บทความศึกษา 32
เชื่อมั่นมากขึ้นว่ามีผู้สร้าง
“ความเชื่อ . . . เป็นความแน่ใจเพราะมีหลักฐานชัดเจนว่าสิ่งที่มองไม่เห็นนั้นมีจริง”—ฮบ. 11:1
เพลง 11 สิ่งที่พระเจ้าสร้างสรรเสริญพระองค์
ใจความสำคัญ *
1. คุณถูกสอนมายังไงเรื่องผู้สร้าง?
ถ้าคุณโตมาในครอบครัวพยานฯ คุณคงได้เรียนเกี่ยวกับพระยะโฮวามาตั้งแต่เด็ก คุณคงถูกสอนมาว่าพระองค์เป็นพระเจ้าที่สร้างทุกสิ่ง พระองค์มีคุณลักษณะที่ดีหลายอย่าง และพระองค์อยากให้โลกเป็นสวนอุทยาน—ปฐก. 1:1; กจ. 17:24-27
2. หลายคนมองคนที่เชื่อว่ามีผู้สร้างเป็นคนแบบไหน?
2 หลายคนไม่เชื่อว่ามีพระเจ้าและไม่เชื่อว่ามีผู้สร้าง แต่พวกเขาเชื่อว่าชีวิตเกิดขึ้นเองโดยบังเอิญจากสิ่งมีชีวิตที่เรียบง่ายแล้วค่อย ๆ วิวัฒนาการไปเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนมากขึ้น คนที่มีการศึกษาหลายคนเชื่อเรื่องนี้และบอกว่าวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่าคัมภีร์ไบเบิลพูดไม่จริง มีแต่คนที่ไม่มีการศึกษา ไม่ฉลาด และหลอกง่ายเท่านั้นที่เชื่อว่ามีผู้สร้าง
3. ทำไมเราต้องทำให้ความเชื่อของเราเข้มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ?
3 เราเชื่อว่าพระยะโฮวาเป็นผู้สร้างทุกสิ่ง แต่ความคิดของคนที่มีการศึกษาสูง ๆ จะมีผลกับความเชื่อของเราหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าทำไมเราถึงเชื่อว่าพระยะโฮวาเป็นผู้สร้าง เราเชื่อเพราะเราถูกสอนมาอย่างนี้ไหมหรือเราเชื่อเพราะเราใช้เวลาค้นคว้าหาหลักฐานด้วยตัวเองแล้ว? (1 คร. 3:12-15) ไม่ว่าเราจะเป็นพยานฯ มานานแค่ไหนแล้วก็ตาม เราทุกคนต้องพยายามทำให้ความเชื่อเข้มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเราทำอย่างนั้น เราจะไม่หลงไปตาม “ปรัชญาและคำหลอกลวงเหลวไหล” ของคนที่บอกว่าคำสอนในคัมภีร์ไบเบิลเป็นเรื่องโกหก (คส. 2:8; ฮบ. 11:6) ในบทความนี้เราจะมาดูว่า (1) ทำไมหลายคนไม่เชื่อว่ามีผู้สร้าง? (2) อะไรจะช่วยให้คุณเชื่อมั่นมากขึ้นว่าพระยะโฮวาเป็นผู้สร้าง? (3) อะไรจะช่วยให้คุณมีความเชื่อมั่นคงอยู่เสมอ?
ทำไมหลายคนไม่เชื่อว่ามีผู้สร้าง?
4. จากฮีบรู 11:1 ความเชื่อหมายถึงอะไร?
4 บางคนบอกว่าความเชื่อเป็นความงมงายไม่มีหลักฐาน (อ่านฮีบรู 11:1) แต่คัมภีร์ไบเบิลบอกว่านี่ไม่ใช่ความเชื่อแท้ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าความเชื่อต้องมาจากหลักฐานชัดเจน ดังนั้นถึงเราจะมองไม่เห็นพระยะโฮวา พระเยซู หรือรัฐบาลของพระเจ้า แต่เรามีหลักฐานว่าสิ่งเหล่านี้มีอยู่จริง (ฮบ. 11:3) พี่น้องคนหนึ่งที่เป็นนักชีวเคมีบอกว่า “ความเชื่อของเราไม่ได้เป็นแบบหลับหูหลับตาเชื่อโดยไม่สนใจข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์”
5. ทำไมหลายคนถึงเชื่อว่าชีวิตเกิดขึ้นเอง?
5 เราอาจสงสัยว่า ‘ทั้ง ๆ ที่มีหลักฐานชัดเจนมากมาย แต่ทำไมหลายคนถึงยังไม่เชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้าง?’ อาจเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยค้นคว้าหาหลักฐานด้วยตัวเอง โรเบิร์ตซึ่งตอนนี้มาเป็นพยานฯ แล้วบอกว่า “ที่โรงเรียนไม่เคยสอนว่ามีผู้สร้าง ผมก็เลยคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง กว่าผมจะมารู้ก็อายุ 20 กว่าแล้วตอนที่ได้คุยกับพยานพระยะโฮวา และได้เห็นหลักฐานในคัมภีร์ไบเบิลที่มีเหตุผลและทำให้มั่นใจว่ามีผู้สร้าง” *—ดูกรอบ “ ถึงพ่อแม่ทุกคน”
6. ทำไมหลายคนไม่เชื่อว่ามีผู้สร้าง?
6 บางคนไม่เชื่อว่ามีผู้สร้างเพราะพวกเขาบอกว่าพวกเขาเชื่อในสิ่งที่ตัวเองมองเห็นเท่านั้น แต่บางอย่างที่พวกเขามองไม่เห็นพวกเขาก็ยังเชื่อเลย อย่างเช่น แรงโน้มถ่วงของโลก คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าความเชื่อต้อง “มีหลักฐานชัดเจนว่าสิ่งที่มองไม่เห็นนั้นมีจริง” (ฮบ. 11:1) เราต้องใช้เวลาและความพยายามเพื่อจะหาหลักฐานที่ทำให้ตัวเองมั่นใจ แต่หลายคนไม่อยากจะทำอย่างนั้น พวกเขาก็เลยสรุปเอาเองว่าไม่มีพระเจ้า
7. คนที่มีการศึกษาทุกคนไหมที่ไม่เชื่อว่ามีผู้สร้าง? ขออธิบาย
7 หลังจากที่นักวิทยาศาสตร์บางคนได้ศึกษาหลักฐาน พวกเขาก็เชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้ที่สร้างเอกภพ * บางคนเป็นเหมือนโรเบิร์ตซึ่งพูดถึงตอนต้นที่คิดว่าไม่มีผู้สร้างเพราะมหาวิทยาลัยไม่เคยสอนเรื่องนี้ แต่จริง ๆ แล้วมีนักวิทยาศาสตร์หลายคนที่ได้มาเรียนเกี่ยวกับพระยะโฮวาแล้วก็รักพระองค์ เราทุกคนก็น่าจะทำเหมือนกับนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ ไม่ว่าเราจะเรียนสูงมามากแค่ไหนก็ตามเราต้องพยายามทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อจะเชื่อในพระเจ้ามากขึ้น เรื่องนี้ไม่มีใครทำแทนเราได้
อะไรจะช่วยให้คุณเชื่อมั่นมากขึ้นว่าพระยะโฮวาเป็นผู้สร้าง?
8-9. (ก) เราจะคุยกันเกี่ยวกับคำถามอะไรในตอนนี้? (ข) คุณจะได้ประโยชน์อะไรถ้าคุณศึกษาเกี่ยวกับธรรมชาติ?
8 อะไรจะช่วยให้คุณเชื่อมั่นมากขึ้นว่าพระยะโฮวาเป็นผู้สร้าง? ให้เรามาดู 4 อย่างที่เราทำได้
9 ศึกษาเกี่ยวกับธรรมชาติ คุณจะมั่นใจว่ามีผู้สร้างได้ถ้าคุณสังเกตสัตว์ต่าง ๆ ต้นไม้ และดวงดาว (สด. 19:1; อสย. 40:26) ยิ่งคุณศึกษาเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ คุณก็จะยิ่งเชื่อมั่นมากขึ้นว่าพระยะโฮวาเป็นผู้สร้าง จริง ๆ แล้วองค์การของเราเตรียมบทความไว้มากมายที่พูดถึงสิ่งที่พระเจ้าสร้าง บางบทความอาจจะเข้าใจยากหน่อย แต่ก็ลองอ่านบทความเหล่านั้นดู ถึงคุณจำได้ไม่หมดก็ไม่เป็นไร และลองเอาวีดีโอที่เคยเปิดในการประชุมภูมิภาคเกี่ยวกับสิ่งที่พระเจ้าสร้างมาดูอีกครั้งก็ได้ ตอนนี้มีอยู่ในเว็บไซต์ jw.org ของเราแล้ว
10. มีตัวอย่างอะไรในธรรมชาติที่ให้หลักฐานว่ามีผู้สร้าง? (โรม 1:20)
10 ตอนที่คุณศึกษาเกี่ยวกับธรรมชาติ ให้คิดด้วยว่าสิ่งเหล่านั้นสอนอะไรคุณเกี่ยวกับผู้ที่สร้างมันขึ้นมา (อ่านโรม 1:20) ตัวอย่างเช่น คุณคงรู้ว่าดวงอาทิตย์ให้ความร้อนและแสงสว่างที่ทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้ แต่มันก็มีรังสียูวี (อัลตราไวโอเลต) ที่เป็นอันตรายต่อเราด้วย แต่คุณรู้ไหมว่ามีบางอย่างที่ป้องกันเราไว้? มีชั้นโอโซนที่เป็นเหมือนเกราะป้องกันโลกของเราเอาไว้จากรังสีที่เป็นอันตราย ถ้ารังสียูวีมีเพิ่มขึ้น ปริมาณโอโซนก็จะมีเพิ่มขึ้นด้วย คุณเห็นด้วยไหมว่าต้องมีใครสักคนที่ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ และเขาต้องเป็นผู้สร้างที่รักเราและฉลาดมากจริง ๆ?
11. คุณจะหาข้อมูลที่ช่วยให้มั่นใจว่ามีผู้สร้างได้จากที่ไหน? (ดูกรอบ “ ข้อมูลที่จะช่วยคุณให้เชื่อมั่นมากขึ้นว่ามีผู้สร้าง”)
11 ถ้าคุณอยากศึกษาเกี่ยวกับธรรมชาติเพื่อช่วยให้มั่นใจมากขึ้นว่ามีผู้สร้าง ก็ลองดูข้อมูลในคู่มือค้นคว้าสำหรับพยานพระยะโฮวา หรือในเว็บไซต์ jw.org ดูสิ คุณอาจจะเริ่มจากบทความชุด “มีผู้ออกแบบไหม?” ซึ่งหลายเรื่องเป็นวีดีโอด้วย มีเรื่องสั้น ๆ เกี่ยวกับธรรมชาติและสัตว์ต่าง ๆ ที่น่าสนใจมาก และบางครั้งก็พูดถึงนักวิทยาศาสตร์ที่พยายามประดิษฐ์สิ่งต่าง ๆ เลียนแบบธรรมชาติด้วย
12. ตอนที่เราศึกษาคัมภีร์ไบเบิล เราน่าจะคิดถึงเรื่องอะไรบ้าง?
12 ศึกษาคัมภีร์ไบเบิล นักชีวเคมีที่พูดถึงก่อนหน้านี้ไม่ได้เชื่อเรื่องมีผู้สร้างตั้งแต่แรก เขาบอกว่า “ที่ผมเชื่อว่ามีผู้สร้างไม่ใช่เพราะว่าผมศึกษาแค่หลักฐานจากวิทยาศาสตร์อย่างเดียว แต่ผมศึกษาหลักฐานในคัมภีร์ไบเบิลด้วย” คุณอาจจะรู้จักความจริงในคัมภีร์ไบเบิลดีอยู่แล้ว แต่เพื่อคุณจะมั่นใจมากขึ้นว่ามีผู้สร้าง คุณต้องศึกษาคัมภีร์ไบเบิลต่อ ๆ ไป (ยชว. 1:8; สด. 119:97) ตัวอย่างเช่น ลองคิดดูว่าสิ่งที่เขียนในคัมภีร์ไบเบิลตรงกับประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริงมากแค่ไหน คำพยากรณ์ที่เขียนไว้ก็เป็นจริง และเนื้อหาทั้งหมดในคัมภีร์ไบเบิลก็ไม่ขัดแย้งกันเลย ถ้าคุณทำอย่างนี้ คุณก็จะมั่นใจมากขึ้นว่ามีผู้สร้างที่ฉลาดและรักคุณมาก พระองค์สร้างคุณและพระองค์ดลใจให้มีการเขียนคัมภีร์ไบเบิลขึ้นมา *—2 ทธ. 3:14; 2 ปต. 1:21
13. มีคำแนะนำอะไรในคัมภีร์ไบเบิลที่ทำให้เราเห็นสติปัญญาของพระเจ้า?
13 ตอนที่ศึกษาคัมภีร์ไบเบิล ลองคิดดูว่าคำแนะนำต่าง ๆ ใช้ได้จริงมากขนาดไหน ตัวอย่างเช่น คัมภีร์ไบเบิลบอกไว้นานมาแล้วว่าการรักเงินอันตรายมากและทำให้ “เจ็บปวดรวดร้าว” (1 ทธ. 6:9, 10; สภษ. 28:20; มธ. 6:24) คำแนะนำนี้ยังใช้ได้อยู่ไหม? หนังสือเกี่ยวกับการหลงตัวเอง (The Narcissism Epidemic) บอกว่า “โดยเฉลี่ยแล้วคนที่นิยมวัตถุจะมีความสุขน้อยกว่าและทุกข์ใจมากกว่า เพียงแค่คิดอยากมีเงินมากขึ้นก็ทำให้คนเรามีปัญหาสุขภาพจิตแล้ว นอกจากนั้น พวกเขายังมีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมา” เห็นไหมว่าคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับเรื่องเงินนั้นดีจริง ๆ คุณคิดถึงคำแนะนำอะไรอีกไหมในคัมภีร์ไบเบิลที่เป็นประโยชน์กับคุณ? ยิ่งเราเห็นว่าคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิลเป็นประโยชน์กับเรามากขนาดไหน เราก็จะยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าผู้สร้างของเรารู้ดีที่สุดว่าอะไรดีสำหรับเรา และเราก็จะอยากทำตามคำแนะนำที่ไม่ล้าสมัยเลยของพระองค์ (ยก. 1:5) และเมื่อเราทำอย่างนั้น ชีวิตเราก็จะมีความสุขมากขึ้น—อสย. 48:17, 18
14. คุณจะได้เรียนอะไรเกี่ยวกับพระยะโฮวาถ้าคุณศึกษาคัมภีร์ไบเบิล?
14 ศึกษาคัมภีร์ไบเบิลอย่างมีเป้าหมายคือเพื่อจะรู้จักพระยะโฮวาดีขึ้น (ยน. 17:3) เมื่อคุณศึกษาคัมภีร์ไบเบิล คุณจะได้เห็นว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าแบบไหน พระองค์มีนิสัยและมีคุณลักษณะอะไร ซึ่งคุณก็เห็นคุณลักษณะเหล่านี้ด้วยตอนที่คุณศึกษาเกี่ยวกับธรรมชาติ (อพย. 34:6, 7; สด. 145:8, 9) ยิ่งคุณรู้จักพระยะโฮวาดีขึ้นเรื่อย ๆ คุณก็จะเชื่อในพระองค์มากขึ้น รักพระองค์มากขึ้น และสนิทกับพระองค์มากขึ้น
15. ถ้าคุณพูดเรื่องความเชื่อของตัวเองกับคนอื่นคุณจะได้ประโยชน์อะไร?
15 พูดเรื่องความเชื่อของตัวเองกับคนอื่น วิธีนี้จะทำให้ความเชื่อของคุณเข้มแข็งขึ้น แต่สมมุติว่าคุณประกาศกับเขาแล้ว เขาถามกลับมาว่ารู้ได้ยังไงว่ามีพระเจ้า แล้วคุณตอบไม่ได้ คุณจะทำยังไง? ให้คุณค้นคว้าจากหนังสือและสื่อต่าง ๆ ขององค์การ คุณอาจจะถามพี่น้องคนอื่นด้วยก็ได้ แล้วเอาข้อมูลที่คุณได้ไปคุยกับเขา (1 ปต. 3:15) ไม่ว่าเขาจะเชื่อคุณรึเปล่า อย่างน้อยตัวคุณเองจะได้ประโยชน์ ความเชื่อของคุณจะเข้มแข็งขึ้น และถึงคนที่ดูฉลาดและมีการศึกษาจะบอกว่าไม่มีผู้สร้าง คุณก็จะไม่หลงไปเชื่อเขา
อะไรจะช่วยให้คุณมีความเชื่อมั่นคงอยู่เสมอ?
16. จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราไม่ทำให้ความเชื่อของเรามั่นคงอยู่เสมอ?
16 ไม่ว่าเราจะรับใช้พระยะโฮวามานานแค่ไหนก็ตาม เราต้องทำให้ความเชื่อมั่นคงอยู่เสมอ ทำไมล่ะ? ก็เพราะถ้าเราไม่ระวัง ความเชื่อของเราก็จะอ่อนลงได้ อย่าลืมว่าความเชื่อเกี่ยวข้องกับสิ่งที่มองไม่เห็น และสิ่งที่เรามองไม่เห็นนั่นแหละที่เราจะลืมมันได้ง่าย ๆ ดังนั้น เปาโลจึงบอกว่าการขาดความเชื่อเป็น “บาปที่รัดตัวเราได้ง่าย” (ฮบ. 12:1) แล้วอะไรจะช่วยเราให้มีความเชื่อมั่นคงอยู่เสมอ?—2 ธส. 1:3
17. เราต้องทำอะไรเพื่อจะมีความเชื่อมั่นคงอยู่เสมอ?
17 อย่างแรก ให้ขอพลังบริสุทธิ์จากพระยะโฮวาและขอบ่อย ๆ ทำไม? ก็เพราะความเชื่อเป็นผลที่เกิดจากพลังของพระเจ้า (กท. 5:22, 23) เราไม่สามารถมีความเชื่อในผู้สร้างและทำให้ความเชื่อมั่นคงอยู่เสมอได้เลยถ้าพลังของพระเจ้าไม่ช่วยเรา ถ้าเราขอต่อ ๆ ไป พระองค์จะให้พลังบริสุทธิ์กับเราแน่นอน (ลก. 11:13) เราอาจจะอธิษฐานขอแบบนี้เลยก็ได้ว่า “ขอช่วยให้พวกเรามีความเชื่อมากขึ้นด้วยครับ”—ลก. 17:5
18. จากสดุดี 1:2, 3 เรามีสิทธิพิเศษอะไร?
18 อย่างที่สอง ให้อ่านและศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเป็นประจำ (อ่านสดุดี 1:2, 3) ตอนที่มีการเขียนหนังสือสดุดีบท 1 มีแค่ไม่กี่คนที่มีหนังสือกฎหมายของพระเจ้าครบชุด เช่น กษัตริย์และปุโรหิต และทุก ๆ 7 ปีจะมีการอ่านกฎหมายของพระเจ้าให้ “ผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก ๆ และคนต่างชาติ” ฟัง (ฉธบ. 31:10-12) ในสมัยของพระเยซู มีแค่ไม่กี่คนที่มีม้วนหนังสือพระคัมภีร์เป็นของตัวเอง ม้วนหนังสือส่วนใหญ่ถูกเก็บไว้ในที่ประชุมของชาวยิว แต่ในทุกวันนี้ ผู้คนส่วนใหญ่หาคัมภีร์ไบเบิลอ่านได้ นี่เป็นสิทธิพิเศษจริง ๆ แล้วเราจะทำให้เห็นยังไงว่าเราเห็นค่าสิทธิพิเศษนี้?
19. เพื่อความเชื่อของเราจะเข้มแข็ง เราต้องทำอะไร?
19 เราแสดงว่าเราเห็นค่าคัมภีร์ไบเบิลถ้าเราอ่านเป็นประจำ และถ้าเราอยากมีความเชื่อเข้มแข็ง เราก็ต้องมีตารางอ่านและศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเป็นประจำ เราจะรอให้ตัวเองว่างก่อนแล้วค่อยมาศึกษาไม่ได้
20. เราควรตั้งใจที่จะทำอะไร?
20 เราไม่เหมือนกับ “คนมีความรู้และคนฉลาด” ในโลกนี้เพราะความเชื่อของเรามีหลักฐานจากคัมภีร์ไบเบิล (มธ. 11:25, 26) เราได้ศึกษาคัมภีร์ไบเบิล เราเลยรู้ว่าทำไมโลกนี้ถึงแย่ลงเรื่อย ๆ และรู้ว่าพระยะโฮวาจะจัดการยังไงกับเรื่องนี้ ดังนั้น ให้เราตั้งใจที่จะทำให้ความเชื่อของเราเข้มแข็งขึ้นและช่วยคนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ให้มีความเชื่อในพระยะโฮวาผู้สร้างของเรา (1 ทธ. 2:3, 4) และให้เราตั้งตารอคอยเวลาที่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกจะยกย่องสรรเสริญพระยะโฮวาเหมือนที่บอกในวิวรณ์ 4:11 ว่า “พระยะโฮวา พระเจ้าของเรา พระองค์สมควรจะได้รับการยกย่องสรรเสริญ . . . เพราะพระองค์สร้างทุกสิ่ง”
เพลง 2 ยะโฮวาคือชื่อพระองค์
^ วรรค 5 คัมภีร์ไบเบิลบอกชัดเจนว่าพระยะโฮวาเป็นผู้สร้าง แต่หลายคนไม่ได้เชื่อแบบนั้น พวกเขาคิดว่าชีวิตเกิดขึ้นมาเอง เราจะไม่ให้ความคิดของพวกเขามามีผลกับความเชื่อของเราถ้าเราพยายามทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อจะมั่นใจในพระเจ้าและในคัมภีร์ไบเบิลมากขึ้น บทความนี้จะช่วยให้เห็นว่าเราจะทำอย่างนั้นได้ยังไง
^ วรรค 5 เมื่อสอนเรื่องจุดเริ่มต้นของชีวิต หลายโรงเรียนไม่ได้พูดถึงเรื่องผู้สร้างเลย ครูบางคนบอกว่าถ้าโรงเรียนสอนแบบนั้นก็จะทำให้เด็กไม่มีอิสระเลือกเองว่าจะเชื่ออะไร หรืออาจเป็นการบังคับเด็กให้เชื่อเรื่องพระเจ้า
^ วรรค 7 มีความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญรวมทั้งนักวิทยาศาสตร์มากกว่า 60 คนที่เชื่อว่ามีผู้สร้างในดัชนีสรรพหนังสือของว็อชเทาเวอร์ (ภาษาอังกฤษ) ไปที่ “Science” ในหัวข้อ “scientists expressing belief in creation” นอกจากนั้น คุณอาจดูความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญคนอื่นได้ในคู่มือค้นคว้าสำหรับพยานพระยะโฮวา ไปที่ “วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” ในหัวข้อ “‘การสัมภาษณ์’ (บทความจากตื่นเถิด!)”
^ วรรค 12 ตัวอย่างเช่น ดูบทความ “วิทยาศาสตร์กับคัมภีร์ไบเบิลสอดคล้องกันไหม?” ในตื่นเถิด เดือนกุมภาพันธ์ 2011 และบทความ “สิ่งที่พระยะโฮวาตรัสล่วงหน้าสำเร็จเป็นจริง” ในหอสังเกตการณ์ 1 มกราคม 2008
หอสังเกตการณ์ (ฉบับศึกษา)