บทความศึกษา 52
คุณสู้กับความท้อใจได้
“มอบภาระของคุณไว้กับพระยะโฮวาเถอะ แล้วพระองค์จะช่วยคุณ”—สด. 55:22
เพลง 33 มอบภาระของคุณไว้กับพระยะโฮวา
ใจความสำคัญ *
1. ความท้อใจอาจมีผลกับเราอย่างไร?
ในทุก ๆ วันเราต้องเจอกับปัญหาหลายอย่าง และเราก็พยายามสุดความสามารถที่จะรับมือกับมัน แต่คุณเห็นด้วยไหมว่าเราจะรับมือกับปัญหาเหล่านั้นได้ดีกว่าเยอะเลยถ้าเราไม่รู้สึกท้อใจ? ดังนั้นเราต้องมองว่าความท้อใจเป็นเหมือนกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญที่จะมาปล้นเอาความสุข ความกล้า และความมั่นใจไปจากเรา สุภาษิต 24:10 (เชิงอรรถ) บอกว่า “ถ้าคุณท้อแท้ในเวลาที่มีปัญหา กำลังเรี่ยวแรงของคุณก็จะน้อย” ความรู้สึกท้อทำให้เรารู้สึกหมดแรงที่จะสู้กับปัญหาต่าง ๆ ในชีวิต
2. มีอะไรบ้างที่อาจทำให้เราท้อใจ? และเราจะคุยอะไรกันในบทความนี้?
2 อาจมีหลายอย่างที่ทำให้เรารู้สึกท้อใจ ซึ่งสาเหตุอาจจะมาจากตัวเราเองไม่ว่าจะเป็นความไม่สมบูรณ์แบบ จุดอ่อน หรือปัญหาสุขภาพ หรืออาจจะมาจากสิ่งอื่นก็ได้ เช่น เมื่อเราไม่ได้ทำงานมอบหมายที่อยากทำ หรือต้องอยู่ในเขตที่ผู้คนไม่ค่อยจะสนใจฟังข่าวดี บทความนี้จะพูดถึงสิ่งที่เราทำได้เพื่อรับมือกับความท้อใจ
ความไม่สมบูรณ์แบบและจุดอ่อน
3. อะไรจะช่วยเราตอนที่เรารู้สึกไม่ดีกับตัวเองหรือรู้สึกผิดมากเกินไป?
3 อาจเป็นเรื่องง่ายที่เราจะรู้สึกแย่กับตัวเองและรู้สึกผิดมากเกินไป พอเป็นอย่างนั้นเราเลยอาจรู้สึกว่าพระยะโฮวาคงไม่อยากให้เราเข้าโลกใหม่แน่ ๆ แต่ความคิดแบบนี้อันตรายมากสำหรับเรา ถ้าอย่างนั้นเราควรมองความไม่สมบูรณ์แบบและความผิดพลาดของเราอย่างไร? คัมภีร์ไบเบิลบอกว่ามนุษย์ “ทุกคนทำบาป” มีแต่พระเยซูเท่านั้นที่เป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบ (รม. 3:23) แต่พระยะโฮวาไม่ได้คอยจ้องจับผิดเราและไม่ได้คาดหมายความสมบูรณ์แบบจากเรา พระองค์เป็นพ่อที่รักและอยากจะช่วยเรา และพระองค์ยังอดทนกับเราด้วย พระองค์รู้ว่าเรากำลังสู้กับจุดอ่อนและพยายามที่จะไม่รู้สึกผิดกับตัวเองมากเกินไป และพระองค์ก็พร้อมจะช่วยเราเสมอ—รม. 7:18, 19
4-5. จาก 1 ยอห์น 3:19, 20 อะไรช่วยพี่น้องหญิง 2 คนให้สู้กับความท้อใจได้?
4 ให้เรามาดูตัวอย่างของเดโบราห์กับมาเรีย * ตั้งแต่เด็ก ๆ ครอบครัวของเดโบราห์ชอบทำให้เธอรู้สึกอับอายขายหน้าและรู้สึกแย่กับตัวเอง ไม่ค่อยมีใครชมเธอเลย พอโตขึ้นเธอเลยกลายเป็นคนที่มองตัวเองในแง่ลบ แม้แต่ตอนที่เธอทำผิดอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เธอก็รู้สึกว่าเธอทำอะไรไม่ดีสักอย่าง มาเรียก็เจอปัญหาคล้าย ๆ กัน ญาติ ๆ ทำให้เธอรู้สึกไม่ดีกับตัวเอง เธอเลยรู้สึกไร้ค่า แม้แต่ตอนที่เธอรับบัพติศมาแล้ว เธอก็ยังรู้สึกว่าเธอไม่ดีพอที่จะเป็นพยานพระยะโฮวา
5 แต่พี่น้องหญิงทั้งสองคนนี้ไม่ได้เลิกรับใช้พระยะโฮวา อะไรที่ช่วยพวกเธอ? สิ่งที่ช่วยพวกเธอก็คือการอธิษฐานมอบภาระทั้งหมดไว้กับพระยะโฮวาและระบายความรู้สึกกับพระองค์ (สด. 55:22) พี่น้องหญิงทั้งสองคนได้มาเข้าใจจริง ๆ ว่าพระยะโฮวาพ่อที่อยู่บนสวรรค์ที่รักพวกเรารู้ดีว่าเราต้องผ่านอะไรมาบ้างและเรื่องนั้นมีผลอย่างไรกับความคิดของเรา แต่ไม่ใช่แค่นั้น พระองค์ยังเห็นสิ่งดี ๆ ในหัวใจของเราด้วย ที่แม้แต่ตัวเราเองอาจจะไม่คิดว่าตัวเรามีด้วยซ้ำ—อ่าน 1 ยอห์น 3:19, 20
6. บางคนอาจรู้สึกอย่างไรถ้าเขากลับไปทำผิดซ้ำอีก?
6 บางคนพยายามมากที่จะเลิกนิสัยที่ไม่ดีแต่ก็กลับไปทำผิดซ้ำอีก นี่ทำให้เขาผิดหวังกับตัวเองและรู้สึกท้อใจ เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะรู้สึกผิดตอนที่เราทำบาป (2 คร. 7:10) แต่เราไม่ควรโทษตัวเองมากเกินไป และคิดว่า ‘ฉันไม่มีอะไรดีเลย พระยะโฮวาไม่มีวันให้อภัยฉันหรอก’ ความคิดแบบนี้ไม่จริง! มันอาจทำให้เราเลิกรับใช้พระยะโฮวาไปเลยก็ได้ ขอให้คิดถึงสิ่งที่บอกไว้ในสุภาษิต 24:10 ยิ่งเราท้อแท้ กำลังและเรี่ยวแรงของเราก็จะยิ่งน้อย ให้คุณ “กลับมาคืนดี” กับพระยะโฮวาโดยการอธิษฐานขอให้พระองค์ให้อภัยคุณ (อสย. 1:18) เมื่อพระยะโฮวาเห็นว่าคุณเสียใจจริง ๆ และพยายามไม่ทำผิดซ้ำอีก พระองค์ก็จะให้อภัยคุณ นอกจากนั้น ให้คุณขอความช่วยเหลือจากผู้ดูแล แล้วพวกเขาจะค่อย ๆ ช่วยคุณให้กลับมาเข้มแข็งขึ้นอีกครั้ง—ยก. 5:14, 15
7. ทำไมเราไม่ควรท้อใจถ้าเรายังเอาชนะจุดอ่อนของตัวเองไม่ได้?
7 พี่น้องชองลุกที่เป็นผู้ดูแลในฝรั่งเศสพูดกับพี่น้องที่กำลังต่อสู้กับจุดอ่อนของตัวเองว่า “คนดีในสายตาของพระยะโฮวาไม่ใช่คนที่ไม่เคยทำผิดอะไรเลย แต่เป็นคนที่เสียใจจริง ๆ กับสิ่งที่เขาทำ กลับใจ แล้วก็พยายามมากที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง” (รม. 7:21-25) ดังนั้นอย่าโทษตัวเอง อย่าคิดว่าตัวเองไร้ค่าเพราะยังเอาชนะจุดอ่อนของตัวเองไม่ได้ ขอให้จำไว้ว่าไม่มีใครในพวกเราเป็นคนดีในสายตาของพระยะโฮวาได้ด้วยตัวเอง เราทุกคนทำผิดกันทั้งนั้น เราเลยจำเป็นต้องมีค่าไถ่ซึ่งเป็นความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้า—อฟ. 1:7; 1 ยน. 4:10
8. ตอนที่เราท้อใจ ใครจะช่วยเราได้?
8 พี่น้องในประชาคมสามารถให้กำลังใจเราได้ ตอนที่เราระบายความรู้สึกกับพวกเขา พวกเขาจะตั้งใจฟังและพูดอะไรที่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ (สภษ. 12:25; 1 ธส. 5:14) จอยพี่น้องหญิงจากไนจีเรียที่ต้องสู้กับความท้อใจบอกว่า “ฉันคิดไม่ออกเลยว่าชีวิตฉันจะเป็นยังไงถ้าไม่มีพี่น้อง พวกเขาเป็นคำตอบของคำอธิษฐานของฉัน พวกเขาช่วยฉันได้มากจริง ๆ ถึงขนาดที่ทำให้ฉันรู้วิธีที่จะให้กำลังใจคนอื่นยังไงด้วยซ้ำ” แต่ขอจำไว้ว่าพี่น้องไม่ได้รู้ทุกครั้งว่าเราต้องการกำลังใจเมื่อไหร่ ฉะนั้น ขอให้เราเข้าไปหาพี่น้องที่มีประสบการณ์และเล่าให้เขาฟังว่าเราต้องการความช่วยเหลือ
ปัญหาสุขภาพ
9. สดุดี 41:3 และ 94:19 ให้กำลังใจเราอย่างไร?
9 ขอความช่วยเหลือจากพระยะโฮวา อาจจะเป็นเรื่องยากที่เราจะคิดบวกตอนที่เราไม่สบายโดยเฉพาะถ้าเราป่วยมานานและไม่หายสักที ถึงพระยะโฮวาจะไม่ช่วยให้เราหายป่วยในตอนนี้ แต่พระองค์จะช่วยให้เราเข้มแข็งและมีกำลังใจที่จะอดทนได้ (อ่านสดุดี 41:3; 94:19) ตัวอย่างเช่น พระองค์อาจจะกระตุ้นพี่น้องบางคนให้มาช่วยงานบ้านหรือออกไปซื้อของให้เรา หรืออาจกระตุ้นพี่น้องให้อธิษฐานด้วยกันกับเรา หรือพระองค์อาจช่วยให้เรานึกข้อคัมภีร์บางข้อออกได้ เช่นข้อที่ให้กำลังใจว่าชีวิตในโลกใหม่จะเป็นชีวิตที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีความเจ็บปวด และไม่ต้องมีใครป่วยอีกเลย—รม. 15:4
10. อะไรช่วยให้อีซองไม่จมกับความท้อแท้หลังจากเจออุบัติเหตุ?
10 อีซองอยู่ในประเทศไนจีเรีย เขาเจออุบัติเหตุทำให้เป็นอัมพาต หมอบอกว่าเขาจะไม่มีวันเดินได้อีกเลย อีซองบอกว่า “ผมท้อแท้หมดกำลังใจเหมือนหัวใจแตกสลายไปแล้ว” แต่เขาไม่ได้จมอยู่กับความท้อแท้ แล้วอะไรช่วยให้เขากลับมามีกำลังใจอีกครั้ง? เขาบอกว่า “ผมกับภรรยาไม่เคยเลิกอธิษฐานถึงพระยะโฮวาและไม่เคยเลิกศึกษาคัมภีร์ไบเบิล เราพยายามคิดถึงสิ่งดีต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาให้กับเราและความหวังที่จะมีชีวิตตลอดไปในโลกใหม่”
11. ซินดี้ยังมีความสุขได้อย่างไรตอนที่เธอป่วยหนัก?
11 ซินดี้อยู่ในประเทศเม็กซิโก หมอบอกว่าเธอป่วยเป็นโรคที่อาจจะทำให้เธอต้องตาย พอได้ยินอย่างนี้เธอรับมือได้อย่างไร? ช่วงที่รับการรักษา เธอตั้งเป้าว่าจะประกาศกับคนอื่นทุกวัน เธอเขียนว่า “การทำแบบนี้มันทำให้ฉันไม่สนใจแต่เรื่องการผ่าตัด หรือคิดว่าฉันปวดแค่ไหน หรืออาการแย่แค่ไหน แต่มันทำให้ฉันสนใจคนอื่นมากกว่า ตอนที่ฉันคุยกับหมอหรือพยาบาล ฉันจะถามถึงครอบครัวของพวกเขา แล้วถามว่าทำไมพวกเขาถึงเลือกทำงานที่ยากแบบนี้ มันทำให้ฉันรู้ว่าจะคุยเรื่องอะไรที่พวกเขาอาจจะสนใจ หมอและพยาบาลบอกว่าไม่ค่อยมีคนไข้คนไหนถามพวกเขาว่า ‘เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม?’ หลายคนขอบคุณที่ฉันสนใจพวกเขา บางคนถึงขั้นให้เบอร์โทรศัพท์หรือที่อยู่ของเขาด้วยซ้ำ ในช่วงนี้ที่ชีวิตฉันลำบากมาก พระยะโฮวาช่วยให้ฉันมีความสุขลึก ๆ ในใจที่ขนาดฉันเองยังแปลกใจมากว่าทำไมฉันถึงมีความสุขมากขนาดนี้!”—สภษ. 15:15
12-13. คนที่ป่วยหรือสูงอายุจะสามารถประกาศได้อย่างไร? และผลเป็นอย่างไร?
12 คนที่ป่วยหรือสูงอายุอาจจะรู้สึกท้อใจเพราะพวกเขาประกาศได้ไม่มากอย่างที่อยากทำ แต่พวกเขาหลายคนก็ยังหาโอกาสประกาศกับคนอื่น พี่น้องลอเรลที่อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาต้องอยู่ในปอดเหล็กนานถึง 37 ปี เธอยังเป็นโรคมะเร็งอีก ต้องผ่าตัดใหญ่หลายครั้ง และหนำซ้ำยังเป็นโรคผิวหนังเรื้อรังด้วย ถึงเธอจะเจอเรื่องหนักหนาสาหัสขนาดนี้แต่ก็ไม่มีอะไรมาทำให้เธอไม่ได้ประกาศ เธอประกาศกับพยาบาลและคนที่มาดูแลเธอที่บ้าน ผลก็คือเธอช่วยอย่างน้อย 17 คนให้มาเป็นพยานฯ *
13 รีชาร์ผู้ดูแลในประเทศฝรั่งเศสให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์มากกับคนที่ต้องอยู่แต่ในบ้านหรือศูนย์ดูแลผู้ป่วยและผู้สูงอายุ เขาบอกว่า “ผมจะแนะนำให้พี่น้องเหล่านั้นเอาหนังสือและวารสารของเรามาวางไว้ในที่ที่คนอื่นจะเห็นได้ พอคนเดินผ่านไปผ่านมาเห็นหนังสือพวกนี้ บางคนอาจจะสงสัยและอยากรู้มากขึ้น การทำอย่างนี้ทำให้พี่น้องที่ออกไปประกาศตามบ้านไม่ได้รู้สึกได้กำลังใจ” นอกจากนั้น คนที่ไม่สามารถออกไปไหนมาไหนได้ก็ยังสามารถทำงานรับใช้อย่างอื่นได้ด้วย โดยการเขียนจดหมายหรือประกาศทางโทรศัพท์
ไม่ได้สิทธิพิเศษที่อยากได้
14. กษัตริย์ดาวิดเป็นตัวอย่างที่ดีมากในเรื่องอะไร?
14 อาจมีหลายอย่างที่ทำให้เราไม่ได้สิทธิพิเศษหรือทำงานมอบหมายที่อยากทำ ไม่ว่าจะเป็นอายุที่มากขึ้น ปัญหาสุขภาพ หรือเพราะอย่างอื่น ถ้าเราเป็นแบบนั้นขอให้คิดถึงตัวอย่างของกษัตริย์ดาวิด เขาอยากจะสร้างวิหารของพระยะโฮวามาก แต่พระยะโฮวาไม่ได้เลือกเขา พระองค์เลือกคนอื่นให้ทำงานนี้ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นกษัตริย์ดาวิดก็ยังสนับสนุนคนที่พระยะโฮวาเลือกอย่างเต็มที่ เขาถึงกับบริจาคเงินและทองมากมายเพื่อสนับสนุนงานนี้ ดาวิดเป็นตัวอย่างที่ดีมากสำหรับเราจริง ๆ—2 ซม. 7:12, 13; 1 พศ. 29:1, 3-5
15. พี่น้องอูกก์เอาชนะความท้อใจอย่างไร?
15 พี่น้องอูกก์ที่อยู่ในประเทศฝรั่งเศสมีปัญหาสุขภาพหลายอย่างก็เลยทำให้เขาต้องออกจากการเป็นผู้ดูแล และแม้แต่งานเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่บ้านเขาก็ยังทำไม่ได้ เขาเขียนว่า “ทีแรกผมท้อใจมากและรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าเลย แต่พอเวลาผ่านไปผมก็เห็นว่ามันสำคัญมากที่ผมจะยอมรับว่ามีบางอย่างที่ผมทำไม่ได้ พอผมคิดอย่างนั้นมันก็ทำให้ผมมีความสุขในสิ่งที่ผมพอทำได้เพื่อพระยะโฮวา ผมตั้งใจที่จะไม่ยอมแพ้ เหมือนกิเดโอนกับทหาร 300 คนที่เหนื่อยล้าแต่ก็ยังไล่ตามศัตรูต่อไป ผมก็จะสู้ต่อไปครับ”—วนฉ. 8:4
16. เราเรียนอะไรได้จากตัวอย่างของพวกทูตสวรรค์?
16 ทูตสวรรค์ที่ซื่อสัตย์เป็นตัวอย่างที่ดีมากสำหรับเรา ตอนที่กษัตริย์อาหับที่ชั่วร้ายปกครอง พระยะโฮวาขอให้พวกทูตสวรรค์ไปหลอกเขา มีทูตสวรรค์หลายองค์เสนอไอเดีย แต่พระยะโฮวาเลือกไอเดียของทูตสวรรค์องค์หนึ่งแล้วก็บอกว่าสิ่งที่ทูตสวรรค์องค์นี้เสนอจะสำเร็จแน่ (1 พก. 22:19-22) ทูตสวรรค์องค์อื่นท้อใจไหม? หรือพวกเขาคิดไหมว่า ‘ผมจะพยายามไปเพื่ออะไร’? เรารู้ว่าพวกเขาไม่ได้คิดแบบนั้นแน่ พวกทูตสวรรค์ถ่อมตัวและพวกเขาอยากให้เกียรติยศทั้งหมดกับพระยะโฮวา—วนฉ. 13:16-18; วว. 19:10
17. เราควรทำอย่างไรถ้ารู้สึกท้อเพราะไม่ได้รับสิทธิพิเศษที่อยากได้?
17 จำไว้ว่าการได้เป็นพยานพระยะโฮวาและประกาศเรื่องรัฐบาลของพระองค์เป็นสิทธิพิเศษที่ยิ่งใหญ่ที่สุด งานมอบหมายอาจจะผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่คุณค่าของเราในสายตาของพระยะโฮวาไม่ได้ขึ้นอยู่กับงานมอบหมายที่เราได้รับ สิ่งที่ทำให้เราเป็นที่รักของพระองค์และของพี่น้องก็คือความถ่อมและความเจียมตัวต่างหาก ให้คุณอธิษฐานขอให้พระยะโฮวาช่วยให้คุณเป็นคนถ่อมและคนเจียมตัวเสมอ คิดถึงตัวอย่างที่ดีของคนถ่อมและคนเจียมตัวที่อยู่ในคัมภีร์ไบเบิล และเต็มใจรับใช้พี่น้องของคุณเท่าที่คุณจะทำได้—สด. 138:6; 1 ปต. 5:5
อยู่ในเขตที่คนไม่สนใจข่าวดี
18-19. ถ้าคุณประกาศแล้วไม่มีใครสนใจ อะไรจะช่วยให้คุณมีความสุขได้?
18 คุณเคยท้อใจไหมเพราะไปประกาศก็ไม่มีคนสนใจ หรือไม่ค่อยเจอใครที่บ้าน? ถ้าเป็นอย่างนั้นอะไรจะช่วยให้เรายังมีความสุขอยู่หรือมีความสุขมากขึ้นได้ในการรับใช้? ลองดูคำแนะนำที่มีประโยชน์มากในกรอบ “ รับใช้อย่างไรให้มีความสุขมากขึ้น?” นอกจากนั้นวิธีที่เรามองงานรับใช้อย่างถูกต้องก็เป็นเรื่องสำคัญด้วย นั่นหมายถึงอะไร?
19 จำไว้ว่าเหตุผลหลักที่เราประกาศก็คือช่วยคนอื่นให้รู้จักชื่อพระเจ้าและรัฐบาลของพระองค์ พระเยซูบอกว่าจะมีไม่กี่คนเท่านั้นที่จะอยู่บนทางที่นำไปถึงชีวิต (มธ. 7:13, 14) เป็นสิทธิพิเศษมากสำหรับเราด้วยที่ได้ทำงานรับใช้ร่วมกับพระยะโฮวา พระเยซู และทูตสวรรค์ (มธ. 28:19, 20; 1 คร. 3:9; วว. 14:6, 7) นอกจากนั้น พระยะโฮวาเป็นผู้ที่ชักนำคนที่มีหัวใจดีให้เข้ามาหาพระองค์ (ยน. 6:44) ดังนั้นถ้าเราประกาศแล้วเขาไม่สนใจ เราก็ไม่ต้องท้อใจ ไม่แน่คราวหน้าเขาอาจจะสนใจก็ได้
20. เยเรมีย์ 20:8, 9 สอนเราให้สู้กับความท้อใจอย่างไร?
20 เราเรียนหลายอย่างได้จากผู้พยากรณ์เยเรมีย์ เขาได้รับงานมอบหมายให้ไปประกาศในเขตที่ยากมาก แทบจะไม่มีใครฟังเขาเลย แถมคนยังดูถูกและเยาะเย้ยเขา “ตลอดวัน” ด้วย (อ่านเยเรมีย์ 20:8, 9) เยเรมีย์รู้สึกท้อจนอยากเลิกรับใช้พระยะโฮวา แต่เขาไม่ได้ทำอย่างนั้น เพราะอะไร? เพราะ “คำของพระยะโฮวา” อยู่ในใจเขาเหมือนไฟ เขาเลยเก็บมันเอาไว้ไม่ได้และต้องพูดออกมา เหมือนกันถ้าเราให้คำของพระเจ้าอยู่เต็มหัวใจเราโดยศึกษาคัมภีร์ไบเบิลและคิดใคร่ครวญเรื่องนั้นอย่างลึกซึ้งทุกวัน เราก็จะมีความสุขมากขึ้นและคนอื่นก็อาจจะสนใจที่เราประกาศมากขึ้นด้วย—ยรม. 15:16
21. เราจะสู้กับความท้อใจได้อย่างไร?
21 เดโบราห์ที่พูดถึงก่อนหน้านี้บอกว่า “ความท้อใจเป็นอาวุธที่ร้ายกาจมากของซาตาน” แต่ไม่ว่าอาวุธของซาตานร้ายกาจมากแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะสู้พระยะโฮวาได้ ไม่ว่าคุณจะท้อใจเพราะอะไร ให้อธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระยะโฮวา แล้วพระองค์จะช่วยให้คุณรับมือกับความไม่สมบูรณ์แบบและจุดอ่อนของคุณได้ ถ้าคุณป่วยพระองค์จะดูแลคุณ นอกจากนั้นพระองค์จะช่วยให้คุณมองงานมอบหมายอย่างถูกต้องและช่วยให้คุณมองงานรับใช้ในแง่บวก และไม่ว่าคุณจะต้องเจอกับปัญหาอะไร ขอให้คุณอธิษฐานระบายความรู้สึก เล่าให้พระยะโฮวาพ่อในสวรรค์ฟัง แล้วพระองค์จะช่วยคุณให้สู้กับความท้อใจได้แน่นอน
เพลง 41 ขอโปรดฟังคำอธิษฐานของฉัน
^ วรรค 5 เราทุกคนเจอเรื่องที่ทำให้ท้อใจเป็นบางครั้งบางคราว ในบทความนี้จะดูว่าเราจะทำอะไรได้บ้างตอนที่เรารู้สึกแบบนั้น และเราจะเห็นว่าพระยะโฮวาจะช่วยให้เราสู้กับความท้อใจได้
^ วรรค 4 บางชื่อเป็นชื่อสมมุติ
^ วรรค 12 อ่านเรื่องราวชีวิตจริงของลอเรล นิสเบ็ตในตื่นเถิด! 8 กุมภาพันธ์ 1993
^ วรรค 69 คำอธิบายภาพ มีช่วงหนึ่งที่พี่น้องหญิงรู้สึกท้อ แต่เธอคิดถึงงานรับใช้ที่เธอทำเมื่อก่อนและอธิษฐาน เธอเลยมั่นใจว่าพระยะโฮวาไม่ลืมสิ่งที่เธอเคยทำเมื่อก่อนและสิ่งที่เธอกำลังทำในตอนนี้
หอสังเกตการณ์ (ฉบับศึกษา)