บทความศึกษา 37
เต็มใจเชื่อฟังและยอมรับอำนาจของพระยะโฮวา
‘แล้วพระเจ้าผู้เป็นพ่อล่ะ เราน่าจะเชื่อฟังยิ่งกว่านั้นอีกไม่ใช่หรือ?’—ฮบ. 12:9
เพลง 9 พระยะโฮวาเป็นกษัตริย์ของเรา
ใจความสำคัญ *
1. ทำไมเราควรเชื่อฟังและยอมรับอำนาจของพระยะโฮวา?
เราควรเชื่อฟังและยอมรับอำนาจ *ของพระยะโฮวาเพราะพระองค์เป็นผู้สร้างเรา พระองค์จึงมีสิทธิ์ตั้งมาตรฐานว่าอะไรถูกอะไรผิด (วว. 4:11) อีกเหตุผลหนึ่งที่เราควรเชื่อฟังและยอมรับอำนาจของพระองค์ก็เพราะว่าวิธีที่พระองค์ปกครองดีที่สุด ตลอดประวัติศาสตร์มีคนมากมายเป็นผู้ปกครอง แต่เมื่อเทียบกับพระยะโฮวาแล้ว พระองค์เป็นผู้ปกครองที่ฉลาดรอบรู้ที่สุด เมตตาสงสารที่สุด และรักมนุษย์ที่สุด—อพย. 34:6; รม. 16:27; 1 ยน. 4:8
2. จากฮีบรู 12:9-11 ทำไมเราควรเชื่อฟังพระยะโฮวา?
2 พระยะโฮวาอยากให้เราเชื่อฟังเพราะรักพระองค์และมองว่าพระองค์เป็นพ่อที่รักเรา ไม่ใช่เพียงเพราะเรานับถือหรือกลัวทำให้พระองค์เสียใจ อัครสาวกเปาโลเขียนจดหมายถึงพี่น้องชาวฮีบรูว่า เราควร “เชื่อฟัง” พระเจ้าผู้เป็นพ่อ เพราะที่พระองค์สอนเราก็ “เพื่อประโยชน์ของตัวเราเอง”—อ่านฮีบรู 12:9-11
3. (ก) เราจะแสดงให้เห็นอย่างไรว่าเชื่อฟังและยอมรับอำนาจของพระยะโฮวา? (ข) เราจะคุยกันเกี่ยวกับคำถามอะไร?
3 เราเชื่อฟังและยอมรับอำนาจของพระยะโฮวาได้โดยพยายามสุดความสามารถที่จะทำตามทุกอย่างที่พระองค์บอก และพยายามจริง ๆ ที่จะไม่พึ่งความเข้าใจของตัวเองและตัดสินใจเองว่าอะไรถูกอะไรผิด (สภษ. 3:5) เราจะเชื่อฟังและยอมรับอำนาจของพระยะโฮวาง่ายขึ้น ถ้าเราเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่พระองค์ทำ เพราะอะไร? เพราะเมื่อเราเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่พระองค์ทำ เราก็จะเห็นคุณลักษณะที่ดีต่าง ๆ ของพระองค์ (สด. 145:9) ยิ่งเราได้เรียนรู้เกี่ยวกับพระยะโฮวา เราก็จะยิ่งรักพระองค์ แล้วถ้าเรารักพระองค์ก็ไม่จำเป็นต้องมีกฎหมายยาวเหยียดบอกว่าอะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ เราจะพยายามเรียนรู้ที่จะคิดและรู้สึกเหมือนที่พระยะโฮวาบอกไว้และไม่ทำสิ่งชั่ว (สด. 97:10) บางครั้งเราอาจรู้สึกว่าการเชื่อฟังพระยะโฮวาไม่ใช่เรื่องง่าย ให้เรามาดูกันว่าเพราะอะไร? นอกจากนั้น พี่น้องชายที่เป็นผู้ดูแล คนที่เป็นพ่อ และคนที่เป็นแม่เรียนอะไรได้จากตัวอย่างของผู้ว่าราชการเนหะมีย์ กษัตริย์ดาวิด และมารีย์แม่ของพระเยซู? เราจะได้คำตอบในบทความนี้
ทำไมไม่ง่ายที่จะเชื่อฟังและยอมรับอำนาจของพระยะโฮวา?
4-5. จากโรม 7:21-23 ทำไมไม่ง่ายที่จะเชื่อฟังและยอมรับอำนาจของพระยะโฮวา?
4 สิ่งหนึ่งที่ทำให้การเชื่อฟังและการยอมรับอำนาจของพระยะโฮวาไม่ใช่เรื่องง่าย คือบาปที่ตกทอดมาจากมนุษย์คู่แรกทำให้เรากลายเป็นมนุษย์ไม่สมบูรณ์แบบ หลายครั้งเราเลยรู้สึกไม่อยากจะเชื่อฟังพระเจ้า หลังจากอาดัมกับเอวาไม่เชื่อฟังพระยะโฮวาและกินผลไม้ที่พระองค์ห้าม พวกเขาก็ตั้งมาตรฐานของตัวเอง (ปฐก. 3:22) ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ก็เหมือนกับอาดัมและเอวา พวกเขาไม่สนใจพระยะโฮวาและอยากตัดสินใจเองว่าอะไรถูกอะไรผิด
5 ถึงแม้เราจะรู้จักและรักพระยะโฮวาอยู่แล้ว แต่เราอาจรู้สึกว่าการยอมรับอำนาจของพระองค์และเชื่อฟังที่พระองค์บอกทุกอย่างไม่ใช่เรื่องง่าย อัครสาวกเปาโลก็รู้สึกแบบนั้นด้วย (อ่านโรม 7:21-23) เราก็เหมือนเปาโล เราอยากทำสิ่งที่พระยะโฮวาบอกว่าถูกต้อง แต่มันไม่ง่าย เรายังต้องต่อสู้ต่อ ๆ ไปกับความต้องการที่จะทำผิด
6-7. เหตุผลอย่างที่ 2 ที่ทำให้ไม่ง่ายที่จะเชื่อฟังและยอมรับอำนาจของพระยะโฮวาคืออะไร? ขอยกตัวอย่าง
6 อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้การเชื่อฟังและการยอมรับอำนาจของพระยะโฮวาไม่ใช่เรื่องง่าย คืออิทธิพลจากวัฒนธรรมและความคิดของคนในสังคมที่เราเติบโตมา ความคิดของคนส่วนใหญ่ไม่ตรงกับความคิดของพระยะโฮวา ดังนั้น เราเลยต้องพยายามมากที่จะไม่คิดแบบพวกเขา ให้เราดูตัวอย่างหนึ่งด้วยกัน
7 ในบางประเทศเป็นเรื่องธรรมดาที่วัยรุ่นจะถูกกดดันให้ทุ่มเททำงานหาเงินให้ได้เยอะ ๆ พี่น้องหญิงที่ชื่อแมรี่ *ก็เป็นคนหนึ่งที่เจอปัญหาแบบนี้ ก่อนที่แมรี่จะรู้จักพระยะโฮวา เธอเรียนในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศ ครอบครัวกดดันเธอให้ทำงานที่ได้เงินเยอะ ๆ และมีคนนับหน้าถือตา ซึ่งแมรี่เองก็อยากได้อยู่แล้ว แต่พอเธอได้รู้จักพระยะโฮวาและรักพระองค์ เป้าหมายในชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไป แต่แมรี่บอกว่า “บางครั้ง ฉันเห็นช่องทางที่จะหาเงินได้เยอะ ๆ แต่ถ้าทำแบบนั้นมันจะทำให้ฉันทำกิจกรรมคริสเตียนเหมือนอย่างที่ทำตอนนี้ไม่ได้ แต่เพราะฉันถูกเลี้ยงมาอย่างนี้มันเลยยากที่ฉันจะปฏิเสธ ฉันต้องอธิษฐานถึงพระยะโฮวาเยอะมาก ขอพระองค์ช่วยฉันให้ต่อสู้กับความต้องการที่อยากจะทำงานหาเงินได้เยอะ ๆ ซึ่งอาจทำให้ฉันไม่ได้รับใช้พระยะโฮวาเต็มที่”—มธ. 6:24
8. เราจะคุยกันเรื่องอะไร?
8 การเชื่อฟังและยอมรับอำนาจของพระยะโฮวาเป็นประโยชน์กับตัวเรา แต่ไม่ใช่แค่นั้น เมื่อคนที่มีอำนาจไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแล คนที่เป็นพ่อ หรือคนที่เป็นแม่เชื่อฟังและยอมรับอำนาจของพระยะโฮวา พวกเขาจะทำให้คนอื่นได้รับประโยชน์ด้วย ขอให้เรามาดูตัวอย่างในคัมภีร์ไบเบิลด้วยกันถึงวิธีที่เราจะใช้อำนาจที่เรามีในแบบที่ทำให้พระยะโฮวาพอใจ
ผู้ดูแลเรียนอะไรได้จากเนหะมีย์?
9. เนหะมีย์เจอปัญหาอะไรบ้าง?
9 พระยะโฮวาแต่งตั้งผู้ดูแลให้ทำหน้าที่สำคัญโดยให้พวกเขามีหน้าที่ดูแลเอาใจใส่ประชาชนของพระองค์ (1 ปต. 5:2) พวกเขาเรียนหลายอย่างได้จากวิธีที่เนหะมีย์ปฏิบัติต่อประชาชนของพระยะโฮวา เนหะมีย์เป็นผู้ว่าราชการของยูดาห์ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจมาก (นหม. 1:11; 2:7, 8; 5:14) ขอให้คิดถึงปัญหาที่เขาเจอ เขาพบว่าชาวยิวใช้วิหารในแบบที่ไม่ได้แสดงความนับถือต่อการนมัสการพระยะโฮวา พวกเขาไม่ได้บริจาคสิ่งของต่าง ๆ ให้กับคนเลวีตามที่กฎหมายบอกไว้ และไม่ได้ทำตามกฎหมายเรื่องวันสะบาโต แถมผู้ชายบางคนยังแต่งงานกับผู้หญิงต่างชาติด้วย เนหะมีย์ต้องจัดการกับเรื่องนี้—นหม. 13:4-30
10. เนหะมีย์รับมือกับปัญหาอย่างไร?
10 เนหะมีย์ไม่ได้ใช้อำนาจของตัวเองบังคับประชาชนให้ทำตามความคิดของเขา แต่เขาขอการชี้นำจากพระยะโฮวาโดยอธิษฐานอย่างจริงจังถึงพระองค์และสอนกฎหมายของพระองค์ให้กับประชาชน (นหม. 1:4-10; 13:1-3) นอกจากนั้น เขาถ่อมตัวโดยทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่น้องร่วมชาติ ถึงขนาดที่ช่วยพวกเขาสร้างกำแพงกรุงเยรูซาเล็มด้วย—นหม. 4:15
11. จาก 1 เธสะโลนิกา 2:7, 8 ผู้ดูแลควรปฏิบัติกับพี่น้องในประชาคมอย่างไร?
11 ถึงผู้ดูแลอาจจะไม่เจอปัญหาเดียวกันกับเนหะมีย์ แต่พวกเขาก็เลียนแบบเนหะมีย์ได้หลายอย่าง เช่น ผู้ดูแลทำงานหนักเพื่อช่วยพี่น้องในประชาคม พวกเขาไม่ได้คิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นเพราะอำนาจที่พวกเขามี แต่พวกเขาจะอ่อนโยนกับพี่น้อง (อ่าน 1 เธสะโลนิกา 2:7, 8) คำพูดของผู้ดูแลจะแสดงว่าเขาเป็นคนถ่อมและรักพี่น้องจริง ๆ แอนดรูว์ที่เป็นผู้ดูแลที่มีประสบการณ์บอกว่า “ผมรู้สึกว่าพี่น้องชอบผู้ดูแลที่เป็นคนอบอุ่น อ่อนโยนและคุยด้วยง่าย ถ้าผู้ดูแลเป็นแบบนั้นพี่น้องในประชาคมก็จะเต็มใจให้ความร่วมมือกับพวกเขา” โทนี่ที่เป็นผู้ดูแลมานานก็บอกว่า “ผมพยายามเอาคำแนะนำจากฟีลิปปี 2:3 มาใช้เสมอโดยมองว่าคนอื่นดีกว่าผม มันช่วยให้ผมไม่ทำตัวเป็นเผด็จการบังคับคนอื่นให้เชื่อฟังผม”
12. ทำไมสำคัญที่ผู้ดูแลต้องเป็นคนถ่อม?
12 เนื่องจากพระยะโฮวาถ่อม ผู้ดูแลก็ต้องถ่อมเหมือนกัน ถึงพระองค์จะเป็น “ผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด” ในเอกภพ แต่ก็ “ก้มลง” และ “ยกคนต่ำต้อยขึ้นจากดิน” (สด. 18:35; 113:6, 7) นอกจากนั้น พระยะโฮวาเกลียดคนหยิ่ง—สภษ. 16:5
13. ทำไมผู้ดูแลต้อง “ควบคุมลิ้นของตัวเอง”?
13 ผู้ดูแลที่เชื่อฟังและยอมรับอำนาจของพระยะโฮวาต้อง “ควบคุมลิ้นของตัวเอง” ไม่อย่างนั้น เขาอาจพูดไม่ดีกับคนที่ไม่นับถือเขา (ยก. 1:26; กท. 5:14, 15) แอนดรูว์ที่พูดถึงก่อนหน้านี้บอกว่า “บางครั้งผมก็อยากจะพูดไม่ดีกับคนที่ผมรู้สึกว่าไม่ค่อยนับถือว่าผมเป็นผู้ดูแล แต่พอผมคิดใคร่ครวญตัวอย่างของคนซื่อสัตย์ในสมัยคัมภีร์ไบเบิล มันช่วยผมให้เห็นว่าการเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตัวเป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ” ดังนั้น ผู้ดูแลจะแสดงให้เห็นว่าเขาเชื่อฟังและยอมรับอำนาจของพระยะโฮวาได้โดยใช้คำพูดที่ดีซึ่งแสดงว่าเขารักพี่น้องและเพื่อนผู้ดูแล—คส. 4:6
คนที่เป็นพ่อเรียนอะไรได้จากดาวิด?
14. คนที่เป็นพ่อได้รับงานมอบหมายอะไรจากพระยะโฮวา? และพระองค์คาดหมายให้พวกเขาทำอะไร?
14 พระยะโฮวามอบหมายคนที่เป็นพ่อให้เป็นหัวหน้าครอบครัว และพระองค์คาดหมายให้เขาอบรมสั่งสอนลูกของเขา (1 คร. 11:3; อฟ. 6:4) แต่คนที่เป็นพ่อก็มีอำนาจจำกัด พระยะโฮวาเป็นผู้ก่อตั้งครอบครัวมนุษย์ คนที่เป็นพ่อจึงต้องให้การกับพระองค์เกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำกับคนในครอบครัว (อฟ. 3:14, 15) ดังนั้น คนที่เป็นพ่อจะแสดงว่าเขาเชื่อฟังและยอมรับอำนาจของพระยะโฮวาโดยที่เขาใช้อำนาจที่เขามีในแบบที่พระองค์พอใจ คนที่เป็นพ่อเรียนได้หลายอย่างจากกษัตริย์ดาวิด
15. กษัตริย์ดาวิดเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคนที่เป็นพ่ออย่างไร?
15 พระยะโฮวาไม่ได้แค่แต่งตั้งดาวิดให้เป็นหัวหน้าครอบครัวเท่านั้น แต่ให้เขาเป็นผู้นำชาติอิสราเอลทั้งชาติ การเป็นกษัตริย์ทำให้เขามีอำนาจมาก แต่บางครั้งเขาก็ใช้อำนาจในทางที่ผิดแล้วก็ทำผิดร้ายแรงด้วย (2 ซม. 11:14, 15) ถึงจะเป็นอย่างนั้นเขายังเชื่อฟังและยอมรับอำนาจของพระยะโฮวาโดยยอมรับการสั่งสอนจากพระองค์ อธิษฐานจากหัวใจและบอกพระองค์ว่าเขารู้สึกอย่างไร เขาพยายามสุดความสามารถที่จะเชื่อฟังคำแนะนำที่มาจากพระยะโฮวา (สด. 51:1-4) นอกจากนั้น เขายังถ่อมมากพอที่จะยอมรับคำแนะนำที่ดีซึ่งไม่ได้มาจากผู้ชายเท่านั้นแต่มาจากผู้หญิงด้วย (1 ซม. 19:11, 12; 25:32, 33) ดาวิดได้เรียนหลายอย่างจากความผิดพลาด และเขาให้การรับใช้พระยะโฮวาเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในชีวิต
16. คนที่เป็นพ่อเรียนอะไรได้จากดาวิด?
16 คนที่เป็นพ่อ คุณเรียนอะไรได้จากกษัตริย์ดาวิด? คุณต้องไม่ใช้อำนาจที่พระยะโฮวาให้คุณในทางที่ผิด ถ้าคุณทำผิด คุณต้องยอมรับความผิดพลาดและฟังคำแนะนำจากคัมภีร์ไบเบิลที่คนอื่นให้ พอคุณทำแบบนั้นคนในครอบครัวก็จะนับถือคุณเพราะคุณเป็นคนถ่อม นอกจากนั้น ตอนที่อธิษฐานกับครอบครัว ให้อธิษฐานจากใจ ทำให้พวกเขาเห็นว่าคุณพึ่งพระยะโฮวามากขนาดไหน และที่สำคัญที่สุดคุณต้องให้การรับใช้พระยะโฮวาเป็นสิ่งสำคัญอับดับแรกในชีวิตคุณ (ฉธบ. 6:6-9) ตัวอย่างของคุณจะเป็นของขวัญที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งที่คุณสามารถให้ครอบครัวได้
คนที่เป็นแม่เรียนอะไรได้จากมารีย์?
17. คนที่เป็นแม่ได้รับงานมอบหมายอะไรจากพระยะโฮวา?
17 พระยะโฮวามอบหมายให้คนที่เป็นแม่มีหน้าที่สำคัญด้วย เธอมีอำนาจเหนือลูกในระดับหนึ่ง (สภษ. 6:20) และที่จริงสิ่งที่เธอพูดหรือทำจะมีผลต่อลูกของเธอไปตลอดชีวิต (สภษ. 22:6) ขอให้เราดูสิ่งที่คนเป็นแม่จะเรียนได้จากตัวอย่างของมารีย์แม่ของพระเยซู
18-19. คนที่เป็นแม่เรียนอะไรได้จากมารีย์?
18 มารีย์เป็นคนที่รู้พระคัมภีร์ดีมาก เธอนับถือพระยะโฮวาสุดหัวใจและสนิทกับพระองค์ เธอเต็มใจเชื่อฟังและยอมรับการชี้นำจากพระยะโฮวา แม้ว่าการทำอย่างนั้นจะทำให้ทั้งชีวิตของเธอเปลี่ยนไป—ลก. 1:35-38, 46-55
19 คนที่เป็นแม่ คุณเรียนอะไรได้จากมารีย์? อย่างแรกคุณต้องสนิทกับพระยะโฮวาเสมอโดยการศึกษาส่วนตัวและอธิษฐานเป็นส่วนตัวถึงพระองค์เป็นประจำ และอย่างที่สอง คุณต้องเต็มใจปรับเปลี่ยนเพื่อทำให้พระยะโฮวาพอใจด้วย ตัวอย่างเช่น คุณอาจโตมาในครอบครัวที่ชอบใช้อารมณ์และพูดแรง ๆ กับลูก คุณเลยคิดว่านั่นเป็นเรื่องปกติ และแม้แต่หลังจากที่คุณได้รู้แล้วว่าพระยะโฮวาอยากให้คุณเลี้ยงลูกอย่างไร คุณยังอาจรู้สึกว่ายากที่จะใจเย็นและอดทนกับลูก ๆ โดยเฉพาะตอนที่คุณกำลังเหนื่อยและลูกก็ไม่เชื่อฟังคุณด้วย (อฟ. 4:31) ตอนนั้นคุณยิ่งต้องอธิษฐานขอให้พระยะโฮวาช่วย คุณแม่ที่ชื่อลิเดียบอกว่า “บางครั้งตอนที่ลูกดื้อมากฉันต้องอธิษฐานจริงจังเพื่อจะไม่ตะคอกใส่ลูก บางทีฉันยังพูดไม่ทันจบก็ต้องหยุดเพื่ออธิษฐานขอพระองค์ช่วย นั่นทำให้ฉันใจเย็นลง”—สด. 37:5
20. คนที่เป็นแม่บางคนเจอกับปัญหาอะไร? และจะรับมือได้อย่างไร?
20 อีกปัญหาหนึ่งที่คนเป็นแม่อาจเจอก็คือพวกเขารู้สึกยากที่จะแสดงความรักกับลูก ๆ (ทต. 2:3, 4) ผู้หญิงบางคนเติบโตมาในครอบครัวที่พ่อแม่ไม่ได้แสดงความรักกับลูก ๆ ถ้าคุณโตมาในครอบครัวแบบนั้น อย่าทำผิดซ้ำรอยพ่อแม่ของคุณ แม่ที่เชื่อฟังและยอมรับอำนาจของพระยะโฮวาต้องเรียนรู้ที่จะแสดงความรักกับลูก ถึงมันอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนความคิด ความรู้สึก และการกระทำ แต่นั่นเป็นเรื่องที่ทำได้ และมันจะทำให้ทั้งคนที่แม่และครอบครัวมีความสุขมากขึ้น
เชื่อฟังและยอมรับอำนาจของพระยะโฮวาต่อ ๆ ไป
21-22. จากอิสยาห์ 65:13, 14 การเชื่อฟังและยอมรับอำนาจของพระยะโฮวาเป็นประโยชน์ต่อเราอย่างไรบ้าง?
21 ดาวิดรู้ว่าการเชื่อฟังและการยอมรับอำนาจของพระยะโฮวามีประโยชน์มาก เขาบอกว่า “ข้อกำหนดของพระยะโฮวาถูกต้องชอบธรรมและทำให้สุขใจ คำสั่งของพระยะโฮวาบริสุทธิ์และทำให้ตาสว่าง สิ่งเหล่านี้คอยเตือนสติผู้รับใช้ของพระองค์ คนที่ทำตามก็จะได้รับผลดีมากมาย” (สด. 19:8, 11) ในทุกวันนี้ เราเห็นความแตกต่างระหว่างคนที่เชื่อฟังและยอมรับอำนาจของพระยะโฮวากับคนที่ไม่ยอมรับคำแนะนำด้วยความรักจากพระองค์ คนที่เชื่อฟังและยอมรับอำนาจของพระยะโฮวาจะ “โห่ร้องด้วยความยินดีเพราะพวกเขามีใจชื่นบาน”—อ่านอิสยาห์ 65:13, 14
22 เมื่อผู้ดูแล คนที่เป็นพ่อ และคนที่เป็นแม่เต็มใจเชื่อฟังและยอมรับอำนาจของพระยะโฮวา พวกเขาก็ทำให้ชีวิตของตัวเองดีขึ้น ทำให้ครอบครัวมีความสุขมากขึ้น ทำให้ทั้งประชาคมเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาทำให้พระยะโฮวาดีใจ (สภษ. 27:11) นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขมากที่สุดในชีวิต
เพลง 123 ทำตามระเบียบขององค์การพระเจ้าด้วยความภักดี
^ วรรค 5 บทความนี้เราจะดูว่าทำไมเราควรเชื่อฟังและยอมรับอำนาจของพระยะโฮวา นอกจากนั้น คนที่มีอำนาจไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแล พ่อ และแม่เรียนอะไรได้จากตัวอย่างของผู้ว่าราชการเนหะมีย์ กษัตริย์ดาวิด และมารีย์แม่ของพระเยซู
^ วรรค 1 อธิบายคำศัพท์ คำว่า ยอมรับอำนาจ มีความหมายในด้านลบสำหรับคนที่ถูกบังคับให้เชื่อฟัง แต่คนของพระเจ้าไม่ได้ถูกบังคับ พวกเขาเลือกเองว่าจะเชื่อฟังพระองค์ พวกเขาเลยไม่รู้สึกว่าการยอมรับอำนาจของพระยะโฮวาเป็นเรื่องที่ไม่ดี
^ วรรค 7 บางชื่อในบทความนี้เป็นชื่อสมมุติ
^ วรรค 62 คำอธิบายภาพ ผู้ดูแลกับลูกชายช่วยกันดูแลหอประชุมเหมือนที่เนหะมีย์ช่วยสร้างกำแพงกรุงเยรูซาเล็ม
^ วรรค 64 คำอธิบายภาพ พ่ออธิษฐานกับครอบครัว
^ วรรค 66 คำอธิบายภาพ ลูกชายเล่นเกมหลายชั่วโมงจนทำงานบ้านและการบ้านไม่เสร็จ ถึงแม่จะเหนื่อยมากแต่ก็สอนลูกโดยพูดดี ๆ กับลูกและไม่โมโห
หอสังเกตการณ์ (ฉบับศึกษา)