บทความศึกษา 42
คุณ “พร้อมจะเชื่อฟัง” ไหม?
“สติปัญญาจากเบื้องบน . . . พร้อมจะเชื่อฟัง”—ยก. 3:17
เพลง 101 ทำงานร่วมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
ใจความสำคัญ a
1. ทำไมบางครั้งเราถึงรู้สึกยากที่จะเชื่อฟัง?
คุณเคยรู้สึกยากที่จะเชื่อฟังไหม? กษัตริย์ดาวิดก็เคยรู้สึกแบบนั้น เขาเลยอธิษฐานถึงพระยะโฮวาว่า “ขอช่วยให้ผมเต็มใจเชื่อฟังพระองค์” (สด. 51:12) ถึงแม้ดาวิดรักพระยะโฮวา แต่บางครั้งเขาก็รู้สึกยากที่จะเชื่อฟัง เราเองก็อาจรู้สึกเหมือนกัน เพราะอะไร? เหตุผลแรก เรามีแนวโน้มที่จะไม่เชื่อฟังเพราะบาปที่ได้รับมา เหตุผลที่ 2 ซาตานคอยแต่จะทำให้เราขืนอำนาจเหมือนมัน (2 คร. 11:3) เหตุผลที่ 3 เราอยู่ในโลกที่คนส่วนใหญ่ไม่อยากฟังใคร ซึ่ง “น้ำใจนี้ . . . กำลังมีอิทธิพลต่อคนที่ไม่เชื่อฟัง” (อฟ. 2:2) ดังนั้น เราต้องพยายามสู้กับความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเอง สู้กับซาตาน และสู้กับน้ำใจของโลกนี้เพื่อจะเชื่อฟังพระยะโฮวาและคนที่พระองค์ให้อำนาจ
2. การ “พร้อมจะเชื่อฟัง” หมายถึงอะไร? (ยากอบ 3:17)
2 อ่านยากอบ 3:17 ยากอบได้รับการดลใจให้เขียนว่าคนฉลาด “พร้อมจะเชื่อฟัง” นี่หมายความว่าเราต้องเต็มใจเชื่อฟังคนที่พระยะโฮวาให้อำนาจ แต่พระยะโฮวาไม่ได้คาดหมายให้เราเชื่อฟังคนที่บอกให้เราฝ่าฝืนคำสั่งของพระองค์—กจ. 4:18-20
3. ทำไมเป็นเรื่องสำคัญสำหรับพระยะโฮวาที่เราจะเชื่อฟังคนที่มีอำนาจ?
3 เราอาจรู้สึกว่าการเชื่อฟังพระยะโฮวาง่ายกว่าการเชื่อฟังมนุษย์ เพราะพระองค์ให้คำแนะนำที่สมบูรณ์แบบ (สด. 19:7) แต่มนุษย์ที่มีอำนาจไม่ได้เป็นแบบนั้น ถึงอย่างนั้นพระยะโฮวาก็ยังให้อำนาจระดับหนึ่งกับพ่อแม่ เจ้าหน้าที่รัฐบาล และผู้ดูแลในประชาคม (สภษ. 6:20; 1 ธส. 5:12; 1 ปต. 2:13, 14) เมื่อเราเชื่อฟังพวกเขา จริง ๆ แล้วเราก็กำลังเชื่อฟังพระยะโฮวา ให้เรามาดูกันว่าเราจะเชื่อฟังคนที่พระยะโฮวาให้อำนาจได้ยังไง ถึงแม้บางครั้งเราอาจไม่เห็นด้วยหรือไม่อยากทำตามคำแนะนำของพวกเขา
เชื่อฟังพ่อแม่
4. ทำไมเด็กและวัยรุ่นหลายคนไม่เชื่อฟังพ่อแม่?
4 เด็กและวัยรุ่นต้องอยู่กับเด็กคนอื่นที่ “ไม่เชื่อฟังพ่อแม่” (2 ทธ. 3:1, 2) แล้วทำไมเด็กและวัยรุ่นหลายคนถึงไม่เชื่อฟังพ่อแม่? เด็กบางคนอาจรู้สึกว่าพ่อแม่ของตัวเองทำอย่างที่สอนไม่ได้ ส่วนเด็กคนอื่น ๆ ก็รู้สึกว่าคำแนะนำของพ่อแม่ใช้ไม่ได้จริง ๆ หรอก แถมยังโบราณและเข้มงวดเกินไป ถ้าคุณยังเป็นเด็กและวัยรุ่น คุณรู้สึกแบบนี้ไหม? หลายคนรู้สึกยากที่จะทำตามคำสั่งของพระยะโฮวาที่บอกว่า “ให้เชื่อฟังพ่อแม่ตามที่พระเจ้าอยากให้ทำ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้องในสายตาพระองค์” (อฟ. 6:1) แล้วอะไรจะช่วยให้คุณทำตามคำสั่งนี้ของพระยะโฮวาได้?
5. ทำไมพระเยซูถึงเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดในการเชื่อฟังพ่อแม่? (ลูกา 2:46-52)
5 พระเยซูเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดในเรื่องการเชื่อฟังพ่อแม่ และคุณก็เรียนจากท่านได้ (1 ปต. 2:21-24) พระเยซูเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบ แต่พ่อแม่ของท่านไม่สมบูรณ์แบบ ถึงจะเป็นอย่างนั้นพระเยซูก็ให้เกียรติพ่อแม่ แม้แต่ตอนที่พ่อแม่ทำผิดและเข้าใจท่านผิด (อพย. 20:12) ให้เรามาดูเหตุการณ์ตอนที่พระเยซูอายุ 12 (อ่านลูกา 2:46-52) ตอนนั้นพระเยซูไปที่กรุงเยรูซาเล็มกับพ่อแม่ด้วย แต่พวกเขาเดินทางกลับบ้านโดยไม่ได้สังเกตเลยว่าลืมพระเยซูไว้ที่นั่น ที่จริงโยเซฟกับมารีย์ควรจะเช็กดูให้แน่ใจว่าลูก ๆ กลับไปครบทุกคนไหม พอโยเซฟกับมารีย์ตามหาพระเยซูจนเจอ มารีย์ก็โทษว่าเป็นความผิดของพระเยซู ที่จริงพระเยซูอาจจะบอกก็ได้ว่าถ้าจะโทษท่านฝ่ายเดียวมันก็ไม่ยุติธรรม แต่พระเยซูก็ไม่ทำอย่างนั้น ท่านตอบพ่อแม่แบบง่าย ๆ และด้วยความนับถือ แม้ “โยเซฟกับมารีย์ไม่เข้าใจว่าท่านพูดเรื่องอะไร” แต่ท่านก็ “เชื่อฟังพวกเขาเสมอ”
6-7. อะไรจะช่วยให้เด็กและวัยรุ่นเชื่อฟังพ่อแม่?
6 เด็ก ๆ และวัยรุ่น คุณรู้สึกไหมว่าไม่ง่ายเลยที่จะเชื่อฟังพ่อแม่ตอนที่พวกเขาทำผิดหรือตอนที่พวกเขาเข้าใจคุณผิด? อะไรจะช่วยให้คุณเชื่อฟังพ่อแม่ได้? อย่างแรก ให้ลองคิดถึงความรู้สึกของพระยะโฮวา คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “คนที่เป็นลูก ให้เชื่อฟังพ่อแม่ตามที่พระเจ้าอยากให้ทำ” (อฟ. 6:1) พระยะโฮวารู้ว่าแม้พ่อแม่จะไม่เข้าใจคุณร้อยเปอร์เซ็นต์หรือพวกเขาอาจตั้งกฎที่ไม่ค่อยสมเหตุสมผล แต่ถ้าคุณเชื่อฟังพวกเขา คุณก็จะทำให้พระยะโฮวามีความสุข
7 อย่างที่ 2 ให้คิดถึงความรู้สึกของพ่อแม่ เมื่อคุณเชื่อฟังพ่อแม่ คุณก็ทำให้พ่อแม่มีความสุขและทำให้พวกเขาไว้ใจคุณ (สภษ. 23:22-25) คุณอาจสนิทกับพวกเขามากขึ้นด้วย พี่น้องชายคนหนึ่งจากเบลเยียมที่ชื่ออเล็กซานเดรบอกว่า “พอผมเชื่อฟังและทำตามที่พ่อแม่ขอ เราก็สนิทกันมากขึ้นและมีความสุขมากขึ้น” b อย่างที่ 3 ให้คิดว่าถ้าคุณเชื่อฟังพ่อแม่ตั้งแต่ตอนนี้มันจะมีประโยชน์กับคุณในอนาคตยังไง เปาลูซึ่งอยู่ในบราซิลบอกว่า “การเชื่อฟังพ่อแม่ช่วยให้ผมเชื่อฟังพระยะโฮวาและเชื่อฟังคนอื่นที่มีอำนาจ” คัมภีร์ไบเบิลให้เหตุผลสำคัญที่เราต้องเชื่อฟังพ่อแม่โดยบอกว่า ถ้าเราเชื่อฟังพ่อแม่ เรา “จะอยู่ดีมีสุขและจะมีอายุยืนยาวบนโลก”—อฟ. 6:2, 3
8. ทำไมเด็ก ๆ และวัยรุ่นหลายคนเลือกที่จะเชื่อฟังพ่อแม่?
8 เด็ก ๆ และวัยรุ่นหลายคนเห็นเลยว่าการเชื่อฟังมีประโยชน์กับพวกเขามาก ลูอิซ่าจากบราซิลเล่าว่ามีช่วงหนึ่งที่พ่อแม่ของเธอไม่ยอมให้ใช้มือถือ ตอนแรกเธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อแม่ทำแบบนั้น เพราะเธอรู้สึกว่าเด็กวัยรุ่นส่วนใหญ่ที่อายุไล่ ๆ กับเธอมีมือถือกันทั้งนั้น แต่เธอก็คิดได้ว่าที่พ่อแม่ตัดสินใจแบบนั้นจริง ๆ แล้วเพื่อปกป้องเธอ ตอนนี้เธอบอกว่า “ฉันมองว่าการเชื่อฟังพ่อแม่ไม่ใช่การจำกัดอิสรภาพ แต่เป็นเหมือนการใส่เข็มขัดนิรภัยที่ช่วยปกป้องชีวิตฉัน” อลิซาเบธพี่น้องหญิงวัยรุ่นอีกคนหนึ่งจากสหรัฐบอกว่า เธอรู้สึกว่าบางครั้งก็ไม่ง่ายเหมือนกันที่จะเชื่อฟังพ่อแม่ เธอบอกว่า “ตอนที่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อแม่ถึงต้องตั้งกฎบางอย่าง ฉันจะพยายามคิดว่าที่ผ่าน ๆ มากฎของพ่อแม่ช่วยปกป้องฉันยังไง” โมนิก้าที่อยู่ในอาร์เมเนียบอกว่าทุกครั้งที่เธอเชื่อฟังพ่อแม่ อะไร ๆ ก็จะออกมาดีจริง ๆ และดีกว่าตอนที่ไม่เชื่อฟังพวกเขาเยอะ
เชื่อฟัง “คนที่มีอำนาจปกครอง”
9. หลายคนคิดยังไงเรื่องการเชื่อฟังกฎหมาย?
9 คัมภีร์ไบเบิลเรียกรัฐบาลว่า “คนที่มีอำนาจปกครอง” (รม. 13:1) คนทั่วไปยอมรับว่าเป็นเรื่องดีที่จะมีรัฐบาล แต่พวกเขาก็ไม่ได้เชื่อฟังกฎหมายทุกข้อที่รัฐบาลตั้งขึ้น พวกเขามักจะรู้สึกว่าถ้ากฎหมายข้อไหนไม่ยุติธรรม พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อฟัง เช่นเรื่องการเสียภาษี มีการสำรวจประเทศหนึ่งในยุโรปและพบว่าผู้คนประมาณ 1 ใน 4 ของการสำรวจคิดว่า “ถ้ารัฐบาลเรียกร้องภาษีแบบไม่เป็นธรรม พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายภาษี” นี่เลยทำให้คนในประเทศนั้นจ่ายภาษีไม่เต็มจำนวนที่รัฐบาลเรียกร้อง
10. แม้เราจะไม่ชอบกฎหมายบางข้อ แต่ทำไมเราต้องเชื่อฟังกฎหมายเหล่านั้น?
10 คัมภีร์ไบเบิลยอมรับว่ารัฐบาลของมนุษย์อยู่ภายใต้การควบคุมของซาตาน ทำให้ผู้คนยากลำบาก และอีกไม่นานจะต้องถูกทำลาย (สด. 110:5, 6; ปญจ. 8:9; ลก. 4:5, 6) แต่คัมภีร์ไบเบิลก็บอกด้วยว่า “คนที่ต่อต้านอำนาจปกครองก็ต่อต้านการจัดเตรียมของพระเจ้า” พระยะโฮวายอมให้รัฐบาลเหล่านั้นมีอำนาจปกครองในตอนนี้เพื่อจะทำให้สังคมมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย และพระองค์ก็คาดหมายให้เราเชื่อฟังกฎหมายบ้านเมือง ดังนั้น เราต้อง “ให้ทุกคนตามที่เขาควรได้รับ” ซึ่งรวมถึงการเสียภาษี การให้ความนับถือเจ้าหน้าที่รัฐ และการเชื่อฟังกฎหมาย (รม. 13:1-7) บางครั้งเราอาจรู้สึกว่ากฎหมายบางข้อทำให้เราลำบาก ไม่ได้รับความยุติธรรม หรือแม้แต่ทำให้เราต้องเสียเงินเยอะ แต่เราต้องเชื่อฟังพระยะโฮวา และพระยะโฮวาก็บอกให้เราเชื่อฟังกฎหมายเหล่านั้นถ้าไม่ขัดกับกฎหมายของพระองค์—กจ. 5:29
11-12. อย่างที่อ่านในลูกา 2:1-6 โยเซฟกับมารีย์เชื่อฟังกฎหมายยังไงแม้จะทำให้พวกเขาลำบาก และผลเป็นยังไง? (ดูภาพด้วย)
11 เราสามารถเรียนเรื่องการเชื่อฟังคนที่มีอำนาจได้จากตัวอย่างของโยเซฟกับมารีย์ ทั้งสองคนพร้อมเชื่อฟังแม้จะไม่ง่าย (อ่านลูกา 2:1-6) ตอนที่มารีย์ท้องได้ 9 เดือน ซีซาร์ออกัสตัสซึ่งเป็นผู้ปกครองจักรวรรดิโรมันสั่งให้ผู้คนทั่วอาณาจักรไปจดทะเบียนสำมะโนครัว โยเซฟกับมารีย์เลยต้องเดินทางประมาณ 150 กิโลเมตรไปเบธเลเฮม ซึ่งมันไม่ง่ายเลยเพราะเส้นทางที่ไปต้องข้ามเขาหลายลูก การเดินทางครั้งนั้นต้องลำบากแน่ ๆ โดยเฉพาะกับมารีย์ พวกเขาคงกังวลเรื่องความปลอดภัยของมารีย์และลูกในท้อง และก็คงเป็นห่วงว่าถ้ามารีย์คลอดลูกกลางทางจะทำยังไง เด็กที่อยู่ในท้องมารีย์คือเมสสิยาห์ที่ผู้คนรอคอยด้วย พวกเขาจะใช้เหตุผลทั้งหมดนี้เพื่อจะไม่ทำตามคำสั่งของรัฐบาลไหม?
12 ถึงโยเซฟกับมารีย์มีหลายเรื่องที่ต้องกังวล แต่พวกเขาก็ยังคงเชื่อฟังคำสั่งของซีซาร์ พระยะโฮวาอวยพรที่พวกเขาทำแบบนั้น มารีย์ไปถึงเมืองเบธเลเฮมอย่างปลอดภัยและคลอดลูกชายที่แข็งแรง และนี่ทำให้คำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลเป็นจริงด้วย—มคา. 5:2
13. การที่เราเชื่อฟังมีผลดีต่อพี่น้องยังไง?
13 เมื่อเราเชื่อฟังคนที่มีอำนาจ เราก็ทำให้ตัวเราเองและคนอื่นได้รับประโยชน์ ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? เหตุผลหนึ่งก็คือเราจะไม่ถูกลงโทษเพราะไม่เชื่อฟังกฎหมาย (รม. 13:4) นอกจากนั้น การที่เราเชื่อฟังช่วยให้คนที่มีอำนาจมองพยานพระยะโฮวาในแง่ดี ตัวอย่างเช่น ที่ไนจีเรียเมื่อหลายสิบปีก่อน มีทหารหลายคนเข้ามาในหอประชุมระหว่างที่มีการประชุม พวกเขามาตามหาคนที่ประท้วงเรื่องการจ่ายภาษี แต่พอหัวหน้าทหารเห็นว่าคนกลุ่มนี้เป็นพยานฯ เขาก็บอกให้ทหารทุกคนออกไป เขาบอกว่า “พยานพระยะโฮวาไม่ใช่พวกหนีภาษี” ดังนั้น ทุกครั้งที่คุณเชื่อฟังกฎหมาย คุณก็ช่วยให้พยานพระยะโฮวามีชื่อเสียงที่ดี ซึ่งนี่อาจเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องของคุณในอนาคตได้—มธ. 5:16
14. อะไรช่วยให้พี่น้องหญิงคนหนึ่ง “พร้อมจะเชื่อฟัง” คนที่มีอำนาจปกครอง?
14 แต่บางครั้งเราก็อาจรู้สึกไม่อยากเชื่อฟังคนที่มีอำนาจปกครอง โจแอนนาพี่น้องหญิงจากสหรัฐอเมริกาบอกว่า “สำหรับฉันเป็นเรื่องยากมากที่จะเชื่อฟังเจ้าหน้าที่รัฐบาล เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับบางคนในครอบครัวฉัน และทำให้พวกเขาลำบากมาก” ถึงอย่างนั้น โจแอนนาก็พยายามมากและตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดของตัวเอง อย่างแรก เธอเลิกอ่านเนื้อหาในโซเชียลมีเดียที่ทำให้เธอรู้สึกไม่ดีกับเจ้าหน้าที่รัฐบาล (สภษ. 20:3) อย่างที่ 2 เธออธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระยะโฮวา ขอพระองค์ให้ช่วยเธอวางใจในพระองค์แทนที่จะคาดหมายการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลของมนุษย์ (สด. 9:9, 10) อย่างที่ 3 เธออ่านบทความเกี่ยวกับการรักษาความเป็นกลาง (ยน. 17:16) ตอนนี้โจแอนนาบอกว่า การนับถือและเชื่อฟังเจ้าหน้าที่รัฐบาลทำให้เธอรู้สึกสงบใจและมีความสุข
เชื่อฟังคำแนะนำจากองค์การของพระยะโฮวา
15. ทำไมบางครั้งเราอาจรู้สึกยากที่จะเชื่อฟังคำแนะนำจากองค์การของพระยะโฮวา?
15 พระยะโฮวาอยากให้เรา “เชื่อฟังและยอมรับอำนาจคนที่นำหน้า” ในประชาคม (ฮบ. 13:17) พระเยซูผู้นำของเราเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ แต่ผู้ดูแลที่นำหน้าในประชาคมไม่ได้เป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบ เราเลยอาจรู้สึกยากที่จะเชื่อฟังโดยเฉพาะตอนที่พวกเขาขอให้เราทำอะไรที่เราไม่อยากทำ อัครสาวกเปโตรก็เคยรู้สึกแบบนั้น ตอนที่ทูตสวรรค์บอกให้เขากินสัตว์ที่ไม่สะอาดตามกฎหมายของโมเสส เขาก็ไม่ยอมกิน เขาปฏิเสธทูตสวรรค์ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแต่ถึง 3 ครั้ง (กจ. 10:9-16) เพราะอะไร? เพราะคำแนะนำใหม่นี้ฟังดูไม่สมเหตุสมผลเลยสำหรับเขา มันเป็นอะไรที่เขาไม่เคยทำมาก่อน ถ้าเปโตรยังรู้สึกยากที่จะทำตามคำแนะนำจากทูตสวรรค์ที่สมบูรณ์แบบ ก็คงไม่แปลกที่เราจะยิ่งรู้สึกยากที่จะทำตามคำแนะนำจากมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แบบ
16. ถึงเปาโลรู้สึกว่าเขาได้รับคำแนะนำที่ไม่มีเหตุผล แต่เขาทำอะไร? (กิจการ 21:23, 24, 26)
16 อัครสาวกเปาโล “พร้อมจะเชื่อฟัง” แม้แต่ตอนที่เขาได้รับคำแนะนำที่รู้สึกว่าไม่มีเหตุผล คริสเตียนชาวยิวได้ยินข่าวลือว่าเปาโลสอนคนยิว “ให้ทิ้งกฎหมายของโมเสส” (กจ. 21:21) พวกผู้ดูแลในเยรูซาเล็มได้แนะนำเปาโลให้พาผู้ชาย 4 คนไปที่วิหาร และชำระตัวตามพิธีกรรมเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขากำลังทำตามกฎหมายนี้อยู่ แต่เปาโลรู้ว่าคริสเตียนไม่ได้อยู่ภายใต้กฎหมายของโมเสสแล้ว และเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเต็มใจเชื่อฟัง คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “วันรุ่งขึ้น เปาโลก็พา 4 คนนั้นไปด้วยและชำระตัวตามพิธีกรรมพร้อมกับพวกเขา” (อ่านกิจการ 21:23, 24, 26) การที่เปาโลเชื่อฟังช่วยสร้างสันติสุขและทำให้พี่น้องเป็นหนึ่งเดียวกัน—รม. 14:19, 21
17. คุณได้เรียนอะไรจากประสบการณ์ของสเตฟานี่?
17 พี่น้องหญิงคนหนึ่งที่ชื่อสเตฟานี่รู้สึกยากที่จะทำตามการตัดสินใจของพี่น้องที่นำหน้าในองค์การ ตอนนั้นเธอกับสามีกำลังมีความสุขกับการรับใช้ในกลุ่มภาษาต่างประเทศ แต่แล้วสำนักงานสาขาก็ยุบกลุ่มนั้น และพวกเขาถูกมอบหมายให้กลับไปที่ประชาคมที่ใช้ภาษาของตัวเอง สเตฟานี่ยอมรับว่า “ฉันไม่ชอบเลย ฉันรู้สึกว่าเขตงานในภาษาของเราไม่เห็นมีความจำเป็นตรงไหน” ถึงอย่างนั้นเธอก็เลือกที่จะทำตามคำแนะนำใหม่นี้ เธอบอกว่า “เมื่อเวลาผ่านไปฉันก็เห็นเลยว่าพี่น้องเหล่านั้นที่นำหน้าตัดสินใจได้ฉลาดจริง ๆ มีพี่น้องหลายคนในประชาคมของเราที่พ่อแม่ไม่เป็นพยานฯ ฉันกับสามีเลยได้เป็นเหมือนพ่อแม่ของพวกเขา ตอนนี้ฉันกำลังศึกษากับพี่น้องหญิงคนหนึ่งที่เพิ่งกลับมาเป็นผู้ประกาศ และฉันก็มีเวลาศึกษาส่วนตัวมากขึ้นด้วย” เธอบอกอีกว่า “ฉันรู้สึกสบายใจที่รู้ว่าฉันได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่และเชื่อฟังการชี้นำ”
18. เมื่อเราเชื่อฟังเราจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง?
18 เราเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังได้ พระเยซู “เรียนรู้ที่จะเชื่อฟัง” ไม่ใช่ตอนที่ท่านสะดวกสบาย แต่ตอนที่ท่าน “ต้องทนทุกข์ลำบาก” (ฮบ. 5:8) เหมือนกับพระเยซู หลายครั้งเราก็เรียนรู้ที่จะเชื่อฟังในช่วงที่ต้องเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก ตัวอย่างเช่น ในช่วงที่โควิด-19 เพิ่งระบาดใหม่ ๆ เราได้รับคำแนะนำไม่ให้ไปประชุมที่หอประชุมและไม่ให้ไปประกาศตามบ้าน คุณรู้สึกยากที่จะทำตามคำแนะนำนี้ไหม? ถึงแม้จะรู้สึกยาก แต่การที่คุณเชื่อฟังก็ปกป้องตัวคุณ ทำให้คุณเป็นหนึ่งเดียวกันกับพี่น้อง และทำให้พระยะโฮวาพอใจ สิ่งที่ผ่านมาทั้งหมดนี้ช่วยให้เราพร้อมที่จะเชื่อฟังคำแนะนำทุกอย่างที่เราจะได้รับตอนที่เกิดความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่ การเชื่อฟังคำแนะนำในช่วงเวลานั้นจะทำให้เรารอดชีวิต—โยบ 36:11
19. คุณอยากเชื่อฟังเพราะอะไร?
19 จากบทความนี้เราได้เรียนแล้วว่าการเชื่อฟังทำให้ได้รับพรมากมาย แต่เหตุผลหลักที่เราเลือกที่จะเชื่อฟังพระยะโฮวาก็เพราะเรารักพระองค์และอยากทำให้พระองค์พอใจ (1 ยน. 5:3) เราไม่มีทางตอบแทนทุกสิ่งทุกอย่างที่พระยะโฮวาทำเพื่อเราได้ (สด. 116:12) แต่เราสามารถเชื่อฟังพระองค์และคนที่มีอำนาจได้ ถ้าเราเชื่อฟังก็แสดงว่าเราเป็นคนฉลาด และคนฉลาดจะทำให้พระยะโฮวาดีใจ—สภษ. 27:11
เพลง 89 ฟัง ทำตาม แล้วจะได้พร
a เนื่องจากเราทุกคนไม่สมบูรณ์แบบ บางครั้งอาจเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อฟังแม้แต่กับคนที่มีสิทธิ์จะให้คำแนะนำเราหรือมีอำนาจเหนือเรา บทความนี้จะช่วยให้เห็นว่าถ้าเราเชื่อฟังพ่อแม่ เชื่อฟังคนที่มีอำนาจปกครอง และเชื่อฟังพี่น้องที่นำหน้าในประชาคม เราจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง
b ถ้าคุณอยากได้คำแนะนำว่าจะคุยกับพ่อแม่ยังไงเกี่ยวกับกฎในบ้านที่รู้สึกว่าทำตามได้ยาก ให้ดูบทความ “จะคุยกับพ่อแม่ยังไงดีเรื่องกฎในบ้าน?” ที่เว็บไซต์ jw.org
c คำอธิบายภาพ โยเซฟกับมารีย์เดินทางไปที่เบธเลเฮมเพราะพวกเขาเชื่อฟังคำสั่งของซีซาร์ที่ให้ทุกคนจดทะเบียนสำมะโนครัว คริสเตียนในทุกวันนี้ก็เชื่อฟังกฎหมายของ “คนที่มีอำนาจปกครอง” เกี่ยวกับกฎจราจร การเสียภาษี และข้อกำหนดด้านสาธารณสุข
หอสังเกตการณ์ (ฉบับศึกษา)