพตามปกติ สิ่งเหล่านี้เลยไม่พอที่จะเป็นข้อพิสูจน์ว่าชื่อของพระยะโฮวาสมควรได้รับการนับถือตอนที่ถูกดูหมิ่น
แต่พระยะโฮวาก็สามารถใช้สิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติเพื่อพิสูจน์ความเป็นพระเจ้าได้ โดยให้มันเกิดขึ้นแบบเหนือธรรมชาติเพื่อทำให้ความตั้งใจของพระองค์สำเร็จ และมักจะเป็นไปตามเวลาที่บอกไว้ล่วงหน้า ถึงบางครั้งสิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร เช่น ความแห้งแล้ง พายุฝน หรือสภาพอากาศแบบอื่น ๆ แต่ที่สิ่งพิเศษก็คือมันเกิดขึ้นตามคำพยากรณ์ของพระยะโฮวา (เทียบกับ 1พก 17:1; 18:1, 2, 41-45) แต่ในกรณีส่วนใหญ่ สิ่งที่พิเศษก็คือขนาดและความรุนแรงของมัน หรือไม่ก็เกิดขึ้นในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน หรือมาในเวลาที่ผิดปกติ—อพย 9:24; 34:10; 1ซม 12:16-18
วันที่ 27 มกราคม–2 กุมภาพันธ์
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล สดุดี 140-143
พยายามทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้หลังจากอธิษฐานขอความช่วยเหลือแล้ว
ห15 15/3 น. 32 ว. 2
คำสั่งที่ให้แต่งงานกับ “ผู้ที่เชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า” เท่านั้น ยังใช้ได้จริง ๆ ไหม?
บางครั้ง คุณอาจรู้สึกเหมือนดาวิดที่บอกว่า ‘ข้าแต่พระยะโฮวา จิตต์วิญญาณของข้าพเจ้าอ่อนละเหี่ยสลบไป ขอโปรดตอบโดยเร็ว ขออย่าซ่อนหน้าจากข้าพเจ้า’ (เพลง. 143:5-7, 10) ขอคุณอย่าเลิกล้มความตั้งใจ คุณอาจรอพระยะโฮวาแสดงให้เห็นว่าพระองค์อยากให้คุณทำอะไร ขณะที่ทำอย่างนั้น ขอให้คุณฟังพระองค์โดยอ่านคัมภีร์ไบเบิลและไตร่ตรองเรื่องที่อ่าน นั่นจะช่วยให้รู้ว่าพระองค์ต้องการให้คุณทำอะไรและพระองค์เคยช่วยผู้รับใช้ในอดีตอย่างไร แล้วคุณก็จะมั่นใจมากขึ้นที่จะเชื่อฟังพระองค์ต่อ ๆ ไป
วันที่ 3-9 กุมภาพันธ์
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล สดุดี 144-146
“ประชาชนที่มีพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าก็มีความสุข”
ห18.04 น. 32 ว. 3-4
คำถามจากผู้อ่าน
2. การดูท้องเรื่องของสดุดีบทนี้ การใช้คำว่า “แล้ว” ในข้อ 12 ทำให้รู้ว่าสิ่งดี ๆ ที่พูดถึงในข้อ 12-14 จะเกิดขึ้นกับคนดีซึ่งขอพระเจ้า ‘ช่วยเขาให้รอด’ จากคนชั่วที่พูดถึงในข้อ 11 และความเข้าใจนี้ยังมีผลกับข้อ 15 ด้วยซึ่งทำให้เราเข้าใจว่า คำว่า “ความสุข” ที่พูดถึง 2 ครั้งในข้อ 15 ใช้กับคนกลุ่มเดียวกัน ซึ่งก็คือ “ประชาชนที่มีพระยะโฮวาเป็นพระเจ้า”
3. ความเข้าใจนี้สอดคล้องกับข้อคัมภีร์อื่น ๆ ที่เป็นคำสัญญาจากพระเจ้าว่าพระองค์จะให้สิ่งดี ๆ กับผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ ในสดุดีบทนี้ ดาวิดซึ่งเป็นผู้เขียนมั่นใจแน่นอนว่า หลังจากที่พระเจ้าช่วยชาวอิสราเอลให้รอดจากศัตรูแล้ว พระองค์จะอวยพรประชาชนให้มีความสุขความเจริญ (เลวีนิติ 26:9, 10; เฉลยธรรมบัญญัติ 7:13; สดุดี 128:1-6) เรื่องนี้สอดคล้องกับข้อคัมภีร์อื่น ๆ เช่น เฉลยธรรมบัญญัติ 28:4 บอกว่า “คุณจะได้รับพรให้มีลูกหลานมากมาย พืชผลในไร่นาจะอุดมสมบูรณ์ และฝูงสัตว์ของคุณก็จะมีลูกดก ทั้งลูกวัวและลูกแกะ” แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ในช่วงที่โซโลมอนลูกชายของดาวิดปกครองเป็นกษัตริย์ ชาติอิสราเอลมีความสงบสุขและเจริญรุ่งเรืองมาก ไม่ใช่แค่นั้น การปกครองของโซโลมอนเป็นภาพที่แสดงล่วงหน้าถึงการปกครองของเมสสิยาห์ด้วย—1 พงศ์กษัตริย์ 4:20, 21; สดุดี 72:1-20
ห18.01 น. 26 ว. 19-20
ความรักแบบไหนทำให้มีความสุขจริง ๆ?
19 โลกของซาตานทำให้ผู้คนทนทุกข์มา 6,000 ปีแล้ว ตอนนี้เรากำลังอยู่ในสมัยสุดท้าย โลกนี้เต็มไปด้วยคนที่รักแต่ตัวเอง รักเงิน และรักความสนุกสนาน พวกเขาคิดจะเอาแต่ได้และให้ความต้องการของตัวเองเป็นเรื่องสำคัญในชีวิต แต่คนเหล่านั้นไม่ได้มีความสุขจริง ๆ ตรงกันข้าม คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “คนที่มีพระเจ้าของยาโคบเป็นผู้ช่วยก็มีความสุข คือคนที่หวังพึ่งพระยะโฮวาพระเจ้าของเขา”—สดุดี 146:5
20 ผู้รับใช้พระยะโฮวารักพระองค์มาก และทุกปีมีผู้คนมากมายเข้ามารู้จักและรักพระองค์ด้วย นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่ารัฐบาลของพระเจ้ากำลังปกครองอยู่ อีกไม่นานรัฐบาลนี้จะช่วยให้เราได้รับพรต่าง ๆ มากมายอย่างที่เราคาดไม่ถึง และถ้าเราทำสิ่งที่พระยะโฮวาบอก เราก็กำลังทำให้พระองค์มีความสุขและเราเองก็จะมีความสุขด้วย นี่เป็นความสุขแท้ คนที่รักพระยะโฮวาจะมีความสุขตลอดไป ในบทความหน้า เราจะดูด้วยกันเกี่ยวกับนิสัยไม่ดีบางอย่างที่เป็นผลจากการมีความรักที่เห็นแก่ตัว จากนั้น เราจะดูว่านิสัยที่ไม่ดีเหล่านี้ตรงข้ามกับนิสัยดี ๆ ของคนที่รับใช้พระยะโฮวาอย่างไร
วันที่ 10-16 กุมภาพันธ์
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล สดุดี 147-150
เรามีเหตุผลมากมายที่จะสรรเสริญยาห์
ห17.07 น.18 ว. 5-6
ทำไมเราต้อง “สรรเสริญยาห์”?
5 พระยะโฮวาให้กำลังใจไม่เฉพาะกับชาติอิสราเอลทั้งชาติ แต่พระองค์ให้กำลังใจพวกเขาแต่ละคน และพระองค์ก็ให้กำลังใจเราในทุกวันนี้ด้วย ผู้เขียนหนังสือสดุดีบอกว่า พระเจ้า “รักษาคนที่ใจแตกสลาย และพันแผลให้พวกเขา” (สด. 147:3) ถ้าเราเจ็บป่วยหรือซึมเศร้า เรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาเป็นห่วงเรา พระองค์อยากให้กำลังใจเราและรักษาบาดแผลทางอารมณ์ของเรา (สด. 34:18; อสย. 57:15) พระองค์ให้สติปัญญากับกำลังเพื่อที่เราจะรับมือกับปัญหาต่าง ๆ ที่เราต้องเจอได้—ยก. 1:5
6 จากนั้น ผู้เขียนหนังสือสดุดีมองท้องฟ้าและพูดว่า พระยะโฮวา “นับดาวและเรียกชื่อดาวทุกดวง” (สด. 147:4) บนท้องฟ้าเขาเห็นดวงดาวมากมาย แต่เขาก็ไม่รู้เลยว่าจริง ๆ แล้วมีดวงดาวมากขนาดไหน ในทุกวันนี้นักวิทยาศาสตร์รู้ว่ามีดาวหลายพันล้านดวงในกาแล็กซีของเรา และทั้งเอกภพของเราอาจมีกาแล็กซีอีกเป็นล้าน ๆ กาแล็กซี มนุษย์นับดวงดาวไม่ได้แต่พระเจ้าผู้สร้างนับได้ ที่จริง พระองค์รู้จักดวงดาวแต่ละดวงเป็นอย่างดีและตั้งชื่อให้พวกมัน (1 คร. 15:41) ถ้าพระเจ้ารู้จักดาวแต่ละดวงขนาดนั้น พระองค์ก็รู้จักคุณด้วย ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนพระองค์ก็รู้ ไม่ใช่แค่นั้นพระองค์ยังรู้ด้วยว่าคุณรู้สึกอย่างไรและต้องการอะไรจริง ๆ
ห17.07 น.18 ว. 7
ทำไมเราต้อง “สรรเสริญยาห์”?
7 พระยะโฮวาเข้าใจว่าคุณกำลังเจอกับอะไร และพระองค์มีอำนาจที่จะช่วยคุณรับมือกับปัญหาต่าง ๆ (อ่านสดุดี 147:5) คุณอาจรู้สึกว่าปัญหาที่คุณเจอนั้นยากเกินกว่าที่จะรับมือไหว แต่พระเจ้าเข้าใจขีดจำกัดของพวกเราและ “ไม่ลืมว่าพวกเราเป็นแค่ดิน” (สด. 103:14) เราไม่สมบูรณ์แบบ เราอาจทำผิดพลาดแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก และเราอาจท้อแท้ เราอาจมานั่งเสียใจกับคำพูดบางอย่างที่เราได้พูดออกไป หรือเสียใจที่เรามีความต้องการผิด ๆ หรือมีความอิจฉา ถึงแม้ว่าพระยะโฮวาไม่มีข้ออ่อนแออะไร แต่พระองค์เข้าใจความรู้สึกทุกอย่างของเรา—อสย. 40:28
ห17.07 น. 21 ว. 18
ทำไมเราต้อง “สรรเสริญยาห์”?
18 ผู้เขียนหนังสือสดุดีรู้ว่า พระยะโฮวาได้เลือกชาติอิสราเอลโบราณมาเป็นประชาชนของพระองค์ พวกเขาเป็นชาติเดียวที่ได้รับ “คำสั่ง” และ “ข้อกำหนด” ของพระองค์ (อ่านสดุดี 147:19, 20) ในทุกวันนี้ เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ถูกเรียกตามชื่อของพระเจ้า เราขอบคุณที่ได้มารู้จักพระองค์ ขอบคุณที่มีคัมภีร์ไบเบิลชี้นำชีวิตเรา และขอบคุณที่เราสามารถใกล้ชิดกับพระองค์ได้ เหมือนกับผู้เขียนหนังสือสดุดีบท 147 คุณก็มีเหตุผลมากมายที่จะ “สรรเสริญยาห์” และสนับสนุนคนอื่น ๆ ให้ทำแบบเดียวกัน
วันที่ 17-23 กุมภาพันธ์
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล สุภาษิต 1
วัยรุ่น คุณจะฟังใคร?
ห17.11 น. 29 ว. 16-17
อย่าให้อะไรทำให้คุณพลาดรางวัล
16 บางทีคุณอาจเป็นวัยรุ่นและรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่เข้าใจคุณหรือเข้มงวดกับคุณมากเกินไป นี่อาจทำให้คุณเซ็งมากจนเริ่มไม่แน่ใจว่าจะเป็นพยานฯดีรึเปล่า แต่ถ้าคุณเลิกรับใช้พระยะโฮวา คุณก็จะรู้ว่าไม่มีใครในโลกนี้อีกแล้วที่จะรักคุณได้มากเท่ากับพ่อแม่ที่เป็นพยานฯและเพื่อนในประชาคม
17 คุณคิดว่าพ่อแม่จะเป็นห่วงคุณจริง ๆ ไหมถ้าพวกเขาไม่เคยว่าไม่เคยสอนคุณเลย? (ฮีบรู 12:8) พ่อแม่ของคุณไม่สมบูรณ์แบบ ดังนั้น วิธีที่พ่อแม่สอนอาจไม่ถูกใจคุณ แต่อย่าไปมองตรงนั้น ให้เข้าใจว่าทำไมพ่อแม่ถึงพูดและทำอย่างนั้น ใจเย็น ๆ ไว้ อย่าเพิ่งหงุดหงิดหรือใช้อารมณ์ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “คนที่มีความรู้จะไม่พูดมาก และคนที่รู้จักแยกแยะจะสงบปากสงบคำ” (สุภาษิต 17:27) ขอให้ตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาตัวเองให้เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น โดยยอมรับคำแนะนำและเต็มใจเรียนรู้ไม่ว่าคนที่สอนจะใช้วิธีไหนก็ตาม (สุภาษิต 1:8) และอย่าลืมว่าการมีพ่อแม่ที่รักพระยะโฮวามันเป็นของขวัญที่มีค่ามากจริง ๆ พวกเขาอยากช่วยคุณให้มีชีวิตตลอดไป
ห05 15/2 น. 19-20 ว. 11-12
จงรักษาเอกลักษณ์คริสเตียนของเราไว้
11 แสวงหาความพอพระทัยจากพระเจ้า ไม่ใช่จากมนุษย์. เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่คนเราจะกำหนดเอกลักษณ์ของตัวเองส่วนหนึ่งโดยการเข้ากลุ่ม. ทุกคนจำเป็นต้องมีเพื่อน และการได้รับการยอมรับทำให้เรามีความสุขและรู้สึกมั่นคงปลอดภัย. ในช่วงวัยรุ่น—รวมทั้งช่วงหลังของชีวิต—แรงกดดันจากคนรอบข้างอาจมีพลังมาก ทำให้เราปรารถนาที่จะทำตามคนอื่นหรือทำให้คนอื่นพอใจ. แต่เพื่อนฝูงหรือคนรอบข้างไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ที่ดีที่สุดสำหรับเราเสมอไป. บางครั้งพวกเขาเพียงแต่ต้องการคนมาร่วมกันทำสิ่งที่ไม่ดี. (สุภาษิต 1:11-19) เมื่อคริสเตียนพ่ายต่อแรงกดดันจากคนรอบข้าง เขาก็มักจะพยายามปิดบังว่าตัวเองเป็นคริสเตียน. (บทเพลงสรรเสริญ 26:4) อัครสาวกเปาโลเตือนว่า “อย่าประพฤติตามอย่างที่โลกแวดล้อมท่าน.” (โรม 12:2, เดอะ เจรูซาเลม ไบเบิล) พระยะโฮวาทรงประทานความแข็งแกร่งภายในที่จำเป็นเพื่อเราจะสามารถต้านทานอิทธิพลใด ๆ จากภายนอกที่กดดันเราให้ทำตาม.—เฮ็บราย 13:6.
12 เมื่อแรงกดดันจากคนรอบข้างเป็นภัยคุกคามต่อความสำนึกในเอกลักษณ์ความเป็นคริสเตียนของเรา เราควรระลึกว่าความภักดีของเราต่อพระเจ้ามีความสำคัญยิ่งกว่าความเห็นของผู้คนทั่วไปหรือกระแสของคนส่วนใหญ่มากนัก. ข้อความที่เอ็กโซโด 23:2 (ล.ม.) ให้หลักการที่ปกป้องเรา ซึ่งกล่าวว่า “อย่าติดตามคนหมู่มากที่มีเป้าหมายชั่ว.” เมื่อเพื่อนร่วมชาติชาวอิสราเอลส่วนใหญ่สงสัยความสามารถของพระยะโฮวาที่จะทำให้สำเร็จได้ตามคำสัญญาของพระองค์ คาเลบปฏิเสธอย่างแข็งขันที่จะติดตามกระแสของคนหมู่มาก. ท่านมั่นใจว่าคำสัญญาของพระเจ้าวางใจได้ และท่านได้รับพระพรมากมายจากการยืนหยัดเช่นนั้น. (อาฤธโม 13:30; ยะโฮซูอะ 14:6-11) คุณพร้อมจะทำคล้าย ๆ กันนั้นไหมที่จะต้านทานแรงกดดันจากทัศนคติของคนส่วนใหญ่เพื่อรักษาสัมพันธภาพที่คุณมีกับพระเจ้า?
วันที่ 24 กุมภาพันธ์–2 มีนาคม
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล สุภาษิต 2
ทำไมคุณต้องพยายามศึกษาส่วนตัว?
ห16.09 น. 23 ว. 2-3
เด็กวัยรุ่น ทำให้ความเชื่อของคุณเข้มแข็งขึ้น
2 ผู้คนจำนวนมากในทุกวันนี้ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้าที่สร้างตัวเรา ถ้าคุณเป็นผู้รับใช้พระยะโฮวาที่ยังเป็นวัยรุ่น หรือเป็นคนที่กำลังเรียนรู้เกี่ยวกับพระองค์ บางครั้งคุณอาจสงสัยว่าคุณจะเชื่อมั่นได้อย่างไรว่ามีพระเจ้าที่สร้างตัวคุณ คัมภีร์ไบเบิลช่วยเราให้คิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับเรื่องที่เราอ่านหรือได้ยินและพยายามคิดหาเหตุผล คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ความสุขุมรอบคอบจะปกป้องลูก” การเป็นคนสุขุมรอบคอบหรือเป็นคนรู้จักคิดจะปกป้องคุณได้อย่างไร? ถ้าเราคิดเป็น เราก็จะไม่ไปหลงเชื่อคำสอนผิด ๆ ที่ทำลายความเชื่อของเรา—อ่านสุภาษิต 2:10-12
3 เพื่อเราจะมีความเชื่อที่เข้มแข็งในพระยะโฮวา เราต้องรู้จักพระองค์เป็นอย่างดี (1 ทธ. 2:4) ดังนั้น ตอนที่อ่านคัมภีร์ไบเบิลหรือหนังสือต่าง ๆ ที่มาจากองค์การ คุณต้องไม่อ่านแบบผ่าน ๆ แต่คุณควรใช้เวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องที่ได้อ่าน และพยายามเข้าใจเรื่องที่อ่าน (มธ. 13:23) ในบทความนี้เราจะมาดูด้วยกันว่า ถ้าคุณอ่านและศึกษาแบบนี้ คุณจะเห็นหลักฐานมากขึ้นได้อย่างไรว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่สร้างตัวคุณ และคัมภีร์ไบเบิลเป็นหนังสือที่มาจากพระองค์จริง ๆ—ฮบ. 11:1
ชีวิตคริสเตียน
คุณเป็นนักล่าสมบัติไหม?
ห24.02 น. 32 ว. 2-3
ค้นหาความรู้ที่มีค่าที่คุณจะเอาไปใช้ได้
ค้นให้ลึกขึ้น คุณอาจค้นคว้าเรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิลให้ลึกซึ้งขึ้นได้ เช่น ดูว่าใครเขียน เขียนถึงใคร และเขียนเมื่อไหร่ สถานการณ์ในตอนนั้นเป็นยังไง มีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น และเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น
ดูว่าได้บทเรียนอะไร ตอนที่ค้นคว้า ให้คิดถึงคำถามอย่างเช่น ‘คนที่อยู่ในเรื่องที่ฉันอ่านรู้สึกยังไง? เขาแสดงคุณลักษณะอะไรบ้าง? ถ้าเขามีคุณลักษณะที่ดี ฉันจะเลียนแบบเขาได้ยังไง? หรือถ้าเขาทำสิ่งที่ไม่ดี ฉันต้องทำยังไงเพื่อจะไม่เป็นแบบเขา?