บทความศึกษา 11
ทำยังไงถึงจะพร้อมรับบัพติศมา?
“มีอะไรไหมที่ทำให้ผมยังรับบัพติศมาไม่ได้?”—กจ. 8:36
เพลง 50 คำอธิษฐานอุทิศตัว
ใจความสำคัญ a
ตลอดทั่วโลก ผู้คนมากมายทั้งคนที่อายุน้อยและอายุมากพยายามก้าวหน้าจนรับบัพติศมา (ดูข้อ 1-2)
1-2. ทำไมไม่ต้องท้อใจ ถ้าคุณยังไม่พร้อมจะรับบัพติศมา? (ดูภาพหน้าปก)
ถ้าคุณกำลังคิดจะรับบัพติศมา คุณก็กำลังตั้งเป้าหมายที่ดีมาก คุณพร้อมจะรับบัพติศมาแล้วไหม? ถ้าใช่และผู้ดูแลเห็นด้วย คุณก็วางแผนจะรับบัพติศมาในการประชุมใหญ่ครั้งหน้าได้เลย งานรับใช้ที่ทำให้ได้พรมากมายจากพระยะโฮวากำลังรอคุณอยู่
2 แต่ถ้ามีคนบอกว่าคุณต้องก้าวหน้ากว่านี้ก่อนถึงจะรับบัพติศมาได้ หรือคุณอาจรู้สึกว่าตัวคุณเองต้องพัฒนาบางอย่างก่อนล่ะ? ถ้าเป็นอย่างนั้นก็อย่าเพิ่งท้อ คุณสามารถก้าวหน้าต่อไปจนถึงขั้นรับบัพติศมาได้แน่นอนไม่ว่าคุณจะอายุมากหรืออายุน้อย
“มีอะไรไหมที่ทำให้ผมยังรับบัพติศมาไม่ได้?”
3. ข้าราชการชาวเอธิโอเปียถามอะไรฟีลิป? และคำพูดของเขาทำให้เกิดคำถามอะไรขึ้นมา? (กิจการ 8:36, 38)
3 อ่านกิจการ 8:36, 38 ข้าราชการชาวเอธิโอเปียถามฟีลิปว่า “มีอะไรไหมที่ทำให้ผมยังรับบัพติศมาไม่ได้?” เห็นได้ชัดเลยว่าเขาอยากรับบัพติศมา แต่เขาพร้อมจริง ๆ ไหม?
ข้าราชการชาวเอธิโอเปียอยากรู้เรื่องของพระยะโฮวามากขึ้นเรื่อย ๆ (ดูข้อ 4)
4. ผู้ชายชาวเอธิโอเปียทำให้เห็นยังไงว่าเขาอยากเรียนรู้มากขึ้น?
4 ผู้ชายชาวเอธิโอเปียคนนี้เดินทาง “ไปนมัสการพระเจ้าที่กรุงเยรูซาเล็ม” (กจ. 8:27) เขาเลยต้องเป็นชาวต่างชาติที่เปลี่ยนมานับถือศาสนายิว เขาคงมีโอกาสรู้จักพระยะโฮวาจากพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังอยากรู้มากขึ้น ที่จริงคุณจำได้ไหม ตอนที่ฟีลิปเจอผู้ชายคนนี้บนถนน ฟีลิปเห็นเขากำลังทำอะไรอยู่? เขากำลังตั้งใจอ่านม้วนหนังสือของผู้พยากรณ์อิสยาห์ (กจ. 8:28) พระคัมภีร์ส่วนนี้ค่อนข้างลึกซึ้ง เราเลยรู้ว่าข้าราชการชาวเอธิโอเปียคนนี้ไม่ใช่อยากได้แค่ความรู้พื้นฐานนิดหน่อยจากพระคัมภีร์ แต่เขาอยากรู้เรื่องที่ลึกซึ้งขึ้น
5. ชาวเอธิโอเปียทำอะไรหลังจากที่เขาได้เรียนรู้?
5 ชาวเอธิโอเปียคนนี้เป็นข้าราชการที่มีตำแหน่งสูงของราชินีคานดาสีของเอธิโอเปีย เขา “เป็นผู้ดูแลทรัพย์สินทั้งหมดของเธอ” (กจ. 8:27) เขาเลยน่าจะมีงานยุ่งมาก แต่ก็ยังจัดเวลาไปนมัสการพระยะโฮวา เขาไม่ใช่แค่ชอบเรียนรู้ความจริง แต่เขาทำตามสิ่งที่ได้เรียนรู้ด้วย เขาเลยเดินทางไกลจากเอธิโอเปียเพื่อจะไปนมัสการพระยะโฮวาที่วิหารในกรุงเยรูซาเล็ม การเดินทางไปที่นั่นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะมันต้องใช้เวลานานแถมยังเสียค่าใช้จ่ายเยอะ แต่เขาก็ยังเต็มใจเสียสละเพื่อจะไปนมัสการพระยะโฮวา
6-7. อะไรทำให้ชาวเอธิโอเปียคนนี้รักพระยะโฮวามากขึ้นเรื่อย ๆ?
6 ชาวเอธิโอเปียคนนี้ได้เรียนความจริงสำคัญหลายอย่างจากฟีลิป รวมถึงหลักฐานที่ทำให้รู้ว่าพระเยซูเป็นเมสสิยาห์ (กจ. 8:34, 35) เขาประทับใจมากที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่พระเยซูทำเพื่อเขา แล้วมันกระตุ้นให้เขาทำอะไร? เขาไม่ได้แค่พอใจกับสิ่งที่ตัวเองเป็น คือเป็นคนต่างชาติที่มีตำแหน่งสูงซึ่งเปลี่ยนมานับถือศาสนายิว แต่เขารักพระยะโฮวากับพระเยซูมากขึ้นจนทำให้เขาตัดสินใจรับบัพติศมาเพื่อจะเป็นสาวกของพระเยซู และฟีลิปเองก็เห็นว่าผู้ชายคนนี้พร้อมแล้ว เขาก็เลยให้ชาวเอธิโอเปียคนนี้รับบัพติศมา
7 ถ้าคุณทำตามตัวอย่างของชาวเอธิโอเปียคนนี้ คุณก็จะมีคุณสมบัติพร้อมจะรับบัพติศมาได้ และสามารถพูดด้วยความมั่นใจได้ว่า ‘มีอะไรไหมที่ทำให้ฉันยังรับบัพติศมาไม่ได้?’ ให้เรามาดูกันว่าคุณจะทำเหมือนชาวเอธิโอเปียคนนี้ได้ยังไงบ้าง เช่น เรียนรู้มากขึ้นเรื่อย ๆ เอาสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปใช้ และรักพระยะโฮวามากขึ้นเรื่อย ๆ
เรียนรู้มากขึ้นเรื่อย ๆ
8. ยอห์น 17:3 บอกว่าคุณต้องทำอะไร?
8 อ่านยอห์น 17:3 และเชิงอรรถ คำพูดของพระเยซูในข้อคัมภีร์นี้ทำให้คุณตัดสินใจอยากเรียนคัมภีร์ไบเบิลใช่ไหม? เราหลายคนก็รู้สึกแบบนั้น แต่คำพูดเดียวกันนี้ก็บอกให้เราเรียนรู้ต่อ ๆ ไปด้วยใช่ไหม? ใช่แล้ว เราต้องพยายาม “รู้จัก . . . พระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว” มากขึ้นเรื่อย ๆ (ปญจ. 3:11) เรามีโอกาสจะเรียนรู้เกี่ยวกับพระยะโฮวาตลอดไปไม่สิ้นสุด ยิ่งเรารู้จักพระยะโฮวา เราก็ยิ่งสนิทกับพระองค์—สด. 73:28
9. เราจำเป็นต้องทำอะไรอีกหลังจากที่เราได้เรียนความรู้พื้นฐานในคัมภีร์ไบเบิลแล้ว?
9 ตอนเริ่มเรียนเกี่ยวกับพระยะโฮวา เราได้เรียนเรื่องง่าย ๆ ที่เป็นคำสอนพื้นฐานในคัมภีร์ไบเบิล ในจดหมายที่เปาโลเขียนถึงพี่น้องชาวฮีบรู เขาเรียกคำสอนเหล่านี้ว่า “เรื่องพื้นฐาน” แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่า “หลักคำสอนเบื้องต้น” เหล่านี้ไม่สำคัญ ที่จริง เขาเปรียบว่ามันเป็นเหมือนน้ำนมที่เด็กทารกต้องกิน (ฮบ. 5:12; 6:1) แล้วเปาโลก็กระตุ้นคริสเตียนทุกคนว่าไม่ควรพอใจแค่คำสอนพื้นฐานเท่านั้น แต่ให้อยากรู้ความจริงที่ลึกซึ้งในคัมภีร์ไบเบิลด้วย คุณอยากเรียนรู้คำสอนที่ลึกซึ้งในคัมภีร์ไบเบิลไหม? คุณอยากรู้มากขึ้นอีกเกี่ยวกับพระยะโฮวาและความประสงค์ของพระองค์ไหม?
10. ทำไมบางคนรู้สึกว่าการศึกษาค้นคว้าเป็นเรื่องยาก?
10 แต่พวกเราหลายคนอาจไม่ค่อยชอบเรียนชอบศึกษาค้นคว้า แล้วคุณล่ะ? สมัยที่คุณเรียนหนังสือ คุณเรียนจนอ่านได้คล่องและค้นคว้าเก่งไหม? คุณชอบเรียนหนังสือ และรู้สึกว่ายิ่งเรียนยิ่งสนุกและได้ประโยชน์ไหม? หรือคุณคิดว่าคุณอ่านหนังสือหรือเรียนหนังสือไม่เก่งไหม? ถ้าคุณรู้สึกอย่างนี้ก็ไม่ใช่คุณคนเดียว แต่คุณไม่ต้องกลัว พระยะโฮวาจะช่วยคุณ พระองค์เป็นครูที่เก่งและดีที่สุด
11. พระยะโฮวาเป็น “ครูองค์ยิ่งใหญ่” ยังไง?
11 พระยะโฮวาบอกว่าพระองค์เป็น “ครูองค์ยิ่งใหญ่” (อสย. 30:20, 21) พระองค์เป็นครูที่อดทน ใจดี และเข้าใจเรา พระองค์มองหาส่วนดีในคนที่พระองค์สอนและไม่เคยคาดหมายให้เราทำมากกว่าที่เราจะทำได้ (สด. 130:3) ให้คุณจำไว้ว่าพระยะโฮวาเป็นผู้ออกแบบสมองของคุณซึ่งเป็นของขวัญที่ยอดเยี่ยมมาก (สด. 139:14) มนุษย์เราเลยชอบเรียนรู้ และพระเจ้าผู้สร้างตัวเราก็อยากให้เราเรียนรู้ตลอดไปไม่สิ้นสุดและมีความสุขกับการเรียนรู้ด้วย ดังนั้น จึงน่าจะดีที่เราจะ “เพาะความรู้สึกอยาก” เรียนรู้ความจริงในคัมภีร์ไบเบิลตั้งแต่ตอนนี้ (1 ปต. 2:2) ให้ตั้งเป้าหมายที่คุณทำได้จริง รวมทั้งอ่านและศึกษาค้นคว้าคัมภีร์ไบเบิลเป็นประจำ (ยชว. 1:8) พระยะโฮวาจะอวยพรให้คุณมีความสุขกับการอ่านและเรียนรู้เกี่ยวกับพระองค์มากขึ้นเรื่อย ๆ
12. ทำไมเราควรใช้เวลาศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับชีวิตและงานรับใช้ของพระเยซู?
12 ให้คุณใช้เวลาคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับชีวิตและงานรับใช้ของพระเยซู และเลียนแบบพระเยซูให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อจะรับใช้พระยะโฮวาอย่างเต็มที่โดยเฉพาะในช่วงที่ยากลำบากนี้ (1 ปต. 2:21) พระเยซูบอกสาวกตรง ๆ ว่าพวกเขาต้องเจอความยากลำบากหลายอย่าง (ลก. 14:27, 28) แต่ท่านก็มั่นใจว่าพวกเขาจะยังซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าเหมือนท่านได้ (ยน. 16:33) ดังนั้น ให้ศึกษาค้นคว้าชีวิตของพระเยซูอย่างละเอียด และตั้งเป้าหมายที่จะเลียนแบบท่านทุกวัน
13. คุณควรขออะไรจากพระยะโฮวาต่อ ๆ ไป? และทำไมคุณควรขอแบบนั้น?
13 ความรู้จะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อมันช่วยให้คุณรู้จักพระยะโฮวามากขึ้นและทำให้มีคุณลักษณะที่ดีเพิ่มขึ้น เช่น รักพระองค์และมีความเชื่อในพระองค์เพิ่มขึ้น (1 คร. 8:1-3) ตอนที่คุณศึกษาค้นคว้า ให้คุณขอพระยะโฮวาช่วยคุณให้มีความเชื่อมากขึ้น (ลก. 17:5) พระองค์เต็มใจตอบคำอธิษฐานแบบนั้นแน่นอน การมีความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับพระเจ้าจะช่วยให้คุณมีความเชื่อแท้ และนั่นจะช่วยให้คุณเอาสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้ในชีวิต—ยก. 2:26
เอาสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปใช้ต่อ ๆ ไป
ก่อนน้ำท่วมโลก โนอาห์กับครอบครัวลงมือทำตามสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้ (ดูข้อ 14)
14. เปโตรแสดงให้เห็นยังไงว่าการทำตามสิ่งที่ได้เรียนรู้เป็นเรื่องสำคัญ? (ดูภาพด้วย)
14 อัครสาวกเปโตรเน้นว่าเป็นเรื่องสำคัญมากที่สาวกของพระเยซูต้องทำตามสิ่งที่ได้เรียนรู้ เขายกตัวอย่างของโนอาห์ พระยะโฮวาบอกโนอาห์ว่าพระองค์จะให้มีน้ำท่วมโลกเพื่อทำลายคนชั่วในสมัยของเขา แต่แค่โนอาห์รู้เรื่องนี้ก็ยังไม่พอที่จะช่วยให้ตัวเขากับครอบครัวรอด เขาต้องลงมือทำด้วย ขอสังเกตว่าเปโตรเรียกช่วงก่อนน้ำท่วมโลกว่า “ระหว่างที่มีการสร้างเรือ” (1 ปต. 3:20) เราเห็นเลยว่าโนอาห์กับครอบครัวลงมือทำตามสิ่งที่เขาได้รู้จากพระเจ้าโดยการสร้างเรือลำใหญ่มหึมา (ฮบ. 11:7) แล้วเปโตรก็เปรียบสิ่งที่โนอาห์ทำกับการรับบัพติศมา เขาบอกว่า “เรื่องนี้เทียบได้กับการรับบัพติศมา ตอนนี้ การรับบัพติศมาช่วยพวกคุณให้รอด” (1 ปต. 3:21) ดังนั้น เราอาจเปรียบสิ่งที่คุณกำลังทำตอนนี้เพื่อเตรียมตัวจะรับบัพติศมากับการสร้างเรือที่โนอาห์กับครอบครัวทำเป็นเวลาหลายปี แล้วคุณต้องทำอะไรบ้างเพื่อจะพร้อมที่จะรับบัพติศมา?
15. การกลับใจจริง ๆ หมายถึงอะไร?
15 หนึ่งในสิ่งแรก ๆ ที่เราต้องทำก็คือการกลับใจจริง ๆ (กจ. 2:37, 38) ถ้าคุณกลับใจจริง ๆ มันจะช่วยให้คุณเปลี่ยนแปลงตัวเองได้จริง ๆ คุณเลิกทำสิ่งที่พระยะโฮวาไม่ชอบแล้วหรือยัง เช่น การใช้ชีวิตแบบผิดศีลธรรม การสูบบุหรี่ หรือการพูดคำหยาบ? (1 คร. 6:9, 10; 2 คร. 7:1; อฟ. 4:29) ถ้าคุณยังไม่ได้เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองก็ให้พยายามต่อไป ลองคุยกับผู้นำการศึกษาของคุณหรือขอคำแนะนำจากผู้ดูแลในประชาคม ถ้าคุณยังเป็นเด็กหรือวัยรุ่นและยังอยู่กับพ่อแม่ ให้ขอพ่อแม่ช่วยคุณเลิกนิสัยที่ไม่ดีที่ทำให้คุณยังรับบัพติศมาไม่ได้
16. ถ้าเราอยากนมัสการพระยะโฮวาเป็นประจำ เราต้องทำอะไร?
16 นอกจากนั้น เป็นเรื่องสำคัญด้วยที่คุณจะทำกิจกรรมของคริสเตียนเป็นประจำ เช่น เข้าร่วมการประชุมทุกครั้งและออกความเห็น (ฮบ. 10:24, 25) และเมื่อคุณมีคุณสมบัติจะไปประกาศตามบ้านได้ ให้คุณออกประกาศเป็นประจำสม่ำเสมอ ยิ่งคุณทำงานนี้ คุณก็จะยิ่งชอบ (2 ทธ. 4:5) แต่ถ้าคุณยังเป็นเด็กหรือวัยรุ่นและอยู่กับพ่อแม่ ให้ถามตัวเองว่า “พ่อแม่ต้องคอยเตือนฉันให้ไปประชุมและออกประกาศไหม? หรือฉันทำด้วยตัวเองไม่ต้องมีใครบอก?” ถ้าคุณทำกิจกรรมของคริสเตียนเองโดยไม่ต้องให้คนอื่นคอยบอกก็แสดงว่าคุณมีความเชื่อ และแสดงว่าคุณรักและเห็นค่าสิ่งที่พระองค์ทำให้คุณ นี่คือการ “ทำสิ่งที่แสดงว่าคุณเลื่อมใสพระเจ้า” (2 ปต. 3:11; ฮบ. 13:15) การทำอย่างนี้เป็นเหมือนการให้ของขวัญกับพระยะโฮวา ถ้าเราให้ของขวัญกับพระองค์เพราะเราอยากให้ไม่ใช่เพราะถูกบังคับ พระองค์ก็จะดีใจมาก (เทียบกับ 2 โครินธ์ 9:7) ถ้าเราทำสิ่งต่าง ๆ ให้พระยะโฮวามากที่สุดเท่าที่ทำได้ เราก็จะมีความสุข
รักพระยะโฮวามากขึ้นเรื่อย ๆ
17-18. คุณลักษณะอะไรจะช่วยให้คุณก้าวหน้าจนถึงขั้นรับบัพติศมาได้? และสิ่งนี้ช่วยคุณยังไง? (สุภาษิต 3:3-6)
17 เมื่อคุณพยายามก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อเตรียมพร้อมจะรับบัพติศมา คุณอาจเจอปัญหาหลายอย่าง เช่น บางคนอาจเยาะเย้ยที่คุณจะมาเป็นพยานฯ หรืออาจถึงกับต่อต้านหรือข่มเหงคุณ (2 ทธ. 3:12) หรือช่วงที่คุณพยายามต่อสู้เพื่อเอาชนะนิสัยที่ไม่ดี คุณอาจหวนกลับไปทำนิสัยไม่ดีเป็นบางครั้ง หรือคุณอาจรู้สึกไม่อยากอดทนอีกแล้วและรู้สึกหงุดหงิดเพราะเป้าหมายดูเหมือนไกลเหลือเกิน แล้วอะไรจะช่วยให้คุณอดทนได้? สิ่งสำคัญมากอย่างหนึ่งที่ช่วยคุณได้ก็คือ ความรักที่คุณมีต่อพระยะโฮวา
18 ความรักที่คุณมีต่อพระยะโฮวาเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณจะให้พระองค์ได้ (อ่านสุภาษิต 3:3-6) ถ้าคุณรักพระยะโฮวามากจริง ๆ คุณจะไม่เลิกรักพระองค์และไม่เลิกรับใช้พระองค์ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไร มีหลายข้อในคัมภีร์ไบเบิลที่บอกว่าพระยะโฮวามีความรักที่มั่นคงต่อผู้รับใช้ของพระองค์ ซึ่งหมายความว่าพระองค์จะไม่มีวันเลิกรักพวกเขาหรือทิ้งพวกเขา (สด. 100:5) คุณถูกสร้างตามแบบพระเจ้า (ปฐก. 1:26) แล้วคุณจะแสดงความรักที่มั่นคงได้ยังไง?
คุณขอบคุณพระยะโฮวาได้ทุกวัน (ดูข้อ 19) b
19. คุณต้องทำยังไงเพื่อจะขอบคุณทุกอย่างที่พระยะโฮวาทำเพื่อคุณ? (กาลาเทีย 2:20)
19 เพื่อคุณจะมีความรักที่มั่นคงต่อพระยะโฮวาได้ ให้คุณเริ่มโดยฝึกที่จะรู้จักขอบคุณ (1 ธส. 5:18) ให้คุณถามตัวเองทุกวันว่า ‘วันนี้พระยะโฮวาแสดงความรักต่อฉันยังไง?’ และถ้าคุณนึกออกก็ให้รีบอธิษฐานขอบคุณพระองค์สำหรับสิ่งนั้น ให้คิดว่านี่คือสิ่งที่พระยะโฮวาทำเพื่อคุณ แสดงว่าพระองค์รักคุณ เปาโลเองก็รู้สึกแบบนี้ (อ่านกาลาเทีย 2:20) และให้คุณถามตัวเองด้วยว่า ‘ฉันเห็นพระองค์รักฉันขนาดนี้ แล้วฉันอยากจะแสดงว่ารักพระองค์ไหม?’ ความรักที่มีต่อพระยะโฮวาจะช่วยให้คุณต้านทานการล่อใจและรับมือกับปัญหาได้ นอกจากนั้น มันจะทำให้คุณทำกิจกรรมของคริสเตียนเป็นประจำ และแสดงออกมาโดยการกระทำทุก ๆ วันว่าคุณรักพระยะโฮวาพ่อในสวรรค์ของคุณ
20. การอุทิศตัวให้พระยะโฮวาหมายถึงอะไร? และสำคัญขนาดไหน?
20 ในที่สุด ความรักที่คุณมีต่อพระยะโฮวาจะกระตุ้นให้คุณอธิษฐานอุทิศตัวให้กับพระยะโฮวา ซึ่งเป็นคำอธิษฐานที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณ ให้จำไว้ว่าเมื่อคุณได้อุทิศตัวให้กับพระยะโฮวาแล้ว คุณก็มีความหวังที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ นั่นคือคุณจะเป็นของพระองค์ตลอดไป เมื่อคุณอุทิศตัวให้กับพระยะโฮวา คุณสัญญากับพระองค์ว่าไม่ว่าชีวิตของคุณจะเจอเรื่องดีหรือเรื่องร้าย คุณจะรับใช้พระองค์เสมอ การอธิษฐานอุทิศตัวเป็นการอธิษฐานที่ทำแค่ครั้งเดียว ก็จริงที่การอุทิศตัวให้กับพระยะโฮวาเป็นการตัดสินใจที่สำคัญมาก ๆ แต่ลองคิดแบบนี้ ตลอดชีวิตของคุณ คุณคงตัดสินใจเรื่องสำคัญ ๆ มาแล้ว แต่รับรองเลยว่าจะไม่มีการตัดสินใจเรื่องไหนที่ดีเท่ากับการตัดสินใจอุทิศตัวให้กับพระยะโฮวา (สด. 50:14) ซาตานอยากให้คุณรักพระยะโฮวาน้อยลงเพราะมันอยากให้คุณไม่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์ แต่อย่ายอมให้มันชนะ (โยบ 27:5) ความรักที่คุณมีต่อพระยะโฮวาจะช่วยให้คุณใช้ชีวิตสมกับการอุทิศตัวและสนิทกับพระองค์มากขึ้นเรื่อย ๆ
21. ทำไมเราถึงบอกได้ว่าการรับบัพติศมาไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นจุดเริ่มต้น?
21 หลังจากที่คุณได้อุทิศตัวให้กับพระยะโฮวาแล้ว ก็ให้คุณไปคุยกับผู้ดูแลในประชาคม บอกพวกเขาว่าคุณอยากจะรับบัพติศมาแล้ว แต่จำไว้ว่าการรับบัพติศมาไม่ใช่จุดสิ้นสุด มันเป็นจุดเริ่มต้นของการรับใช้พระยะโฮวาตลอดไป ดังนั้น คุณต้องรักพระยะโฮวามากขึ้นตั้งแต่ตอนนี้ และตั้งเป้าหมายว่าคุณจะรักพระองค์มากขึ้นทุกวัน การทำแบบนี้จะทำให้คุณพร้อมรับบัพติศมา และเมื่อวันนั้นมาถึง มันจะเป็นวันที่พิเศษมาก ๆ แต่จำไว้ด้วยว่าวันนั้นเป็นแค่จุดเริ่มต้น ขอให้ความรักที่คุณมีต่อพระยะโฮวาและพระเยซูเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนตลอดไป
เพลง 135 พระยะโฮวาพูดอย่างอบอุ่นว่า “ลูกของเรา ขอให้ฉลาดขึ้น”
a เพื่อที่เราจะก้าวหน้าจนถึงขั้นรับบัพติศมาได้ เราต้องมีแรงกระตุ้นที่ถูกต้อง นอกจากนั้น เราต้องลงมือทำสิ่งที่ถูกต้องด้วย ให้เรามาดูตัวอย่างของข้าราชการชาวเอธิโอเปีย แล้วดูกันว่ามีขั้นตอนอะไรบ้างที่นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลต้องทำเพื่อจะมีคุณสมบัติรับบัพติศมาได้
b คำอธิบายภาพ พี่น้องหญิงอธิษฐานบอกพระยะโฮวาว่าเธอรู้สึกขอบคุณขนาดไหนที่พระองค์ให้สิ่งต่าง ๆ กับเธอ
หอสังเกตการณ์ (ฉบับศึกษา)