บทความศึกษา 23
ให้ “เปลวไฟของยาห์” ลุกโชนเสมอ
“ความรักร้อนแรงเหมือนไฟ เหมือนเปลวไฟของยาห์”—พซม. 8:6
เพลง 131 “สิ่งที่พระเจ้าผูกไว้คู่กันแล้ว”
ใจความสำคัญ a
1. คัมภีร์ไบเบิลพูดถึงความรักแท้ยังไง?
คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ความรักร้อนแรงเหมือนไฟ เหมือนเปลวไฟของยาห์ สายน้ำหลายสายไม่อาจดับความรักได้ แม่น้ำกี่สายก็ไม่อาจพัดพาความรักไป” b (พซม. 8:6, 7) นี่เป็นการพูดถึงความรักแท้ได้อย่างงดงามจริง ๆ สำหรับคนที่แต่งงานแล้ว ข้อความนี้ต้องทำให้คุณรู้สึกมั่นใจแน่ ๆ ว่าคุณก็มีความรักแท้ที่มั่นคงต่อกันตลอดไปได้
2. สามีภรรยาต้องทำยังไงเพื่อจะไม่ให้ความรักของพวกเขาจืดจางลง?
2 สามีภรรยาจะมีความรักที่มั่นคงต่อกันตลอดไปหรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาทั้งสองคน ลองนึกถึงตัวอย่างนี้ ตอนที่เราก่อกองไฟ ถ้าเราคอยเติมฟืนเข้าไปเรื่อย ๆ ไฟก็จะลุกโชนอยู่ตลอด แต่ถ้าเราไม่ทำแบบนั้น ไฟก็จะมอดดับลงในที่สุด เหมือนกันสามีภรรยาจะมีความรักที่มั่นคงต่อกันตลอดไปถ้าพวกเขาคอยใส่ใจและแสดงความรักต่อกันเสมอ แต่บางครั้งสามีภรรยาก็อาจรู้สึกว่าความรักของพวกเขาจืดจางลงโดยเฉพาะถ้าพวกเขาเจอปัญหาหนัก ๆ เช่น ปัญหาเรื่องเงิน ปัญหาสุขภาพ หรือความเครียดจากการเลี้ยงลูก ถ้าคุณแต่งงานแล้ว คุณจะทำยังไงให้ “เปลวไฟของยาห์” ลุกโชนในชีวิตคู่ของคุณอยู่เสมอ? บทความนี้เราจะพูดถึง 3 วิธีที่จะช่วยให้สามีภรรยารักกันมากขึ้นและมีชีวิตคู่ที่มีความสุข c
พยายามสนิทกับพระยะโฮวาเสมอ
3. การสนิทกับพระยะโฮวาจะช่วยให้สามีภรรยารักกันมากขึ้นได้ยังไง? (ปัญญาจารย์ 4:12) (ดูภาพด้วย)
3 เพื่อจะให้ “เปลวไฟของยาห์” ลุกโชนในชีวิตคู่อยู่เสมอ ทั้งสามีภรรยาจะต้องสนิทกับพระยะโฮวา การสนิทกับพระองค์ช่วยชีวิตคู่ยังไง? เมื่อทั้งสามีภรรยามองว่าสายสัมพันธ์กับพระยะโฮวาเป็นสิ่งสำคัญมากในชีวิตของพวกเขา พวกเขาก็พร้อมจะเอาคำแนะนำของพระองค์มาใช้ ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาไม่ต้องเจอปัญหาที่จะทำให้ความรักของพวกเขาจืดจางลง หรือถ้าพวกเขาเจอปัญหาจริง ๆ ก็สามารถรับมือกับปัญหาได้ (อ่านปัญญาจารย์ 4:12) นอกจากนั้น คนที่สนิทกับพระยะโฮวาจะเลียนแบบพระองค์และพยายามแสดงคุณลักษณะเหมือนกับพระองค์ เช่น ความกรุณา ความอดทน และการให้อภัย (อฟ. 4:32–5:1) ถ้าสามีภรรยาแสดงคุณลักษณะเหล่านี้เสมอ มันก็ง่ายขึ้นที่พวกเขาจะรักกันมากขึ้นเรื่อย ๆ พี่น้องหญิงที่ชื่อเลน่าซึ่งแต่งงานมามากกว่า 25 ปีแล้วบอกว่า “มันเป็นเรื่องง่ายที่จะรักและนับถือคนที่สนิทกับพระยะโฮวา”
4. ทำไมพระยะโฮวาถึงเลือกโยเซฟกับมารีย์ให้เป็นพ่อแม่ของพระเยซู?
4 ให้เรามาดูตัวอย่างหนึ่งในคัมภีร์ไบเบิลด้วยกัน พระยะโฮวาเลือกโยเซฟกับมารีย์ให้เป็นพ่อแม่ของพระเยซูซึ่งเป็นเมสสิยาห์ในอนาคต ทั้งที่จริง ๆ แล้วลูกหลานของดาวิดก็มีเยอะมากแต่ทำไมพระยะโฮวาถึงเลือก 2 คนนี้? เพราะพวกเขาทั้งสองคนต่างก็สนิทกับพระยะโฮวา และพระองค์รู้ว่าพวกเขาจะให้พระองค์สำคัญที่สุดในชีวิตคู่ของพวกเขา พวกคุณที่แต่งงานแล้วจะเรียนอะไรได้จากโยเซฟกับมารีย์?
5. สามีจะเรียนอะไรได้จากตัวอย่างของโยเซฟ?
5 โยเซฟพร้อมจะเอาคำแนะนำของพระยะโฮวามาใช้ทันที และนั่นทำให้เขาเป็นสามีที่ดีขึ้น มีอย่างน้อย 3 ครั้งที่โยเซฟได้รับคำแนะนำจากพระยะโฮวาเกี่ยวกับครอบครัวของเขา และแต่ละครั้งเขาก็เชื่อฟังและทำตามคำสั่งทันทีแม้มันจะไม่ง่ายและทำให้ชีวิตของเขาต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ (มธ. 1:20, 24; 2:13-15, 19-21) เมื่อโยเซฟทำตามคำแนะนำของพระยะโฮวา มันก็ทำให้เขาสามารถปกป้องและดูแลมารีย์ภรรยาของเขาได้ สิ่งที่โยเซฟทำคงต้องทำให้มารีย์รักและนับถือเขามากขึ้นกว่าเดิม พวกคุณที่เป็นสามี คุณจะเลียนแบบโยเซฟได้ไหมโดยหาคำแนะนำจากคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับเรื่องครอบครัว? d เมื่อคุณเอาคำแนะนำนั้นมาใช้แม้มันจะทำให้คุณต้องเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง แต่นั่นก็แสดงว่าคุณรักภรรยาและคุณอยากให้ชีวิตคู่ของคุณมั่นคงและมีความสุขมากขึ้น พี่น้องหญิงคนหนึ่งในวานูอาตูที่แต่งงานมามากกว่า 20 ปีแล้วบอกว่า “พอสามีฉันหาคำแนะนำของพระยะโฮวาและเอามาใช้ ฉันก็นับถือเขามากขึ้นและมั่นใจในการตัดสินใจของเขาค่ะ ฉันรู้สึกมั่นคงและอุ่นใจจริง ๆ”
6. ภรรยาจะเรียนอะไรได้จากตัวอย่างของมารีย์?
6 มารีย์สนิทกับพระยะโฮวาเป็นส่วนตัว เธอไม่ได้แค่เชื่อตามสามีแต่มีความเชื่อเข้มแข็งด้วยตัวเอง มารีย์รู้พระคัมภีร์ดีมาก (ดูข้อมูลสำหรับศึกษาในลูกา 1:46) เธอมักจะใช้เวลาคิดใคร่ครวญด้วย (ลก. 2:19, 51) เพราะมารีย์สนิทกับพระยะโฮวาแบบนี้ เลยทำให้เธอเป็นภรรยาที่ดีมาก ทุกวันนี้ภรรยาหลายคนก็พยายามเลียนแบบมารีย์ เช่น พี่น้องหญิงที่ชื่อเอมิโกะบอกว่า “ตอนที่ฉันยังเป็นโสด ฉันทำกิจกรรมคริสเตียนเป็นประจำ แต่พอแต่งงาน สามีจะเป็นคนนำอธิษฐานและนำหน้าในการนมัสการ พอเวลาผ่านไปฉันก็เริ่มรู้สึกว่าฉันจะมีความเชื่อเข้มแข็งหรือไม่เข้มแข็งก็ขึ้นอยู่กับเขา ฉันเลยคิดว่าฉันต้องแบกความรับผิดชอบของตัวเองในเรื่องการสร้างสายสัมพันธ์กับพระยะโฮวา ฉันเลยจัดเวลาที่จะใช้เวลาอยู่กับพระยะโฮวาโดยการอธิษฐาน อ่านคัมภีร์ไบเบิล คิดใคร่ครวญและค้นคว้า” (กท. 6:5) พวกคุณที่เป็นภรรยา ถ้าคุณพยายามสนิทกับพระยะโฮวามากขึ้น สามีก็จะชื่นชมคุณและรักคุณมากขึ้น—สภษ. 31:30
7. สามีภรรยาจะเรียนอะไรได้จากตัวอย่างของโยเซฟกับมารีย์เกี่ยวกับการนมัสการด้วยกัน?
7 โยเซฟกับมารีย์พยายามช่วยกันทำให้สายสัมพันธ์ที่พวกเขามีกับพระยะโฮวามั่นคงขึ้น พวกเขารู้ว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องนมัสการพระองค์ด้วยกัน (ลก. 2:22-24, 41; 4:16) นี่อาจไม่ใช่เรื่องง่ายเมื่อพวกเขามีลูกหลายคน แต่พวกเขาก็ทำได้สำเร็จ พวกเขาเป็นตัวอย่างที่ดีมากให้กับสามีภรรยาในทุกวันนี้ ถ้าคุณมีลูกเหมือนกับครอบครัวของโยเซฟและมารีย์ อาจเป็นเรื่องยากที่คุณจะไปประชุมหรือจัดเวลาสำหรับการนมัสการประจำครอบครัว และอาจยิ่งยากขึ้นที่จะจัดเวลาศึกษาและอธิษฐานด้วยกันแค่เฉพาะสามีภรรยา แต่ให้จำไว้ว่าถ้าคุณสองคนนมัสการพระยะโฮวาด้วยกัน คุณจะสนิทกับพระยะโฮวาและคุณสองคนก็จะยิ่งสนิทกันมากขึ้น ดังนั้น คุณต้องให้การนมัสการพระยะโฮวาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต
8. สามีภรรยาที่กำลังมีปัญหากันควรทำยังไงเพื่อจะนมัสการประจำครอบครัวด้วยกันได้?
8 ถ้าคุณกำลังมีปัญหากัน คุณคงไม่ค่อยอยากมานั่งนมัสการประจำครอบครัวด้วยกันเท่าไหร่ ถ้าเป็นอย่างนั้น ให้เริ่มจากการนมัสการประจำครอบครัวแบบสั้น ๆ และใช้เรื่องที่คุณทั้งสองคนชอบ นี่จะช่วยให้คุณรักกันมากขึ้นและทำให้คุณอยากทำกิจกรรมต่าง ๆ ของคริสเตียนด้วยกันมากขึ้น
ใช้เวลาด้วยกัน
9. ทำไมสามีภรรยาต้องใช้เวลาด้วยกัน?
9 การใช้เวลาด้วยกันจะทำให้สามีภรรยารักกันมากขึ้นและทำให้คุณรู้ว่าคู่ของคุณคิดอะไรอยู่และรู้สึกยังไง (ปฐก. 2:24) ให้เรามาดูตัวอย่างของลิลียากับรัสแลนที่แต่งงานกันมากกว่า 15 ปีแล้ว ลิลียาเล่าถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นหลังจากที่พวกเขาแต่งงานได้ไม่นานว่า “เรารู้สึกว่าเราไม่ค่อยได้ใช้เวลาด้วยกันอย่างที่เราอยากทำ วัน ๆ หนึ่งเราหมดเวลาไปกับการทำงานอาชีพ ทำงานบ้าน แล้วพอเรามีลูกก็ยิ่งยุ่งเข้าไปอีก เรารู้สึกว่าถ้าเราไม่ได้ใช้เวลาด้วยกันแค่สองคนบ้าง เราจะค่อย ๆ ห่างกันไปเรื่อย ๆ”
10. สามีภรรยาจะเอาหลักการในเอเฟซัส 5:15, 16 มาใช้ยังไง?
10 แล้วสามีภรรยาต้องทำยังไงเพื่อจะใช้เวลาด้วยกันได้จริง ๆ? คุณอาจต้องจัดเวลาหรือจัดตารางเพื่อจะใช้เวลาทำอะไร ๆ ด้วยกัน (อ่านเอเฟซัส 5:15, 16) พี่น้องชายคนหนึ่งในไนจีเรียที่ชื่ออูซอนดูบอกว่า “ตอนที่ผมจัดตารางเวลาของตัวเอง ผมจะจัดเวลาที่ผมกับภรรยาจะทำอะไร ๆ ด้วยกัน และผมจะไม่ยอมให้อย่างอื่นมาแย่งเวลานั้น” (ฟป. 1:10) อีกตัวอย่างหนึ่งคืออนาสตาเซียซึ่งเป็นภรรยาผู้ดูแลหมวดในมอลโดวา เธอพยายามจะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์มากที่สุด เธอบอกว่า “ฉันจะทำธุระส่วนตัวตอนที่สามียุ่งอยู่กับงานของเขา แล้วพอเขาว่าง เราจะได้ใช้เวลาด้วยกัน” แต่ถ้าคุณยุ่งมากจนแทบจะหาเวลาทำอะไร ๆ ด้วยกันไม่ได้ล่ะ คุณจะทำยังไง?
11. อะควิลลากับปริสสิลลาทำอะไรด้วยกันบ้าง?
11 สามีภรรยาสามารถเลียนแบบอะควิลลากับปริสสิลลาได้ คริสเตียนยุคแรกรักสองคนนี้มาก (รม. 16:3, 4) แม้คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้ให้ข้อมูลมากนักว่าชีวิตคู่ของพวกเขาเป็นยังไง แต่เราก็รู้ว่าพวกเขาประกาศด้วยกัน ทำงานอาชีพด้วยกัน และช่วยคนอื่นด้วยกัน (กจ. 18:2, 3, 24-26) ที่จริง เราสังเกตว่าเวลาที่คัมภีร์ไบเบิลพูดถึงอะควิลลาและปริสสิลลาก็จะเรียกชื่อทั้งสองคนด้วยกันเสมอ
12. สามีภรรยาจะใช้เวลาด้วยกันมากขึ้นได้ยังไง? (ดูภาพด้วย)
12 สามีภรรยาจะเลียนแบบอะควิลลากับปริสสิลลาได้ยังไง? ลองนึกดูว่ามีอะไรบ้างที่คุณสองคนต้องทำ แล้วคุณจะทำด้วยกันได้ไหมแทนที่จะทำคนเดียว? ตัวอย่างเช่น อะควิลลากับปริสสิลลาไปประกาศด้วยกัน คุณวางแผนจะทำแบบนั้นเป็นประจำไหม? นอกจากนั้น อะควิลลากับปริสสิลลาก็ยังทำงานด้วยกัน คุณกับคู่ของคุณอาจไม่ได้ทำงานอาชีพเดียวกัน แต่คุณจะทำงานบ้านด้วยกันได้ไหม? (ปญจ. 4:9) เมื่อพวกคุณช่วยกันทำงาน คุณจะรู้สึกว่าคุณสองคนเป็นทีมเดียวกันและมีโอกาสได้พูดคุยกัน ให้เรามาดูตัวอย่างของโรเบิร์ตกับลินดาซึ่งแต่งงานกันมากกว่า 50 ปีแล้ว โรเบิร์ตบอกว่า “จริง ๆ แล้วเราสองคนไม่ค่อยมีเวลาทำกิจกรรมยามว่างด้วยกันหรอกครับ แต่ตอนที่ผมล้างจาน ภรรยาผมจะมาคอยเช็ดจานให้ หรือตอนที่ผมออกไปทำงานในสวน ภรรยาก็จะไปทำงานใกล้ ๆ ผม มันทำให้ผมมีความสุขมาก การทำอะไร ๆ ด้วยกันทำให้เราใกล้ชิดกัน และทำให้เรารักกันมากขึ้น”
13. เพื่อที่สามีภรรยาจะสนิทกันจริง ๆ พวกเขาต้องทำอะไร?
13 แต่จำไว้ว่าแค่อยู่ด้วยกันก็อาจไม่ได้ทำให้สามีภรรยาสนิทกัน พี่น้องหญิงคนหนึ่งที่อยู่ในบราซิลบอกว่า “ทุกวันนี้มีหลายอย่างที่ทำให้ชีวิตยุ่งมาก จนทำให้คิดไปเองว่าแค่อยู่บ้านเดียวกันก็แปลว่าใช้เวลาด้วยกันแล้ว การได้อยู่ด้วยกันก็ดีแต่ฉันต้องทำมากกว่านั้น ฉันต้องสนใจว่าสามีต้องการอะไรด้วย” บรูโน่กับเทย์ภรรยาของเขาพยายามทำให้แน่ใจว่าพวกเขาสนใจกันและกันจริง ๆ บรูโน่บอกว่า “ตอนที่เราสองคนใช้เวลาพักผ่อนด้วยกัน เราจะไม่ให้มีมือถือมาอยู่ใกล้ ๆ เลย เราอยากจะมีความสุขกับการใช้เวลาด้วยกันจริง ๆ”
14. ถ้าสามีภรรยาไม่ชอบใช้เวลาด้วยกัน พวกเขาอาจทำอะไรได้?
14 แต่ถ้าคุณสองคนไม่ชอบใช้เวลาด้วยกันล่ะ? บางทีอาจเป็นเพราะคุณชอบไม่เหมือนกัน หรือคุณอาจต่างคนต่างรำคาญกัน คุณจะทำอะไรได้บ้าง? ให้คิดถึงตัวอย่างของกองไฟตอนต้นบทความอีกครั้ง ตอนที่คุณก่อกองไฟใหม่ ๆ ไฟไม่ได้ลุกโชนทันที คุณต้องคอยใส่ฟืนเข้าไปเรื่อย ๆ อาจเป็นฟืนท่อนเล็ก ๆ ก่อน จากนั้นก็ค่อย ๆ ใส่ฟืนท่อนใหญ่เข้าไป กองไฟถึงจะลุกโชนขึ้น ดังนั้น ลองใช้เวลาอยู่ด้วยกันวันละนิด และหาอะไรที่คุณสองคนชอบเหมือนกัน อย่าเป็นอะไรที่ทำแล้วทำให้คุณทะเลาะกันเข้าไปอีก (ยก. 3:18) การพยายามเริ่มต้นทีละเล็กทีละน้อยแบบนี้อาจจะช่วยให้คุณกลับมารักกันเหมือนเดิม
นับถือและให้เกียรติกัน
15. ทำไมการนับถือและให้เกียรติกันจะช่วยให้สามีภรรยารักกันมากขึ้น?
15 การนับถือและให้เกียรติกันเป็นสิ่งสำคัญมากในชีวิตคู่ กองไฟจะลุกโชนได้ดีถ้ามีออกซิเจน แต่ถ้าไม่มีออกซิเจน ไฟจะดับอย่างรวดเร็ว เหมือนกันถ้าสามีภรรยาไม่นับถือและให้เกียรติกัน ความรักก็อาจจืดจางลงอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าพวกเขาพยายามแสดงความนับถือและให้เกียรติกันเสมอ พวกเขาก็จะรักกันมากขึ้น ถึงอย่างนั้นต้องจำไว้ว่า สิ่งสำคัญก็คือคู่ของคุณรู้สึกไหมว่าคุณนับถือและให้เกียรติเขา ไม่ใช่คุณคิดเอาเองว่าคุณนับถือและให้เกียรติเขาแล้ว ให้เรามาดูตัวอย่างของเพนนีกับอาเร็ทซึ่งแต่งงานกันมากกว่า 25 ปีแล้ว เพนนีบอกว่า “เพราะเราสองคนนับถือและให้เกียรติกัน ครอบครัวเราเลยอบอุ่น ไม่ว่าเราจะรู้สึกยังไงเราก็พูดออกมาได้เลย เพราะรู้ว่าคู่ของเราอยากฟังว่าเราคิดและรู้สึกยังไง” ดังนั้น คุณจะทำอะไรได้บ้างเพื่อช่วยให้คู่ของคุณรู้สึกว่าคุณนับถือและให้เกียรติเขาจริง ๆ? ให้เรามาดูตัวอย่างของอับราฮัมกับซาราห์ด้วยกัน
16. สามีจะเรียนอะไรได้จากตัวอย่างของอับราฮัม? (1 เปโตร 3:7) (ดูภาพด้วย)
16 อับราฮัมให้เกียรติซาราห์โดยฟังความเห็นและคิดถึงความรู้สึกของเธอเสมอ มีครั้งหนึ่งที่ซาราห์รู้สึกแย่มาก เธอพูดแบบใส่อารมณ์กับอับราฮัมว่าเธอรู้สึกยังไง และถึงกับโทษอับราฮัมด้วยว่าเป็นความผิดของเขา อับราฮัมโมโหทันทีแล้วก็ว่าซาราห์ไหม? เขาไม่ได้ทำอย่างนั้น เขารู้ว่าจริง ๆ แล้วซาราห์เป็นภรรยาที่ยอมอยู่ใต้อำนาจและสนับสนุนสามีเสมอ อับราฮัมฟังและพยายามแก้ปัญหาให้กับซาราห์ (ปฐก. 16:5, 6) เราเรียนอะไรได้จากเรื่องนี้? พวกคุณที่เป็นสามี พระเจ้าให้อำนาจคุณที่จะตัดสินใจให้กับครอบครัว (1 คร. 11:3) แต่ถ้าคุณรักภรรยา คุณจะฟังความคิดเห็นของเธอก่อนจะตัดสินใจ โดยเฉพาะถ้าเรื่องนั้นมีผลกับเธอ (1 คร. 13:4, 5) นอกจากนั้น ถ้าภรรยากำลังเครียดและอาจอยากระบายว่าเธอรู้สึกยังไง คุณจะคิดถึงความรู้สึกของเธอโดยตั้งใจฟังเธอได้ไหม? (อ่าน 1 เปโตร 3:7) ให้เรามาดูตัวอย่างของแองเจล่ากับดีมิทรีที่แต่งงานกันมาเกือบ 30 ปีแล้ว แองเจล่าอธิบายว่าเธอรู้สึกว่าสามีให้เกียรติเธอยังไงบ้าง เธอบอกว่า “ไม่ว่าฉันกำลังรู้สึกแย่หรือบางครั้งก็แค่อยากจะพูดเฉย ๆ ดีมิทรีก็พร้อมจะฟังฉันเสมอ เขาอดทนกับฉันจริง ๆ แม้แต่ตอนที่ฉันอารมณ์เสียมาก ๆ”
17. ภรรยาจะเรียนอะไรได้จากตัวอย่างของซาราห์? (1 เปโตร 3:5, 6)
17 ซาราห์แสดงว่าเธอนับถืออับราฮัมโดยสนับสนุนการตัดสินใจต่าง ๆ ของเขา (ปฐก. 12:5) มีครั้งหนึ่งที่อับราฮัมอยากต้อนรับแขกที่เขาไม่ได้คิดว่าจะได้ต้อนรับ เขารีบไปบอกซาราห์ให้ทำขนมปังเยอะมากให้กับแขก (ปฐก. 18:6) ซาราห์สนับสนุนการตัดสินใจของสามีและทำตามที่เขาบอกทันที พวกคุณที่เป็นภรรยา คุณจะเลียนแบบซาราห์ได้โดยสนับสนุนการตัดสินใจของสามี ถ้าคุณทำอย่างนั้น คุณก็กำลังทำให้ชีวิตคู่ของคุณมั่นคง (อ่าน 1 เปโตร 3:5, 6) ดีมิทรีที่พูดถึงในข้อก่อนหน้านี้อธิบายว่าภรรยาทำให้เขารู้สึกได้รับความนับถือยังไง เขาบอกว่า “ผมรู้สึกขอบคุณแองเจล่ามากจริง ๆ ที่แองเจล่าพยายามสนับสนุนการตัดสินใจของผมเสมอแม้แต่ตอนที่ไม่เห็นด้วย และถ้าผมตัดสินใจ แล้วมันออกมาไม่ค่อยดี แองเจล่าก็ไม่ว่าอะไรผมเลย” คุณเห็นด้วยไหมว่าไม่ยากเลยที่เราจะรักคนที่นับถือและให้เกียรติเรา?
18. ถ้าสามีภรรยาพยายามทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อจะรักกันมากขึ้น พวกเขาจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง?
18 ซาตานอยากให้สามีภรรยาที่เป็นคริสเตียนหมดรักกัน มันรู้ว่าถ้าเป็นแบบนั้น พวกเขาอาจจะไม่สนิทกับพระยะโฮวาอีกต่อไป แต่ถ้าคุณมีรักแท้ คุณจะไม่เป็นอย่างนั้นเพราะไม่มีอะไรจะดับความรักแท้ได้ ดังนั้น ขอให้ความรักของคุณเป็นเหมือนกับที่บอกไว้ในเพลงโซโลมอน ขอให้คุณพยายามที่จะให้พระยะโฮวาสำคัญที่สุดในชีวิตคู่ ให้เวลากับคู่ของคุณ ให้เกียรติและนับถือ รวมทั้งคิดถึงความรู้สึกและความต้องการของคู่ของคุณเสมอ ถ้าคุณทำแบบนั้น ชีวิตคู่ของคุณก็จะทำให้พระยะโฮวาได้รับการยกย่องสรรเสริญเพราะพระองค์เป็นต้นกำเนิดของรักแท้ และเหมือนกับกองไฟที่มีการเติมฟืนอยู่ตลอด ความรักของคุณก็จะมั่นคงต่อกันตลอดไป
เพลง 132 แล้วเราก็เป็นหนึ่งเดียวกัน
a พระยะโฮวาให้ของขวัญที่มีค่ามากอย่างหนึ่งกับมนุษย์ นั่นคือการมีชีวิตคู่ซึ่งทำให้สามีภรรยาสามารถแสดงความรักต่อกันได้ในแบบที่พิเศษมาก ๆ แต่บางครั้งความรักนั้นก็อาจจืดจางลง ถ้าคุณแต่งงานแล้ว บทความนี้จะช่วยให้รู้ว่าคุณจะทำยังไงเพื่อจะรักกันมากขึ้นและมีความสุขกับชีวิตคู่
b ความรักแท้คือความรักที่มั่นคง สม่ำเสมอ ไม่เปลี่ยนแปลง ความรักแบบนี้ถูกเรียกว่า “เปลวไฟของยาห์” เพราะความรักแบบนี้เกิดมาจากพระยะโฮวา
c ถึงคู่ของคุณจะไม่ใช่พยานฯ แต่คำแนะนำเหล่านี้ก็จะช่วยให้คุณรักกันมากขึ้นได้—1 คร. 7:12-14; 1 ปต. 3:1, 2
d ตัวอย่างเช่น ดูคำแนะนำในบทความชุด “คำแนะนำสำหรับครอบครัว” ในเว็บไซต์ jw.org และแอป JW Library®
หอสังเกตการณ์ (ฉบับศึกษา)